เปิดตอนด้วยเล็คเชอร์ว่าด้วยน้องหมูของอ.โจลี่
ตามด้วยช็อตเปิดตัวของเหล่าน้องหมูน้อยๆ น่ารัก...ที่ทำเอาบักแว่นแอนด์เดอะแก๊งค์หัวใจแทบจะเต้นทะลุซี่โครงออกมา
ลูกหมูแต่ละตัวเข้าประจำตำแหน่งเต้าแต่ละเต้าของแม่หมู โดยตัวที่แข็งแรงที่สุดจะได้ที่แถวบริเวณใกล้อกซึ่งเป็นจุดที่น้ำนมไหลเยอะที่สุด ส่วนตัวที่อ่อนแอที่สุดก็ต้องไปอยู่ที่บริเวณใกล้ๆ หางซึ่งเป็นจุดที่น้ำนมไหลน้อยที่สุดไปตามระเบียบ เช่นเจ้าเปี๊ยกตัวนี้
และลองได้เลือกแล้วครั้งหนึ่ง มันก็จะยังยึดติดกับตำแหน่งด้อยสุดนั้นตลอดไปด้วยความคิดว่า
"ที่นี่คือที่ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว" แม้พี่ๆ น้องๆ ตัวอื่นจะกินอิ่มจนลุกไปแล้ว แม้จะโดนจับไปปล่อยไว้ตรงเต้าที่น้ำนมไหลเยอะที่สุด มันก็จะยังเดินกลับไปยังที่เดิมที่มันเลือกไว้ครั้งแรกอยู่ดี
"พวกเธออย่าเป็นอย่างลูกหมูตัวนี้นะ"
คำสอนสั้นๆ ง่ายๆ จากปากของอ.โจลี่ที่ทำเอาทุกคนในห้องถึงกับพูดอะไรไม่ออก
บักแว่นออกอาการดี๊ด๊าเมื่ออากิจังชวนไปออกเดทในวันหยุดโกลเด้นวีค
ปรากฏว่าเป็นสนามแข่งม้านั่นเอง (ม้าที่บ้านอากิจังลงแข่งในวันนี้ด้วย เลยชวนบักแว่นมาดูเป็นเพื่อน) ทำเอาบักแว่นถึงกับผิดหวังไปแว่บหนึ่งทีเดียว
อุตส่าห์แอบดี๊ด๊าที่อย่างน้อยก็ได้มากับอากิจังสองต่อสองได้ไม่ทันไร บักอึดโคมาบะก็โผล่มาเป็นกขค.จนเฟลแตกรอบสอง
โดยการแข่งวันนี้เป็นการแข่งแบบที่เรียกว่า
"แข่งม้าบังเอย์" (ม้าลากเลื่อน) ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของฮอกไกโด และได้ชื่อว่าเป็นการแข่งม้าลากเลื่อนเพียงหนึ่งเดียวในโลก
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากในนี้ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Ban'ei
คลิปตัวอย่างการแข่งม้าบังเอย์ของจริง
คลิปที่สองนี้จะดูเร็วกว่าคลิปแรกอยู่หน่อย
แต่เห็นจำนวนคนโหวตลบแล้วอดคิดไม่ได้ว่าแก๊งค์คนรักสัตว์บนยูทูปนี่มันน่ากลัวกันจริงๆ แฮะ
ฉากที่ทรงพลังที่สุดในตอนนี้ (ถึงจะทรงพลังไม่เท่าในมังงะก็เถอะ)
เลื่อนแต่ละคันหนักแค่ไหน...ดูจากรอยเลื่อนกับท่าทางของม้าขณะลากได้ครับ (น้ำหนักของเลื่อนจะต่างกันไปตามระดับการแข่ง ถ้าเป็นการแข่งเปิดฤดูกาลก็ราวๆ 450 กก. แต่ถ้าเป็นงานแข่งใหญ่ๆ อาจลากกันถึง 1 ตันเลยทีเดียว ส่วนม้าแต่ละตัวเองก็หนักพอๆ กับเลื่อนที่หนักที่สุดนั่นแหละ เหอๆๆ)
โดยผลการแข่งในครั้งนี้นั้น มิคาเงะโฮมาเระ ม้าของบ้านอากิพลาดเข้าวินไปแบบเฉียดฉิว (จริงๆ คือจมูกเข้าเส้นชัยไปแล้วนั่นแหละ แต่กติกาของการแข่งม้าบังเอย์ต้องเข้าไปทั้งม้าทั้งเลื่อนด้วย แต่ม้าของอากิเหนื่อยซะก่อนเลยเข้าเส้นชัยไปได้แค่ครึ่งตัวก็หยุด ปล่อยให้ม้าตัวอื่นที่ตามหลังมาแซงไปได้ซะฉิบ)
สภาพของเหล่าผู้แพ้ (และผู้ชนะ) ในงานแข่งครั้งนี้
ฉากเด็ดอีกฉากในเรื่อง...บักแว่นกับโคมาบะหวิดวางมวยกันกลางโรงอาหารในสนามม้าเพราะคุยกันเรื่องผลการแข่งแล้วบานปลายกลายเป็นแขวะกันเรื่องชีวิตของแต่ละคน (โคมาบะแขวะบักแว่นเรื่องเรียนโรงเรียนเตรียมฯ ไม่รอดจนต้องระเห็จมาอยู่ที่โรงเรียนเกษตรไกลปืนเที่ยง เลยเจอบักแว่นแขวะกลับเรื่องอีกฝ่ายเป็นลูกเจ้าของฟาร์มเพราะงั้นเลยเรียนๆ เล่นๆ ยังไงก็ได้ไม่ต้องกลัวเรื่องทำมาหาเลี้ยงชีพในอนาคตเพราะจบไปก็กลับไปทำงานที่บ้านอยู่แล้ว)
เดชะบุญลุงของอากิที่เป็นคนเอาม้ามาแข่งในวันนี้ยิงเมล์มาหาพอดี อากิเลยได้จังหวะเข้าไปแยกทั้งสองคนได้สำเร็จ แล้วก็ชวนกันไปดูม้าที่ลุงเอามาแข่งกัน
ภาพน้องม้ามิคาเงะโฮมาเระเมื่อครั้งยังโลลิฯ เอ๊ย เป็นลูกม้า (แต่บักแว่นมันฟินกับอย่างอื่นมากกว่าน้องม้านี่สิ
)
ชอบสีหน้าฟินๆ ของน้องม้าในฉากนี้จริงวุ้ย
คุณหมอม้ากับอุปกรณ์รักษาสุดสยองทั้งหลายแหล่
อุปกรณ์สำหรับรักษาฟันม้า...อันนี้ค่อยธรรมดาหน่อยแฮะ
บักแว่น
"คุณหมอครับ สิ่งสำคัญในการเป็นสัตวแพทย์คืออะไรเหรอครับ?"
หมอม้า
"อืมม์ ความรู้กับค่าใช้จ่ายน่ะของตายอยู่แล้ว กำลังกายก็จำเป็น แต่อีกสิ่งที่สำคัญในข้อสรุปของฉัน..."
หมอม้า
"ก็คือฆ่าได้หรือไม่ได้"
หมอม้า
"โดยเฉพาะสัตว์แพทย์ปศุสัตว์ที่ต้องทำงานกับสัตว์เศรษฐกิจมักจะถูกบีบให้เลือกชีวิตอยู่เป็นประจำ"
หมอม้า
"คนที่ฝันอยากเป็นสัตวแพทย์เลยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยการเกษตร แต่พอต้องเลือกเข้าก็บอกว่า 'ไม่ไหว' น่ะก็มีอยู่หรอก"
หมอม้า
"แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีชีวิตอีกตั้งมากมายที่รอดมาได้เพราะมีคนที่คิดว่า 'ฆ่าไม่ได้ ไม่อยากฆ่า' แบบนั้นอยู่"
หมอม้า
"ฉันคิดว่าไม่ว่าจะแง่ไหน การมีความฝันมันก็คือการเตรียมใจต่อสู้กับความเป็นจริงในขณะเดียวกันนั่นแหละ"
ชอบแง่คิดจากบทพูดลุงหมอในตอนนี้จริงๆ แฮะ
ดูม้าเยี่ยมที่ทำงานหมอม้าเสร็จก็เตรียมตัวกลับกัน
ระหว่างทางก็ไปเห็นงานศพที่เจ้าของจัดให้ม้าแข่งของตัวเองเข้า (เห็นทีแรกนึกว่างานศพคนเลย เพราะเล่นจัดกันเป็นเรื่องเป็นราว มีพระมาสวด มีทำป้ายวิญญาณ มีจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้ด้วย)
หลังกลับออกมาจากสนามแข่งม้า บักแว่นกับโคมาบะก็ปรับความเข้าใจกันเรื่องแขวะกันในโรงอาหารได้ ทำเอาอากิจังถึงกับหน้าบานเป็นจานเชิงเลย
บักแว่นเปิดดูเมล์ที่แม่ส่งมาถามสารทุกข์สุกดิบแค่แว่บเดียวก็ปิดมือถือโยนเข้าล็อกเกอร์เก็บเฉยเลยไม่ยอมรีพลายกลับไป
เป็นฉากเล็กๆ ที่สื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของบักแว่นได้ชัดมาก
กลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง บักแว่นเริ่มรู้สึกผูกพันกับเจ้าลูกหมูตัวน้อยที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มพี่น้องจนเผลอคิดจะตั้งชื่อให้
อากิได้ยินเข้าก็รีบห้ามทันทีว่า
"อย่าตั้งชื่อให้ลูกหมูนะ" ไม่อย่างนั้นจะเกิดผูกพันจนพอถึงเวลาส่งไปขายจริงก็จะทำใจไม่ได้
แต่ลงท้ายด้วยแรงมุ่งมั่นของบักแว่น (และแรงยุส่งจากทามาโกะกับผองเพื่อน) เจ้าหมูน้อยตัวนี้ก็ได้ชื่อมาประดับตัวจนได้
โดยชื่อที่บักแว่นตั้งให้เจ้าหมูน้อยตัวนี้ก็คือ
"บุตะด้ง" (ข้าวหน้าหมู) ตามที่เพื่อนๆ ยุส่งนั่นเอง
บักแว่น
"3 ปีจากนี้ไปเรามาสนิทกันไว้นะ บุตะด้ง!!!"
...จริงๆ คือแค่ 3 เดือนก็โดนส่งโรงเชือดแล้วฟ่ะ บักแว่น
ปิดท้ายด้วยฉากอ.ที่ปรึกษาของบักแว่นสมัยอยู่รร.เตรียมโทรมาถามเรื่องของบักแว่นกับผอ.โรงเรียนเอโสะโนเป็นอันจบตอนนี้
ดูจบแล้วบอกได้แค่ว่าเดินเรื่องเร็วดีแฮะ เอาเนื้อหาตั้ง 3 - 4 ตอนของมังงะมายัดไว้ในอนิเมแค่ตอนเดียว แถมยังดัดแปลงสลับฉากให้เข้ากันได้อีกต่างหาก ถึงจะตัดฉากบางส่วนอย่างฉากลุงของอากิกับม้าหัวเราะ หรือฉาก
"ทำหมันหมู" อันสุดแสนจะสยองขวัญไปก็เถอะ (แต่อันหลังนี่ไม่แน่ อาจเอาไปใส่ตอนหน้าก็ได้)
เป็นตอนที่ได้ความรู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับทั้งม้าและหมูเลย แถมยังให้เราได้เห็นถึงมุมมองความคิดของคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับปศุสัตว์ ต้องอยู่กับการ
"ฆ่าเพื่อเป็นอาหาร" จนกลายเป็นเรื่องปกติ ได้เห็นถึงความยากลำบากของชีวิตในฐานะเกษตรกรหรือคนเลี้ยงปศุสัตว์ที่ชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งความเสี่ยงที่จะหมดตัวในพริบตาถ้าพืชหรือปศุสัตว์ที่ตัวเองเลี้ยงอยู่เกิดติดโรคจนต้องกำจัดทิ้ง ทั้งความเหนื่อยยากต้องทำงานทุกวันแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เรียกว่าเป็นอาชีพที่ต้องมีทั้งลูกอึดและลูกโหดจริงๆ ถึงจะมีชีวิตอยู่ได้
ว่าแต่เดินเรื่องเร็วแบบนี้ ตอนหน้าก็คงถึงช่วงรอยต่อระหว่างเล่ม 1 กับเล่ม 2 ที่เป็นช่วง
"อบพิซซ่า" แล้วสินะ...อยากเห็นเหมือนกันแฮะว่าจะออกมาเป็นยังไง
[Spoil] ช้อนเงินคนแปรธาตุ (Silver Spoon) ภาคอนิเม #3 - น้องม้า ดราม่า และ...บุตะด้ง!!!!!!!
ตามด้วยช็อตเปิดตัวของเหล่าน้องหมูน้อยๆ น่ารัก...ที่ทำเอาบักแว่นแอนด์เดอะแก๊งค์หัวใจแทบจะเต้นทะลุซี่โครงออกมา
ลูกหมูแต่ละตัวเข้าประจำตำแหน่งเต้าแต่ละเต้าของแม่หมู โดยตัวที่แข็งแรงที่สุดจะได้ที่แถวบริเวณใกล้อกซึ่งเป็นจุดที่น้ำนมไหลเยอะที่สุด ส่วนตัวที่อ่อนแอที่สุดก็ต้องไปอยู่ที่บริเวณใกล้ๆ หางซึ่งเป็นจุดที่น้ำนมไหลน้อยที่สุดไปตามระเบียบ เช่นเจ้าเปี๊ยกตัวนี้
และลองได้เลือกแล้วครั้งหนึ่ง มันก็จะยังยึดติดกับตำแหน่งด้อยสุดนั้นตลอดไปด้วยความคิดว่า "ที่นี่คือที่ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว" แม้พี่ๆ น้องๆ ตัวอื่นจะกินอิ่มจนลุกไปแล้ว แม้จะโดนจับไปปล่อยไว้ตรงเต้าที่น้ำนมไหลเยอะที่สุด มันก็จะยังเดินกลับไปยังที่เดิมที่มันเลือกไว้ครั้งแรกอยู่ดี
"พวกเธออย่าเป็นอย่างลูกหมูตัวนี้นะ"
คำสอนสั้นๆ ง่ายๆ จากปากของอ.โจลี่ที่ทำเอาทุกคนในห้องถึงกับพูดอะไรไม่ออก
บักแว่นออกอาการดี๊ด๊าเมื่ออากิจังชวนไปออกเดทในวันหยุดโกลเด้นวีค
ปรากฏว่าเป็นสนามแข่งม้านั่นเอง (ม้าที่บ้านอากิจังลงแข่งในวันนี้ด้วย เลยชวนบักแว่นมาดูเป็นเพื่อน) ทำเอาบักแว่นถึงกับผิดหวังไปแว่บหนึ่งทีเดียว
อุตส่าห์แอบดี๊ด๊าที่อย่างน้อยก็ได้มากับอากิจังสองต่อสองได้ไม่ทันไร บักอึดโคมาบะก็โผล่มาเป็นกขค.จนเฟลแตกรอบสอง
โดยการแข่งวันนี้เป็นการแข่งแบบที่เรียกว่า "แข่งม้าบังเอย์" (ม้าลากเลื่อน) ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของฮอกไกโด และได้ชื่อว่าเป็นการแข่งม้าลากเลื่อนเพียงหนึ่งเดียวในโลก
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากในนี้ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Ban'ei
คลิปตัวอย่างการแข่งม้าบังเอย์ของจริง
คลิปที่สองนี้จะดูเร็วกว่าคลิปแรกอยู่หน่อย
แต่เห็นจำนวนคนโหวตลบแล้วอดคิดไม่ได้ว่าแก๊งค์คนรักสัตว์บนยูทูปนี่มันน่ากลัวกันจริงๆ แฮะ
ฉากที่ทรงพลังที่สุดในตอนนี้ (ถึงจะทรงพลังไม่เท่าในมังงะก็เถอะ)
เลื่อนแต่ละคันหนักแค่ไหน...ดูจากรอยเลื่อนกับท่าทางของม้าขณะลากได้ครับ (น้ำหนักของเลื่อนจะต่างกันไปตามระดับการแข่ง ถ้าเป็นการแข่งเปิดฤดูกาลก็ราวๆ 450 กก. แต่ถ้าเป็นงานแข่งใหญ่ๆ อาจลากกันถึง 1 ตันเลยทีเดียว ส่วนม้าแต่ละตัวเองก็หนักพอๆ กับเลื่อนที่หนักที่สุดนั่นแหละ เหอๆๆ)
โดยผลการแข่งในครั้งนี้นั้น มิคาเงะโฮมาเระ ม้าของบ้านอากิพลาดเข้าวินไปแบบเฉียดฉิว (จริงๆ คือจมูกเข้าเส้นชัยไปแล้วนั่นแหละ แต่กติกาของการแข่งม้าบังเอย์ต้องเข้าไปทั้งม้าทั้งเลื่อนด้วย แต่ม้าของอากิเหนื่อยซะก่อนเลยเข้าเส้นชัยไปได้แค่ครึ่งตัวก็หยุด ปล่อยให้ม้าตัวอื่นที่ตามหลังมาแซงไปได้ซะฉิบ)
สภาพของเหล่าผู้แพ้ (และผู้ชนะ) ในงานแข่งครั้งนี้
ฉากเด็ดอีกฉากในเรื่อง...บักแว่นกับโคมาบะหวิดวางมวยกันกลางโรงอาหารในสนามม้าเพราะคุยกันเรื่องผลการแข่งแล้วบานปลายกลายเป็นแขวะกันเรื่องชีวิตของแต่ละคน (โคมาบะแขวะบักแว่นเรื่องเรียนโรงเรียนเตรียมฯ ไม่รอดจนต้องระเห็จมาอยู่ที่โรงเรียนเกษตรไกลปืนเที่ยง เลยเจอบักแว่นแขวะกลับเรื่องอีกฝ่ายเป็นลูกเจ้าของฟาร์มเพราะงั้นเลยเรียนๆ เล่นๆ ยังไงก็ได้ไม่ต้องกลัวเรื่องทำมาหาเลี้ยงชีพในอนาคตเพราะจบไปก็กลับไปทำงานที่บ้านอยู่แล้ว)
เดชะบุญลุงของอากิที่เป็นคนเอาม้ามาแข่งในวันนี้ยิงเมล์มาหาพอดี อากิเลยได้จังหวะเข้าไปแยกทั้งสองคนได้สำเร็จ แล้วก็ชวนกันไปดูม้าที่ลุงเอามาแข่งกัน
ภาพน้องม้ามิคาเงะโฮมาเระเมื่อครั้งยังโลลิฯ เอ๊ย เป็นลูกม้า (แต่บักแว่นมันฟินกับอย่างอื่นมากกว่าน้องม้านี่สิ )
ชอบสีหน้าฟินๆ ของน้องม้าในฉากนี้จริงวุ้ย
คุณหมอม้ากับอุปกรณ์รักษาสุดสยองทั้งหลายแหล่
อุปกรณ์สำหรับรักษาฟันม้า...อันนี้ค่อยธรรมดาหน่อยแฮะ
บักแว่น "คุณหมอครับ สิ่งสำคัญในการเป็นสัตวแพทย์คืออะไรเหรอครับ?"
หมอม้า "อืมม์ ความรู้กับค่าใช้จ่ายน่ะของตายอยู่แล้ว กำลังกายก็จำเป็น แต่อีกสิ่งที่สำคัญในข้อสรุปของฉัน..."
หมอม้า "ก็คือฆ่าได้หรือไม่ได้"
หมอม้า "โดยเฉพาะสัตว์แพทย์ปศุสัตว์ที่ต้องทำงานกับสัตว์เศรษฐกิจมักจะถูกบีบให้เลือกชีวิตอยู่เป็นประจำ"
หมอม้า "คนที่ฝันอยากเป็นสัตวแพทย์เลยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยการเกษตร แต่พอต้องเลือกเข้าก็บอกว่า 'ไม่ไหว' น่ะก็มีอยู่หรอก"
หมอม้า "แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีชีวิตอีกตั้งมากมายที่รอดมาได้เพราะมีคนที่คิดว่า 'ฆ่าไม่ได้ ไม่อยากฆ่า' แบบนั้นอยู่"
หมอม้า "ฉันคิดว่าไม่ว่าจะแง่ไหน การมีความฝันมันก็คือการเตรียมใจต่อสู้กับความเป็นจริงในขณะเดียวกันนั่นแหละ"
ชอบแง่คิดจากบทพูดลุงหมอในตอนนี้จริงๆ แฮะ
ดูม้าเยี่ยมที่ทำงานหมอม้าเสร็จก็เตรียมตัวกลับกัน
ระหว่างทางก็ไปเห็นงานศพที่เจ้าของจัดให้ม้าแข่งของตัวเองเข้า (เห็นทีแรกนึกว่างานศพคนเลย เพราะเล่นจัดกันเป็นเรื่องเป็นราว มีพระมาสวด มีทำป้ายวิญญาณ มีจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้ด้วย)
หลังกลับออกมาจากสนามแข่งม้า บักแว่นกับโคมาบะก็ปรับความเข้าใจกันเรื่องแขวะกันในโรงอาหารได้ ทำเอาอากิจังถึงกับหน้าบานเป็นจานเชิงเลย
บักแว่นเปิดดูเมล์ที่แม่ส่งมาถามสารทุกข์สุกดิบแค่แว่บเดียวก็ปิดมือถือโยนเข้าล็อกเกอร์เก็บเฉยเลยไม่ยอมรีพลายกลับไป
เป็นฉากเล็กๆ ที่สื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของบักแว่นได้ชัดมาก
กลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง บักแว่นเริ่มรู้สึกผูกพันกับเจ้าลูกหมูตัวน้อยที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มพี่น้องจนเผลอคิดจะตั้งชื่อให้
อากิได้ยินเข้าก็รีบห้ามทันทีว่า "อย่าตั้งชื่อให้ลูกหมูนะ" ไม่อย่างนั้นจะเกิดผูกพันจนพอถึงเวลาส่งไปขายจริงก็จะทำใจไม่ได้
แต่ลงท้ายด้วยแรงมุ่งมั่นของบักแว่น (และแรงยุส่งจากทามาโกะกับผองเพื่อน) เจ้าหมูน้อยตัวนี้ก็ได้ชื่อมาประดับตัวจนได้
โดยชื่อที่บักแว่นตั้งให้เจ้าหมูน้อยตัวนี้ก็คือ "บุตะด้ง" (ข้าวหน้าหมู) ตามที่เพื่อนๆ ยุส่งนั่นเอง
บักแว่น "3 ปีจากนี้ไปเรามาสนิทกันไว้นะ บุตะด้ง!!!"
...จริงๆ คือแค่ 3 เดือนก็โดนส่งโรงเชือดแล้วฟ่ะ บักแว่น
ปิดท้ายด้วยฉากอ.ที่ปรึกษาของบักแว่นสมัยอยู่รร.เตรียมโทรมาถามเรื่องของบักแว่นกับผอ.โรงเรียนเอโสะโนเป็นอันจบตอนนี้
ดูจบแล้วบอกได้แค่ว่าเดินเรื่องเร็วดีแฮะ เอาเนื้อหาตั้ง 3 - 4 ตอนของมังงะมายัดไว้ในอนิเมแค่ตอนเดียว แถมยังดัดแปลงสลับฉากให้เข้ากันได้อีกต่างหาก ถึงจะตัดฉากบางส่วนอย่างฉากลุงของอากิกับม้าหัวเราะ หรือฉาก "ทำหมันหมู" อันสุดแสนจะสยองขวัญไปก็เถอะ (แต่อันหลังนี่ไม่แน่ อาจเอาไปใส่ตอนหน้าก็ได้)
เป็นตอนที่ได้ความรู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับทั้งม้าและหมูเลย แถมยังให้เราได้เห็นถึงมุมมองความคิดของคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับปศุสัตว์ ต้องอยู่กับการ "ฆ่าเพื่อเป็นอาหาร" จนกลายเป็นเรื่องปกติ ได้เห็นถึงความยากลำบากของชีวิตในฐานะเกษตรกรหรือคนเลี้ยงปศุสัตว์ที่ชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งความเสี่ยงที่จะหมดตัวในพริบตาถ้าพืชหรือปศุสัตว์ที่ตัวเองเลี้ยงอยู่เกิดติดโรคจนต้องกำจัดทิ้ง ทั้งความเหนื่อยยากต้องทำงานทุกวันแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เรียกว่าเป็นอาชีพที่ต้องมีทั้งลูกอึดและลูกโหดจริงๆ ถึงจะมีชีวิตอยู่ได้
ว่าแต่เดินเรื่องเร็วแบบนี้ ตอนหน้าก็คงถึงช่วงรอยต่อระหว่างเล่ม 1 กับเล่ม 2 ที่เป็นช่วง "อบพิซซ่า" แล้วสินะ...อยากเห็นเหมือนกันแฮะว่าจะออกมาเป็นยังไง