“พลาดอีกแล้วหรือนี่....”
เสียงรำพึงรำพันในโสตประสาท ขณะกำลังแต่งหน้าสวยเช้งเพื่อออกไปทำงาน พร้อมลำดับความคิดของตัวเอง เมื่อคืนฉันทำอะไรลงไปบ้าง
ก่อนกลับ 23:00น....จูบแก้มคุณโจ หัวหน้า Process Engineer สุดสวยไปฟอดใหญ่
20:30น....ท้าชนแก้วกับคุณคิมหนุ่มหล่อคนเดิมจนเบียร์หมดไปหลายขวด
19:00น....คล้องแขนดื่มโซจู กับลุงขี้เมาเกาหลี
มันคือปาร์ตี้เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี อย่าคิดมาก...
ว่าแต่...จากนี้ไป จะตีหน้าเยี่ยงไรในออฟฟิตหวา รั่วไปซะขนาดนั้น
ตัดภาพไปเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากเกิดบรรยากาศมาคุขึ้น เหตุมาจากแรงงานต่างด้าวสาวส่งคอมเม้นต์ชุดใหญ่ไปให้บริษัทผู้รับเหมาคู่ขา หลังจากนั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนว่าทางทีมงานบริษัทคู่ขาจะเริ่มรู้แล้วว่า ใครคือ “ตัวจี๊ด” และเริ่มรู้แล้วว่า มีไส้ศึกที่ทำงานอยู่ด้วย ซึ่งแรงงานสาวหาได้สนใจไม่เพราะทุกอย่างเป็นการทำงานตามหน้าที่
เมื่อบรรยากาศตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างทำงาน ทางทีมบริหารของบริษัทคู่ขาจึงเห็นควรว่า มีความจำเป็นจะต้องสร้างความสัมพันธ์อันดี ดังนั้นงานเลี้ยงกระชับมิตรจึงเกิดขึ้นระหว่างทีมงาน Process Engineer ของทั้ง 2 บริษัท
ในวันรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นร้านปิ้งย่างที่ต้องนั่งกับพื้น ตรงนี้ต้องเตือนคนที่จะไปกินอาหารเกาหลีเลยนะ ห้ามใส่ถุงเท้าซ้ำ อย่าคิดว่าแค่ใส่ในรองเท้าไม่เป็นไร ใครจะรู้ว่าตกเย็น คุณอาจต้องไปกินข้าวเย็นแล้วต้องนั่งกับพื้น ถึงตอนนั้น กลิ่นถุงเท้าอันรัญจวน อาจทำให้คุณขายหน้าได้(เช่นเราตอนนี้) ยิ่งเราได้นั่งระหว่าง Process สาวร่างเล็ก หน้าตาน่ารัก สะอาดสะอ้าน กับหัวหน้าแผนกตัวพ่อด้วยแล้ว จากที่เกร็งๆและไม่รู้จะคุยอะไร บวกกับความอายในกลิ่นถุงเท้าตัวเอง ยิ่งเสียความมั่นใจไม่กล้าพูดคุยอะไรมาก ได้แต่นั่งฟัง รอเขาชวนคุยอย่างเดียวเลย
ด้านขวาของเรา เป็นสาวน้อยร่างเล็กผู้เหนียมอาย แต่อัธยาศัยดี พยายามชวนคุย และเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ดูกิริยาแล้วช่างน่ารักจิ้มลิ้มเสียยิ่งกระไร ยามเธอต้องชนแก้ และยกซดอย่างเขิญๆ พร้อมใช้มือป้องปาก ช่างดูสุภาพเรียบร้อยยิ่งนัก
ด้านซ้ายเป็นหนุ่มใหญ่ หัวล้าน ตัวอ้วนกลม ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนก Process Engineer หนุ่มใหญ่ชนเหล้ากับเราหลายแก้ว พร้อมชวนคุยโน่นนี่ แต่ลงท้ายด้วยคำท้ายคล้ายคลึงว่า ‘คุณมาที่นี่ มีเป้าหมายอะไร’ เป็นคำถามที่เขาคงเก็บไว้มานาน ซึ่งจะให้ตอบไปตรงๆ คงไม่ได้ แต่ถ้าทำงานโปรเจค ก็คงพอจะเดาออกว่า Project Engineer มีหน้าที่อะไร เราจึงได้แต่ยิ้มอย่างมีมิตรสัมพันธ์ และตอบตามหน้าที่ที่โดนระบุมาตามจดหมายส่งตัวว่า “I’m only trainee, please teach me.” คำตอบของเราดูเหมือนจะไม่ตรงใจคนถาม เพราะเราสังเกตเห็นหน้าเซ็งเล็กน้อยที่เกิดขึ้น(ก็ช่วยไม่ได้นะ ดันถามไม่ตรงคำตอบเอง) หนุ่มใหญ่หัวหน้าแผนกจึงตัดรำคาญด้วยการชวนลูกน้องคุยหรือบ่นไม่แน่ใจ เป็นภาษาเกาหลี เล่นเอาต่างด้าวอย่างเราที่นั่งยิ้มๆ อยู่ เริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนคุยกันด้วยภาษาอื่น
บรรยากาศเช่นนี้ ถ้าอยู่เมืองไทย เราจะรินเบียร์กินแก้เขิน แต่ที่นี่เราไม่สามารถรินเบียร์กินได้ ต้องให้คนอื่นรินให้ตามธรรมเนียม เราจึงนั่งกินหมูย่างไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่ทีมงานปล่อย Sound Track เป็นภาษาเกาหลีกันอย่างเมามัน
(มีต่อ)
บันทึกแรงงานต่างด้าว ตอนที่ 5 ลำยอง
เสียงรำพึงรำพันในโสตประสาท ขณะกำลังแต่งหน้าสวยเช้งเพื่อออกไปทำงาน พร้อมลำดับความคิดของตัวเอง เมื่อคืนฉันทำอะไรลงไปบ้าง
ก่อนกลับ 23:00น....จูบแก้มคุณโจ หัวหน้า Process Engineer สุดสวยไปฟอดใหญ่
20:30น....ท้าชนแก้วกับคุณคิมหนุ่มหล่อคนเดิมจนเบียร์หมดไปหลายขวด
19:00น....คล้องแขนดื่มโซจู กับลุงขี้เมาเกาหลี
มันคือปาร์ตี้เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี อย่าคิดมาก...
ว่าแต่...จากนี้ไป จะตีหน้าเยี่ยงไรในออฟฟิตหวา รั่วไปซะขนาดนั้น
ตัดภาพไปเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากเกิดบรรยากาศมาคุขึ้น เหตุมาจากแรงงานต่างด้าวสาวส่งคอมเม้นต์ชุดใหญ่ไปให้บริษัทผู้รับเหมาคู่ขา หลังจากนั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนว่าทางทีมงานบริษัทคู่ขาจะเริ่มรู้แล้วว่า ใครคือ “ตัวจี๊ด” และเริ่มรู้แล้วว่า มีไส้ศึกที่ทำงานอยู่ด้วย ซึ่งแรงงานสาวหาได้สนใจไม่เพราะทุกอย่างเป็นการทำงานตามหน้าที่
เมื่อบรรยากาศตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างทำงาน ทางทีมบริหารของบริษัทคู่ขาจึงเห็นควรว่า มีความจำเป็นจะต้องสร้างความสัมพันธ์อันดี ดังนั้นงานเลี้ยงกระชับมิตรจึงเกิดขึ้นระหว่างทีมงาน Process Engineer ของทั้ง 2 บริษัท
ในวันรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นร้านปิ้งย่างที่ต้องนั่งกับพื้น ตรงนี้ต้องเตือนคนที่จะไปกินอาหารเกาหลีเลยนะ ห้ามใส่ถุงเท้าซ้ำ อย่าคิดว่าแค่ใส่ในรองเท้าไม่เป็นไร ใครจะรู้ว่าตกเย็น คุณอาจต้องไปกินข้าวเย็นแล้วต้องนั่งกับพื้น ถึงตอนนั้น กลิ่นถุงเท้าอันรัญจวน อาจทำให้คุณขายหน้าได้(เช่นเราตอนนี้) ยิ่งเราได้นั่งระหว่าง Process สาวร่างเล็ก หน้าตาน่ารัก สะอาดสะอ้าน กับหัวหน้าแผนกตัวพ่อด้วยแล้ว จากที่เกร็งๆและไม่รู้จะคุยอะไร บวกกับความอายในกลิ่นถุงเท้าตัวเอง ยิ่งเสียความมั่นใจไม่กล้าพูดคุยอะไรมาก ได้แต่นั่งฟัง รอเขาชวนคุยอย่างเดียวเลย
ด้านขวาของเรา เป็นสาวน้อยร่างเล็กผู้เหนียมอาย แต่อัธยาศัยดี พยายามชวนคุย และเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ดูกิริยาแล้วช่างน่ารักจิ้มลิ้มเสียยิ่งกระไร ยามเธอต้องชนแก้ และยกซดอย่างเขิญๆ พร้อมใช้มือป้องปาก ช่างดูสุภาพเรียบร้อยยิ่งนัก
ด้านซ้ายเป็นหนุ่มใหญ่ หัวล้าน ตัวอ้วนกลม ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนก Process Engineer หนุ่มใหญ่ชนเหล้ากับเราหลายแก้ว พร้อมชวนคุยโน่นนี่ แต่ลงท้ายด้วยคำท้ายคล้ายคลึงว่า ‘คุณมาที่นี่ มีเป้าหมายอะไร’ เป็นคำถามที่เขาคงเก็บไว้มานาน ซึ่งจะให้ตอบไปตรงๆ คงไม่ได้ แต่ถ้าทำงานโปรเจค ก็คงพอจะเดาออกว่า Project Engineer มีหน้าที่อะไร เราจึงได้แต่ยิ้มอย่างมีมิตรสัมพันธ์ และตอบตามหน้าที่ที่โดนระบุมาตามจดหมายส่งตัวว่า “I’m only trainee, please teach me.” คำตอบของเราดูเหมือนจะไม่ตรงใจคนถาม เพราะเราสังเกตเห็นหน้าเซ็งเล็กน้อยที่เกิดขึ้น(ก็ช่วยไม่ได้นะ ดันถามไม่ตรงคำตอบเอง) หนุ่มใหญ่หัวหน้าแผนกจึงตัดรำคาญด้วยการชวนลูกน้องคุยหรือบ่นไม่แน่ใจ เป็นภาษาเกาหลี เล่นเอาต่างด้าวอย่างเราที่นั่งยิ้มๆ อยู่ เริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนคุยกันด้วยภาษาอื่น
บรรยากาศเช่นนี้ ถ้าอยู่เมืองไทย เราจะรินเบียร์กินแก้เขิน แต่ที่นี่เราไม่สามารถรินเบียร์กินได้ ต้องให้คนอื่นรินให้ตามธรรมเนียม เราจึงนั่งกินหมูย่างไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่ทีมงานปล่อย Sound Track เป็นภาษาเกาหลีกันอย่างเมามัน
(มีต่อ)