เมื่อครั้งม็อบ เสธ อ้าย กำลังประท้วงในตอนนั้น จขกท(เป็นคนนอก แต่ถูกเชิญ) ได้มีโอกาสเข้าฟังสัมนาย่อยของกลุ่ม Think Tank ซึ่งเป็นกลุ่มอาจารย์มหาลัยที่สนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งและมาจากหลายสาขา มีอาจารย์ท่านนึงได้หยิบ paper เรื่องการเมืองมาคุย(Research ส่วนตัว ไม่ตีพิมพ์) เลยตรงกับสิ่งที่ จขกท สนใจพอดี จึงพอมีประเด็นสรุปนำเสนอในช่วงที่ม็อบสุเทพล้มรัฐบาลออกมาพอดี
1. ยุคของทีวีดาวเทียมช่วงแรก คนในเขตเมืองที่มีเคเบิลหรือจานดาวเทียม มักได้รับข่าวสาร Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ เป็นการกระตุ้นให้สมอง Hippocampus เกิดการเชื่ออย่างฝังหัว(Embed) ทำให้ข้อมูลที่เป็นความจริง(Truth)ใหม่ๆตามมาทีหลัง เมื่อเข้าสู่หน่วยเหตุและผล(Logic) ของสมองแล้วไม่ได้รับการปรับปรุงจัดระเบียบใหม่ได้มากนัก หรือได้ก็ใช้เวลาหลายปี ทำให้คนในเมืองหลงเชื่อจนขาดเหตุผลมองการยึดสถานที่ราชการเป็นเป็นความชอบธรรม....เพี้ยนไปแล้ว
2. คนที่ไม่ติดจานดาวเทียม หรือมีเคเบิล มักจะรอดพ้นจาก Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ เพราะจุดเริ่มต้นรับข้อมูลข้อเท็จจริง(Fact) ทั้งสองฝ่าย และหน่วยเหตุผลก็ Process ให้เกิด wisdom ปัญญาได้ทันที ทำให้มองทะลุปัญหาการเมืองได้ครบทุกมิติ.....ผลเลือกตั้งปี54
3. บุคคลตามข้อ 1. ไม่ว่าจะอาชีพใด จบการศึกษาสูงแค่ใหน ดอกเตอร์ ศาสตราจารย์ หรือคนที่จีเนียส ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาวะเหล่านั้นได้เลย เพราะการเรียนเป็นการใช้ Knowledge ระดับพื้นๆ การวิจัยมาก สอนมาก ก็ได้ตำแหน่งทางวิชาการเท่านั้น ไม่ใช่ ปัญญา ที่เกิดจากการพิจารณาตามความจริงของสภาพธรรม.....แถลงการณ์หลุดโลกของอธิการบดี กลุ่มหมอ ที่ต่อต้านรัฐบาล
4. การเมืองเป็นเรื่องสามัญสำนึกความเป็นมนุษย์ เป็น Nature ของความเป็นมนุษย์ ไม่ Relate กับการศึกษา ดังนั้นการไปบอกว่าคนฐานรากไม่ได้เรียนสูง เลยไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตย จึงเป็นคำพูดที่ผิด หรือเป็น Hypothesis ที่ผิดจากความจริง....งบล้างสมองเป็นหมื่นล้านช่วง 7 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ผล
5. คนที่เป็นส่วนน้อย แพ้เลือกตั้ง มักแสดงออกเชิงกำลังเพื่อหาจุดเด่นลดปมด้อย จึงไม่แปลกตามร้านค้า ตลาดสด หน่วยงานรัฐวิสาหกิจบางแห่ง โรงพยาบาล ที่มีคนผ่านไปผ่านมามักเจอการเปิด ASTV หรือตอนนี้ก็บลูสกาย....คนพวกนี้อาการหนัก
***จริงๆ มีประเด็นที่มากกว่านี้ที่อาจารย์ท่านนั้นนำเสนอ เช่นเรื่องนิสัยคนไทยภาคต่างๆกับการเมือง ซึ่ง จขกท คิดว่าเป็นประเด็นที่ Sensitive จึงไม่นำมาเสนอ ณ ที่นี้
#มี ASTV ก็แล้ว Bluesky ก็แล้ว ปืนจี้ก็แล้ว...ทำไมคนไม่เปลี่ยนใจ
1. ยุคของทีวีดาวเทียมช่วงแรก คนในเขตเมืองที่มีเคเบิลหรือจานดาวเทียม มักได้รับข่าวสาร Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ เป็นการกระตุ้นให้สมอง Hippocampus เกิดการเชื่ออย่างฝังหัว(Embed) ทำให้ข้อมูลที่เป็นความจริง(Truth)ใหม่ๆตามมาทีหลัง เมื่อเข้าสู่หน่วยเหตุและผล(Logic) ของสมองแล้วไม่ได้รับการปรับปรุงจัดระเบียบใหม่ได้มากนัก หรือได้ก็ใช้เวลาหลายปี ทำให้คนในเมืองหลงเชื่อจนขาดเหตุผลมองการยึดสถานที่ราชการเป็นเป็นความชอบธรรม....เพี้ยนไปแล้ว
2. คนที่ไม่ติดจานดาวเทียม หรือมีเคเบิล มักจะรอดพ้นจาก Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ เพราะจุดเริ่มต้นรับข้อมูลข้อเท็จจริง(Fact) ทั้งสองฝ่าย และหน่วยเหตุผลก็ Process ให้เกิด wisdom ปัญญาได้ทันที ทำให้มองทะลุปัญหาการเมืองได้ครบทุกมิติ.....ผลเลือกตั้งปี54
3. บุคคลตามข้อ 1. ไม่ว่าจะอาชีพใด จบการศึกษาสูงแค่ใหน ดอกเตอร์ ศาสตราจารย์ หรือคนที่จีเนียส ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาวะเหล่านั้นได้เลย เพราะการเรียนเป็นการใช้ Knowledge ระดับพื้นๆ การวิจัยมาก สอนมาก ก็ได้ตำแหน่งทางวิชาการเท่านั้น ไม่ใช่ ปัญญา ที่เกิดจากการพิจารณาตามความจริงของสภาพธรรม.....แถลงการณ์หลุดโลกของอธิการบดี กลุ่มหมอ ที่ต่อต้านรัฐบาล
4. การเมืองเป็นเรื่องสามัญสำนึกความเป็นมนุษย์ เป็น Nature ของความเป็นมนุษย์ ไม่ Relate กับการศึกษา ดังนั้นการไปบอกว่าคนฐานรากไม่ได้เรียนสูง เลยไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตย จึงเป็นคำพูดที่ผิด หรือเป็น Hypothesis ที่ผิดจากความจริง....งบล้างสมองเป็นหมื่นล้านช่วง 7 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ผล
5. คนที่เป็นส่วนน้อย แพ้เลือกตั้ง มักแสดงออกเชิงกำลังเพื่อหาจุดเด่นลดปมด้อย จึงไม่แปลกตามร้านค้า ตลาดสด หน่วยงานรัฐวิสาหกิจบางแห่ง โรงพยาบาล ที่มีคนผ่านไปผ่านมามักเจอการเปิด ASTV หรือตอนนี้ก็บลูสกาย....คนพวกนี้อาการหนัก
***จริงๆ มีประเด็นที่มากกว่านี้ที่อาจารย์ท่านนั้นนำเสนอ เช่นเรื่องนิสัยคนไทยภาคต่างๆกับการเมือง ซึ่ง จขกท คิดว่าเป็นประเด็นที่ Sensitive จึงไม่นำมาเสนอ ณ ที่นี้