ทั้งที่ร่าง รฐน 50 มากับมือ
คุณมีส่วนทุกครั้งในการจัด รฐน ให้รองรับความเป็นเผด็จการ
การแก้ไขแต่ละครั้ง ก็พัฒนาไปทางเผด็จการมากขึ้น
ด้วยองค์กรอะไรต่อมิอะไรที่มาจากฝั่งพวกคุณ แต่ดันลืมคิดไปว่า
ถ้า รัฐสภา กับ บริหาร ดันเห็นไปแนวเดียวกัน จะแก้ทางอย่างไร
คุณกลับไม่ใส่ อำนาจ ตลก ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแก้ไขได้
ดันไปให้อำนาจแค่ การควบคุมการใช้กฎหมายหรือการแก้ กฎหมายเท่านั้น
วันนี้ คุณจะมาแหกปากขู่อะไรมิทราบ ผิดก็ต้องยอมรับผิดต่อพวกคุณเอง
แต่การกล่าวเช่นนี้ ผมว่าถ้าเหตุการบ้านเมืองรุนแรงไปตามคำยั่วยุของคุณ
คุณก็ต้องเอาชีวิตมารับผิดชอบกับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดกับสังคมไทย
รัฐบาล หรือ ประชาชน ไม่มีใครปฎิเสธ อำนาจ ตลก รฐน ถ้าทำตาม รฐน
ที่กำหนด ไม่ใครปฎิเสธได้ แม้แต่ฝั่งคุณเองก็ตาม
แต่ เมื่อทั้งสองฝ่าย คือ รัฐสภา และ ฝ่ายบริหาร เห็นว่า ไม่มีอำนาจตามรฐน
ในอันที่จะเข้ามาก้าวก่าย งานของ สภานิติบัญญัติ
คุณอย่าแถ ให้สังคมสับสน เขาเพียงแต่ ไม่รับคำตัดสินที่ไม่มีอำนาจ
รองรับ
ตลก จะเกี่ยวข้องเพียงแค่ระดับกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มี หรือ แก้ไข
รฐน ซึ่งถือว่าเป็น Objection and Policy ที่จะเอาไปใช้ กำหนด Action Plan
อีกทีหนึ่ง
หน่วยงาน 3 หน่วย ซึ่งเปรียบเป็นเสียง 3 เสียง
รัฐสภา
รัฐบาล
ศาล
มีฐานะเท่าเทียมกัน ไม่มีใครสูงกว่าใคร การถ่วงดุลย์ก็คือให้แต่
ละองค์กรอิสระจากกัน ต่างฝ่ายต่างมีแนวทางของตัวเอง ดังนั้น
กาารเห้นไม่ตรงกัน ก็เกิดขึ้นเสมอ การเห็นตรงกันก็เกิดขึ้นบ่อย
เพียงแต่ การแก้ไข การจัดให้มี รฐน มันเป็นเรื่องของ รัฐสภา ร่วมกับ
ฝ่าย บริหาร ซึ่งต่างเห็นตรงกันให้แก้ไขที่มา สว ให้เป็นประชาธิปไตย
มากขึ้น มันผิดตรงไหนหรือ ?
ทั้งที่ ทั้งสองถูกถ่วงดุลย์กันอยู่แล้ว มันไม่บ่อยครั้งที่ ทั้งสอง จะเห็นไป
แนวเดียวกัน
การออก พรบหลายครั้ง ฝ่ายบริหาร กับฝ่าย รัฐสภา ก็เห็นขัดแย้งกัน
แต่ครั้งนี้ เห็นตรงกันว่า ต้องแก้ไข
นั่นเปรียบเสมือน เสียง สอง ใน สาม ของระบอบประชาธิปไตย ที่เห็น
ตรงกัน แล้วอะไรที่เรียกว่าผิด
ถ้ามันจะผิด ก็เพราะ ไม่ตรงกับสิ่งที่พวกคุณต้องการ
ถ้ามันจะผิดก็เพราะ มันไม่ทำให้พวกคุณได้เปรียบเท่าเดิม
มีชัย คุณนั่นแหละ ควรต้องรับผิดชอบ ที่ปล่อยให้ รฐน ฉบับนี้ มีช่วงโหว่ตรงที่ ดันลืมให้อำนาจตลกให้เกี่ยวข้องการแก้ รฐนได้
คุณมีส่วนทุกครั้งในการจัด รฐน ให้รองรับความเป็นเผด็จการ
การแก้ไขแต่ละครั้ง ก็พัฒนาไปทางเผด็จการมากขึ้น
ด้วยองค์กรอะไรต่อมิอะไรที่มาจากฝั่งพวกคุณ แต่ดันลืมคิดไปว่า
ถ้า รัฐสภา กับ บริหาร ดันเห็นไปแนวเดียวกัน จะแก้ทางอย่างไร
คุณกลับไม่ใส่ อำนาจ ตลก ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแก้ไขได้
ดันไปให้อำนาจแค่ การควบคุมการใช้กฎหมายหรือการแก้ กฎหมายเท่านั้น
วันนี้ คุณจะมาแหกปากขู่อะไรมิทราบ ผิดก็ต้องยอมรับผิดต่อพวกคุณเอง
แต่การกล่าวเช่นนี้ ผมว่าถ้าเหตุการบ้านเมืองรุนแรงไปตามคำยั่วยุของคุณ
คุณก็ต้องเอาชีวิตมารับผิดชอบกับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดกับสังคมไทย
รัฐบาล หรือ ประชาชน ไม่มีใครปฎิเสธ อำนาจ ตลก รฐน ถ้าทำตาม รฐน
ที่กำหนด ไม่ใครปฎิเสธได้ แม้แต่ฝั่งคุณเองก็ตาม
แต่ เมื่อทั้งสองฝ่าย คือ รัฐสภา และ ฝ่ายบริหาร เห็นว่า ไม่มีอำนาจตามรฐน
ในอันที่จะเข้ามาก้าวก่าย งานของ สภานิติบัญญัติ
คุณอย่าแถ ให้สังคมสับสน เขาเพียงแต่ ไม่รับคำตัดสินที่ไม่มีอำนาจ
รองรับ
ตลก จะเกี่ยวข้องเพียงแค่ระดับกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มี หรือ แก้ไข
รฐน ซึ่งถือว่าเป็น Objection and Policy ที่จะเอาไปใช้ กำหนด Action Plan
อีกทีหนึ่ง
หน่วยงาน 3 หน่วย ซึ่งเปรียบเป็นเสียง 3 เสียง
รัฐสภา
รัฐบาล
ศาล
มีฐานะเท่าเทียมกัน ไม่มีใครสูงกว่าใคร การถ่วงดุลย์ก็คือให้แต่
ละองค์กรอิสระจากกัน ต่างฝ่ายต่างมีแนวทางของตัวเอง ดังนั้น
กาารเห้นไม่ตรงกัน ก็เกิดขึ้นเสมอ การเห็นตรงกันก็เกิดขึ้นบ่อย
เพียงแต่ การแก้ไข การจัดให้มี รฐน มันเป็นเรื่องของ รัฐสภา ร่วมกับ
ฝ่าย บริหาร ซึ่งต่างเห็นตรงกันให้แก้ไขที่มา สว ให้เป็นประชาธิปไตย
มากขึ้น มันผิดตรงไหนหรือ ?
ทั้งที่ ทั้งสองถูกถ่วงดุลย์กันอยู่แล้ว มันไม่บ่อยครั้งที่ ทั้งสอง จะเห็นไป
แนวเดียวกัน
การออก พรบหลายครั้ง ฝ่ายบริหาร กับฝ่าย รัฐสภา ก็เห็นขัดแย้งกัน
แต่ครั้งนี้ เห็นตรงกันว่า ต้องแก้ไข
นั่นเปรียบเสมือน เสียง สอง ใน สาม ของระบอบประชาธิปไตย ที่เห็น
ตรงกัน แล้วอะไรที่เรียกว่าผิด
ถ้ามันจะผิด ก็เพราะ ไม่ตรงกับสิ่งที่พวกคุณต้องการ
ถ้ามันจะผิดก็เพราะ มันไม่ทำให้พวกคุณได้เปรียบเท่าเดิม