คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ที่ว่าดีกว่านี้ ถูกตื้อถามต่อ
ตอบว่า
ต้องหาระดับของเราว่าความฟิตเราขนาดไหน
มีความจริงอยู่ประการหนึ่งว่า
การออกกำลังมากเกินไปจะเดี้ยง.............ออกกำลังน้อยเกินไปเสียโอกาส
ก้าวหน้าช้า เสียเวลา ไม่คุ้มค่า ฯลฯ
น่าเสียใจที่ผมบอกคุณไม่ได้ว่าคุณมีเรือนร่างอยู่ระดับไหน
เพราะระยะทางห่างทางภูมิประเทศเคยให้ประสบการณ์กับผมว่า
ควบคุมนักกีฬาไม่ได้อยู่ดี คุณต้องหาโค้ช ไม่ก็ดูแลตัวเอง
จากการเพาะสร้างองค์ความรู้ตัวเอง
การวิ่งทุกวันวันละ5ก.ม.ก็ดีกว่าไม่ได้ทำ
แต่มีใครอยากวิ่งแค่นี้ต่อไปบ้าง หากรู้ว่าตนเองสามารถวิ่งได้ไกลกว่า วิ่งได้เร็วกว่า
บอกคร่าวๆได้ว่า หากคุณวิ่งวันละ5นาทีต่อเนื่องได้ 5 วัน(พัก2วัน)ในสัปดาห์
สามารถต่อเนื่องอย่างนี้ได้สักเดือนหนึ่งโดยทำได้ ไม่เมื่อยล้าสะสม
คุณน่าจะเพิ่มโหลดได้
เพิ่มโหลดได้ใน2ช่องทาง
คือเพิ่มระยะเวลา หรือเพิ่มกิโลเมตร
ในปริมาณ ไม่เกิน 10% ต่อสัปดาห์
เช่นจาก5โล ไม่เพิ่มเป็น6 แต่เพิ่มเพียง5.5 เท่านั้น
เพิ่มเพียงอย่างเดียว อย่าเพิ่ม2อย่าง อย่างสงไหนก็ได้
เป็นจุดอ่อนเพื่อนนักวิ่งทุกท่าน ที่นึกอะไรไม่ออกนอกจากเพิ่มขึ้นไปมากเท่าที่ตัวเองจะวิ่งไหว
นั่นใครก็ไหวทุกคนนั่นแหละ แต่จะนานแค่ไหน
แต่ฤทธิ์ของการสะสม ทำให้คุณต้องถอยหลังวันหนึ่ง นั่นแปลว่า
คุณ "ถือครองไว้ไม่ได้" หรือ "ยืนระยะไม่สำเร็จ" ซึ่งนั้นก็คือ ล้มเหลว
เราต้องการ5.5 เพื่อเป็นฐานให้กับ6 กิโลต่อไปนั่นเอง
แช่เย็นไปสัปดาห์หนึ่ง สัปดาห์ต่อไปขึ้นเป็น6.6 ขึ้นไปเรื่อยๆ
นี่เป็นเรื่องทฤษฎี ที่ยังมีรายละเอียดแต่ละรายอีกมาก
จะรีบไปไย...มีเวลาวิ่งทั้งชีวิต อย่าเดี้ยงไปก่อนเหมือนนักวิ่งรุ่นพี่ที่ชอบโดดข้ามสเต็ป
ผมรู้ดี อ่านตามกันมาจะร้องยี้ อะไรกัน แค่ 5 โล อะไรกัน เพิ่มเป็น5.5
ทั้งๆที่หลายคนเพิ่มไปเป็น 8 โล เป็น10 โลล่วงหน้าตั้งนานแล้ว
ครับ....หนังไม่จบม้วน ดูไปนานๆ สงครามยังไม่สิ้นอย่าเพิ่งนับศพทหาร
แปลกไหม...วันดีคืนดี นักกีฬาประเภทอื่นหาญกล้าเข้ามาแหย่วงการวิ่งว่า
"อย่าวิ่งเลย" ไปกีฬา.....นั้นๆดีกว่า วิ่งเดี้ยงไปเยอะแล้ว เข่าเอย ข้อเอย
ก็เพราะอย่างนี้ไง
(คำแนะนำนี้สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่เพื่อสุขภาพไม่ใช่เพื่อการอื่น)
ตอบว่า
ต้องหาระดับของเราว่าความฟิตเราขนาดไหน
มีความจริงอยู่ประการหนึ่งว่า
การออกกำลังมากเกินไปจะเดี้ยง.............ออกกำลังน้อยเกินไปเสียโอกาส
ก้าวหน้าช้า เสียเวลา ไม่คุ้มค่า ฯลฯ
น่าเสียใจที่ผมบอกคุณไม่ได้ว่าคุณมีเรือนร่างอยู่ระดับไหน
เพราะระยะทางห่างทางภูมิประเทศเคยให้ประสบการณ์กับผมว่า
ควบคุมนักกีฬาไม่ได้อยู่ดี คุณต้องหาโค้ช ไม่ก็ดูแลตัวเอง
จากการเพาะสร้างองค์ความรู้ตัวเอง
การวิ่งทุกวันวันละ5ก.ม.ก็ดีกว่าไม่ได้ทำ
แต่มีใครอยากวิ่งแค่นี้ต่อไปบ้าง หากรู้ว่าตนเองสามารถวิ่งได้ไกลกว่า วิ่งได้เร็วกว่า
บอกคร่าวๆได้ว่า หากคุณวิ่งวันละ5นาทีต่อเนื่องได้ 5 วัน(พัก2วัน)ในสัปดาห์
สามารถต่อเนื่องอย่างนี้ได้สักเดือนหนึ่งโดยทำได้ ไม่เมื่อยล้าสะสม
คุณน่าจะเพิ่มโหลดได้
เพิ่มโหลดได้ใน2ช่องทาง
คือเพิ่มระยะเวลา หรือเพิ่มกิโลเมตร
ในปริมาณ ไม่เกิน 10% ต่อสัปดาห์
เช่นจาก5โล ไม่เพิ่มเป็น6 แต่เพิ่มเพียง5.5 เท่านั้น
เพิ่มเพียงอย่างเดียว อย่าเพิ่ม2อย่าง อย่างสงไหนก็ได้
เป็นจุดอ่อนเพื่อนนักวิ่งทุกท่าน ที่นึกอะไรไม่ออกนอกจากเพิ่มขึ้นไปมากเท่าที่ตัวเองจะวิ่งไหว
นั่นใครก็ไหวทุกคนนั่นแหละ แต่จะนานแค่ไหน
แต่ฤทธิ์ของการสะสม ทำให้คุณต้องถอยหลังวันหนึ่ง นั่นแปลว่า
คุณ "ถือครองไว้ไม่ได้" หรือ "ยืนระยะไม่สำเร็จ" ซึ่งนั้นก็คือ ล้มเหลว
เราต้องการ5.5 เพื่อเป็นฐานให้กับ6 กิโลต่อไปนั่นเอง
แช่เย็นไปสัปดาห์หนึ่ง สัปดาห์ต่อไปขึ้นเป็น6.6 ขึ้นไปเรื่อยๆ
นี่เป็นเรื่องทฤษฎี ที่ยังมีรายละเอียดแต่ละรายอีกมาก
จะรีบไปไย...มีเวลาวิ่งทั้งชีวิต อย่าเดี้ยงไปก่อนเหมือนนักวิ่งรุ่นพี่ที่ชอบโดดข้ามสเต็ป
ผมรู้ดี อ่านตามกันมาจะร้องยี้ อะไรกัน แค่ 5 โล อะไรกัน เพิ่มเป็น5.5
ทั้งๆที่หลายคนเพิ่มไปเป็น 8 โล เป็น10 โลล่วงหน้าตั้งนานแล้ว
ครับ....หนังไม่จบม้วน ดูไปนานๆ สงครามยังไม่สิ้นอย่าเพิ่งนับศพทหาร
แปลกไหม...วันดีคืนดี นักกีฬาประเภทอื่นหาญกล้าเข้ามาแหย่วงการวิ่งว่า
"อย่าวิ่งเลย" ไปกีฬา.....นั้นๆดีกว่า วิ่งเดี้ยงไปเยอะแล้ว เข่าเอย ข้อเอย
ก็เพราะอย่างนี้ไง
(คำแนะนำนี้สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่เพื่อสุขภาพไม่ใช่เพื่อการอื่น)
แสดงความคิดเห็น
วิ่งทุกวันกับวิ่งวันเว้นวัน วิ่งแบบไหนได้ประโยชน์กว่ากัน
2. วิ่งวันเว้นวัน วันวิ่ง 10 กม.
หมายเหตุ วิ่งทุกวัน วันละ 10 กม ทำไม่ไหวครับ ปวดขามาก พอวิ่งครบอาทิตย์ ต้องพักติดต่อกัน 4-5 วัน เลยครับถึงจะมีแรงกลับมาวิ่งอีก