ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่าไม่ได้จะต่อว่าใคร
หรือรับเงินใครมาเขียนอันนี้ แต่เป็นความเห็นจากผู้บริโภคอย่างเราล้วนๆ
และทั้งหมดที่เอามารีวิวพูดอยู่บนความเป็นจริงทั้งหมด
(น้ำอัดลมทุกกระป๋องนี้ก็ซื้อมาเองด้วย)
ปกติเป็นคนไม่ดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานเท่าไหร่
เอาเป็นว่า โดยธรรมชาติที่แม่เลี้ยงมานี่ไม่ค่อยให้กินหวาน
ก็เลยไม่เป็นคนติดหวาน ไม่เลี้ยงด้วยน้ำอัดลม
สมัยก่อนเด็กๆนี่ที่บ้านถือว่าน้ำอัดลมเป็นของแพง เป็นของฟุ่มเฟือย
เด็กๆไม่มีสิทธิ์ดื่ม ว่างั้น ก็เลยกลายเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดื่มน้ำอัดลมเท่าไหร่
ช่วงๆหลังๆจะมีคนรณรงค์ว่า น้ำอัดลมทำให้อ้วน งั้นงี้ๆ
เราซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับน้ำอัดลมเท่าไหร่ก็ไม่สนใจหรอก
แต่คุณแฟนก่อนหน้านี้ชอบดื่มน้ำดำมากๆ เรียกว่าติดเลยทีเดียว
เค้าก็รู้ตัวนะคะว่ามันไม่ดี ก็เลยพยายามลดละเลิก
แต่เหตุผลไม่ใช่เรื่องความหวานหรือความอ้วน
เหตุผลคือ มันเป็นน้ำดำ แล้วก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาำำพไรงี้
(อันนี้ไม่มีอะไรพิสูจน์ๆ ว่าๆกันมาก็ว่าๆกันต่อไป ไม่ได้บอกว่าจริงหรือเปล่านะ)
แล้วก็มีคนบอกว่าถ้าเลิกน้ำดำไม่ได้ ก็ให้ทานน้ำสีอื่นแทน
ณ จุดนั้น เราก็เลยหาน้ำอัดลมแบบอื่นมาทานกัน
คุณแฟนหันไปดื่มน้ำขาวๆ สักพักนึง
จู่ๆวันดีคืนดี คุณแฟนก็เกิดไปหาข้อมูลมาให้ดูว่า
นี่ ดูสิ น้ำขาวๆมันมีน้ำตาลมากกว่าน้ำดำอีกอะ เราเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
(ไม่ได้เอาน้ำขาวมารีวิวนะ แบบว่าลืมหยิบมาจากตู้ เอาเป็นว่าว่างๆลองดู มันเยอะกว่าจริงๆ)
โค้ก 1 กระป๋องมีน้ำตาล 31 กรัม ให้พลังงาน 140 kcal
ส่วน Est 1 กระป๋องให้น้ำตาล 34 กรัม ให้พลังงาน 140 kcal เท่ากัน
(ส่วนตัวแล้วคิดว่า Est น่าจะแอบโกงพลังงานนิดนึง
เพราะว่าน้ำตาลมากกว่าไม่น่าจะให้เท่ากัน แต่น่าจะต่างกันนิดหน่อยเท่านั้น
แบบปัดเศษลงไรงี้)
แล้วเป๊ปซี่ล่ะ เนื่องจากปัจจุบันเป๊ปซี่เค้าเปลี่ยนปริมาณบรรจุให้น้อยกว่าชาวบ้านเค้า 100 มิลลิลิตร
ก็เลยทำให้เปรียบเทียบได้ยาก ต้องเทียบัญญัติไตรยางค์เอา
(สมัยนี้เค้ายังเรียบัญญัติไตรยางค์หรือเปล่า บ่งบอกอายุมากเลย)
นี่เป็นสาเหตุที่หยิบน้ำกลุ่มเป๊ปซี่มากระป๋องเดียว ขี้เกียจคิดเลขน่ะ
อันอื่นมันเทียบกันง่ายดี
น้ำตาล 25 กรัม ให้พลังงาน 100 kcal
ถ้าเทียบกลับไปที่ปริมาณเท่ากัน จะให้น้ำตาล 36 กรัม ให้พลังงาน 144 kcal
เห็นแล้วก็รู้สึกว่า โอ้ย น้ำตาลเยอะจังเลย
เท่านั้นแหละก็เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อมาคือ
ฮีก็หันไปดื่มประเภท 0 แคลอรีแทน
แล้วถ้าถามว่าไม่กลัวเรื่องน้ำสีดำแล้วเหรอ
ก็ต้องบอกว่า ณ เวลานี้ขอกลัวเรื่องปริมาณน้ำตาลก่อนดีกว่า
มันเห็นชัดกว่า เรื่องสีของน้ำนั่นก็แค่พูดต่อๆักันมา ไม่รู้จริงเปล่า
แต่น้ำตาลนี่ของจริงแท้
สำหรับคนที่สงสัยเหมือนเราคือ โค้กไลท์กับโค้กซีโร่ต่างกันยังไง
ความต่างคือ โค้กออกผลิตภัณฑ์ โค้กไลท์ออกมาก่อน
สำหรับคนรักสุขภาพ คือ น้ำตาล 0 แคลอรี่ 0
แต่ทว่ารสชาติกลับไม่ค่อยเหมือนโค้กรสธรรมดา
เลยมีการปรับปรุงสูตร ให้ออกมาเหมือนโค้กรสธรรมดาที่สุด
โดยยังคงมี น้ำตาล 0 แคลอรี่ 0 เช่นกัน ก็เลยเกิด โค้กซีโร่ขึ้นมา
ส่วนเราก็ไม่ค่อยได้ดื่มอะไรพวกนี้เหมือนเคยแหละ
แต่ถ้าวันไหนร้อนๆ หรือขับรถนานๆ หรือเหนื่อยๆ
ก็จะดื่มพวกคาลพิค แลคโตะ เพราะว่าเห็นว่ามันเป็นนมเปรี้ยว
วันหนึ่งคาลพิค แลคโตะหายไปจาก 7-11 ก็หาดื่มไม่ได้
เลยหันไปดื่มชเวปส์แทน ก็แบบเปรี้ยวๆหวานๆพอแทนกันได้
แล้ววันหนึ่งที่เราอยากดื่มชเวปส์ ให้คุณแฟนซื้อมาให้
ฮีก็ซื้อมาให้ แต่ยื่นให้พร้อมบอกว่า รู้หรือไม่ว่ามันมีน้ำตาลเท่าไหร่ ..
ในใจก็คิดว่า แหม มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว มันไม่ได้หวานมากนะ
41 กรัม พลังงาน 170 กิโลแคลอรี่
ห้ะ มากกว่าโค้กอีก ไอ่เราคิดว่ามันเปรี้ยวๆ ไม่คิดว่าจะน้ำตาลเยอะขนาดนี้
วันนั้นเลยเป็นวันลาจากชเวปส์โซดา กระป๋องนั้นคุณแฟนก็จัดการไป
เราเห็นน้ำตาลข้างกระป๋องแล้วทำใจไม่ได้ ดื่มไม่อร่อยเลย
อีกหลายเดือนต่อมา เราก็บังเอิญไปเจอคาลพิค แลคโตะในห้าง
กรี๊ดๆ วิ่งเข้าใส่แล้วกำลังจะหยิบไปจ่ายเงิน
พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ พลิกข้างกระป๋องดู
44 กรัม พลังงาน 180 กิโลแคลอรี่
โอ้ แม่เจ้า
เท่านั้นแหละก็เลยวางลงไว้ที่เดิมและสติเริ่มกลับมา
เราเลยรู้เลยว่า ทุกวันนี้เรากินน้ำตาลกันเยอะมากแค่ไหน
ในทุกๆวันนั้นเราจะต้องการน้ำตาลแค่ 30 กรัม ต่อวัน
(สำหรับคนที่ต้องการ 2,000 แคลอรี ต่อวัน)
แต่น้ำอัดลม 1 กระป๋องก็มีน้ำตาล 30-40 กรัมเข้าไปแล้ว
บอกว่ากรัมอาจจะคิดไม่ออก แต่น้ำตาล 4 กรัม = 1 ช้อนชา
เพราะงั้นใน 1 กระป่องน้ำอัดลม 8-10 ช้อนชา
โค้กธรรมดามีน้ำตาล 8 ช้อนชา
Est มีน้ำตาล 8.5 ช้อนชา
เป๊ปซี่มีน้ำตาล 9 ช้อนชา
ชเวปส์โซดา มีน้ำตาล 10 ช้อนชา
คาลพิค แลคโตะมีน้ำตาล 11 ช้อนชา
คิดว่ามากพอหรือยัง คาลพิค แลคโตะคิดว่าุสุดหรือยัง
เดี๋ยวใ้ห้ดูอะไร
48 กรัม พลังงาน 200 กิโลแคลอรี่
แปลว่า 12 ช้อนชาค่ะ
นี่ไม่รู้มาก่อนนะคะ แค่คิดว่าจะลองหยิบน้ำสีมาเทียบให้ดูสักกระป๋อง
ซึ่งไม่รู้เลยว่าสีอื่นจะหวานเท่านี้ น้อยกว่านี้ หรือมากกว่านี้
แล้วถ้าลองคิดดูว่าจากโค้กธรรมดา มาเป็นน้ำแดง Est
มันต่างกันถึง 4 ช้อนชา มันจำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอกับน้ำตาลถึง 12 ช้อนชา
กับน้ำปริมาณแค่นี้...
จะดีเหรอคะ เวลาเราดื่มกาแฟตอนเช้า (ไม่ดื่มอีกเหมือนกัน)
เราใส่กาแฟ 2 ช้อนชาก็รู้สึกว่า โอ๊ะ เยอะแล้ว เดี๋ยวอ้วน
แต่พอเราดื่มน้ำอัดลมเรากลับไม่คิดแบบนั้น
แค่กระป๋องเดียวก็เกินน้ำตาลที่ร่างกายต้องการต่อวัน ที่เหลือต้องเบิร์นทิ้งนะคะ
การดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานเป็นเรื่องที่ทำให้อ้วนง่ายและเร็วเกินไป
คือ สำหรับเราแล้วมันไม่อิ่ม อร่อย ขนาดยอมเสียแคลอรีกับเรื่องนี้
พลังงาน 200 กิโลแคลนี่มากกว่าไข่ดาว 1 ฟอง หรือข้าว 1 ทัพพีเสียอีก
(ซึ่งน้ำหวานมันไม่อิ่ม อันนี้เราเลยไม่ค่อยชอบใจ เพราะอยากอิ่มมากกว่า อิอิ)
แต่เรามาเสียจริตกับชาไข่มุก 555
คือ อดไม่ได้จริงๆ แต่ไม่ดื่มบ่อย ประมาณอาทิตย์ละครั้งหรือ 2 อาทิตย์ 1 ครั้ง
และเลือกร้านที่สามารถเลือกปริมาณน้ำตาลได้
ก็เป็นคนไม่ชอบหวาน จะชงกันมาให้หวานๆกันทำไมเนี่ย
เพราะฉะนั้นเราไม่ใช่คนที่มาเครียดว่า อุ้ย เดี๋ยวอ้วนๆ กินไม่ได้ๆ
แต่เพื่อนๆที่กินข้าวด้วยนี่จะรู้เลยว่า ให้หล่อนกิน เดี๋ยวหล่อนก็ไปเบิร์น
หล่อนจงกินต่อไป และช่วยพวกเรากินเข้าไปเยอะๆด้วย เพราะชั้นไม่ได้ไปเบิร์นกับหล่อน
แต่เราจะรู้ตัวว่า เรากินอะไรที่แคลเยอะ แคลน้อย (ไม่ได้นับแล้วนะคะ)
วันนี้กินเยอะ พรุ่งนี้ก็กินให้น้อยลง วันนี้แคลเกินแล้ว เบิร์นเยอะหน่อย ทำนองนั้น
คือ สุดท้ายแล้วอยากจะบอกว่า อย่าไปเครียดมากกับการเลือกกินหรือดื่มอะไร
เพราะว่าเราไม่อยากใช้ชีวิตหวาดระแวงตลอดเวลา
นั่นไม่ได้ นี่ไม่ได้ เดี๋ยวอ้วน เดี๋ยวโน่น เดี๋ยวนี่
คือ อยากให้มีความสุขกับการกิน การใช้ชีวิต
เราอยากกินอะไรก็กิน แต่กินแล้วก็ต้องรู้ตัวนะว่ากินอะไรเข้าไป
แล้วจะส่งผลอะไรต่อเราในอนาคต
เราอาจจะกินน้ำอัดลมบ้างก็ได้ แต่ก็ต้องรู้นะว่า
น้ำอัดลม 1 กระป๋องมีน้ำตาลเท่าไหร่ และทำให้เราผอมช้าลงนิดนึง
ซึ่งถ้ายอม ก็ต้องยอมรับผลของมัน
แต่ถ้ายังดื้อดึงดื่มเยอะๆทุกวันก็ต้องกราบสวัสดีเช่นกัน
น้ำตาลน่ะ มันไม่ได้ทำให้อ้วนอย่างเดียว
แต่มันก่อใ้ห้เกิดสารพัดโรคตามมาที่บั่นทอนสุขภาพเรา
ปกติทุกวันที่เรากินอาหารนอกบ้าน น้ำตาลก็เยอะอยู่แล้ว
แล้วถ้าได้น้ำอัดลมทุกมื้อ ไม่ยิ่งแย่เหรอคะ ลองคิดดูนะ
ส่วนถ้าถามว่า แล้วถ้าอดไม่ได้จะดื่มอะไรดี
อันนี้ก็ลองเลือกกันเองนะ เพราะบางคนก็ทานประเภท 0 แคลอรี่ไ่ม่ได้จริงๆ
บอกว่ารสชาติมันไม่ใช่ ไม่ได้ ก็ลองเลือกกันดู ว่าจะลดปริมาณ
หรือจะเปลี่ยนประเภท หรือจะเปลี่ยนยี่ห้อ
เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องแคลอรีให้ฟังแบบสบายๆอีกทีนึง
สอนวิธีคิด วิธีนับแคลอรี และการใช้ชีวิตกับแคลอรีนะคะ
https://www.facebook.com/ihealthdiary
กระทู้เก่าๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายและสุขภาพ
http://ppantip.com/topic/31133697/
เมื่อวัย 35 อยากมีเอว 24... อย่างไร??
http://ppantip.com/topic/31167916
ใครว่าวิ่งแล้วขาใหญ่ มาพิสูจน์กัน ..
ความหวานที่คาดไม่ถึงกับน้ำกระป๋องเล็กๆใกล้ๆตัว
หรือรับเงินใครมาเขียนอันนี้ แต่เป็นความเห็นจากผู้บริโภคอย่างเราล้วนๆ
และทั้งหมดที่เอามารีวิวพูดอยู่บนความเป็นจริงทั้งหมด
(น้ำอัดลมทุกกระป๋องนี้ก็ซื้อมาเองด้วย)
ปกติเป็นคนไม่ดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานเท่าไหร่
เอาเป็นว่า โดยธรรมชาติที่แม่เลี้ยงมานี่ไม่ค่อยให้กินหวาน
ก็เลยไม่เป็นคนติดหวาน ไม่เลี้ยงด้วยน้ำอัดลม
สมัยก่อนเด็กๆนี่ที่บ้านถือว่าน้ำอัดลมเป็นของแพง เป็นของฟุ่มเฟือย
เด็กๆไม่มีสิทธิ์ดื่ม ว่างั้น ก็เลยกลายเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดื่มน้ำอัดลมเท่าไหร่
ช่วงๆหลังๆจะมีคนรณรงค์ว่า น้ำอัดลมทำให้อ้วน งั้นงี้ๆ
เราซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับน้ำอัดลมเท่าไหร่ก็ไม่สนใจหรอก
แต่คุณแฟนก่อนหน้านี้ชอบดื่มน้ำดำมากๆ เรียกว่าติดเลยทีเดียว
เค้าก็รู้ตัวนะคะว่ามันไม่ดี ก็เลยพยายามลดละเลิก
แต่เหตุผลไม่ใช่เรื่องความหวานหรือความอ้วน
เหตุผลคือ มันเป็นน้ำดำ แล้วก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาำำพไรงี้
(อันนี้ไม่มีอะไรพิสูจน์ๆ ว่าๆกันมาก็ว่าๆกันต่อไป ไม่ได้บอกว่าจริงหรือเปล่านะ)
แล้วก็มีคนบอกว่าถ้าเลิกน้ำดำไม่ได้ ก็ให้ทานน้ำสีอื่นแทน
ณ จุดนั้น เราก็เลยหาน้ำอัดลมแบบอื่นมาทานกัน
คุณแฟนหันไปดื่มน้ำขาวๆ สักพักนึง
จู่ๆวันดีคืนดี คุณแฟนก็เกิดไปหาข้อมูลมาให้ดูว่า
นี่ ดูสิ น้ำขาวๆมันมีน้ำตาลมากกว่าน้ำดำอีกอะ เราเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
(ไม่ได้เอาน้ำขาวมารีวิวนะ แบบว่าลืมหยิบมาจากตู้ เอาเป็นว่าว่างๆลองดู มันเยอะกว่าจริงๆ)
โค้ก 1 กระป๋องมีน้ำตาล 31 กรัม ให้พลังงาน 140 kcal
ส่วน Est 1 กระป๋องให้น้ำตาล 34 กรัม ให้พลังงาน 140 kcal เท่ากัน
(ส่วนตัวแล้วคิดว่า Est น่าจะแอบโกงพลังงานนิดนึง
เพราะว่าน้ำตาลมากกว่าไม่น่าจะให้เท่ากัน แต่น่าจะต่างกันนิดหน่อยเท่านั้น
แบบปัดเศษลงไรงี้)
แล้วเป๊ปซี่ล่ะ เนื่องจากปัจจุบันเป๊ปซี่เค้าเปลี่ยนปริมาณบรรจุให้น้อยกว่าชาวบ้านเค้า 100 มิลลิลิตร
ก็เลยทำให้เปรียบเทียบได้ยาก ต้องเทียบัญญัติไตรยางค์เอา
(สมัยนี้เค้ายังเรียบัญญัติไตรยางค์หรือเปล่า บ่งบอกอายุมากเลย)
นี่เป็นสาเหตุที่หยิบน้ำกลุ่มเป๊ปซี่มากระป๋องเดียว ขี้เกียจคิดเลขน่ะ
อันอื่นมันเทียบกันง่ายดี
น้ำตาล 25 กรัม ให้พลังงาน 100 kcal
ถ้าเทียบกลับไปที่ปริมาณเท่ากัน จะให้น้ำตาล 36 กรัม ให้พลังงาน 144 kcal
เห็นแล้วก็รู้สึกว่า โอ้ย น้ำตาลเยอะจังเลย
เท่านั้นแหละก็เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อมาคือ
ฮีก็หันไปดื่มประเภท 0 แคลอรีแทน
แล้วถ้าถามว่าไม่กลัวเรื่องน้ำสีดำแล้วเหรอ
ก็ต้องบอกว่า ณ เวลานี้ขอกลัวเรื่องปริมาณน้ำตาลก่อนดีกว่า
มันเห็นชัดกว่า เรื่องสีของน้ำนั่นก็แค่พูดต่อๆักันมา ไม่รู้จริงเปล่า
แต่น้ำตาลนี่ของจริงแท้
สำหรับคนที่สงสัยเหมือนเราคือ โค้กไลท์กับโค้กซีโร่ต่างกันยังไง
ความต่างคือ โค้กออกผลิตภัณฑ์ โค้กไลท์ออกมาก่อน
สำหรับคนรักสุขภาพ คือ น้ำตาล 0 แคลอรี่ 0
แต่ทว่ารสชาติกลับไม่ค่อยเหมือนโค้กรสธรรมดา
เลยมีการปรับปรุงสูตร ให้ออกมาเหมือนโค้กรสธรรมดาที่สุด
โดยยังคงมี น้ำตาล 0 แคลอรี่ 0 เช่นกัน ก็เลยเกิด โค้กซีโร่ขึ้นมา
ส่วนเราก็ไม่ค่อยได้ดื่มอะไรพวกนี้เหมือนเคยแหละ
แต่ถ้าวันไหนร้อนๆ หรือขับรถนานๆ หรือเหนื่อยๆ
ก็จะดื่มพวกคาลพิค แลคโตะ เพราะว่าเห็นว่ามันเป็นนมเปรี้ยว
วันหนึ่งคาลพิค แลคโตะหายไปจาก 7-11 ก็หาดื่มไม่ได้
เลยหันไปดื่มชเวปส์แทน ก็แบบเปรี้ยวๆหวานๆพอแทนกันได้
แล้ววันหนึ่งที่เราอยากดื่มชเวปส์ ให้คุณแฟนซื้อมาให้
ฮีก็ซื้อมาให้ แต่ยื่นให้พร้อมบอกว่า รู้หรือไม่ว่ามันมีน้ำตาลเท่าไหร่ ..
ในใจก็คิดว่า แหม มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว มันไม่ได้หวานมากนะ
41 กรัม พลังงาน 170 กิโลแคลอรี่
ห้ะ มากกว่าโค้กอีก ไอ่เราคิดว่ามันเปรี้ยวๆ ไม่คิดว่าจะน้ำตาลเยอะขนาดนี้
วันนั้นเลยเป็นวันลาจากชเวปส์โซดา กระป๋องนั้นคุณแฟนก็จัดการไป
เราเห็นน้ำตาลข้างกระป๋องแล้วทำใจไม่ได้ ดื่มไม่อร่อยเลย
อีกหลายเดือนต่อมา เราก็บังเอิญไปเจอคาลพิค แลคโตะในห้าง
กรี๊ดๆ วิ่งเข้าใส่แล้วกำลังจะหยิบไปจ่ายเงิน
พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ พลิกข้างกระป๋องดู
44 กรัม พลังงาน 180 กิโลแคลอรี่
โอ้ แม่เจ้า
เท่านั้นแหละก็เลยวางลงไว้ที่เดิมและสติเริ่มกลับมา
เราเลยรู้เลยว่า ทุกวันนี้เรากินน้ำตาลกันเยอะมากแค่ไหน
ในทุกๆวันนั้นเราจะต้องการน้ำตาลแค่ 30 กรัม ต่อวัน
(สำหรับคนที่ต้องการ 2,000 แคลอรี ต่อวัน)
แต่น้ำอัดลม 1 กระป๋องก็มีน้ำตาล 30-40 กรัมเข้าไปแล้ว
บอกว่ากรัมอาจจะคิดไม่ออก แต่น้ำตาล 4 กรัม = 1 ช้อนชา
เพราะงั้นใน 1 กระป่องน้ำอัดลม 8-10 ช้อนชา
โค้กธรรมดามีน้ำตาล 8 ช้อนชา
Est มีน้ำตาล 8.5 ช้อนชา
เป๊ปซี่มีน้ำตาล 9 ช้อนชา
ชเวปส์โซดา มีน้ำตาล 10 ช้อนชา
คาลพิค แลคโตะมีน้ำตาล 11 ช้อนชา
คิดว่ามากพอหรือยัง คาลพิค แลคโตะคิดว่าุสุดหรือยัง
เดี๋ยวใ้ห้ดูอะไร
48 กรัม พลังงาน 200 กิโลแคลอรี่
แปลว่า 12 ช้อนชาค่ะ
นี่ไม่รู้มาก่อนนะคะ แค่คิดว่าจะลองหยิบน้ำสีมาเทียบให้ดูสักกระป๋อง
ซึ่งไม่รู้เลยว่าสีอื่นจะหวานเท่านี้ น้อยกว่านี้ หรือมากกว่านี้
แล้วถ้าลองคิดดูว่าจากโค้กธรรมดา มาเป็นน้ำแดง Est
มันต่างกันถึง 4 ช้อนชา มันจำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอกับน้ำตาลถึง 12 ช้อนชา
กับน้ำปริมาณแค่นี้...
จะดีเหรอคะ เวลาเราดื่มกาแฟตอนเช้า (ไม่ดื่มอีกเหมือนกัน)
เราใส่กาแฟ 2 ช้อนชาก็รู้สึกว่า โอ๊ะ เยอะแล้ว เดี๋ยวอ้วน
แต่พอเราดื่มน้ำอัดลมเรากลับไม่คิดแบบนั้น
แค่กระป๋องเดียวก็เกินน้ำตาลที่ร่างกายต้องการต่อวัน ที่เหลือต้องเบิร์นทิ้งนะคะ
การดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานเป็นเรื่องที่ทำให้อ้วนง่ายและเร็วเกินไป
คือ สำหรับเราแล้วมันไม่อิ่ม อร่อย ขนาดยอมเสียแคลอรีกับเรื่องนี้
พลังงาน 200 กิโลแคลนี่มากกว่าไข่ดาว 1 ฟอง หรือข้าว 1 ทัพพีเสียอีก
(ซึ่งน้ำหวานมันไม่อิ่ม อันนี้เราเลยไม่ค่อยชอบใจ เพราะอยากอิ่มมากกว่า อิอิ)
แต่เรามาเสียจริตกับชาไข่มุก 555
คือ อดไม่ได้จริงๆ แต่ไม่ดื่มบ่อย ประมาณอาทิตย์ละครั้งหรือ 2 อาทิตย์ 1 ครั้ง
และเลือกร้านที่สามารถเลือกปริมาณน้ำตาลได้
ก็เป็นคนไม่ชอบหวาน จะชงกันมาให้หวานๆกันทำไมเนี่ย
เพราะฉะนั้นเราไม่ใช่คนที่มาเครียดว่า อุ้ย เดี๋ยวอ้วนๆ กินไม่ได้ๆ
แต่เพื่อนๆที่กินข้าวด้วยนี่จะรู้เลยว่า ให้หล่อนกิน เดี๋ยวหล่อนก็ไปเบิร์น
หล่อนจงกินต่อไป และช่วยพวกเรากินเข้าไปเยอะๆด้วย เพราะชั้นไม่ได้ไปเบิร์นกับหล่อน
แต่เราจะรู้ตัวว่า เรากินอะไรที่แคลเยอะ แคลน้อย (ไม่ได้นับแล้วนะคะ)
วันนี้กินเยอะ พรุ่งนี้ก็กินให้น้อยลง วันนี้แคลเกินแล้ว เบิร์นเยอะหน่อย ทำนองนั้น
คือ สุดท้ายแล้วอยากจะบอกว่า อย่าไปเครียดมากกับการเลือกกินหรือดื่มอะไร
เพราะว่าเราไม่อยากใช้ชีวิตหวาดระแวงตลอดเวลา
นั่นไม่ได้ นี่ไม่ได้ เดี๋ยวอ้วน เดี๋ยวโน่น เดี๋ยวนี่
คือ อยากให้มีความสุขกับการกิน การใช้ชีวิต
เราอยากกินอะไรก็กิน แต่กินแล้วก็ต้องรู้ตัวนะว่ากินอะไรเข้าไป
แล้วจะส่งผลอะไรต่อเราในอนาคต
เราอาจจะกินน้ำอัดลมบ้างก็ได้ แต่ก็ต้องรู้นะว่า
น้ำอัดลม 1 กระป๋องมีน้ำตาลเท่าไหร่ และทำให้เราผอมช้าลงนิดนึง
ซึ่งถ้ายอม ก็ต้องยอมรับผลของมัน
แต่ถ้ายังดื้อดึงดื่มเยอะๆทุกวันก็ต้องกราบสวัสดีเช่นกัน
น้ำตาลน่ะ มันไม่ได้ทำให้อ้วนอย่างเดียว
แต่มันก่อใ้ห้เกิดสารพัดโรคตามมาที่บั่นทอนสุขภาพเรา
ปกติทุกวันที่เรากินอาหารนอกบ้าน น้ำตาลก็เยอะอยู่แล้ว
แล้วถ้าได้น้ำอัดลมทุกมื้อ ไม่ยิ่งแย่เหรอคะ ลองคิดดูนะ
ส่วนถ้าถามว่า แล้วถ้าอดไม่ได้จะดื่มอะไรดี
อันนี้ก็ลองเลือกกันเองนะ เพราะบางคนก็ทานประเภท 0 แคลอรี่ไ่ม่ได้จริงๆ
บอกว่ารสชาติมันไม่ใช่ ไม่ได้ ก็ลองเลือกกันดู ว่าจะลดปริมาณ
หรือจะเปลี่ยนประเภท หรือจะเปลี่ยนยี่ห้อ
เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องแคลอรีให้ฟังแบบสบายๆอีกทีนึง
สอนวิธีคิด วิธีนับแคลอรี และการใช้ชีวิตกับแคลอรีนะคะ
https://www.facebook.com/ihealthdiary
กระทู้เก่าๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายและสุขภาพ
http://ppantip.com/topic/31133697/
เมื่อวัย 35 อยากมีเอว 24... อย่างไร??
http://ppantip.com/topic/31167916
ใครว่าวิ่งแล้วขาใหญ่ มาพิสูจน์กัน ..