อยากผอมแต่ไม่อยากวิ่ง ไม่อยากปั่นจักรยาน เพราะ เค้าว่ากันว่า..ขาจะใหญ่
เห็นกระทู้หรือเจอคำถามแบบนี้บ่อยมากถึงมากที่สุด
เราขอพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า
ไม่จริง
อย่างที่เล่าไปแล้วกระทู้ก่อนว่าตอนออกกำลังกายใหม่ๆ
ไม่ชอบการวิ่งเลยจริงๆเพราะกลัวเหนื่อย
เมื่อป้าวัย 35 อยากมีเอว 24...
http://ppantip.com/topic/31133697/
แต่สุดท้ายก็วิ่งเกือบทุกวัน วันละ 5 กิโลบ้าง 10 กิโลบ้าง
วันไหนตั้งใจจะเข้าคลาสก็วอร์มนิดๆหน่อยๆประมาณ 2-3 กิโล
รวมๆแล้วสัปดาห์หนึ่งไม่มีทางต่ำกว่า 20 กิโล ไม่รวมการเข้าคลาส RPM
แล้วขาใหญ่ขึ้นมั้ย
ให้ดูข้อพิสูจน์ ปี 2010 เป็นปีที่ยังไม่เริ่มวิ่ง อาจจะมีเล่นโยคะบ้างนิดหน่อย
ส่วนปี 2013 นี่วิ่งมาแล้วเกือบ 3 ปี เริ่มจาก 3 กิโล จนถึง 10 กิโล
แต่ปกติจะวิ่งที่ 5 กิโลทุกวัน หรือ RPM 1 ชั่วโมง
(RPM คือ คลาสปั่นจักรยานตามเสียงเพลง) หรือปั่นเองไม่ต่ำกว่า 20 กิโล
ทำแบบนี้เกือบทุกวัน ย้ำ เกือบทุกวัน คือออกกำลังกาย 6-7 วันต่อสัปดาห์ค่ะ
มีหยุดประมาณ 2 อาทิตย์ 1 ครั้ง
ดูกันเอาเองละกันค่ะว่าขาใหญ่ขึ้นหรือไม่
ไม่มีใครทักเลยว่าขาใหญ่ ขาเป็นกล้ามหรืออะไรไม่มีเลยจริงๆ
พอเราวิ่งเราพบว่า ขาเรากระชับขึ้นเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น
แต่มันไม่ใหญ่กว่าเดิมเลย
คนขาใหญ่เค้าใหญ่ของเค้าอยู่แล้ว
ไม่ได้ใหญ่เพราะการวิ่งหรอก
แต่การวิ่งทำให้ขาเป็นรูปมากขึ้น
คนขาใหญ่ก็อาจจะทำให้เห็นปลีน่องที่ชัดขึ้นเท่านั้น
แต่ไม่ได้มีส่วนทำให้ขาใหญ่ขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนเราเองเวลาเกร็งขาก็เห็นกล้ามเนื้อเหมือนกัน
แต่มันไม่ได้น่าเกลียดขนาดมีคนเห็นแล้วทักว่า เฮ้ย ไปทำอะไรมา
ไม่บอกใครก็ไม่มีใครรู้เลยจริงๆนะคะว่า เราวิ่งเกือบทุกวันวันละ 5 กิโล
ความเร็วประมาณ 10 km/hr
หรือถ้าอยากเห็นพัฒนาการความใหญ่ของขา ก็ให้ดูเลยค่ะ
2010 ยังไม่เริ่มวิ่ง
2011 เริ่มวิ่งนิดหน่อย
2012-2013 ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 กิโล
การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ลดน้ำหนักและไขมันเร็วที่สุด
เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่พออยากลดน้ำหนักแล้ว
คนที่ออกกำลังกายเค้าถึงแนะนำให้วิ่ง เพราะมันเร็วสุด แต่ก็เหนื่อยสุดจริง
ไม่มีอะไรได้มาได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากเกินความตั้งใจ
และเวลาบอกใครๆว่าให้วิ่ง ทุกคนจะบอกว่า ไม่เอา เดี๋ยวขาใหญ่
พอเราบอกว่า นี่ ดูขาเรา ใหญ่มั้ย ก็จะงอแงว่า ก็เราขาเล็กอยู่แล้ว วิ่งก็ไม่ใหญ่หรอก
คือ ถ้าหากว่าวิ่งแล้วขาใหญ่จริง
มันไม่เกี่ยวว่าจะขาใหญ่หรือจะขาเล็กหรอก มันก็ต้องใหญ่ขึ้นจริงปะคะ
แต่ว่านี่ต่อให้ขาเล็กมันก็ไม่ใหญ่ขึ้น
ขาใหญ่อยู่แล้วก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้เกิดจากการวิ่งนะ
เพราะฉะนั้นจะออกกำลังกายก็เริ่มเถอะค่ะ
กลัวนั่นกลัวนี่ แต่ไม่กลัวอ้วนไปกว่านี้ก็ไม่ไหวนะคะ
Tip1 เวลาวิ่งให้วิ่งลงส้นเท้าและเลือกรองเท้าวิ่งที่ดีจะได้ช่วยให้ขาไม่เจ็บ ไม่ต้องห่วงเรื่องการเสื่อมของข้อเข่า เพราะถึงไม่วิ่งแก่ตัวไปข้อเข่าก็จะเสื่อมอยู่แล้ว การวิ่งสมัยยังหนุ่มยังสาวจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงไม่ใช้งานข้อเข่ามากเท่าคนที่ไม่ออกกำลังกายรับน้ำหนักที่น้อยลงเพราะน้ำหนักกระจายลงกล้ามเนื้อมากกว่าช่วยยืดอายุข้อเข่าตอนแก่ตัวออกไปอีกด้วย
Tip2 ถึงแม้วิ่งจะเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็มีความเสี่ยงให้เจ็บถ้าหากวิ่งมากเกินไป หรือน้ำหนักมาก หรืออายุมากก็ควรเริ่มต้นที่การเดินเร็วก่อน พอน้ำหนักลดลง หรือเริ่มแข็งแรงขึ้นจึงปรับมาเป็นการวิ่งเหยาะๆและมากขึ้นตามลำดับอย่าหักโหม
https://www.facebook.com/ihealthdiary
ใครว่าวิ่งแล้วขาใหญ่ มาพิสูจน์กัน ..
เห็นกระทู้หรือเจอคำถามแบบนี้บ่อยมากถึงมากที่สุด
เราขอพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า
ไม่จริง
อย่างที่เล่าไปแล้วกระทู้ก่อนว่าตอนออกกำลังกายใหม่ๆ
ไม่ชอบการวิ่งเลยจริงๆเพราะกลัวเหนื่อย
เมื่อป้าวัย 35 อยากมีเอว 24...
http://ppantip.com/topic/31133697/
แต่สุดท้ายก็วิ่งเกือบทุกวัน วันละ 5 กิโลบ้าง 10 กิโลบ้าง
วันไหนตั้งใจจะเข้าคลาสก็วอร์มนิดๆหน่อยๆประมาณ 2-3 กิโล
รวมๆแล้วสัปดาห์หนึ่งไม่มีทางต่ำกว่า 20 กิโล ไม่รวมการเข้าคลาส RPM
แล้วขาใหญ่ขึ้นมั้ย
ให้ดูข้อพิสูจน์ ปี 2010 เป็นปีที่ยังไม่เริ่มวิ่ง อาจจะมีเล่นโยคะบ้างนิดหน่อย
ส่วนปี 2013 นี่วิ่งมาแล้วเกือบ 3 ปี เริ่มจาก 3 กิโล จนถึง 10 กิโล
แต่ปกติจะวิ่งที่ 5 กิโลทุกวัน หรือ RPM 1 ชั่วโมง
(RPM คือ คลาสปั่นจักรยานตามเสียงเพลง) หรือปั่นเองไม่ต่ำกว่า 20 กิโล
ทำแบบนี้เกือบทุกวัน ย้ำ เกือบทุกวัน คือออกกำลังกาย 6-7 วันต่อสัปดาห์ค่ะ
มีหยุดประมาณ 2 อาทิตย์ 1 ครั้ง
ดูกันเอาเองละกันค่ะว่าขาใหญ่ขึ้นหรือไม่
ไม่มีใครทักเลยว่าขาใหญ่ ขาเป็นกล้ามหรืออะไรไม่มีเลยจริงๆ
พอเราวิ่งเราพบว่า ขาเรากระชับขึ้นเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น
แต่มันไม่ใหญ่กว่าเดิมเลย
คนขาใหญ่เค้าใหญ่ของเค้าอยู่แล้ว
ไม่ได้ใหญ่เพราะการวิ่งหรอก
แต่การวิ่งทำให้ขาเป็นรูปมากขึ้น
คนขาใหญ่ก็อาจจะทำให้เห็นปลีน่องที่ชัดขึ้นเท่านั้น
แต่ไม่ได้มีส่วนทำให้ขาใหญ่ขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนเราเองเวลาเกร็งขาก็เห็นกล้ามเนื้อเหมือนกัน
แต่มันไม่ได้น่าเกลียดขนาดมีคนเห็นแล้วทักว่า เฮ้ย ไปทำอะไรมา
ไม่บอกใครก็ไม่มีใครรู้เลยจริงๆนะคะว่า เราวิ่งเกือบทุกวันวันละ 5 กิโล
ความเร็วประมาณ 10 km/hr
หรือถ้าอยากเห็นพัฒนาการความใหญ่ของขา ก็ให้ดูเลยค่ะ
2010 ยังไม่เริ่มวิ่ง
2011 เริ่มวิ่งนิดหน่อย
2012-2013 ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 กิโล
การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ลดน้ำหนักและไขมันเร็วที่สุด
เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่พออยากลดน้ำหนักแล้ว
คนที่ออกกำลังกายเค้าถึงแนะนำให้วิ่ง เพราะมันเร็วสุด แต่ก็เหนื่อยสุดจริง
ไม่มีอะไรได้มาได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากเกินความตั้งใจ
และเวลาบอกใครๆว่าให้วิ่ง ทุกคนจะบอกว่า ไม่เอา เดี๋ยวขาใหญ่
พอเราบอกว่า นี่ ดูขาเรา ใหญ่มั้ย ก็จะงอแงว่า ก็เราขาเล็กอยู่แล้ว วิ่งก็ไม่ใหญ่หรอก
คือ ถ้าหากว่าวิ่งแล้วขาใหญ่จริง
มันไม่เกี่ยวว่าจะขาใหญ่หรือจะขาเล็กหรอก มันก็ต้องใหญ่ขึ้นจริงปะคะ
แต่ว่านี่ต่อให้ขาเล็กมันก็ไม่ใหญ่ขึ้น
ขาใหญ่อยู่แล้วก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้เกิดจากการวิ่งนะ
เพราะฉะนั้นจะออกกำลังกายก็เริ่มเถอะค่ะ
กลัวนั่นกลัวนี่ แต่ไม่กลัวอ้วนไปกว่านี้ก็ไม่ไหวนะคะ
Tip1 เวลาวิ่งให้วิ่งลงส้นเท้าและเลือกรองเท้าวิ่งที่ดีจะได้ช่วยให้ขาไม่เจ็บ ไม่ต้องห่วงเรื่องการเสื่อมของข้อเข่า เพราะถึงไม่วิ่งแก่ตัวไปข้อเข่าก็จะเสื่อมอยู่แล้ว การวิ่งสมัยยังหนุ่มยังสาวจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงไม่ใช้งานข้อเข่ามากเท่าคนที่ไม่ออกกำลังกายรับน้ำหนักที่น้อยลงเพราะน้ำหนักกระจายลงกล้ามเนื้อมากกว่าช่วยยืดอายุข้อเข่าตอนแก่ตัวออกไปอีกด้วย
Tip2 ถึงแม้วิ่งจะเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็มีความเสี่ยงให้เจ็บถ้าหากวิ่งมากเกินไป หรือน้ำหนักมาก หรืออายุมากก็ควรเริ่มต้นที่การเดินเร็วก่อน พอน้ำหนักลดลง หรือเริ่มแข็งแรงขึ้นจึงปรับมาเป็นการวิ่งเหยาะๆและมากขึ้นตามลำดับอย่าหักโหม
https://www.facebook.com/ihealthdiary