สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
หลังจากนั้นก็จะพุ่งพรวดจ้า ฟันธง มันไม่ต่างจากการอดอาหารซักเท่าไหร
ไม่งั้นก็ต้องกินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เพราะไม่ได้ออกกำลัง + กินไม่พอ => ไม่ได้สร้างกล้ามเนื้อ + กล้ามเนื้อสลายจากไม่ได้ใช้และใช้ไปเป็นพลังงาน = น้ำหนักลดเพราะกล้ามลด ไขมันเท่าเดิม
พอได้น้ำหนักที่พอใจ => กลับมากินเหมือนเดิม แต่แหล่งใช้พลังงานลดลง => สะสมไขมันมากขึ้น ลดน้ำหนักยากขึ้น
ที่แย่กว่านั้นคือเรื่องสารอาหาร และการสะสมของแคลเซียมในมวลกระดูก ถึงแม้จะกินเสริมแต่ไม่ออกกำลังกายก็ไร้ผล
ค่อยๆใจเย็นๆ ลดทีละนิด ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยช์น มีสุขภาพที่ดี ดีกว่ากันเยอะ ^^
ไม่งั้นก็ต้องกินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เพราะไม่ได้ออกกำลัง + กินไม่พอ => ไม่ได้สร้างกล้ามเนื้อ + กล้ามเนื้อสลายจากไม่ได้ใช้และใช้ไปเป็นพลังงาน = น้ำหนักลดเพราะกล้ามลด ไขมันเท่าเดิม
พอได้น้ำหนักที่พอใจ => กลับมากินเหมือนเดิม แต่แหล่งใช้พลังงานลดลง => สะสมไขมันมากขึ้น ลดน้ำหนักยากขึ้น
ที่แย่กว่านั้นคือเรื่องสารอาหาร และการสะสมของแคลเซียมในมวลกระดูก ถึงแม้จะกินเสริมแต่ไม่ออกกำลังกายก็ไร้ผล
ค่อยๆใจเย็นๆ ลดทีละนิด ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยช์น มีสุขภาพที่ดี ดีกว่ากันเยอะ ^^
ความคิดเห็นที่ 75
เราขอเล่าประสบการณ์ตรงละกันนะคะ อยากให้คุณได้อ่านซักนิด
ส่วนอ่านแล้วจะตัดสินใจอย่างไร อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วค่ะ
++เป็นเรื่องที่เราเคยไปเล่าไว้ในกระทู้หนึ่ง++
++++++++++++++++++++++++++
ขอเล่าประสบการณ์นะคะ...
เราเคยทานแบบนับแคลค่ะ
+- ไม่เกิน 1200 แต่ส่วนมากมักโกงตัวเอง ทานไม่เกิน 1000
แต่ละวันทานคาร์บน้อยมาก จะทานมื้อเช้า กลางวันแทบไม่แตะ เย็นไม่ต้องพูดถึง
เราออกกำลังกาย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ทุกวัน
น้ำหนักเราลดลง 12 Kg.ไม่ถึงครึ่งปี (จาก 48เหลือ36 สูง148 c.m. )
ผอมลงเยอะมาก ถามว่าดีใจมั๊ย มากค่ะ ปลาบปลื้มสุดๆ
แต่ทุกคนทักเป็นเสียงเดียวกันว่า... โคตรโทรม ป่วย
และเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เหมือนเอธิโอเปีย
ตั้งแต่ปีใหม่ หลุดค่ะ ตบะแตก
กินแบบยัด ไม่จุก ไม่อ้วก ไม่อาเจียนไม่เลิก
เราไม่เคยล้วงคอนะคะ แต่กินจนมันอ้วกออกมาเองค่ะ
กินเยอะมาก และสังเกตตัวเองส่วนมากทานแต่ขนม เบเกอรี่
เพราะอะไร..? เพราะเราอดแป้งมานานค่ะ เลยเกิดอาการอยาก
พอมันหลุด ทีนี้คุมไม่อยู่ค่ะ กินๆๆๆ กินลูกเดียว ตีสองตีสามนั่งกิน
ห้าเดือนจากปีใหม่ น.น.เราเด้งกลับมาเป็นหนัก 57 kg. ค่ะ
ระหว่างนั้นก็คิดว่าอ้วนแล้วนะ บวมว่ะ แต่หยุดกินไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยค่ะ
จนสุดท้ายรับสภาพตัวเองไม่ไหว นี่ชั้นเป็นอะไรไป
เปลี่ยนค่ะ หันมาทานครบสามมื้อ ทานข้าวกล้อง ข้าวดำ ข้าวโอ๊ต
ทานโปรตีนไข่ ไก่ นมถั่วเหลือง ทานผัก ผลไม้ ยังมีหลุดบ้างบางครั้ง
แต่รู้สึกว่าชีวิตโอเคขึ้นเยอะ มีความสุขกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ต้องมานั่งจิตตก
บวกกับพยายามบังคับห้ตัวเองออกกำลังกายต่อ
หลังจากที่ช่วงหลุดตบะแตกเว้นออกกำลังกายไป
ตอนนี้น.น.เท่าไหร่ เราไม่ทราบค่ะ ที่หอเราไม่มีตาชั่ง
แต่ก่อนอาบน้ำทุกวัน เราชอบแก้ผ้าส่องกระจก หมุนมันอยู่นั่น
ด้านหน้า ด้านข้าง พุง เอว สะโพก ก้น สำรวจมันเข้าไป ส่องทุกวัน
พอเห็นความเปลี่ยนแปลงก็ดีใจ มันทำให้เราสู้ต่อ
ทุกวันนี้เราไม่ได้ทานเป๊ะๆ นะคะ พยายามทานคลีน
แต่ไม่คลีนซักที ยังมีขนม ไอติมบ้าง ทานแบบไม่กดดัน
ยิ่งเราบังคับ ฝืนตัวเอง มันจะยิ่งเครียด สุดท้ายมันก็ระเบิด
เราเข้าใจคุณนะคะ เพราะเราเคยยืนตรงจุดนั้นมาก่อน
เราเอาใจช่วย เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ศึกษาวิธีที่ถูกต้อง ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
ปรับทีละนิด สักวันมันต้องสำเร็จ
สู้ๆ ค่ะ
++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++
ถามว่าตอนที่เราลด เราคิดอะไรอยู่
เราตอบเลย เรามั่นใจแบบคุณเนี่ยแหละค่ะ ว่าเราอดทนพอ
เราคิดว่าแค่จิตใจที่มุ่งมั่น ควบคุมตัวเองได้ มันก็สำเร็จได้ง่ายๆ
แต่ความจริงมันไม่ใช่ค่ะ นอกจากจิตใจ มันยังมีสมอง มันยังมีร่างกาย
ใจคุณบอกว่าเอาอยู่ คุมอยู่ แต่ร่างกายคุณประท้วง สมองคุณโหยหา
เรื่องการลดความอ้วนมันไม่ใช่ทำกันสามเดือน ครึ่งปีแล้วจบนะคะ
มันคือการปรับปรุงพฤติกรรมการกินอยู่ การใช้ชีวิตไปตลอดชีวิต
วันนี้คุณทำได้ เพราะคุณคิดว่าใจแข็งพอ เราเชื่อค่ะ เพราะเราก็เคยทำ
แต่วันข้างหน้า เรากล้าพูดเลยว่ามันต้องมีซักวันที่มันไปต่อไม่ได้
เราไม่ได้ดูถูก เพราะเราเองเราทำมาได้ตั้งนาน คิดว่ารอดแน่ๆ...
เราเข้าใจว่าค่ะ ว่า ณ จุดนั้น ใครเตือน ก็ไม่ฟัง
เราเองก็เหมือนกัน คนเตือนเยอะ แต่ฉันมั่นใจว่าทำได้
เราก็ไม่ฟังใคร ใจแข็ง อดทนมาได้ตั้งนาน แต่สุดท้ายก้ไม่รอด
ลองเปิดใจดูนะคะ คนที่มาเตือน เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับคุณเลย
แต่เขายังหวังดี เข้ามาให้คำแนะนำ เข้ามาท้วงติง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วนั้น
ไม่จำเป็นเลยที่พวกเขาจะต้องเสียเวลามานั่งพิมพ์ นั่งอธิบายอะไรยาวๆให้คุณฟัง
หลายๆ คน ผ่านจุดที่คุณยืนอยู่มาก่อน มีประสบการณ์ตรงมาก่อน
เขาถึงไม่อยากให้คุณต้องมาเดินซ้ำรอยความผิดพลาดที่เขาเคยทำ
เพราะคนที่มาเตือนๆ รู้ดีว่าเวลาที่มานั่งแก้ไขความผิดพลาด
มันเสียเวลากว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในตอนนี้มากนัก
ปรับตัวซะตอนนี้ยังทันนะคะ
เราไม่รู้ว่าสุดท้ายคุณจะยังย้ำคิด ย้ำทำในความเชื่อเดิม
หรือจะเริ่มเปิดใจฟังเสียงคนรอบข้าง
... แต่สุดท้ายเราขอให้คุณโชคดีแล้วกันค่ะ
ส่วนอ่านแล้วจะตัดสินใจอย่างไร อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วค่ะ
++เป็นเรื่องที่เราเคยไปเล่าไว้ในกระทู้หนึ่ง++
++++++++++++++++++++++++++
ขอเล่าประสบการณ์นะคะ...
เราเคยทานแบบนับแคลค่ะ
+- ไม่เกิน 1200 แต่ส่วนมากมักโกงตัวเอง ทานไม่เกิน 1000
แต่ละวันทานคาร์บน้อยมาก จะทานมื้อเช้า กลางวันแทบไม่แตะ เย็นไม่ต้องพูดถึง
เราออกกำลังกาย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ทุกวัน
น้ำหนักเราลดลง 12 Kg.ไม่ถึงครึ่งปี (จาก 48เหลือ36 สูง148 c.m. )
ผอมลงเยอะมาก ถามว่าดีใจมั๊ย มากค่ะ ปลาบปลื้มสุดๆ
แต่ทุกคนทักเป็นเสียงเดียวกันว่า... โคตรโทรม ป่วย
และเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เหมือนเอธิโอเปีย
ตั้งแต่ปีใหม่ หลุดค่ะ ตบะแตก
กินแบบยัด ไม่จุก ไม่อ้วก ไม่อาเจียนไม่เลิก
เราไม่เคยล้วงคอนะคะ แต่กินจนมันอ้วกออกมาเองค่ะ
กินเยอะมาก และสังเกตตัวเองส่วนมากทานแต่ขนม เบเกอรี่
เพราะอะไร..? เพราะเราอดแป้งมานานค่ะ เลยเกิดอาการอยาก
พอมันหลุด ทีนี้คุมไม่อยู่ค่ะ กินๆๆๆ กินลูกเดียว ตีสองตีสามนั่งกิน
ห้าเดือนจากปีใหม่ น.น.เราเด้งกลับมาเป็นหนัก 57 kg. ค่ะ
ระหว่างนั้นก็คิดว่าอ้วนแล้วนะ บวมว่ะ แต่หยุดกินไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยค่ะ
จนสุดท้ายรับสภาพตัวเองไม่ไหว นี่ชั้นเป็นอะไรไป
เปลี่ยนค่ะ หันมาทานครบสามมื้อ ทานข้าวกล้อง ข้าวดำ ข้าวโอ๊ต
ทานโปรตีนไข่ ไก่ นมถั่วเหลือง ทานผัก ผลไม้ ยังมีหลุดบ้างบางครั้ง
แต่รู้สึกว่าชีวิตโอเคขึ้นเยอะ มีความสุขกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ต้องมานั่งจิตตก
บวกกับพยายามบังคับห้ตัวเองออกกำลังกายต่อ
หลังจากที่ช่วงหลุดตบะแตกเว้นออกกำลังกายไป
ตอนนี้น.น.เท่าไหร่ เราไม่ทราบค่ะ ที่หอเราไม่มีตาชั่ง
แต่ก่อนอาบน้ำทุกวัน เราชอบแก้ผ้าส่องกระจก หมุนมันอยู่นั่น
ด้านหน้า ด้านข้าง พุง เอว สะโพก ก้น สำรวจมันเข้าไป ส่องทุกวัน
พอเห็นความเปลี่ยนแปลงก็ดีใจ มันทำให้เราสู้ต่อ
ทุกวันนี้เราไม่ได้ทานเป๊ะๆ นะคะ พยายามทานคลีน
แต่ไม่คลีนซักที ยังมีขนม ไอติมบ้าง ทานแบบไม่กดดัน
ยิ่งเราบังคับ ฝืนตัวเอง มันจะยิ่งเครียด สุดท้ายมันก็ระเบิด
เราเข้าใจคุณนะคะ เพราะเราเคยยืนตรงจุดนั้นมาก่อน
เราเอาใจช่วย เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ศึกษาวิธีที่ถูกต้อง ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
ปรับทีละนิด สักวันมันต้องสำเร็จ
สู้ๆ ค่ะ
++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++
ถามว่าตอนที่เราลด เราคิดอะไรอยู่
เราตอบเลย เรามั่นใจแบบคุณเนี่ยแหละค่ะ ว่าเราอดทนพอ
เราคิดว่าแค่จิตใจที่มุ่งมั่น ควบคุมตัวเองได้ มันก็สำเร็จได้ง่ายๆ
แต่ความจริงมันไม่ใช่ค่ะ นอกจากจิตใจ มันยังมีสมอง มันยังมีร่างกาย
ใจคุณบอกว่าเอาอยู่ คุมอยู่ แต่ร่างกายคุณประท้วง สมองคุณโหยหา
เรื่องการลดความอ้วนมันไม่ใช่ทำกันสามเดือน ครึ่งปีแล้วจบนะคะ
มันคือการปรับปรุงพฤติกรรมการกินอยู่ การใช้ชีวิตไปตลอดชีวิต
วันนี้คุณทำได้ เพราะคุณคิดว่าใจแข็งพอ เราเชื่อค่ะ เพราะเราก็เคยทำ
แต่วันข้างหน้า เรากล้าพูดเลยว่ามันต้องมีซักวันที่มันไปต่อไม่ได้
เราไม่ได้ดูถูก เพราะเราเองเราทำมาได้ตั้งนาน คิดว่ารอดแน่ๆ...
เราเข้าใจว่าค่ะ ว่า ณ จุดนั้น ใครเตือน ก็ไม่ฟัง
เราเองก็เหมือนกัน คนเตือนเยอะ แต่ฉันมั่นใจว่าทำได้
เราก็ไม่ฟังใคร ใจแข็ง อดทนมาได้ตั้งนาน แต่สุดท้ายก้ไม่รอด
ลองเปิดใจดูนะคะ คนที่มาเตือน เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับคุณเลย
แต่เขายังหวังดี เข้ามาให้คำแนะนำ เข้ามาท้วงติง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วนั้น
ไม่จำเป็นเลยที่พวกเขาจะต้องเสียเวลามานั่งพิมพ์ นั่งอธิบายอะไรยาวๆให้คุณฟัง
หลายๆ คน ผ่านจุดที่คุณยืนอยู่มาก่อน มีประสบการณ์ตรงมาก่อน
เขาถึงไม่อยากให้คุณต้องมาเดินซ้ำรอยความผิดพลาดที่เขาเคยทำ
เพราะคนที่มาเตือนๆ รู้ดีว่าเวลาที่มานั่งแก้ไขความผิดพลาด
มันเสียเวลากว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในตอนนี้มากนัก
ปรับตัวซะตอนนี้ยังทันนะคะ
เราไม่รู้ว่าสุดท้ายคุณจะยังย้ำคิด ย้ำทำในความเชื่อเดิม
หรือจะเริ่มเปิดใจฟังเสียงคนรอบข้าง
... แต่สุดท้ายเราขอให้คุณโชคดีแล้วกันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 46
เอ่อ โยโย่ มันไม่ได้หมายถึงแค่ยาหรอกค่ะ
น้องเคยคำนวน bmr tdee sla ของตัวเองไหมคะ
ว่าวันนึงต้องการพลังงานเท่าไหร่
แล้วเมนูที่ว่าเนี่ย จะสามารถทานได้ตลอดชีวิตรึเปล่าคะ
ลองเปิดใจฟังความคิดเห็นข้างบนดูบ้างค่ะ
ที่บอกว่า อาหาร70% ออกกำลัง30%อ่ะถูกต้องค่ะ
แต่อาหารของน้องมันไม่ใช่ค่ะ
ทานน้อยมากๆๆ
ขนาดพี่ไม่ใช่สายนับแคล
อ่านผ่านๆยังรู้เลยกินน้อย ไม่ถึงค่า BMR
แล้วมีออกกำลังกายอีก -*-
ร่างกายมันฉลาดนะคะ
ต่อไปกินเท่านี้ ออกกำลังกายเท่านี้ น้ำหนักก็ไม่ลงแล้วค่ะ
ต้องกินน้อยลงอีก ออกกำลังกายหนักขึ้นอีก น้ำหนักก็จะลงจึ๋งนึง
เป็นวังวนไปเรื่อยๆ
น้องเคยคำนวน bmr tdee sla ของตัวเองไหมคะ
ว่าวันนึงต้องการพลังงานเท่าไหร่
แล้วเมนูที่ว่าเนี่ย จะสามารถทานได้ตลอดชีวิตรึเปล่าคะ
ลองเปิดใจฟังความคิดเห็นข้างบนดูบ้างค่ะ
ที่บอกว่า อาหาร70% ออกกำลัง30%อ่ะถูกต้องค่ะ
แต่อาหารของน้องมันไม่ใช่ค่ะ
ทานน้อยมากๆๆ
ขนาดพี่ไม่ใช่สายนับแคล
อ่านผ่านๆยังรู้เลยกินน้อย ไม่ถึงค่า BMR
แล้วมีออกกำลังกายอีก -*-
ร่างกายมันฉลาดนะคะ
ต่อไปกินเท่านี้ ออกกำลังกายเท่านี้ น้ำหนักก็ไม่ลงแล้วค่ะ
ต้องกินน้อยลงอีก ออกกำลังกายหนักขึ้นอีก น้ำหนักก็จะลงจึ๋งนึง
เป็นวังวนไปเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็น
เชื่อมั๊ยว่าเราจะผอมได้ 15-20กิโลกรัม ใน2เดือน?