ช่วงนี้ร้านอาหารตามสั่งหลายที่ขยับขึ้นราคาอาหารกันเป็นแถว
หลายวันก่อนสั่งกระเพรากุ้งไข่ดาว 50 บาท รู้สึกว่าแพงมาก ดีหน่อยที่กุ้งตัวไม่เล็กเกินไป
หลายวันต่อมาสั่งกระเพราหมูสับไข่ดาว 45 บาท (เฉพาะไข่ดาวอย่างเดียว 10 บาท)
กินไป น้ำตาไหลไป (เผ็ดน่ะนะ) แพงจังเลยอ่ะ ดีนะที่อร่อยมาก ไม่เหลือข้าวสักเม็ด (เดี๋ยวไม่คุ้ม)
แต่บางร้านแถวที่ทำงานก็มีเหมือนกันที่ไม่แพงมากนะ (ใจกลางเมืองกรุง)
อย่างขนมจีนแกงเขียวหวาน 30 บาท
ราดหน้าหมู 30 บาท
ก๋วยเตี๋ยว 35 บาท
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ 25 บาท (มีจริงค่ะ แต่ได้น้อยมาก ไม่อิ่ม ต้องสั่งพิเศษตลอด)
คือมันมีหลายราคาแล้ว
สุดท้ายก็แล้วแต่มนุษย์เงินเดือนรายได้คงที่อย่างเราจะเลือกเองว่าจะทานอะไร
มีเพื่อนๆ ของจขกท หลายคนบ่นเหมือนกันว่า ร้านข้าวตามสั่งแถวที่ทำงานก็ขึ้นราคา
แต่เพื่อนก็เอาตัวรอดโดยการทานมื้อเที่ยงที่แคนทีนของบริษัท
บางคนก็บอกว่า ทำอาหารทานเองจะประหยัดได้มากกว่าสั่งตามร้าน
จริงๆ ก็จะบอกว่า ส่วนหนึ่งก็ถูก แต่ไม่ทั้งหมดนะ
วัตถุดิบบางอย่างมันไม่ได้ราคาถูกไปซะทีเดียวอ่ะค่ะ แถมบางทีเก็บไว้นานมากไม่ได้ เสียอีก
และที่สำคัญ การทำงานในเมืองกรุงแบบนี้ทำให้เหลือเวลาน้อยมากที่เลิกงานกลับบ้านไปแล้วมีเวลานั่งทำกับข้าวอีก
คือแค่การเดินทางมันก็เหนื่อยมากแล้วจริงๆ
อันที่จริง เราจะทำอาหารทานเองในมื้อเย็นแทบทุกเย็น ถ้าไม่ติดไปไหน
เสาร์อาทิตย์ก็ทำทานเอง โชคดีหน่อยที่มีตู้เย็น สามารถเก็บอาหารได้หลายวัน
ทั้งของสดของคาว คือของคาวนี่ถ้าทานไม่หมด เราเก็บเข้าตู้เย็น อีกวันเอาออกมาอุ่นทานได้อีก ประหยัดดีนะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เวลา วัสดุอุปกรณ์ ต้นทุนวัตถุดิบ สถานที่ ฯลฯ
วันนี้ลองมาดู 2 เมนู ที่ซื้อของสดมาในราคา 97.50 บาท (ซึ่งของสดบางส่วนเก็บใส่ตู้เย็นได้อีก)
เริ่มที่ ต้มจืดเต้าหู้หมูเด้ง
และ หมูเด้งผัดกะเพรา
ของสดทั้งหมดซื้อที่โลตัสเอกเพรสค่ะ
(เลิกงาน 5 โมงเย็น กลับถึงที่พักเวลา 1 ทุ่ม วางกระเป๋า ออกไปโลตัสใกล้ๆ ซื้อของๆๆๆ แล้วรีบกลับมาตั้งกระทะ ล้างผัก หุงข้าว ---- แทบทุกวันเป็นแบบนี้ ไม่เคยมีวันไหนกลับมาแล้วได้นั่งก่อนหรือดื่มน้ำก่อนอ่ะ)
เดินโลตัสอยู่หลายรอบ คิดไม่ออกว่าจะทานอะไรดี เพราะเราชอบทานผัก ส่วนคุณผู้ชายชอบทานแต่เนื้อสัตว์
นึกได้ว่า ในตู้เย็นมีผักกาดขาวหัวเล็กๆ อยู่ต้นนึง
และมีพริกขี้หนูอยู่ด้วยพอประมาณ
เลยซื้อหมูเด้ง วุ้นเส้น เต้าหู้ไข่ ใบกะเพรา และคึ่นช่ายมา
ราคา
หมูเด้ง 1 แพ็ค 58 บาท ใช้หมดทั้งแพ็ค คิด 58 บาท
วุ้นเส้น 1 ถุงเล็ก 8 บาท ใช้แค่ 1/3 ถุง คิด 3 บาทละกัน
เต้าหู้ไข่ 9.50 บาท ใช้หมด คิด 9.50 บาท
ใบกะเพรา 10 บาท ใช้ไปครึ่งนึง คิด 5 บาท
คึ่นช่าย 12 บาท ใช้ครึ่งนึง คิด 6 บาท
ผักกาดขาว 1 ต้น (เหลือในตู้เย็นจาก 4 ต้น 25 บาท) คิด 6.25 บาท
พริกขี้หนู ซื้อมา 10 บาทจากตลาด ใช้ไป 3 เม็ด คิด 3 บาทพอ
เพราะฉะนั้น ต้นทุนมื้อนี้จริงๆ แล้วคือ 90.75 บาท (โดยที่มีวุ้นเส้น กะเพรา คึ่นช่าย พริกขี้หนู เก็บไว้ในตู้เย็น)
ทั้ง 2 เมนูนี้ทานสองคนค่ะ ต้นทุน 90.75 บาทนี้เฉพาะกับข้าวมื้อนี้เท่านั้นนะคะ ไม่นับข้าวที่ต้องหุง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเครื่องปรุงค่ะ
น่าทานไหมคะ เมนูสำหรับคนชอบทานผัก และคนชอบทานเนื้อสัตว์
ถ้าใครพอจะมีเวลาสักครึ่งชั่วโมงที่จะทำอาหาร เมนูง่ายๆ แบบนี้ก็เป็นทางเลือกที่สะดวกดีค่ะ
หรือไม่เราก็จัดเต็มไปเลยในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แล้วเราอาจจะติดใจการทำอาหารไปแบบไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ
ปล. ขออนุญาตแท็กห้องสีลม เพราะเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของมนุษย์เงินเดือน
97.50 บาท กับสองเมนูอิ่มเว่อร์วันนี้----ต้มจืดเต้าหู้หมูเด้ง & ผัดกะเพราหมูเด้ง
หลายวันก่อนสั่งกระเพรากุ้งไข่ดาว 50 บาท รู้สึกว่าแพงมาก ดีหน่อยที่กุ้งตัวไม่เล็กเกินไป
หลายวันต่อมาสั่งกระเพราหมูสับไข่ดาว 45 บาท (เฉพาะไข่ดาวอย่างเดียว 10 บาท)
กินไป น้ำตาไหลไป (เผ็ดน่ะนะ) แพงจังเลยอ่ะ ดีนะที่อร่อยมาก ไม่เหลือข้าวสักเม็ด (เดี๋ยวไม่คุ้ม)
แต่บางร้านแถวที่ทำงานก็มีเหมือนกันที่ไม่แพงมากนะ (ใจกลางเมืองกรุง)
อย่างขนมจีนแกงเขียวหวาน 30 บาท
ราดหน้าหมู 30 บาท
ก๋วยเตี๋ยว 35 บาท
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ 25 บาท (มีจริงค่ะ แต่ได้น้อยมาก ไม่อิ่ม ต้องสั่งพิเศษตลอด)
คือมันมีหลายราคาแล้ว สุดท้ายก็แล้วแต่มนุษย์เงินเดือนรายได้คงที่อย่างเราจะเลือกเองว่าจะทานอะไร
มีเพื่อนๆ ของจขกท หลายคนบ่นเหมือนกันว่า ร้านข้าวตามสั่งแถวที่ทำงานก็ขึ้นราคา
แต่เพื่อนก็เอาตัวรอดโดยการทานมื้อเที่ยงที่แคนทีนของบริษัท
บางคนก็บอกว่า ทำอาหารทานเองจะประหยัดได้มากกว่าสั่งตามร้าน
จริงๆ ก็จะบอกว่า ส่วนหนึ่งก็ถูก แต่ไม่ทั้งหมดนะ
วัตถุดิบบางอย่างมันไม่ได้ราคาถูกไปซะทีเดียวอ่ะค่ะ แถมบางทีเก็บไว้นานมากไม่ได้ เสียอีก
และที่สำคัญ การทำงานในเมืองกรุงแบบนี้ทำให้เหลือเวลาน้อยมากที่เลิกงานกลับบ้านไปแล้วมีเวลานั่งทำกับข้าวอีก
คือแค่การเดินทางมันก็เหนื่อยมากแล้วจริงๆ
อันที่จริง เราจะทำอาหารทานเองในมื้อเย็นแทบทุกเย็น ถ้าไม่ติดไปไหน
เสาร์อาทิตย์ก็ทำทานเอง โชคดีหน่อยที่มีตู้เย็น สามารถเก็บอาหารได้หลายวัน
ทั้งของสดของคาว คือของคาวนี่ถ้าทานไม่หมด เราเก็บเข้าตู้เย็น อีกวันเอาออกมาอุ่นทานได้อีก ประหยัดดีนะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เวลา วัสดุอุปกรณ์ ต้นทุนวัตถุดิบ สถานที่ ฯลฯ
วันนี้ลองมาดู 2 เมนู ที่ซื้อของสดมาในราคา 97.50 บาท (ซึ่งของสดบางส่วนเก็บใส่ตู้เย็นได้อีก)
เริ่มที่ ต้มจืดเต้าหู้หมูเด้ง
และ หมูเด้งผัดกะเพรา
ของสดทั้งหมดซื้อที่โลตัสเอกเพรสค่ะ
(เลิกงาน 5 โมงเย็น กลับถึงที่พักเวลา 1 ทุ่ม วางกระเป๋า ออกไปโลตัสใกล้ๆ ซื้อของๆๆๆ แล้วรีบกลับมาตั้งกระทะ ล้างผัก หุงข้าว ---- แทบทุกวันเป็นแบบนี้ ไม่เคยมีวันไหนกลับมาแล้วได้นั่งก่อนหรือดื่มน้ำก่อนอ่ะ)
เดินโลตัสอยู่หลายรอบ คิดไม่ออกว่าจะทานอะไรดี เพราะเราชอบทานผัก ส่วนคุณผู้ชายชอบทานแต่เนื้อสัตว์
นึกได้ว่า ในตู้เย็นมีผักกาดขาวหัวเล็กๆ อยู่ต้นนึง
และมีพริกขี้หนูอยู่ด้วยพอประมาณ
เลยซื้อหมูเด้ง วุ้นเส้น เต้าหู้ไข่ ใบกะเพรา และคึ่นช่ายมา
ราคา
หมูเด้ง 1 แพ็ค 58 บาท ใช้หมดทั้งแพ็ค คิด 58 บาท
วุ้นเส้น 1 ถุงเล็ก 8 บาท ใช้แค่ 1/3 ถุง คิด 3 บาทละกัน
เต้าหู้ไข่ 9.50 บาท ใช้หมด คิด 9.50 บาท
ใบกะเพรา 10 บาท ใช้ไปครึ่งนึง คิด 5 บาท
คึ่นช่าย 12 บาท ใช้ครึ่งนึง คิด 6 บาท
ผักกาดขาว 1 ต้น (เหลือในตู้เย็นจาก 4 ต้น 25 บาท) คิด 6.25 บาท
พริกขี้หนู ซื้อมา 10 บาทจากตลาด ใช้ไป 3 เม็ด คิด 3 บาทพอ
เพราะฉะนั้น ต้นทุนมื้อนี้จริงๆ แล้วคือ 90.75 บาท (โดยที่มีวุ้นเส้น กะเพรา คึ่นช่าย พริกขี้หนู เก็บไว้ในตู้เย็น)
ทั้ง 2 เมนูนี้ทานสองคนค่ะ ต้นทุน 90.75 บาทนี้เฉพาะกับข้าวมื้อนี้เท่านั้นนะคะ ไม่นับข้าวที่ต้องหุง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเครื่องปรุงค่ะ
น่าทานไหมคะ เมนูสำหรับคนชอบทานผัก และคนชอบทานเนื้อสัตว์
ถ้าใครพอจะมีเวลาสักครึ่งชั่วโมงที่จะทำอาหาร เมนูง่ายๆ แบบนี้ก็เป็นทางเลือกที่สะดวกดีค่ะ
หรือไม่เราก็จัดเต็มไปเลยในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แล้วเราอาจจะติดใจการทำอาหารไปแบบไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ
ปล. ขออนุญาตแท็กห้องสีลม เพราะเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของมนุษย์เงินเดือน