๑๑...
เจ้าชายอานามานัสทรงมีพระพักตร์ขรึมหลังจากที่ได้รับรายงานจากทหารหน้าด่านว่าเวลานี้ข้าศึกบันนาตุกะได้เข้ามายึดเมืองบางส่วนได้แล้ว ทหารที่รักษาเมืองด่านหน้าไม่อาจต่อต้านข้าศึกได้ เท่ากับว่าดินแดนเซนารักถูกยึดเป็นเมืองขึ้นของบันนาตุกะได้แล้ว
วรกายที่อยู่ในชุดท่านแม่ทัพพร้อมออกคำสั่งแก่ทหารทุกนายโดยมีชารีฟองครักษ์รักษาพระองค์คอยถวายความสะดวกก่อนที่เจ้าชายอานามานัสจะถืออำนาจออกคำสั่งเตรียมออกรบกับทหารบันนาตุกะโดยไม่รีรออีกต่อไปแต่ทุกอย่างกลับดูยากเย็น ไม่ว่าจะด้วยกลวิธีไหนก็พ่ายต่อกลเกมของบันนาตุกะร่ำไป กระทั่งทุกอย่างมาถึงจุดวินาศ
กลองยาวกระแทกเสียงดังกระหึ่มกึงก้องทั่วเซนารัก ดินแดนแห่งความสงบกลับร้อนระอุลุกเป็นไฟ เสียงโฮร้องของกองทัพทหารบันนาตุกะอย่างบ้าคลั่ง บ้าอำนาจ พละกำลังและความยิ่งใหญ่ที่เต็มเปี่ยมด้วยสาบเลือดสีแดงสด กระจายคาวฟุ้งไปทั่วพื้นที่กว้างขวาง บัดนี้ เซนารักบางส่วนถูกยึดไว้เป็นฐานที่ตั้งของทหารบันนาตุกะเป็นที่เรียบร้อย แผ่นดินที่เคยสงบร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอดกลับถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าขุนทหารนักรบของบันนาตุกะทุกหนแห่ง แม้ยังไม่ได้ครอบครองทุกที่ในเซนารักแต่ครึ่งหนึ่งที่ได้มาก็ถือว่าประสบชัยชนะอย่างมากและเพียงไม่กี่ราตรีทหารบันนาตุกะก็สามารถเข้ายึดเมืองบางส่วนของเซนารักได้อีก
กษัตริย์อัสมันพระพักตร์หมองเศร้ากำลังทอดพระเนตรดูปราสาทสีทองที่วางตระหง่านตรงหน้าห่างจากที่ตั้งของพระองค์ไม่มาก มีทหารของเซนารักและบันนาตุกะได้รับบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมากอีกทั้งยังมีที่ถูกจับเป็นเชลยสงคราม เมื่อทุกอย่างจบลงด้วยชัยชนะของผู้บุกรุกต่างแดนที่ทรงพลังและมีอำนาจเหนือกว่าเมื่อนั้นเชลยศึกที่ถูกจับก็คงมีพระสหายและแม่บัวแรกแย้มร่วมอยู่ด้วย
“ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทหารของเรามากด้วยฝีมือ เรื่องแค่ยึดเมืองคงเป็นเรื่องง่ายดาย” ท่านแม่ทัพอาลีกราบทูล มองกษัตริย์ผู้ถือทัพมาตีเมืองศัตรูด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดก่อนจะหันไปถามความเห็นจากลูกชาย
“เจ้าคิดว่าเราจะใช้เวลาเท่าใดในการเข้าไปยึดเมืองหลวงของเซนารัก” ยัซซินตอบ
“ทหารเซนารักมีน้อยก็จริงแต่มากด้วยฝีมือ ลูกเชื่อว่าทหารของเราก็มีพลังไม่แพ้ทหารเซนารัก ต่อให้มากฝีมือแค่ไหนหากมีน้อยกว่าก็ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ คิดว่าไม่กี่เดือนเราจะสามารถยึดเซนารักไว้ได้หมด” ยัซซินเอ่ยแอบส่งสายตามามองพระราชาหนุ่มก่อนทูลถาม
“ฝ่าบาทจะไม่ทรงแสดงความคิดหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ” กษัตริย์อัสมันชะงักในคำพูดขององครักษ์หลังจากที่ยึดครองบ้านเมืองเซนารักได้บางส่วน จะให้พระองค์ตรัสออกไปได้เช่นไรว่ารู้สึกเสียพระทัยมากที่ต้องมาทำร้ายทั้งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมิตรสหาย ไหนจะสตรีที่พระองค์รักอีก ตัดใจยังไงก็ตัดสายสัมพันธ์ไม่ขาดสิ้น
“เราอยากให้สงครามจบลงโดยเร็ววัน หากไม่จำเป็นก็อย่าฆ่าชาวเซนารัก โปรดจับเป็นดีกว่าจับตายอย่างน้อยเชลยพวกนั้นก็เป็นผู้บริสุทธิ์และอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเราในภายภาคหน้า”
หนึ่งเดือนผ่านไป
เป็นจริงในเวลาต่อเมื่อสงครามที่ยึดเยื้อมานานถึงคราวจบสิ้น สิ้นสุดกันที สงครามระหว่างสองเมืองที่เกิดขึ้นมาช้านาน ท่ามกลางสมรภูมิรบที่มีแต่ความสูญเสีย หายนะและความคึกคะนองนองเลือดจนมาถึงเวลานี้ ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงแล้วจริงๆ
“จงภูมิใจกับชัยชนะของบันนาตุกะ เวลานี้บันนาตุกะชนะเซนารักเป็นที่แน่นอนแล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าเชลยศึกที่จับเป็นได้ทั้งหมด หากเป็นชายก็ให้เป็นทาสรับใช้บันนาตุกะตลอดกาลและหากเป็นหญิงก็เอามาเป็นทาสนางในเสียให้หมดและหากเป็นเด็กก็เลี้ยงดูให้เติบใหญ่แล้วให้มารับใช้บ้านเมืองบันนาตุกะต่อไป” ท่านแม่ทัพอาลีรับหน้าที่รักษาการแทนประกาศ ด้วยเวลานี้ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะเป็นของบันนาตุกะ มีราษฎร์เซนารักถูกจับเป็นเชลยมากมาย ต่างร่ำไห้ด้วยความเสียใจที่ต้องกลายเป็นเชลยศึก
“และพวกเจ้าทุกคนจงฟัง หากเชลยศึกผู้ใดที่แข็งข้อไม่ยอมภักดีและซื่อสัตย์กับบันนาตุกะ มันผู้นั้นมีโทษสถานเดียว คือ ตายเท่านั้น”
เสียงยัซซินเสริมหนักแน่นท่ามกลางทหารบันนาตุกะนับแสนล้านคน ตามคำสั่งของกษัตริย์หนุ่มผู้ยิ่งใหญ่และทรงบารมีอันน่าเกรงขาม เป็นอันว่าดินแดนเซนารักแห่งนี้ตกเป็นของบันนาตุกะอย่างไร้อุปสรรคใดขวางกั้นอีก สายพระเนตรกว้างไกลมองไปยังพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของเซนารักที่สามารถยึดเอามาได้
ปราสาทที่สวยงามของเซนารัก ดูเหมือนเป็นปราสาทร้างไปชั่วพริบตา ไม่มีทหารเซนารักยืนเฝ้าประจำ ณ จุดต่างๆ ของปราสาทเพราะต่างก็ถูกจับมาเป็นเชลยศึกเสียหมดแล้ว ไม่มีแม้แต่นางกำนัลที่เดินเพ่นพ่านไปมาให้น่าวุ่นวายทุกครั้งเมื่อได้เห็น ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้องยามโผบิน ทุกอย่างคือความว่างเปล่าราวกับปราสาทแห่งนี้ไร้ผู้ใดอาศัยอยู่ หากแต่สิ่งที่กษัตริย์อัสมันทรงเห็นคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น สายพระเนตรคมเข้มของอัสมันมองสำรวจไปทั่วปราสาทหลวงด้วยความรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก
หลายสิบปีก่อนพระองค์เคยมาที่นี่และสิ่งที่ทำให้ประทับใจมากที่สุด สิ่งที่น่าทึ่งหาใช่ความงดงามและความประณีตของตัวปราสาทไม่แต่เป็นเพราะความสวยเด่นสง่าของธิดาที่มีนามว่าแอนนาริตา นางไม่เพียงงดงามแค่รูปโฉมแต่ฝีปากช่างต่อรองของนางก็เคยทำให้พระองค์ยอมแพ้มาแล้วหนหนึ่ง
“กระหม่อมหาจนทั่วปราสาทแล้วหามีผู้ใดหลงเหลืออยู่เลยนอกจากสุสานของกษัตริย์พ่ะย่ะค่ะ” ยัซซินเดินหน้าขรึมเข้ามากราบทูล คำพูดขององครักษ์หนุ่มสร้างความรู้สึกเจ็บให้พระองค์อย่างบอกไม่ถูกทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดี สุสานกษัตริย์บาฮาซารีที่ทรงเสด็จสวรรคตโดยที่พระองค์ไม่ได้ทำอะไรเลยหรือเป็นกลัวสงครามจึงฉิ่งหนีตายไปเสียก่อน ความเจ็บปวดนั้นคงจะตกไปถึงราชโอรสและราชธิดาของเซนารักเป็นแน่
“จบสิ้นเสียที ถึงไม่ได้เสด็จสวรรคตด้วยดาบแต่ก็”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วหามีผู้ใดหลงเหลืออยู่อีกแล้วหรือ”
ยัซซินเข้าใจในคำถาม รู้ดีว่าพระองค์ทรงหมายถึงผู้ใด คงอยากถามถึงเจ้าหญิงแอนนาริตากับเจ้าชายอานามานัส ซึ่งยัซซินจนปัญญาที่จะตอบ เพราะในปราสาทแห่งนี้หามีผู้ที่พระองค์อยากเจออีกแล้ว
“กระหม่อมคิดว่าเจ้าหญิงแอนนาริตากับเจ้าชายอานามานัส อาจจะหลบหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ยัซซินตอบหลังจากที่ถูกผู้ครอบครองอาณาจักรคนใหม่เอ่ยถาม เห็นสีหน้าเข้มจัดของพระองค์แล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเขาทำงานไม่ได้เรื่องเพราะไม่อาจเอาตัวเจ้าหญิงแอนนาริตากับพระเชษฐามาเข้าเฝ้าพระองค์ได้
“ถ้าเช่นนั้นเราขอให้เจ้าช่วยเราสักเรื่อง”
“ทรงรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าสิ่งที่รับสั่งขอให้กระหม่อมช่วยจะเป็นอะไรก็ตาม กระหม่อมก็น้อมรับพ่ะย่ะค่ะ” ยัซซินเต็มใจที่จะทำตามพระบัญชาของกษัตริย์อัสมันเพื่ออย่างน้อยพระทัยเศร้าหมองนั้นจะได้หลุดออกไปจากตัวพระองค์เสียที
“เราต้องการให้เจ้าออกไปตามหาเจ้าชายอานามานัสและเจ้าหญิงแอนนาริตาให้พบ เพราะเราไม่อยากให้ใครต้องได้รับอันตรายจากทหารบันนาตุกะที่กำลังบ้าเลือดและบ้าอำนาจ เราไม่อยากให้ทั้งสองพระองค์ต้องตกเป็นเป้าหมายโจมตีจากทหารที่ทำตามคำสั่งของเรา”
กษัตริย์หนุ่มออกคำสั่งองครักษ์ เวลานี้พระองค์กลัวเหลือเกิน กลัวว่าธิดาแห่งเซนารักจะต้องมีอันเป็นไปเพียงเพราะคำสั่งที่ลั่นออกมาจากปากของพระองค์ วาจาที่น่าเกรงขามและน่าย่ำเกรงสุดท้ายมันก็เป็นมีดปลายแหลมที่เข้าทิ่มแทงใจของอัสมัน พระองค์รู้ดีว่าเพศสตรีผู้ที่มีใบหน้างดงามดุจดั่งนางฟ้าบนดิน ดวงตาสีดำเข้ม ดุดันเป็นประกายจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร เจ้าหญิงแอนนาริตาจะต้องต่อสู้และขัดขืนให้ถึงที่สุดซึ่งครั้งนี้นางอาจจะได้รับอันตรายจากความแข็งข้อของตัวนางเองก็อาจเป็นได้
ดวงยิหวาแห่งราชันย์ ตอนที่ 11
เจ้าชายอานามานัสทรงมีพระพักตร์ขรึมหลังจากที่ได้รับรายงานจากทหารหน้าด่านว่าเวลานี้ข้าศึกบันนาตุกะได้เข้ามายึดเมืองบางส่วนได้แล้ว ทหารที่รักษาเมืองด่านหน้าไม่อาจต่อต้านข้าศึกได้ เท่ากับว่าดินแดนเซนารักถูกยึดเป็นเมืองขึ้นของบันนาตุกะได้แล้ว
วรกายที่อยู่ในชุดท่านแม่ทัพพร้อมออกคำสั่งแก่ทหารทุกนายโดยมีชารีฟองครักษ์รักษาพระองค์คอยถวายความสะดวกก่อนที่เจ้าชายอานามานัสจะถืออำนาจออกคำสั่งเตรียมออกรบกับทหารบันนาตุกะโดยไม่รีรออีกต่อไปแต่ทุกอย่างกลับดูยากเย็น ไม่ว่าจะด้วยกลวิธีไหนก็พ่ายต่อกลเกมของบันนาตุกะร่ำไป กระทั่งทุกอย่างมาถึงจุดวินาศ
กลองยาวกระแทกเสียงดังกระหึ่มกึงก้องทั่วเซนารัก ดินแดนแห่งความสงบกลับร้อนระอุลุกเป็นไฟ เสียงโฮร้องของกองทัพทหารบันนาตุกะอย่างบ้าคลั่ง บ้าอำนาจ พละกำลังและความยิ่งใหญ่ที่เต็มเปี่ยมด้วยสาบเลือดสีแดงสด กระจายคาวฟุ้งไปทั่วพื้นที่กว้างขวาง บัดนี้ เซนารักบางส่วนถูกยึดไว้เป็นฐานที่ตั้งของทหารบันนาตุกะเป็นที่เรียบร้อย แผ่นดินที่เคยสงบร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอดกลับถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าขุนทหารนักรบของบันนาตุกะทุกหนแห่ง แม้ยังไม่ได้ครอบครองทุกที่ในเซนารักแต่ครึ่งหนึ่งที่ได้มาก็ถือว่าประสบชัยชนะอย่างมากและเพียงไม่กี่ราตรีทหารบันนาตุกะก็สามารถเข้ายึดเมืองบางส่วนของเซนารักได้อีก
กษัตริย์อัสมันพระพักตร์หมองเศร้ากำลังทอดพระเนตรดูปราสาทสีทองที่วางตระหง่านตรงหน้าห่างจากที่ตั้งของพระองค์ไม่มาก มีทหารของเซนารักและบันนาตุกะได้รับบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมากอีกทั้งยังมีที่ถูกจับเป็นเชลยสงคราม เมื่อทุกอย่างจบลงด้วยชัยชนะของผู้บุกรุกต่างแดนที่ทรงพลังและมีอำนาจเหนือกว่าเมื่อนั้นเชลยศึกที่ถูกจับก็คงมีพระสหายและแม่บัวแรกแย้มร่วมอยู่ด้วย
“ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทหารของเรามากด้วยฝีมือ เรื่องแค่ยึดเมืองคงเป็นเรื่องง่ายดาย” ท่านแม่ทัพอาลีกราบทูล มองกษัตริย์ผู้ถือทัพมาตีเมืองศัตรูด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดก่อนจะหันไปถามความเห็นจากลูกชาย
“เจ้าคิดว่าเราจะใช้เวลาเท่าใดในการเข้าไปยึดเมืองหลวงของเซนารัก” ยัซซินตอบ
“ทหารเซนารักมีน้อยก็จริงแต่มากด้วยฝีมือ ลูกเชื่อว่าทหารของเราก็มีพลังไม่แพ้ทหารเซนารัก ต่อให้มากฝีมือแค่ไหนหากมีน้อยกว่าก็ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ คิดว่าไม่กี่เดือนเราจะสามารถยึดเซนารักไว้ได้หมด” ยัซซินเอ่ยแอบส่งสายตามามองพระราชาหนุ่มก่อนทูลถาม
“ฝ่าบาทจะไม่ทรงแสดงความคิดหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ” กษัตริย์อัสมันชะงักในคำพูดขององครักษ์หลังจากที่ยึดครองบ้านเมืองเซนารักได้บางส่วน จะให้พระองค์ตรัสออกไปได้เช่นไรว่ารู้สึกเสียพระทัยมากที่ต้องมาทำร้ายทั้งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมิตรสหาย ไหนจะสตรีที่พระองค์รักอีก ตัดใจยังไงก็ตัดสายสัมพันธ์ไม่ขาดสิ้น
“เราอยากให้สงครามจบลงโดยเร็ววัน หากไม่จำเป็นก็อย่าฆ่าชาวเซนารัก โปรดจับเป็นดีกว่าจับตายอย่างน้อยเชลยพวกนั้นก็เป็นผู้บริสุทธิ์และอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเราในภายภาคหน้า”
หนึ่งเดือนผ่านไป
เป็นจริงในเวลาต่อเมื่อสงครามที่ยึดเยื้อมานานถึงคราวจบสิ้น สิ้นสุดกันที สงครามระหว่างสองเมืองที่เกิดขึ้นมาช้านาน ท่ามกลางสมรภูมิรบที่มีแต่ความสูญเสีย หายนะและความคึกคะนองนองเลือดจนมาถึงเวลานี้ ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงแล้วจริงๆ
“จงภูมิใจกับชัยชนะของบันนาตุกะ เวลานี้บันนาตุกะชนะเซนารักเป็นที่แน่นอนแล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าเชลยศึกที่จับเป็นได้ทั้งหมด หากเป็นชายก็ให้เป็นทาสรับใช้บันนาตุกะตลอดกาลและหากเป็นหญิงก็เอามาเป็นทาสนางในเสียให้หมดและหากเป็นเด็กก็เลี้ยงดูให้เติบใหญ่แล้วให้มารับใช้บ้านเมืองบันนาตุกะต่อไป” ท่านแม่ทัพอาลีรับหน้าที่รักษาการแทนประกาศ ด้วยเวลานี้ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะเป็นของบันนาตุกะ มีราษฎร์เซนารักถูกจับเป็นเชลยมากมาย ต่างร่ำไห้ด้วยความเสียใจที่ต้องกลายเป็นเชลยศึก
“และพวกเจ้าทุกคนจงฟัง หากเชลยศึกผู้ใดที่แข็งข้อไม่ยอมภักดีและซื่อสัตย์กับบันนาตุกะ มันผู้นั้นมีโทษสถานเดียว คือ ตายเท่านั้น”
เสียงยัซซินเสริมหนักแน่นท่ามกลางทหารบันนาตุกะนับแสนล้านคน ตามคำสั่งของกษัตริย์หนุ่มผู้ยิ่งใหญ่และทรงบารมีอันน่าเกรงขาม เป็นอันว่าดินแดนเซนารักแห่งนี้ตกเป็นของบันนาตุกะอย่างไร้อุปสรรคใดขวางกั้นอีก สายพระเนตรกว้างไกลมองไปยังพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของเซนารักที่สามารถยึดเอามาได้
ปราสาทที่สวยงามของเซนารัก ดูเหมือนเป็นปราสาทร้างไปชั่วพริบตา ไม่มีทหารเซนารักยืนเฝ้าประจำ ณ จุดต่างๆ ของปราสาทเพราะต่างก็ถูกจับมาเป็นเชลยศึกเสียหมดแล้ว ไม่มีแม้แต่นางกำนัลที่เดินเพ่นพ่านไปมาให้น่าวุ่นวายทุกครั้งเมื่อได้เห็น ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้องยามโผบิน ทุกอย่างคือความว่างเปล่าราวกับปราสาทแห่งนี้ไร้ผู้ใดอาศัยอยู่ หากแต่สิ่งที่กษัตริย์อัสมันทรงเห็นคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น สายพระเนตรคมเข้มของอัสมันมองสำรวจไปทั่วปราสาทหลวงด้วยความรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก
หลายสิบปีก่อนพระองค์เคยมาที่นี่และสิ่งที่ทำให้ประทับใจมากที่สุด สิ่งที่น่าทึ่งหาใช่ความงดงามและความประณีตของตัวปราสาทไม่แต่เป็นเพราะความสวยเด่นสง่าของธิดาที่มีนามว่าแอนนาริตา นางไม่เพียงงดงามแค่รูปโฉมแต่ฝีปากช่างต่อรองของนางก็เคยทำให้พระองค์ยอมแพ้มาแล้วหนหนึ่ง
“กระหม่อมหาจนทั่วปราสาทแล้วหามีผู้ใดหลงเหลืออยู่เลยนอกจากสุสานของกษัตริย์พ่ะย่ะค่ะ” ยัซซินเดินหน้าขรึมเข้ามากราบทูล คำพูดขององครักษ์หนุ่มสร้างความรู้สึกเจ็บให้พระองค์อย่างบอกไม่ถูกทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดี สุสานกษัตริย์บาฮาซารีที่ทรงเสด็จสวรรคตโดยที่พระองค์ไม่ได้ทำอะไรเลยหรือเป็นกลัวสงครามจึงฉิ่งหนีตายไปเสียก่อน ความเจ็บปวดนั้นคงจะตกไปถึงราชโอรสและราชธิดาของเซนารักเป็นแน่
“จบสิ้นเสียที ถึงไม่ได้เสด็จสวรรคตด้วยดาบแต่ก็”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วหามีผู้ใดหลงเหลืออยู่อีกแล้วหรือ”
ยัซซินเข้าใจในคำถาม รู้ดีว่าพระองค์ทรงหมายถึงผู้ใด คงอยากถามถึงเจ้าหญิงแอนนาริตากับเจ้าชายอานามานัส ซึ่งยัซซินจนปัญญาที่จะตอบ เพราะในปราสาทแห่งนี้หามีผู้ที่พระองค์อยากเจออีกแล้ว
“กระหม่อมคิดว่าเจ้าหญิงแอนนาริตากับเจ้าชายอานามานัส อาจจะหลบหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ยัซซินตอบหลังจากที่ถูกผู้ครอบครองอาณาจักรคนใหม่เอ่ยถาม เห็นสีหน้าเข้มจัดของพระองค์แล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเขาทำงานไม่ได้เรื่องเพราะไม่อาจเอาตัวเจ้าหญิงแอนนาริตากับพระเชษฐามาเข้าเฝ้าพระองค์ได้
“ถ้าเช่นนั้นเราขอให้เจ้าช่วยเราสักเรื่อง”
“ทรงรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าสิ่งที่รับสั่งขอให้กระหม่อมช่วยจะเป็นอะไรก็ตาม กระหม่อมก็น้อมรับพ่ะย่ะค่ะ” ยัซซินเต็มใจที่จะทำตามพระบัญชาของกษัตริย์อัสมันเพื่ออย่างน้อยพระทัยเศร้าหมองนั้นจะได้หลุดออกไปจากตัวพระองค์เสียที
“เราต้องการให้เจ้าออกไปตามหาเจ้าชายอานามานัสและเจ้าหญิงแอนนาริตาให้พบ เพราะเราไม่อยากให้ใครต้องได้รับอันตรายจากทหารบันนาตุกะที่กำลังบ้าเลือดและบ้าอำนาจ เราไม่อยากให้ทั้งสองพระองค์ต้องตกเป็นเป้าหมายโจมตีจากทหารที่ทำตามคำสั่งของเรา”
กษัตริย์หนุ่มออกคำสั่งองครักษ์ เวลานี้พระองค์กลัวเหลือเกิน กลัวว่าธิดาแห่งเซนารักจะต้องมีอันเป็นไปเพียงเพราะคำสั่งที่ลั่นออกมาจากปากของพระองค์ วาจาที่น่าเกรงขามและน่าย่ำเกรงสุดท้ายมันก็เป็นมีดปลายแหลมที่เข้าทิ่มแทงใจของอัสมัน พระองค์รู้ดีว่าเพศสตรีผู้ที่มีใบหน้างดงามดุจดั่งนางฟ้าบนดิน ดวงตาสีดำเข้ม ดุดันเป็นประกายจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร เจ้าหญิงแอนนาริตาจะต้องต่อสู้และขัดขืนให้ถึงที่สุดซึ่งครั้งนี้นางอาจจะได้รับอันตรายจากความแข็งข้อของตัวนางเองก็อาจเป็นได้