ไปวาติกัน สู่สวรรค์และอเวจี

สมัยเด็กๆเรารู้จักวาติกันในฐานะนครรัฐที่เล็กที่สุดในโลก อำนาจการปกครองเฉพาะในเขตกำแพงเมืองเท่านั้น พระประมุขคือพระสันตะปาปา ก่อนหน้านี้ก็เลยหลงคิดว่าถ้าจะไปวาติกันต้องทำวีซ่าไปอีกต่างหาก เพราะนี่คืออีกประเทศหนึ่ง เอ้อ นั่นนานมาแล้ว ก่อนที่เราจะมายุโรปนะ]

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวาติกันจะไม่ได้มีสถานะเป็นประเทศ แต่ก็มีคนมาบอกว่าที่นั่นเหมือนกับอีกเมืองหนึ่ง มีอะไรเป็นของตนเอง ซึ่งบางคนอาจสัมผัสได้ว่ามันต่างกับกับโรม มีเพื่อนมาเล่าว่า เขาเคยไปซื้อของที่วาติกันและถามคนขายว่าทำไมแพงจัง แพงกว่าที่อื่นในโรม คนขายบอกว่าก็นี่คือวาติกัน ไม่ใช่อิตาลีนะ ของก็เลยแพงกว่า (เป็นความจริงหรือเป็นเล่ห์เหลี่ยมของคนขายรึเปล่าก็ไม่รู้)

วันนี้ก็เลยจะขอไปวาติกันให้เห็นกับตาซะเลย ดูจากแผนที่ทำให้คิดไปว่าต้องเดินไปจากรถใต้ดินนานทีเดียวกว่าจะถึง เราก็กลัวว่าหลงทางมะเนี่ย แต่อันที่จริงพอไปถึงก็ไม่ยาก พอออกจากรถไฟฟ้าแล้วเดินไปก็จะเห็นกำแพงเมืองใหญ่โตหนาก่ออิฐ นี่คือป้อมปราการของวาติกัน แต่ไม่รู้ว่าเวลาข้าศึกโจมตี กำแพงเมืองน้อยนี้จะป้องกันอะไรได้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีกำแพงกั้นรอบเมืองก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเรากำลังเข้าไปในอีกนครแห่งหนึ่งที่ไม่ใช่โรม

เรื่องการหลงทางนั้น ไม่ต้องกังวลเลย เพราะตอนไปถึงก็เจอผู้คนหลั่งไหลกันเป็นสาย เดินเลียบกำแพงเมืองตามคนไปเรื่อยๆก็จะพบคิวให้เราไปต่อแถวเอง

ก่อนจะเข้าไปผมก็ขอแนะนำให้รู้จักกับประเทศวาติกัน หรือก่อนนี้เรารู้จักในนามของนครรัฐวาติกันก่อน อันที่จริงก็ไม่อยากเล่าอะไรละเอียดมากหรอก แต่เนื่องจากตัวเองเคยอยากรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ และพอได้รู้ก็สบายอกสบายใจ จึงได้เผื่อแผ่มายังคนอ่านบางรายที่อาจยังคงสงสัย ว่าเป็นไงมาไงถึงได้มีประเทศที่เล็กจิ๋วแห่งนี้อยู่บนแผนที่ ไม่ได้ขึ้นกับโรม แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโรมก็ตาม

วาติกันเกิดขึ้นมาจากนักบุญเซนต์ปีเตอร์ สาวกพระเยซูที่ถูกพวกโรมันสังหารโดยตรึงกางเขนแบบเดียวกับพระเยซู แต่ท่านไม่ได้คืนชีพหรอกนะ ความมหัศจรรย์ของท่านคือการทำให้เกิดมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ซึ่งสร้างเพื่อรำลึกถึงท่าน และได้กลายเป็นศูนย์กลางของวาติกัน เป็นจุดหมายของผู้ที่มาวาติกันทุกคนต้องมาเยี่ยมเยือน

นักบุญปีเตอร์ถูกตรึงกางเขนแบบกลับหัว  https://en.wikipedia.org/wiki/Saint_Peter

การสังหารนักบุญปีเตอร์นั้นเกิดจากการที่ศาสนาคริสต์ในสมัยนั้นเป็นศาสนานอกรีตของโรมัน แต่พอหลังจากจักรพรรดิคอนแสตนตินรับศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาของตน โลกของโรมันก็เปลี่ยนแปลงไปจนสิ้น (ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรมากกว่านี้ ให้ไปดูตอนโรมันฟอรั่มแล้วกัน)

ถึงยุคนี้ งานศิลปะของโรมันจะเปลี่ยนจากการอุทิศให้เทพเจ้าดั้งเดิมมาเป็นศิลปะแบบคริสเตียนไปเสียแล้ว มีการสร้างอัครมหาวิหารนักบุญจอห์น แลเทอรัน (St. John Lateran) เป็นวังของพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นประมุขของคริสจักรคาธอลิกจนถึงทุกวันนี้

ในสมัยก่อนนั้น พระสันตปาปามีอำนาจมากราวกับพระจักรพรรดิของยุโรปเลยทีเดียว แม้แต่กษัตริย์ของอาณาจักรต่างๆก็ต้องยอมเชื่อฟังโป๊ปซึ่งถือว่าเป็นผู้แทนพระเจ้าซี่งยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ทั้งมวล ตัวอย่างเช่นถ้ากษัตริย์ไปแต่งงานกับใครที่โป๊ปไม่เห็นด้วยก็อาจโดยคว่ำบาตรเพราะถือว่าทรยศต่อพระเจ้าไปได้เลย นอกจากนี้สันตะปาปายังมีดินแดนปกครองของตนเองด้วยเรียกว่า Papel State หรือรัฐสันตะปาปา โดยนครวาติกันซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารเซนต์ปีเตอร์ และโบสถ์เซนต์จอห์นก็เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรนี้โดยมีโป๊ปเป็นพระประมุข

การที่โป๊ปมีอำนาจเหนือประเทศต่าง ๆ ขนาดที่สามารถรับรองหรือคัดค้านการแต่งตั้งกษัตริย์และขับไล่กษัตริย์ออกได้ เคยทำให้กษัตริย์ของเหล่ายุโรปพยายามเข้ามาเป็นพันธมิตร บางครั้งก็มีกษัตริย์สนับสนุนโป๊ปและโป๊ปเข้ามารับรองกษัตริย์ให้เหนือกว่ากษัตริย์อื่นๆวนกันไปมา

ตัวอย่างเช่นการเกิดของจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (The Holy Roman Empire) ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นโรมันและไม่ได้เป็นจักรวรรดิซักหน่อย แต่ศักดิ์สิทธิ์ได้ก็เพราะโป๊ปอุปโลกให้ เนื่องจากกษัตริย์ที่ก่อตั้งมีบุญคุณกับตน อันนี้ก็เลยเป็นผลประโยชน์ที่กษัตริย์กับโป๊ปต่างตอบแทนกัน

โป๊บสวมมงกุฏให้กษัตริย์ Charlemagne สถาปนาให้เป็นกษัตริย์แห่ง Roman Empire เนื่องจากได้เคยให้ความช่วยเหลือพระองค์ https://en.wikipedia.org/wiki/Charlemagne#/media/File:Karel_Leo.jpg

เรื่องของจักรวรรด์โรมันอันศักดิ์สิทธิ์นั้นสนุกดีนะ แต่ไม่ขอเล่าดีกว่า แนะนำให้ไปอ่านไปฟังเฮียวิทย์ได้ที่ podcast ด้านล่างนี้แทน
จุดเริ่มต้นของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ สู่การแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน

นอกจากการเมืองจากภายนอกแล้ว การเมืองภายในก็เกิดขึ้นรุนแรงไม่แพ้กัน เมื่อตำแหน่งโป๊ปนั้นมีอำนาจมากมายจนใครๆหลายคนต้องการจะเป็น ศึกชิงอำนาจก็เลยเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นพระผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งบิชอปอยากเข้ามาพยายามแย่งชิงตำแหน่งก็เกิดเป็นกลุ่มขั้วขัดแย้งกันภายใน รุนแรงขนาดที่โป๊ปบางองค์ถูกจับไปขัง หรือว่ากันว่าบางองค์ก็ถูกซ้อม ถูกขัง ถูกฆ่าด้วยซ้ำ โอ๊ย มันช่างโหดแบบไม่น่าเชื่อ เนี่ยเหรออาณาจักรของพระเจ้า

นอกจากการเมืองจากภายนอกแล้ว การเมืองภายในก็เกิดขึ้นรุนแรงไม่แพ้กัน เมื่อตำแหน่งโป๊ปนั้นมีอำนาจมากมายจนใครๆหลายคนต้องการจะเป็น ศึกชิงอำนาจก็เลยเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นพระผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งบิชอปอยากเข้ามาพยายามแย่งชิงตำแหน่งก็เกิดเป็นกลุ่มขั้วขัดแย้งกันภายใน รุนแรงขนาดที่โป๊ปบางองค์ถูกจับไปขัง หรือว่ากันว่าบางองค์ก็ถูกซ้อม ถูกขัง ถูกฆ่าด้วยซ้ำ โอ๊ย มันช่างโหดแบบไม่น่าเชื่อ เนี่ยเหรออาณาจักรของพระเจ้า

จะเห็นได้ว่า ศาสนจักรในวาติกันนั้นมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงมากมาย วาติกันจึงทั้งมิตรและศัตรู มีการใช้ความรุนแรงสู้รบจนโป๊ปเองก็เกิดความกลัว ขนาดที่ต้องหาหนทางให้การหลบหนีจากโดนโจมตี นอกจากจะสร้างกำแพงหนาแล้วยังมีช่องทางลับที่จะหนีออกจากวาติกันได้ถ้าถึงคราวจวนตัว ซึ่งมันยังคงอยู่จนปัจจุบัน


ทางเดินลับของโป๊บในอดีตเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ขยายกว้างและไม่ลับอีกต่อไป https://en.wikipedia.org/wiki/Passetto_di_Borgo

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อบรรยากาศความขัดแย้งมากขึ้นประมุขของวาติกันถึงกับต้องอพยพหนีไปต่างประเทศเพื่อตั้งสำนักงานที่ฝรั่งเศสเลยทีเดียว เมืองอาวิญงของฝรั่งเศสก็เลยกลายเป็นศูนย์กลางของคริสจักรอยู่ช่วงหนึ่ง มีโป๊ปพำนักอยู่ 7 พระองค์ก่อนจะย้ายกลับมาวาติกันดังเดิม (เอาไว้ผมเขียนเรื่องประเทศฝรั่งเศส จะพาเที่ยวชมวังสันตะปาปาที่อาวิญงนะ รอหน่อย) มีการแย่งชิงบัลลังก์กันอีกว่าใครจะเป็นโป๊ปที่แท้จริง โอ๊ย การเมืองมาก ๆ


วังเก่าของสันตปาปาในเมืองอาวิญง https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Avignon

หลังจากที่โป๊ปกลับมาจากฝรั่งเศสก็พบว่าวาติกันถูกทิ้งไว้จนโทรม เลยต้องบูรณะใหม่หมดจนเป็นวาติกันที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้แหละ ใช้ช่างและศิลปินดังของอิตาลีมาสร้างบ้านแปลงเมืองโดยศิลปินดังระดับโลกอย่างเช่น ไมเคิลแองเจโล ราฟาแอล บรามันเต แบร์รีนี่ ซึ่งผมก็ได้เล่าผลงานของพวกเขาไว้ในตอนก่อนหน้านี้ไปแล้วเยอะ คิดว่าคงไม่ต้องเล่าต่อก็ได้มั้ง เพราะมีคนมาเล่าเยอะแล้วด้วย

วาติกันเคยมีความขัดแย้งกับภายนอกถึงขนาดที่มีกองทัพยกมาตีและก็ตีแตกเสียด้วย นี่ทำให้เกิดความคิดที่จะต้องมีทหารมาคอยอารักขาโป๊ป แต่ก็ไม่ได้บังคับให้บาทหลวงมาฝึกอาวุธแบบวัดเส้าหลินหรอกนะ วิธีการก็คือไปจ้างทหารสวิสเข้ามาประจำการ เพราะได้ชื่อว่าเป็นทหารที่มีวินัยสูง และผู้ที่จะผ่านเข้ามาก็ต้องผ่านการฝึกต่อสู้สารพัด แต่พอเข้ามาถึงก็กลับมาทำหน้าถือหอกแล้วก็แต่งชุดสวยๆ แต่อย่าไปทำอะไรไม่ดีเข้าจะอาจจะได้เห็นฝึกมือการรบของพวกเขา


ทหารสวิสในวาติกัน https://en.wikipedia.org/wiki/Swiss_Guard

ทุกวันนี้ จะมีกฏเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับการสืบทอดและคัดเลือกพระสันตปาปา มีที่มาจากการป้องกันแก้ปัญหาการชิงอำนาจและการแทรกแซงจากภายนอกไม่ให้เกิดขึ้นอีก เช่นการตั้งกฏไม่ให้บาทหลวงแต่งงานมีลูกหลานสืบสกุล จะได้ไม่ต้องมีใครตั้งตัวเป็นรัชทายาท การคัดเลือกโป๊ปดำเนินการโดยพระราชาคณะ (Cardinal) เพื่อป้องกันไม่ให้กษัตริย์ประเทศใดมาแทรกแซงเลือกพวกของตนเป็นสันตะปาปา ป้องกันปัญหาการเมืองที่จะเข้ามารบกวนศาสนจักร

เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้วาติกันกลายเป็นนครรัฐอิสระที่เล็กที่สุดในโลกนี้ก็คือ การรวมรัฐต่าง ๆ ในบริเวณนี้เข้าด้วยกันเป็นประเทศอิตาลีและสถาปนากรุงโรมให้เป็นเมืองหลวง ถึงตอนนี้วาติกันก็กลัวว่าถูกปกครองโดยอาณาจักรอิตาลี (แน่นอนแหละ ในอดีตเขาเคยเป็นผู้ปกครอง มีอำนาจเหนืออาณาจักรทั้งหลายมาแล้วนี่นา คราวนี้จะยอมให้เป็นผู้ถูกปกครองได้ยังไง) รัฐบาลอิตาลีได้พยายามดีลกันเลยได้ข้อตกลงแลกเปลี่ยน เช่นการแลกเอกราชของวาติกันกับดินแดนต่างๆที่โป๊ปเคยปกครอง แต่ก็ไม่สำเร็จ

จนมาถึงสมัยของรัฐบาลมุสโสลินี (ผู้นำสมัยสงครามโลกที่สอง เพื่อนของฮิตเลอร์ คนนั้นแหละ) ที่เกิดการดีลกันได้ โดยต้องยอมรับว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของอิตาลี แต่วาติกันจะได้สิทธิปกครองตนเองภายใต้สันตะปาปาซึ่งเป็นประมุขของรัฐและเป็นประมุขของคริสจักรด้วย


การลงนามระหว่างพระสันตปาปากับมุสโสลินี https://en.wikipedia.org/wiki/Lateran_Treaty

วาติกันจึงกลายเป็นประเทศอิสระที่เล็กที่สุดในโลก มีการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ สกุลเงินตรา ประมุข สถาบันการศึกษา คณะรัฐมนตรีของตนเอง เช่นเดียวกับประเทศเอกราชทั้งหลาย


ธงและตราแผ่นดินของวาติกัน https://en.wikipedia.org/wiki/Vatican_City

ทว่า ยังมีสิ่งที่ยังคงทำให้เรารู้สึกว่าเป็นประเทศได้ไม่สมบูรณ์อยู่นะ ที่สำคัญก็คิอ พลเมืองของวาติกันจำนวนมากเป็นพลเมืองแบบชั่วคราว คือเดิมมีสัญชาติอื่นๆ แต่พอเข้ามาทำงานในวาติกันก็เลยมีสัญชาติวาติกัน เมื่อลาออกจากงานไปอยู่เมืองอื่นก็ต้องคืนสัญญาชาติไปใช้สัญชาติเดิม ทำให้เรามองว่าวาติกันเหมือนสำนักแห่งนึง ไม่ใช่ประเทศเหมือนใครเขา

อีกเรื่องหนึ่งก็คือการไม่มีตัวแทนของวาติกันไปนั่งอยู่ที่สหประชาชาติ (UN) ต่างจากโมนาโคซึ่งเป็นประเทศจิ๋วเหมือนกันยังมีที่นั่งได้การยอมรับว่าเป็นประเทศเอกราชเลย เหตุผลที่เขาบอกก็คือ วาติกันไม่ใช่รัฐประชาธิปไตย (อ้าว) เพราะปกครองโดยโป๊ปซึ่งมีสิทธิเด็ดขาด เท่ากับว่าถูกปกครองโดยระบบสมบูรณาญาสิทธิราชนั่นเอง

สงสัยอยู่ว่าสมาชิกของ UN หลายประเทศก็ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยนะ ทำไมยังได้เป็นเลย

เอาละ ขอจบการบรรยายให้ท่านรู้จักนครวาติกัน (ซึ่งสมัยนี้เขาเรียกประเทศวาติกันได้แล้ว แม้จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ก็ช่างมันเถอะ) เพียงเท่านี้ กลับเข้าสู่โลกปัจจุบันกันต่อ

แต่โลกปัจจุบันมันอยู่ในบทหน้านะ เอาไว้เจอกันบทหน้าก็แล้วกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่