“คิดถึงญี่ปุ่น” คำที่ใครหลายๆคนมักพูดกันบ่อยๆ เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบพูดแบบนี้ “คิดถึงก็ไปสิ” แม่และป้า พูดขึ้นกับเราพร้อมกัน ครั้งนี้เราไปตั้งแต่ 7-14 พฤศจิกายน 2567 นะคะ นอกจากนี้เราทำการจอง JR Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass 5 วัน จาก App Klook ทำไมเราถึงซื้อ pass นี้ก็เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่อยากไปอย่าง Kamikochi แต่ แต่ แต่ Pass นี้ไม่ได้รวมค่ารถบัสเข้าตัว Kamikochi นะคะ ต้องจ่ายแยกออกมา แต่ความฝันที่อยากจะไปเห็น kamikochi สักครั้งในชีวิตก็ยอมจ่ายไป 55555 แต่พาสนี้เราใช้ไปเที่ยวที่หมู่บ้าน Shirakawago ครอบคลุมทั้งรถบัสและ JR เลยนะคะ คุ้มค่าเพราะเรานั่งไป-กลับ Osaka - Shirakawago - Takayama - Kyoto ใช้บัตรเบ๋งไม่เกรงใจใคร 5555 

เรามาถึงสนามบินคันไซในช่วงเกือบ 09.00 พอมาถึงสนามบินเราก็ทำการแลก JR ที่สนามบินได้เลย และสามารถส่งตารางการเดินทางของเราทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่จองที่นั่งทั้งทริปของเราได้เลยนะคะ ไม่ต้องจองเองในตู้เลยนะ ปังสุดดดค่ะ เราใช้วิธีการเดินทางเข้าตัวโอซาก้าด้วย Nankai line ราคา 970¥ ปล. JR ที่เราซื้อมาก็เข้าตัว osaka ได้นะคะ แต่เราจะเริ่มเปิดใช้ JR ในวันพรุ่งนี้ ลุยยยเลยค่ะ เข้าโอซาก้ากัน!!!

ที่พักของเราครั้งนี้จองที่พัก Hotel Shin-Osaka เพราะเราจะเน้นออกไปเที่ยวนอกตัวเมืองเกือบทั้งทริปเลย ใครจะออกนอกตัวเมืองแนะนำเลยนะคะ โรงแรมน่ารักมาก และใจดีมากด้วย เราฝากกระเป๋ากับทางโรงแรมไว้เกือบ 4 วันและกลับมานอนที่นี้อีก 2 วัน ก็รับฝากไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม หรือตอนเรา check out ก็ยังคงฝากกระเป๋าได้อีก ไม่คิดเงินเพิ่มด้วย โอ้ยจะไม่หลงรักไงไหว แนะนำเลยค่ะ 

หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมกันเสร็จก็ไปเที่ยวปราสาทกันต่อ ปราสาทโอซาก้าสร้างในปี คศ. 1573-1603 มีทั้งหมด 8 ชั้น ที่นี้มีเคยมีการถูกเผาทำลายในยุคสงครามมาก่อนด้วยนะคะ (*ความคิดเห็นส่วนตัว* เราแอบชอบปราสาท Kumamoto ในภูมิภาคคิวซูมากกว่า) แต่ก็ชอบตรงที่ปราสาทโอซาก้ามีการเปลี่ยนสีของต้นแปะก๊วยพอดี สวยเลยค่ะ

🚌 JR Line: O7 Osakajokoen Or Metro Line: C18 Tanimachi 4 chome 

💵 600¥

ศาลเจ้านัมบะ ที่ตั้งของหัวสิงโตขนาดใหญ่ 12 m. กว้าง 11 m. ลึก 7 m. เหตุผลที่สิงโตอ้าปากเพราะเชื่อว่าจะสามารถดูดกลืนวิญญาณหรือสิ่งชั่วร้ายได้ สามารถขอพรเรื่องธุรกิจการ การเรียน ความรักได้นะคะ

🚌 JR Line: Q17 Namba station Or Metro Line: Y16 Daikokucho 

มาโอซาก้าไม่พูดถึงย่านโดทงบุริก็คงไม่ได้ เพราะย่านมี Landmark อย่างป้ายกูลิโกะ ที่ใครมาโอซาก้าก็ต้องมาถ่ายรูปด้วย 555555 

รู้หมือไร่: ป้ายกูลิโกะถูกเปลี่ยนมาแล้วถึง 6 versions เลยนะ ซึ่งป้ายแรกที่มาตั้งอยู่มาตั้งแต่ ค.ศ.1935 เท่ากับว่าอยู่มาเกือบ 100 ปีแล้ว นอกจากบ้านแล้วก็ยังมีแหล่งกินแหล่งช้อปอีกบาน ฉะนั้นระวังกระเป๋าตังค์กันให้ดีดีนะคะ 5555

🚌 JR Line: Q17 Namba station Or Metro Line: Y16 Daikokucho ปล.หากใครมาจากศาลเจ้า Namba Yasaka ก็สามารถเดินทะลุมาได้เลยนะคะไม่ไกลกัน

สวัสดีเช้า(มาก)นี้ที่โอซาก้า เราเดินทางกันแต่เช้าเลยค่ะเพื่อจะเข้าหมู่บ้านที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมรดกโลกกัน เราจองตั๋วรถบัสไว้ล่วงหน้านะคะ คือการเข้าไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ สามารถเข้าไปได้หลายทาง แต่เราเลือกเข้าจากทาง Kanazawa ฉะนั้นเราต้องทำการโทรจองรถบัสจากเมืองไทยเท่านั้นนะคะ ย้ำตัวหนา โทรจองล่วงหน้าหากเดินทางเข้าหมู่บ้านจาก สถานี Kanazawa นะคะ แนะนำเผื่อเวลาไว้ในการไปแลกตั๋วสัก 30 นาทีนะคะ เพราะเราเกือบตกรถ TT 5555 (มาเล่าตอนที่เรื่องผ่านไปแล้วก็ขำได้แต่ตอนนั้นคือวิ่งเหนื่อยมาก) เราทำการจองตั๋ว JR Shin-Osaka 07:04 - Tsuruga 08:31 - Kanazawa 09:28 - Bus Kanazawa 09:40 เท่ากับว่าเวลาในการแลกตั๋วรถบัสของเรามีแค่ 12 นาที แต่กว่าจะลงมากจากสถานี ก็หมดไปแล้ว 5 นาที เท่ากับเราเหลือ 7 นาทีในการเดินตามหาจุดแลกตั๋ว ทีแรกเจ้าหน้าที่ที่คุยทางโทรศัพท์ก็บอกไว้แล้วว่าประตูไปแลกตั๋วย้ายมาฝั่ง West แล้วนะ แต่เราก็ดันเดินไปฝั่ง East ทำไงละค่ะ ลนลานเลยทีนี้เหลือ 7 นาที ที่แลกตั๋วรถบัสก็หาไม่เจอ เวลาก็ใกล้มาทุกที ตอนนั้นคือแบบทำใจละว่าคงต้องเสียตั๋วนี้ไปแน่นอน แต่โชคยังเข้าข้างเด็กตาดำๆบ้าง ได้คนใจดีญี่ปุ่นทั้งคุณตาที่เป็นเจ้าหน้าที่บอกให้เราใจเย็นและอธิบายทีละ step และคุณอาแสนสวยที่แทบจะวิ่งไปกับเราเพื่อไปส่งที่แลกตั๋วรถบัส หรือเจ้าหน้าที่แลกตั๋วที่เห็นเราเหนื่อยมากกับการวิ่งเข้ามาที่ counter ก็ช่วยวิ่งไปบอกคนขับรถบัสขอเวลา 1 นาทีให้เราในการออกตั๋ว ในความประสาทเสียของเราก็ยังคงมีคนที่เขาน่ารักกับเราอยู่มันทำให้เราใจฟูได้เลย พูดแล้วก็จะร้องไห้ปนขำกับความประมาทของตัวเอง ต้องก้มห้วพร้อมบอกขอโทษไปตลอดทาง TT **ใครจะไปหมู่บ้านโดยเข้าทาง Kanazawa ทางบริษัท Nohi bus เปลี่ยนตำแหน่งออกตั๋วออก JR ประตูฝั่ง West แล้วนะคะ Update 8 Nov 2024 หลังจากหายหอบมาสักพักก็ได้นั่งดูวิว คือจะบอกว่าสวยไปตลอดทางเลยนะคะ สวยมากแนะนำใครไม่หลับนั่งดูข้างทางคือสวยไปตลอดทางเลยค่ะ

เรามาถึงหมู่บ้านประมาณ 11.05 ทีแรกใจเราก็แบบไม่น่ามีอะไรเลยจองรถบัสไป Takayama ตอน 14.00 ที่ไหนได้ 55555 หมู่บ้าน Shirakawago มีความสวยมากกว่าที่เราคิดเยอะเลยค่ะ ตอนที่เราไปต้นไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มกันแล้ว คือสวยมาก มองไปทางไหนก็ส้ม เหลือง แดง มันรู้สึกคุ้มมากที่ได้มาเห็นถึงก่อนหน้านี้จะวิ่งแทบตายก็เถอะ หายเหนื่อย 5555 นอกจากหมู่บ้านจะมีความน่ารักและสวยแล้ว หมู่บ้านยังมีพุดดิ้งที่โคตรอร่อยเลย เขาได้รางวัล Japan pudding awards 2022-2023 โดยเฉพาะรส jelly and pudding แต่สำหรับเราเขาทำ matcha อร่อยมากกกก ใครไปหมู่บ้านอย่าลืมไปลองกันนะคะ 

นอกจากนี้หมู่บ้านมีที่เที่ยวเยอะมาก เอาดีดี 3 ชม.สำหรับเราไม่ค่อยพอค่ะ แต่ก็ต้องเร่งทำเวลาหน่อย ก็ได้ highlights หลายที่เช่น Tenshukaku Observatory, Shirakawago three house, Myzen-ji Temple บอกเลยปังทั้งหมด คือสีที่กล้องถ่ายมาอาจจะไม่สวยเท่าภาพที่ตาเห็น หลังจากเที่ยวเล่นได้สักพักเราก็มารอเล่น Bus เพื่อนั่งต่อไปนอนที่ Takayama 2 คืนเพราะจุดมุ่งหมายของเราคือ Kamikochi ที่ใครหลายๆคนบอกว่าต้องไปให้ได้สักครั้งให้ได้

ที่พักที่ Takayama ชื่อ Cup of tea ensemble Takayama เป็นโรงแรมที่น่ารักมากกก เจ้าของก็น่ารัก ราคาอาจจะแรงหน่อยเพราะเราไปนอนเสาร์-อาทิตย์ แต่ห้องคือดีมากๆ และ location ก็ดีมากกเลยค่ะ แนะนำใครไปนอน Takayama แนะนำโรงแรมนี้เลยนะคะ

หลังจาก check in เข้าโรงแรมแล้วก็มาเดินเล่นตลาดเก่าทาคายามะกันซึ่งใกล้กับโรงแรมมาก เขายังคงอนุรักษ์บ้านที่สร้างตั้งแต่สมัยยุคเอโดะไว้ สวยและปังมาก และของกินก็เยอะมากเช่นกัน ใครมาย่านนี้ก็ต้องลองกินเนื้อฮิดะ เราตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยกินเนื้อเลย ก็มาแพ้เพราะที่นี้ 555 จัดซูซิแบบ 2 ชิ้นที่วางบนแซมเบ้ อร่อยแบบเข้าใจแล้วว่าเนื้อมันอร่อยแบบนี้เอง 555 

เช้านี้ต้องรีบออกกันมาแต่เช้าเพราะ เรามีจุดมุ่งหมายกันที่ Kamikochi เพื่อให้ทันรถบัสรอบแรก (07.00) ของ Nohi Bus ที่วิ่งTakayama - Hirayu Onsen – Kamikochi เพื่อทันพระอาทิตย์แรกของวัน (ราคาไป-กลับ 5800¥) แต่ แต่ แต่ ตอนที่ไปรอรถบัสเปิดดูอุณหภูมิตัวเมืองทาคายะม่าตอนเช้าอากาศอยู่ที่ -1 องศา ปากสั่นมือสั่นไม่ไหววว แล้วคามิโคจิจะไปเหลืออะไร และพอถึงคามิโคจิก็จริงตามที่คิด เพิ่มด้วยร่องรอยของหิมะที่แอบตกลงมาเล็กน้อย สวยแอบแฝงด้วยคำว่าโคตรหนาวเลย แต่ถ้าแลกมาด้วยความสวยก็ยอม เรานั่งรถบัสลงป้าย Taisho pond หรือใครที่ไม่อยากเดินสามารถนั่งบัสไปลงที่ Kappa bridge ได้เลยนะคะ แต่ถ้าใครมารถบัสรอบเช้าแนะนำให้เดินค่ะ เพราะระหว่างทางคือสวยมาก สวยตลอดทางจริงๆค่ะ ช่วงที่เราไปใบไม้เปลี่ยนสียังคงมีอยู่ นอกจากนี้พอไปเช้ามากๆ ตอนเช้ากิ่งไม้ที่มีหิมะจะสะท้อนกับแสงพระอาทิตย์ตอนเช้าคือสวยมากค่ะ คือถ้าไปสายกว่านี้พระอาทิตย์ก็อาจจะไม่ได้เห็นแสงสะท้อนแบบนี้

 พอเดินมาเรื่อยๆก็จะเจอกับแนวต้นสนที่เปลี่ยนสี คือภาพที่ตาเห็นกับกล้องคือแตกต่างมากเลยนะคะ ของจริงคือสวยมาก คือพูดมาตลอดทางว่า สวย สวย สวย