แฟนเป็นโรควิตกกังวล และ ซึมเศร้า จะดูแลหรือช่วยให้เขาดีขึ้นได้อย่างไรบ้างคะ

แฟนเราเป็นโรควิตกกังวลมานานแล้วค่ะ ทานยานอนหลับต่อเนื่องมาประมาณหกปีแล้วจนติด
ตอนนี้มีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย บ่นว่าเบื่อโลกไม่อยากทำอะไร อยากหายไปจากโลกนี้ แถมยังชวนเราไปตายอีกต่างหาก
เขาว่ารู้สึกเนือย เพลีย ไม่อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น แล้วเขาชอบมีอาการ ปวดหัว ปวดตามข้อ ท้องอืด แทบทุกเช้าค่ะ ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าเป็นมาจากอาการทางจิตหรือไม่
ตอนนี้เขาก็ไปหาหมออยู่สม่ำเสมอนะคะ แต่ยาที่ได้เหมือนจะเป็นตัวยาเดิมๆ
เดี๋ยวนี้ชวนไปออกกำลังก็ไม่ไป เพื่อนๆชวนไปเที่ยวดูสาวๆก็ไม่ไป(จุดนี้อยากให้ไปมาก)บอกว่าเบื่อทุกสิ่งอย่าง
เราจะช่วยเหลือเขา หรือให้กำลังใจเขาได้อย่างไรบ้างคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
ผมเคยเป็นโรคซึมเศร้า ตอนเรียนมัธยมปลาย เป็นจนถึงขนาดว่าไม่ไหวแล้ว ก็เรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลศรีธัญญาเลยครับ(รู้จักอยู่โรงพยาบาลเดียว)
ได้ปรึกษาจิตแพทย์ เล่าเรื่องที่ทุกข์ใจของตนเองให้แพทย์ฟัง ได้รับยามาสองตัวคือยานอนหลับกับยารักษาโรคซึมเศร้า
ยานอนหลับที่หมอให้มาไม่ได้กินตามหมอสั่งหรอกครับ ยิ่งทุกข์ใจก็ยิ่งกิน กินจนหลับข้ามวัน
ที่บ้านมารู้เข้าก็เอายาไปทิ้งหมดเลย ทีนี้ก็ไม่ได้ไปรักษากับจิตแพทย์อีก

ผมคิดว่าความทุกข์มันจะอยู่กับผมไปทั้งชีวิต เคยคิดฆ่าตัวตายวันละหลายๆรอบ
มองไม่เห็นทางสว่างของชีวิตเลยครับ
จนกระทั่งวันหนึ่งได้เริ่มต้นศึกษาธรรมะ จากหลักธรรมที่เรียบง่ายที่สุด นั่นก็คือหลักไตรลักษณ์
ตอนที่ผมทุกข์ใจ ผมมองไม่เห็นคนอื่น คิดว่าตัวเองทุกข์อยู่คนเดียวในโลก
มาเจออนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเข้าไป ก็ตาสว่างขึ้นมานิดหนึ่ง
อนิจจังคือความไม่เที่ยง หัวใจผมยึดติดอยู่กับสิ่งที่ผมรัก แล้วผมโดนสิ่งนั้นกลับมาทำร้าย เหยียบยำ่อย่างรุนแรง
ผมมองเห็นแต่ว่านั่นคือสิ่งที่ผมรัก นั่นคือสิ่งที่ผมต้องได้ มันต้องเป็นของเรา และไม่สามารถจะคิดได้ว่า
ผมจะเลิกรักสิ่งๆนี้ได้ แต่จริงๆมันมีเกิด ก็มีดับ มีรัก มีผูกพัน มันก็เลิกได้
ทุกขังคือความทุก ทุกคนเจอความทุกข์เป็นของธรรมดา ทุกคนมีความทุกเข่ามาในชีวิตกันทั่งนั้น
แต่คนเป็นโรคซึมเศร้า มันต่างจากคนธรรมดาตรงที่ เขาไม่สามารถจะข้ามผ่านกระบวนการยอมรับความผิดหวังได้
ตอนที่ผมเป็น ผมรู้สึกว่าผมสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในขีวิต สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของผม ผมยอมรับไม่ได้ ก็ก้าวข้ามผ่านไปไม่ได้
จนถึงสุดท้ายแล้ว ผมก็ต่องยอมรับในที่สุด ยอมรับว่าชีวิตของเรามันไม่ได้สุขตลอดนะ มันมีความทุกข์เข้ามาด้วยนะ
ข้อสุดท้ายอนัตตา การที่สิ่งต่างๆในโลกนี้ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของเรา เราไปบังคับให้ชีวิตมีแต่ความสุขตลอดก็ไม่ได้
ชีวิตต้องมีส่วนผสมของความทุกข์ด้วย ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้ให้ได้

ผมอยากจะบอกกับคุณว่า ในชิวิตของคนเป็นโรคซึมเศร้า ปัญหาที่อยู่ในจิตใจของเขา เจ้าตัวจะมองเห็นว่ามันใหญ่มากๆ
คนรอบข้างต้องเข้าใจ กำลังใจที่สำคัญที่สุด(สำหรับผมในตอนนั้น) คือ กำลังใจที่บอกว่า เรายังมีความสำคัญอยู่นะ
ผมท่องอยู่ในใจตอนที่ผมต่อสู้กับโรคซึมเศร้ามาเสมอว่า ผมเข้มแข็งและชีวิตของผมมีความสำคัญไม่ไร้ค่า
ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งท่อง

อย่างไรก็ตาม คนที่จะฉุดเขาขึ้นมาจากความทุกข์ได้ มีเพียงคนๆเดียว นั่นคือ ตัวของเขาเอง
เขาต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับสิ่งที่เขาคิดว่ามันทำให้เขาทุกทรมาน ทำให้เขาทุกข์ใจเสียใจ
ทุกอย่างเขาต้องลุกขึ้นมาทำเอง ผมก็เคยนอนเฉยๆ ไม่อยากจะตื่นขึ้นมา บางทีก็นอนทั้งวัน
เหนื่อยใจ เหนื่อยร่างกาย นำ้หนักลด จิตใจไม่มั่นคงสุดๆ
แต่ถ้ายังไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น และเราก็จะผ่านมันไปไม้ได้

ผมจะสรุปสุดท้ายให้คุณใด้อ่านง่ายๆนะครับ
1. ต้องเห็นคุณค่าของตัวเอง (อาจทำได้โดยลุกขึ้นมาทำงานให้เหมือนคนปกติ การที่คนๆหนึ่ง ลุกขึ้นมารับผิดชอบชีวิตตนเอง คนๆนั้นจะเห็นคุณค่าของตนเองด้วย
2. ต้องยอมรับความทุกข์
3. ปล่อยวาง อะไรที่คิดไว้ รั้งไว้และไม่ได้อะไรขึ้นมาให้ปล่อยวาง
4. ถ้าเราคิดว่าการที่เราเป็นโรคซึมเศร้า เป็นเพราะสิ่งที่เรารักมากระทำเรา มีสิ่งที่เรารักเป็นเหตุ ให้ลุกขึ้นมามองตัวเอง มองรอบข้าง แล้วถามตัวเองว่าจะลุกขึ้นมาเข้มแข็ง เพื่อคนที่รักเราไหม เพราะเราโดนสิ่งที่เรารักมาทำให้เราทุกข์ ทำไมเราต้องทำร้ายคนที่รักเราให้ทุกทรมานเหมือนที่เราโดนด้วยล่ะ
5. ความจริงคือ ทุกข์ไม่ได้อยู่ตลอดไป ผมเผชิญหน้าก็โรคซึมเศร้าอย่างน้อย 2 ปี เพียงแค่วันเดียวก็ทุกข์มากจนเหมือนจะเป็นตลอดกาลนานแล้ว แต่คนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่สามารถจะข้ามความผิดหวังไปได้ง่ายๆ เขาจึงยึดมันเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แต่ถ้าเขาลุกขึ้นมาเห็นคุณค่าตัวเอง ให้อยากหายจากโรคนี้ หนึ่งร้อยเปอเซนต์ฺ คุณจะผ่านมันได้
ุ6. ความโชคดีในความโชคร้ายคือ คุณจะเข้มแข็งกว่าคนทั่วไป(มากๆ) เมื่อคุณผ่านมันมาได้ และมันอาจจะเป็ยแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ให้กับชีวิตของคุณก็ได้ครับ

ให้กำลังใจ จขกท
ความคิดเห็นที่ 9
แฟนผมเพิ่งเป็นเมื่อ 5 เดือนก่อน เริ่มจาก วิตกกังวล  และจมลึกลงไปในอาการโรคซึมเศร้า  
อาการเหนือยเพลีย ก็เป็นผลมาจาก ขาดกิจกรรมปรกติ  
ปวดเมื่อยก็มาจาก อาการเกร็งกล้ามเนื้อจาก ความเครียดในสมอง
เปรียบร่างกายเหมือน รถที่ไม่ได้ขับนานๆ กลไก ข้างในก็ผิดเพี้ยนหมดครับ

เรื่องการรักษา ผมบอกกับแฟนผมว่า ถ้าอยากรักษาก็ต้องเปิดใจ,เปิดรับ,ยอมรับ  
ทั้งในขณะที่รักษาและค่อยปรับเปลี่ยนมุมมองชีวิตใหม่   เพราะถ้าไม่เปิดใจ
เข้าไปพบหมอ เชื่อหมอพยักหน้าแต่ภายนอก  ภายในใจยังไม่เปิดใจรับ  แล้วเอายามากิน  ก็กินไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด
สุดยอดของหมอก็ช่วยเธอไม่ได้  

แฟนผมก็ค่อยๆปรับตัวครับ ทั้งทานยาและ เปิดมุมมองชีวิตใหม่ๆ  
เค้าไปเข้ากลุ่มธรรมชาติบำบัด  ไปเจอคนที่ป่วยหนักมากๆ  ทั้ง มะเร็งระยะสุดท้าย, เส้นเลือดฝอยแตก คนที่ป่วยแบบนับลมหายใจสู้แบบวันต่อวัน
ทำให้เค้าได้คิดครับว่า  สิ่งที่เค้ามีอยู่มีค่ามากๆ มุมมองแฟนผมก็เปลี่ยนไป
ตอนนี้ค่อยกลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิม ยาก็ทานลดลงเหลือ 1 เม็ด มิลลิกรัมก็น้อยลงเรื่อยๆครับ
ความคิดเห็นที่ 2
นี่เป็นอาการป่วยชนิดนึง ต้องใช้ความรัก ความเข้าใจ และอดทนมากๆ ต้องเข้าใจว่าเขาป่วย ไม่ได้อยากเป็น โรคนี้เป็นโรคที่สมองหลั่งสาร ออกมาไม่สมดุล เวลารักษาใช้ระยะเวลานาน ค่อยๆดีขึ้นไม่หายทันทีหรอก ยากินก็ปรับตามอาการผู้ป่วย  บางคนเป็นขนาดบัคับตัวเองไม่ได้ก็มี   ขอให้คนอดทน และให้อภัยเขาด้วย  อาการวิตกกังวลมากๆจะทำให้การทำงานของระบบร่างกายปั่นป่วนได้ง่ายโดยเฉพาะระบบการย่อยอาหารแรกๆเลย แต่บางที่ตัวยาบางอย่างก็อาจมีผลข้างเคียงบ้าง ต้องถามหมอรึเภสัช ยาที่แฟนคุณกิน
      คุณพยายามทำให้รู้สึกผ่อนคลาย  อย่ากดดันเขา พาเขาไปออกไปนอกบ้านบ้างที่อากาศร่มรื่น แต่ต้องไปที่ๆไม่ค่อยมีคนเยอะๆเพราะบางคนอาจไม่ค่อยพร้อมไปเจอคนเยอะ  เวลาที่เขาเศร้าก็พยายามกอดเขา ปลอบเขา อยู่ใกล้เขา มันจะทำให้เขาไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยวนะ
      ผมขอให้คุณผ่านพ้นไปให้ได้ ผมว่าลองเปลี่ยนหมอดูไหม
      ผมว่าคุณลองไปหาหมอโบว์ดูสิ  แผนกจิตเวช  หมอ บุรณี กาญจนถวัลย์ รพ.จุฬา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่