ยาวนิดนึงนะคะ แต่อยากแบ่งปันให้อ่านกัน หวังว่าเพื่อนๆจะประทับใจเช่นกันค่ะ (สำหรับใครที่อ่านแล้วขออภัยนะคะ)
ณ บ้านของนางสาวฉันทนา ศรีสวัสดิ์ ซึ่งหันหน้าบ้านเข้าหารั้ววังไกลกังวล บ้านหลังนี้เคยเป็นที่อาศัยของ " หลวงแจ่ม" ตัวละครเอกที่เราจะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง
หลวงแจ่ม เป็นสุนัขเพศผู้พันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด ซึ่งมีรูปร่างใหญ่โต ขนยาว มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป แม้จะเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในเขตหนาว แต่ก็มีคนนิยมนำมาเลี้ยงในเขตร้อนอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเหตุว่าเป็นสุนัขที่มีนิสัยนุ่มนวลน่ารัก
คุณฉันทนา ได้ยอมจ่ายเงินสองหมื่นบาทเพื่อซื้อสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดที่คุณแม่ของเธอชอบมาเลี้ยงไว้ในบ้าน เมื่อได้สุนัขพันธุ์ดีตัวโตมาเลี้ยงสมความตั้งใจแล้ว เธอกับคุณแม่ก็ตั้งชื่อฝรั่งให้ว่า "เจ้าเจมส์" ให้สมกับที่เป็นสุนัขที่มีพันธุ์มาจากต่างประเทศ
ครอบครัวคุณฉันทนาได้เลี้ยงดูเจ้าเจมส์เป็นอย่างดี แต่เจ้าเจมส์ก็ดูจะมีอาการผิดปกติกว่าสุนัขทั่วไป คือ ได้เซื่องซึมนิ่งอยู่ทั้งวัน ไม่เล่นซนตามประสา แม้ว่าจะพาไปเที่ยวที่ชายทะเล ก็ไม่ได้ตื่นเต้นดีใจที่จะกระโดดวิ่งเล่นของสุนัขทั่วไป คงนอนมองเฉยอยู่บนรถ จนเธอต้องอุ้มเจ้าเจมส์ลงจากรถ เมื่อลงจากรถแล้ว มีเด็กๆ เข้ามาเล่นด้วย เจ้าเจมส์ก็ยังนิ่งเฉยไม่สนใจ นอนนิ่งไม่เดินไปไหน
ดังที่กล่าวมาเบื้องต่นว่า บ้านคุณฉันทนา อยู่ใกล้วังไกลกังวล เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๑ รั้ววังไกลกังวลแถบที่อยู่ใกล้บ้านของเธอ เป็นเพียงรั้วลวดหนามเก่าๆ มีช่องพอที่สุนัขจะเดินลอดเข้าไปในเขตวังได้ แม้กระนั้นก็ยังไม่เคยมีสุนัขตัวใดมุดลอดรั้วนั้นเข้าไป แต่เจ้าเจมส์คงเป็นตัวแรกที่กล้าทำเช่นนั้น
คุณฉันทนาเล่าว่า เจ้าเจมส์มักแอบลอดรั้วเข้าไปเขตวังไกลกังวลบ่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับ เมื่อเจ้าเจมส์เข้าไปในเขตวังแล้ว ก็จะวิ่งเล่นร่าเริง เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งทีเดียว
คราวหนึ่งเจ้าเจมส์หายไปจากบ้านนาน ๓ วัน คุณฉันทนาเห็นท่าไม่ดี จึงได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าไปตามเจ้าเจมส์ในเขตวังไกลกังวล ไปพบเจ้าเจมส์อยู่ในห้องครัวฝรั่ง (สมกับที่เป็นสุนัขพันธุ์ต่างประเทศ) นอนหลับตากแอร์อย่างเป็นสุข เมื่อจะพากลับก็ทำท่าไม่อยากกลับ
คุณฉันทนา เริ่มกังวลมากขึ้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่วังไกลกังวล เธอพยายามควบคุมสุนัขที่เลี้ยงไว้ไม่ให้ไปเล่นซนใกล้รั้ววัง ด้วยเกรงว่าจะเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท กระนั้น เธอก็มิได้ล่ามหรือขังสุนัข เพราะเธอเป็นคนรักสัตว์เลี้ยงมาก แม้จะระวังเต็มที่ แต่เจ้าเจมส์ก็ยังคงมุดลอดรั้วเข้าไปในวังไกลกังวลจนได้ แทบทุกวันจะมีเจ้าหน้าที่จูงสุนัขตัวโตมาส่งคืนที่บ้านเธอ
วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น เจ้าหน้าที่ที่จูงพาเจ้าเจมส์มาส่งแจ้งคุณฉันทนาว่า เจ้าเจมส์ล่วงเข้าไปถึงเขตพระราชฐานชั้นใน คราวนี้เจ้าหน้าที่กำชับว่าอย่าปล่อยให้เจ้าเจมส์หลุดลอดเข้าไปในวังอีกเป็นอันขาด คุณฉันทนาตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น จึงตัดสินใจเอาเจ้าเจมส์ใส่กรงขัง เจ้าเจมส์เลยนอนหงอยอยู่แต่ในกรง...
จากนั้นไม่นาน เวลาสายวันหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ในวังไกลกังวลมาพบคุณฉันทนาที่บ้าน แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งถามหาสุนัขตัวโตที่เคยมาวิ่งเล่นหายไปไหน เจ้าหน้าที่ทราบว่าเจ้าเจมส์เป็นสุนัขของเธอ จึงได้มาแจ้งให้เธอพาเจ้าเจมส์ไปเข้าเฝ้าฯ ในวัง เวลา ๕ โมงเย็น
เมื่อทราบเช่นนั้น คุณฉันทนาจึงจัดการอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเจ้าเจมส์อย่างเต็มที่ ก่อนจะพาเข้าเฝ้าฯ หลังจากเข้าเฝ้าฯ แล้ว เจ้าเจมส์ก็ได้อยู่ในวังเป็นเวลา ๓ วัน จึงมีเจ้าหน้าที่พากลับมาส่งคืนให้คุณฉันทนา เธอคิดไตร่ตรองเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคงจะโปรดเจ้าเจมส์มาก จึงได้มีรับสั่งหาและโปรดให้อยู่ในวังถึง ๓ วัน ฉะนั้น เธอจึงได้ตัดสินน้อมเกล้าฯ ถวายเจ้าเจมส์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยประสงค์จะทำสิ่งที่พระองค์ทรงพระสำราญ
เมื่อดำเนินการขอน้อมเกล้าฯ ถวายเจ้าเจมส์แล้ว เจ้าหน้าที่ก็มาติดต่อขอรับตัวเจ้าเจมส์ไปทำความสะอาดให้ได้มาตรฐานก่อนนำเข้าเฝ้าฯ เจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดเจ้าเจมส์อย่างดี ไม่มีกลิ่นตัวติดเลย มีแต่กลิ่นโคโลญจ์หอมฟุ้ง
การได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนั้น คุณฉันทนาและครอบครัวประทับใจปลาบปลื้มมาก เมื่อเสด็จออก เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ลืมหมดแม้กระทั่งคำกราบบังคมทูลที่อุตส่าห์ท่องจำมาหลายร้อยเที่ยว กว่าเธอจะรวบรวมสติได้ ก็เมื่อมีรับสั่งว่า "สีเหมือนทองหลางมาก" เธอจึงได้กราบบังคมทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ฉันทนา ศรีสวัสดิ์ มีความประสงค์จะขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสุนัขเพศผู้พันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด อายุ ๑๑ เดือน ชื่อเจมส์ เพคะ" แล้วมีรับสั่งต่อไปอีกหลายองค์
ในระหว่างที่คุณฉันทนานำเจ้าเจมส์เข้าเฝ้าฯ ห่างออกหน่อยหนึ่ง สุนัขเทศสีแดง ชื่อ ทองแดง ซึ่งทรงเลี้ยงมาอยู่ก่อน นั่งรออยู่ คุณทองแดงวิ่งออกมาเห่าเจ้าเจมส์ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อใหม่ ว่า "หลวงแจ่ม" คุณฉันทนาจึงได้กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "เขาถูกกันไหมเพคะ" รับสั่งตอบว่า "ไม่รู้สิ ยังไม่เคยเจอกัน แต่นี่เขาขี้อิจฉา" รับสั่งพลางทรงชี้ไปที่คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง
หลังจากที่คุณฉันทนาและครอบครัวได้เข้าเฝ้าฯ ครั้งนั้นแล้ว ก็ได้มีโอกาสทำเรื่องขออนุญาตเข้าไปเยี่ยม "หลวงแจ่ม" ในวังอีก ๒ ครั้ง คือ ครั้งแรกเมื่อพาพี่ชายของคุณฉันทนาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศไปเยี่ยหลวงแจ่ม และครั้งที่สอง เมื่อหลวงแจ่มมีลูก เธอเล่าว่า "เขาดูดีขึ้นมาก และไม่ลืมเรา ยังจำเราได้ พอเห็นเราก็เดินเข้ามานิ่งๆ แล้วก็เอาคางมาเกยที่บ่า เหมือนจะบอกว่าตอนนี้ฉันเป็นคุณหลวงแล้วนะ"
นับตั้งแต่นั้นมา คุณฉันทนาก็ได้อาศัยสอบถามข่าวคราวของหลวงแจ่มจากเจ้าหน้าที่ในวัง ทำให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรด "หลวงแจ่ม" มาก เพราะเป็นสุนัขใหญ่ใจดี ไม่เคยเกะกะระราน แม้แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็โปรดเช่นกัน อย่างไรก็ดี จะเสียหน่อยก็ตรงที่หลวงแจ่มมีน้ำลายมาก ไหลอยู่ตลอดเวลา ต้องมีคนคอยซับน้ำลายให้เสมอ
เรื่องราวของ "เจ้าเจมส์" ที่ได้กลายเป็น "หลวงแจ่ม" สุนัขทรงเลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้จะเป็นเรื่องเล่าเล็กๆ แต่ก็เป็นความประทับใจที่มีค่าอย่างยิ่งในชีวิตสำหรับคุณฉันทนาและครอบครัวศรีสวัสดิ์
หมายเหตุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสุนัขเพศเมียสุนัขหนึ่งซึ่งลูกของหลวงแจ่ม แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำไปเลี้ยงที่วังสระปทุม พระราชทานชื่อว่า แป๊ะฮวยอิ้ว
เรื่องที่ศูนย์สารสนเทศ สำนักราชเลขาธิการ นำมาถ่ายทอดนี้ ได้เรียบเรียง พิมพ์เผยแพร่ในนิตยสาร ฅ คน ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๙
ที่มา:
https://www.facebook.com/ACALLforAnimalRightsThailand
"เจ้าตัวโตผู้เกิดมาเป็นคุณหลวง"
ณ บ้านของนางสาวฉันทนา ศรีสวัสดิ์ ซึ่งหันหน้าบ้านเข้าหารั้ววังไกลกังวล บ้านหลังนี้เคยเป็นที่อาศัยของ " หลวงแจ่ม" ตัวละครเอกที่เราจะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง
หลวงแจ่ม เป็นสุนัขเพศผู้พันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด ซึ่งมีรูปร่างใหญ่โต ขนยาว มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป แม้จะเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในเขตหนาว แต่ก็มีคนนิยมนำมาเลี้ยงในเขตร้อนอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเหตุว่าเป็นสุนัขที่มีนิสัยนุ่มนวลน่ารัก
คุณฉันทนา ได้ยอมจ่ายเงินสองหมื่นบาทเพื่อซื้อสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดที่คุณแม่ของเธอชอบมาเลี้ยงไว้ในบ้าน เมื่อได้สุนัขพันธุ์ดีตัวโตมาเลี้ยงสมความตั้งใจแล้ว เธอกับคุณแม่ก็ตั้งชื่อฝรั่งให้ว่า "เจ้าเจมส์" ให้สมกับที่เป็นสุนัขที่มีพันธุ์มาจากต่างประเทศ
ครอบครัวคุณฉันทนาได้เลี้ยงดูเจ้าเจมส์เป็นอย่างดี แต่เจ้าเจมส์ก็ดูจะมีอาการผิดปกติกว่าสุนัขทั่วไป คือ ได้เซื่องซึมนิ่งอยู่ทั้งวัน ไม่เล่นซนตามประสา แม้ว่าจะพาไปเที่ยวที่ชายทะเล ก็ไม่ได้ตื่นเต้นดีใจที่จะกระโดดวิ่งเล่นของสุนัขทั่วไป คงนอนมองเฉยอยู่บนรถ จนเธอต้องอุ้มเจ้าเจมส์ลงจากรถ เมื่อลงจากรถแล้ว มีเด็กๆ เข้ามาเล่นด้วย เจ้าเจมส์ก็ยังนิ่งเฉยไม่สนใจ นอนนิ่งไม่เดินไปไหน
ดังที่กล่าวมาเบื้องต่นว่า บ้านคุณฉันทนา อยู่ใกล้วังไกลกังวล เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๑ รั้ววังไกลกังวลแถบที่อยู่ใกล้บ้านของเธอ เป็นเพียงรั้วลวดหนามเก่าๆ มีช่องพอที่สุนัขจะเดินลอดเข้าไปในเขตวังได้ แม้กระนั้นก็ยังไม่เคยมีสุนัขตัวใดมุดลอดรั้วนั้นเข้าไป แต่เจ้าเจมส์คงเป็นตัวแรกที่กล้าทำเช่นนั้น
คุณฉันทนาเล่าว่า เจ้าเจมส์มักแอบลอดรั้วเข้าไปเขตวังไกลกังวลบ่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับ เมื่อเจ้าเจมส์เข้าไปในเขตวังแล้ว ก็จะวิ่งเล่นร่าเริง เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งทีเดียว
คราวหนึ่งเจ้าเจมส์หายไปจากบ้านนาน ๓ วัน คุณฉันทนาเห็นท่าไม่ดี จึงได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าไปตามเจ้าเจมส์ในเขตวังไกลกังวล ไปพบเจ้าเจมส์อยู่ในห้องครัวฝรั่ง (สมกับที่เป็นสุนัขพันธุ์ต่างประเทศ) นอนหลับตากแอร์อย่างเป็นสุข เมื่อจะพากลับก็ทำท่าไม่อยากกลับ
คุณฉันทนา เริ่มกังวลมากขึ้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่วังไกลกังวล เธอพยายามควบคุมสุนัขที่เลี้ยงไว้ไม่ให้ไปเล่นซนใกล้รั้ววัง ด้วยเกรงว่าจะเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท กระนั้น เธอก็มิได้ล่ามหรือขังสุนัข เพราะเธอเป็นคนรักสัตว์เลี้ยงมาก แม้จะระวังเต็มที่ แต่เจ้าเจมส์ก็ยังคงมุดลอดรั้วเข้าไปในวังไกลกังวลจนได้ แทบทุกวันจะมีเจ้าหน้าที่จูงสุนัขตัวโตมาส่งคืนที่บ้านเธอ
วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น เจ้าหน้าที่ที่จูงพาเจ้าเจมส์มาส่งแจ้งคุณฉันทนาว่า เจ้าเจมส์ล่วงเข้าไปถึงเขตพระราชฐานชั้นใน คราวนี้เจ้าหน้าที่กำชับว่าอย่าปล่อยให้เจ้าเจมส์หลุดลอดเข้าไปในวังอีกเป็นอันขาด คุณฉันทนาตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น จึงตัดสินใจเอาเจ้าเจมส์ใส่กรงขัง เจ้าเจมส์เลยนอนหงอยอยู่แต่ในกรง...
จากนั้นไม่นาน เวลาสายวันหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ในวังไกลกังวลมาพบคุณฉันทนาที่บ้าน แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งถามหาสุนัขตัวโตที่เคยมาวิ่งเล่นหายไปไหน เจ้าหน้าที่ทราบว่าเจ้าเจมส์เป็นสุนัขของเธอ จึงได้มาแจ้งให้เธอพาเจ้าเจมส์ไปเข้าเฝ้าฯ ในวัง เวลา ๕ โมงเย็น
เมื่อทราบเช่นนั้น คุณฉันทนาจึงจัดการอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเจ้าเจมส์อย่างเต็มที่ ก่อนจะพาเข้าเฝ้าฯ หลังจากเข้าเฝ้าฯ แล้ว เจ้าเจมส์ก็ได้อยู่ในวังเป็นเวลา ๓ วัน จึงมีเจ้าหน้าที่พากลับมาส่งคืนให้คุณฉันทนา เธอคิดไตร่ตรองเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคงจะโปรดเจ้าเจมส์มาก จึงได้มีรับสั่งหาและโปรดให้อยู่ในวังถึง ๓ วัน ฉะนั้น เธอจึงได้ตัดสินน้อมเกล้าฯ ถวายเจ้าเจมส์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยประสงค์จะทำสิ่งที่พระองค์ทรงพระสำราญ
เมื่อดำเนินการขอน้อมเกล้าฯ ถวายเจ้าเจมส์แล้ว เจ้าหน้าที่ก็มาติดต่อขอรับตัวเจ้าเจมส์ไปทำความสะอาดให้ได้มาตรฐานก่อนนำเข้าเฝ้าฯ เจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดเจ้าเจมส์อย่างดี ไม่มีกลิ่นตัวติดเลย มีแต่กลิ่นโคโลญจ์หอมฟุ้ง
การได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนั้น คุณฉันทนาและครอบครัวประทับใจปลาบปลื้มมาก เมื่อเสด็จออก เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ลืมหมดแม้กระทั่งคำกราบบังคมทูลที่อุตส่าห์ท่องจำมาหลายร้อยเที่ยว กว่าเธอจะรวบรวมสติได้ ก็เมื่อมีรับสั่งว่า "สีเหมือนทองหลางมาก" เธอจึงได้กราบบังคมทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ฉันทนา ศรีสวัสดิ์ มีความประสงค์จะขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสุนัขเพศผู้พันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด อายุ ๑๑ เดือน ชื่อเจมส์ เพคะ" แล้วมีรับสั่งต่อไปอีกหลายองค์
ในระหว่างที่คุณฉันทนานำเจ้าเจมส์เข้าเฝ้าฯ ห่างออกหน่อยหนึ่ง สุนัขเทศสีแดง ชื่อ ทองแดง ซึ่งทรงเลี้ยงมาอยู่ก่อน นั่งรออยู่ คุณทองแดงวิ่งออกมาเห่าเจ้าเจมส์ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อใหม่ ว่า "หลวงแจ่ม" คุณฉันทนาจึงได้กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "เขาถูกกันไหมเพคะ" รับสั่งตอบว่า "ไม่รู้สิ ยังไม่เคยเจอกัน แต่นี่เขาขี้อิจฉา" รับสั่งพลางทรงชี้ไปที่คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง
หลังจากที่คุณฉันทนาและครอบครัวได้เข้าเฝ้าฯ ครั้งนั้นแล้ว ก็ได้มีโอกาสทำเรื่องขออนุญาตเข้าไปเยี่ยม "หลวงแจ่ม" ในวังอีก ๒ ครั้ง คือ ครั้งแรกเมื่อพาพี่ชายของคุณฉันทนาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศไปเยี่ยหลวงแจ่ม และครั้งที่สอง เมื่อหลวงแจ่มมีลูก เธอเล่าว่า "เขาดูดีขึ้นมาก และไม่ลืมเรา ยังจำเราได้ พอเห็นเราก็เดินเข้ามานิ่งๆ แล้วก็เอาคางมาเกยที่บ่า เหมือนจะบอกว่าตอนนี้ฉันเป็นคุณหลวงแล้วนะ"
นับตั้งแต่นั้นมา คุณฉันทนาก็ได้อาศัยสอบถามข่าวคราวของหลวงแจ่มจากเจ้าหน้าที่ในวัง ทำให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรด "หลวงแจ่ม" มาก เพราะเป็นสุนัขใหญ่ใจดี ไม่เคยเกะกะระราน แม้แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็โปรดเช่นกัน อย่างไรก็ดี จะเสียหน่อยก็ตรงที่หลวงแจ่มมีน้ำลายมาก ไหลอยู่ตลอดเวลา ต้องมีคนคอยซับน้ำลายให้เสมอ
เรื่องราวของ "เจ้าเจมส์" ที่ได้กลายเป็น "หลวงแจ่ม" สุนัขทรงเลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้จะเป็นเรื่องเล่าเล็กๆ แต่ก็เป็นความประทับใจที่มีค่าอย่างยิ่งในชีวิตสำหรับคุณฉันทนาและครอบครัวศรีสวัสดิ์
หมายเหตุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสุนัขเพศเมียสุนัขหนึ่งซึ่งลูกของหลวงแจ่ม แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำไปเลี้ยงที่วังสระปทุม พระราชทานชื่อว่า แป๊ะฮวยอิ้ว
เรื่องที่ศูนย์สารสนเทศ สำนักราชเลขาธิการ นำมาถ่ายทอดนี้ ได้เรียบเรียง พิมพ์เผยแพร่ในนิตยสาร ฅ คน ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๙
ที่มา: https://www.facebook.com/ACALLforAnimalRightsThailand