สวัสดีพี่น้องนักอ่านทางเว็บพันทิปนะคะ ต้องขอโทษมากๆ ที่ก่อนหน้านี้ลงได้แค่ 2 บทแล้วหายไปเลย เพราะว่าอ้อยต้องรีบปิดต้นฉบับพักตร์อสูรเพื่อส่งสำนักพิมพ์มายดรีม ในเครือสถาพรบุ๊คส์ ค่ะ และตอนนี้ก็ได้ส่งไปแล้ว วันนี้เลยจะมาอัพให้อ่านนะคะ แต่ขอแจ้งพี่น้องนักอ่านที่รักและเคารพทุกท่านว่าอ้อยจะลงให้อ่านไม่จบ ขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่อ้อยขอโอกาสนำเสนอผลงานเพื่อเป็นทางเลือก ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้โอกาสคนเขียนงานคนนี้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณจากใจค่ะ
อ้อย/สุชาคริยา
หมายเหตุ.- อ้อยจะมาอัพทุกวันช่วงบ่ายๆ ใกล้เย็น จนกว่าจะตามทันในเว็บเด็กดีและเว็บเลิฟที่เคยโพสไว้ โดยจะเริ่มทยอยลบบทกลางๆ ออกเพื่อป้องกันการก๊อปปี้ หรือเริ่มลบเนื้อหาเมื่อรู้กำหนดหนังสือวางจำหน่ายแน่นอนแล้วนะคะ ขอโทษในความไม่สะดวก เพราะก่อนหน้านี้มีวี่แววว่าจะมีคนลอกงานค่ะ แต่เมื่อได้กล่าวตักเตือน จึงหยุดไป แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้ค่ะ
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/30383088
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/30393758
----------------------------------------------------
อากาศบริสุทธิ์เย็นสบายและเสียงไก่ขันปลุกอุษามันตราตื่นจากการหลับใหล ความขี้เกียจสั่งให้นอนต่อ มือกระชับผ้าห่มกับตัว
‘ทำไมวันนี้ที่นอนแข็งจัง นอนไม่ค่อยสบายเหมือนทุกทีเลย’
บ่นในใจก็เอาหน้าถูไถกับหมอน ความสากระคายทำลายความง่วงอันสุนทรี เธอลุกนั่งโดยไม่ลืมตา
“แม่นายน้อยอุษานอนต่อเถิดเจ้าข้า”
คำพูดนี้ทำให้เธอตาเบิกโพลง อาการสะลึมสะลือหายเป็นปลิดทิ้งในทันที รีบเหลียวซ้ายแลขวา
‘ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก’
เพชรน้ำค้างนึกอย่างโอดครวญ ความสงสัยกึ่งขัดใจท่วมท้นในความรู้สึก เอามือลูบหน้านุ่มนิ่มที่เหมือนเหงื่อจะผุดขึ้น
‘หมดกัน... ความสุขอันน้อยนิดของฉัน’
จิตราเดินเข้ามา ประคองให้นอนลง เธอพลิกตะแคง ในหัวมีแต่คำถามมากมายขณะสายตามองฝ่าความมืดสลัว แสงเทียนสีส้มพอช่วยให้เห็นแต่ก็ต้องเพ่ง แม่ในโลกใหม่ของเธอนั่งอยู่ตรงหน้าตรงโต๊ะคันฉ่อง ที่เป็นแท่นไม้สองชั้น ชั้นล่างวางเครื่องประทินผิวมากมาย ชั้นบนฉลุลายรอบแผ่นโลหะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้งอย่างสวยงาม เนื้อโลหะเป็นสีเงินกึ่งทองแดง สะท้อนเงาทำหน้าที่ไม่แตกต่างจากกระจก ตยาวดีนุ่งกระโจมอกนั่งพับเพียบ กำลังสางผมสีดำยาวถึงกลางหลัง เสยผมด้านหน้าเรียบเป็นทรง
‘สงสัยคงเพิ่งอาบน้ำมา’
จิตราเข้าไปช่วยนายสาวประแป้งที่มีกลิ่นหอมเย็นอย่างละมุนละม่อมทั่วแขนและแผ่นหลัง จากนั้นตยาวดีก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหลังฉากบังตาพร้อมกับผ้าที่เตรียมไว้ ฉากบังตาที่เห็นมีลักษณะเป็นโครงไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ขึงด้วยผ้าปักลายสวยวิจิตรห้าบานพับสลับกัน
ไม่นานนักก็เดินออกมา
‘สวยจริงๆ’
อุษามันตรานึกชม ไม่คิดว่าผ้านุ่งสีเงินสะท้อนแสงวาววับเข้ากับสไบปักลายคล้ายผ้าลูกไม้สีม่วงเข้มทำให้แม่ในโลกใหม่สวยจนเหมือนนางในฝัน เป็นนางในวรรณคดีที่สวยหวานหยาดเยิ้มเฉกเช่นเจ้านายหรือราชนิกุลชั้นสูง จนอดภูมิใจลึกๆ ไม่ได้ว่ามีแม่สวย ตยาวดีหมุนตัวดูความเรียบร้อยหน้าคันฉ่อง หล่อนสวยประณีตวิจิตรบรรจงเหลือเกิน จิตราเองก็ดูดีเช่นกัน เครื่องประดับที่นางพี่เลี้ยงนำมาทาบทับบนเรือนร่างอรชรแต่ละชิ้นดูหรูหราอลังการ เธอไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องใส่มากขนาดนี้ แต่โดยรวมแล้วกลับสวยจนชวนตะลึง
‘ว่าแต่... ทำใจรับตยาวดีเป็นแม่ได้ง่ายขนาดนี้เชียวเรอะน้ำค้าง’
ความคิดหนึ่งดังถาม
‘ก็เป็นแม่เด็กนี่จริงๆ นี่นา มาอยู่ในร่างลูกสาวเขา ไม่รู้สึกว่าเขาเป็นแม่ ก็น่าคิดอยู่ ขนาดภาษาพูดที่ไม่รู้จักยังฟังเข้าใจ อาจเกี่ยวกับข้อมูลในสมองนี่ก็ได้ พอมาอยู่ในร่างนี้ ก็เลยรู้สึกตาม’
ความคิดที่สองดังตอบ
‘แต่ที่เจอนี่มันน่าเครียดมากกว่าจะมามองดูอะไรพวกนี้นะ’
ความคิดที่หนึ่งยังเถียง
‘เครียดแล้วมันช่วยให้อะไรดีขึ้นไหมล่ะ ช่วยให้กลับบ้านเร็วขึ้นหรือเปล่าล่ะ’
ทุกอย่างเงียบไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งมีเสียงอ่อยๆ จากความคิดที่หนึ่งดังมา
‘แล้วจะทำยังไงต่อไปละทีนี้’
‘จะไปทำอะไรได้ นอกจากดูๆ ไปก่อน ก็ไหนๆ แล้ว บ้านก็ยังไม่ได้กลับ ลองเรียนรู้ฝันประหลาดสักครั้งก็น่าจะดี ถือว่าพักร้อนก็แล้วกัน ฝันยังไงมันก็เป็นฝัน เดี๋ยวก็ต้องตื่น ไม่ต้องกังวลน่า’
‘แต่ฉันคิดถึงพ่อกับแม่’
แล้วทุกอย่างก็เงียบไปครู่ ความคิดที่สองจึงดังตอบว่า
‘ฉันก็คิดถึง... อยากกลับบ้าน แต่ในเมื่อหลับแล้วตื่นมาก็ยังอยู่ที่เดิมจะให้ทำยังไง ร้องแรกแหกกระเชอให้น่าอายนะเรอะ เฮะ คนอย่างฉันไม่ทำหรอก อายชาวบ้านซะเปล่า’
หลังจากความคิดภาคอ่อนแอและภาคเข้มแข็งได้ถกเถียงกันจนได้ข้อสรุปแบบนั้น เพชรน้ำค้างก็ตัดสินใจทิ้งความสับสนและคำถามในหัวทั้งหลายออกไปทันที เธอตัดสินใจจะเรียนรู้เรื่องประหลาดครั้งนี้สักตั้ง เธออยากรู้ว่าที่สุดแล้วมันจะไปจบตรงจุดไหน หรือจริงแล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร หรือเป็นแค่จินตนาการระหว่างหลับใหลก็ต้องปล่อยมันเป็นไปตามเวรตามกรรม พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าไม่มีเหตุบังเอิญในโลก ทุกอย่างมีเหตุและผล มีที่มาเสมอ ซึ่งเธอก็ต้องค้นหาถึงเหตุแห่งการมาที่นี่ หรือจริงแท้อาจไม่มีเหตุอะไรเลยก็ได้
เพชรน้ำค้างมองดูแม่ในโลกใหม่ ความคิดถึงพ่อไกรกับแม่สร้อยยังอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเสมอ แต่เธอเลือกจะเก็บเอาไว้ในก้นบึ้งแห่งจิตวิญญาณ บอกย้ำกับตัวเองว่าจะหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่านี่คือความฝันหรือความจริง
“อุษามันตราคงมิหลับแล้ว พี่จิตราช่วยยกน้ำอุ่นขึ้นมาให้ฉันเถิด ฉันจักล้างหน้าล้างตัวให้ลูกในห้องเลย ข้างนอกเย็นนัก กลัวลูกจักจับไข้เจ้าข้า”
ตยาวดีพูดกับจิตราเบาๆ แต่เสียงนั้นก็ทำให้คนอยู่บนเตียงได้ยินอย่างชัดเจน ร่างเล็กๆ ของอุษามันตราลุกนั่ง มองสาวน้อยในชุดสวยแสนสวยและเครื่องประดับแพรวพราว อดคิดไม่ได้ว่าขนกรุเครื่องเพชรและอัญมณีมาจากไหนกัน แล้วถ้าใส่ขนาดนี้ไม่กลัวโจรปล้นหรือไม่หนักบ้างหรืออย่างไร เล่นใส่เสียจนเธอตาพร่า แต่ทั้งหมดก็ทำให้ตยาวดีงดงามนัก ยิ่งงดงามเมื่อสไบพลิ้วยามหล่อนเยื้อนย่างเข้ามาหา ความรักของแม่แสดงออกทางสายตาทำให้ตยาวดีดูสวยหวานจับใจ
“ประเดี๋ยว เราจักไปวัดกันนะลูก”
อุษามันตราพยักหน้า ยอมให้ตยาวดีที่นั่งลงข้างๆ สางผมยาวประบ่าของคนร่างเล็กแล้วรวบตึงขึ้นเหนือท้ายทอย โดยใช้โลหะคล้ายตัวยูเสียบเพื่อไม่ให้หลุด
‘ฝีมือดียิ่งกว่าช่างทำผมมืออาชีพอีก ครั้งเดียวอยู่’
อุษามันตราคิด ตยาวดีทำได้รวดเร็วและมือเบามาก ไม่ต้องใช้เจลหรือสเปรย์แต่งผมก็ยังอยู่ทรงแถมไม่ใช้ยางรัดอย่างที่เธอรู้จักและคุ้นเคย
จิตรายกถังไม้ที่มีควันลอยอยู่นิดๆ มาวางไว้
“ให้อิฉันดูแลแม่นายน้อยอุษาเอง แม่นายตยาแต่งตัวไว้งามแล้ว จะเลอะได้เจ้าข้า”
จบคำ อุษามันตราก็ตะเกียกตะกายหาทางลงจากเตียงโดยไม่ให้ตยาวดีช่วยเหลือ เธอเดินไปหาจิตราโดยไม่มีใครต้องบอก นางพี่เลี้ยงวักน้ำขึ้นลูบหน้าเบาๆ ต่อจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการถอดเสื้อผ้าและอุ้มเด็กน้อยลงจุ่มในถังน้ำที่ยกมา กดไหล่ให้นั่งลงในนั้น ลูบเนื้อลูบตัวโดยเฉพาะบริเวณข้อพับ
“ปวด... ... เจ้าข้า”
อุษามันตราพูดไม่ถูก นึกคำไม่ออกว่าปวดฉี่ควรจะพูดอย่างไร ได้แต่ยืนบิดไปบิดมา เสียงเล็กๆ นี่ชักจะชินหูของเธอเสียแล้วสิ และแม้จะฟังเหมือนไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่ก็น่ารักดี
“จักถ่ายเบารึเจ้าข้า” จิตราเอ่ยอย่างเอ็นดู ลุกไปหยิบกระโถนให้โดยไม่ลืมนำผ้ามารองพื้นราวกับรู้ใจ
เธอรีบนั่งยองๆ ในกระโถนเพราะการปวดฉี่แบบเด็กช่างปุบปับเสียจริง ที่สำคัญคือกลัวมือของจิตราจะทำงานเร็วเกินไป
“แม่นายน้อยอุษาเก่งนักเจ้าข้า แม่นายตยา”
จิตราหันไปพูดกับตยาวดี นั่นก็เพราะเธอไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ รวมถึงตอนเดินนี้ที่ลงไปจุ่มในถังอีกรอบเพื่อล้างทำความสะอาด เป็นเด็กนี่ดีจริงๆ ทำอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยใส่ใจ กลับดูว่าน่ารักเสียอีก ดูสิ มองเธอแล้วหันหน้าไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กัน นี่ถ้าหากไม่คิดอะไรมาก ปล่อยสบายๆ ก็น่าจะไหว ไม่อย่างนั้นคงผิดสังเกตไปแน่ๆ
สายตาสองคู่ที่จ้องอยู่ทำให้อุษามันตรารู้ว่าเธอคงทำอะไรแปลกประหลาดเมื่อเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกัน นี่ถ้าเธอแหกปากลั่นตอนจิตราจับถอดเสื้อ สงสัยทั้งสองคงตกใจจนตาถลน ว่าแต่พวกหล่อนจะรู้หรือเปล่า ที่เธอมาแอบอยู่ในร่างลูกสาวเขา
ทั้งสองนายบ่าวช่วยกันผัดแป้งแต่งตัวให้เธอโดยไม่พูดอะไร มีเพียงรอยยิ้มไม่จางหายไปจากใบหน้าเท่านั้น
[นิยาย] พักตร์อสูร : บทที่ 3
อ้อย/สุชาคริยา
หมายเหตุ.- อ้อยจะมาอัพทุกวันช่วงบ่ายๆ ใกล้เย็น จนกว่าจะตามทันในเว็บเด็กดีและเว็บเลิฟที่เคยโพสไว้ โดยจะเริ่มทยอยลบบทกลางๆ ออกเพื่อป้องกันการก๊อปปี้ หรือเริ่มลบเนื้อหาเมื่อรู้กำหนดหนังสือวางจำหน่ายแน่นอนแล้วนะคะ ขอโทษในความไม่สะดวก เพราะก่อนหน้านี้มีวี่แววว่าจะมีคนลอกงานค่ะ แต่เมื่อได้กล่าวตักเตือน จึงหยุดไป แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้ค่ะ
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/30383088
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/30393758
----------------------------------------------------
อากาศบริสุทธิ์เย็นสบายและเสียงไก่ขันปลุกอุษามันตราตื่นจากการหลับใหล ความขี้เกียจสั่งให้นอนต่อ มือกระชับผ้าห่มกับตัว
‘ทำไมวันนี้ที่นอนแข็งจัง นอนไม่ค่อยสบายเหมือนทุกทีเลย’
บ่นในใจก็เอาหน้าถูไถกับหมอน ความสากระคายทำลายความง่วงอันสุนทรี เธอลุกนั่งโดยไม่ลืมตา
“แม่นายน้อยอุษานอนต่อเถิดเจ้าข้า”
คำพูดนี้ทำให้เธอตาเบิกโพลง อาการสะลึมสะลือหายเป็นปลิดทิ้งในทันที รีบเหลียวซ้ายแลขวา
‘ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก’
เพชรน้ำค้างนึกอย่างโอดครวญ ความสงสัยกึ่งขัดใจท่วมท้นในความรู้สึก เอามือลูบหน้านุ่มนิ่มที่เหมือนเหงื่อจะผุดขึ้น
‘หมดกัน... ความสุขอันน้อยนิดของฉัน’
จิตราเดินเข้ามา ประคองให้นอนลง เธอพลิกตะแคง ในหัวมีแต่คำถามมากมายขณะสายตามองฝ่าความมืดสลัว แสงเทียนสีส้มพอช่วยให้เห็นแต่ก็ต้องเพ่ง แม่ในโลกใหม่ของเธอนั่งอยู่ตรงหน้าตรงโต๊ะคันฉ่อง ที่เป็นแท่นไม้สองชั้น ชั้นล่างวางเครื่องประทินผิวมากมาย ชั้นบนฉลุลายรอบแผ่นโลหะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้งอย่างสวยงาม เนื้อโลหะเป็นสีเงินกึ่งทองแดง สะท้อนเงาทำหน้าที่ไม่แตกต่างจากกระจก ตยาวดีนุ่งกระโจมอกนั่งพับเพียบ กำลังสางผมสีดำยาวถึงกลางหลัง เสยผมด้านหน้าเรียบเป็นทรง
‘สงสัยคงเพิ่งอาบน้ำมา’
จิตราเข้าไปช่วยนายสาวประแป้งที่มีกลิ่นหอมเย็นอย่างละมุนละม่อมทั่วแขนและแผ่นหลัง จากนั้นตยาวดีก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหลังฉากบังตาพร้อมกับผ้าที่เตรียมไว้ ฉากบังตาที่เห็นมีลักษณะเป็นโครงไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ขึงด้วยผ้าปักลายสวยวิจิตรห้าบานพับสลับกัน
ไม่นานนักก็เดินออกมา
‘สวยจริงๆ’
อุษามันตรานึกชม ไม่คิดว่าผ้านุ่งสีเงินสะท้อนแสงวาววับเข้ากับสไบปักลายคล้ายผ้าลูกไม้สีม่วงเข้มทำให้แม่ในโลกใหม่สวยจนเหมือนนางในฝัน เป็นนางในวรรณคดีที่สวยหวานหยาดเยิ้มเฉกเช่นเจ้านายหรือราชนิกุลชั้นสูง จนอดภูมิใจลึกๆ ไม่ได้ว่ามีแม่สวย ตยาวดีหมุนตัวดูความเรียบร้อยหน้าคันฉ่อง หล่อนสวยประณีตวิจิตรบรรจงเหลือเกิน จิตราเองก็ดูดีเช่นกัน เครื่องประดับที่นางพี่เลี้ยงนำมาทาบทับบนเรือนร่างอรชรแต่ละชิ้นดูหรูหราอลังการ เธอไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องใส่มากขนาดนี้ แต่โดยรวมแล้วกลับสวยจนชวนตะลึง
‘ว่าแต่... ทำใจรับตยาวดีเป็นแม่ได้ง่ายขนาดนี้เชียวเรอะน้ำค้าง’
ความคิดหนึ่งดังถาม
‘ก็เป็นแม่เด็กนี่จริงๆ นี่นา มาอยู่ในร่างลูกสาวเขา ไม่รู้สึกว่าเขาเป็นแม่ ก็น่าคิดอยู่ ขนาดภาษาพูดที่ไม่รู้จักยังฟังเข้าใจ อาจเกี่ยวกับข้อมูลในสมองนี่ก็ได้ พอมาอยู่ในร่างนี้ ก็เลยรู้สึกตาม’
ความคิดที่สองดังตอบ
‘แต่ที่เจอนี่มันน่าเครียดมากกว่าจะมามองดูอะไรพวกนี้นะ’
ความคิดที่หนึ่งยังเถียง
‘เครียดแล้วมันช่วยให้อะไรดีขึ้นไหมล่ะ ช่วยให้กลับบ้านเร็วขึ้นหรือเปล่าล่ะ’
ทุกอย่างเงียบไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งมีเสียงอ่อยๆ จากความคิดที่หนึ่งดังมา
‘แล้วจะทำยังไงต่อไปละทีนี้’
‘จะไปทำอะไรได้ นอกจากดูๆ ไปก่อน ก็ไหนๆ แล้ว บ้านก็ยังไม่ได้กลับ ลองเรียนรู้ฝันประหลาดสักครั้งก็น่าจะดี ถือว่าพักร้อนก็แล้วกัน ฝันยังไงมันก็เป็นฝัน เดี๋ยวก็ต้องตื่น ไม่ต้องกังวลน่า’
‘แต่ฉันคิดถึงพ่อกับแม่’
แล้วทุกอย่างก็เงียบไปครู่ ความคิดที่สองจึงดังตอบว่า
‘ฉันก็คิดถึง... อยากกลับบ้าน แต่ในเมื่อหลับแล้วตื่นมาก็ยังอยู่ที่เดิมจะให้ทำยังไง ร้องแรกแหกกระเชอให้น่าอายนะเรอะ เฮะ คนอย่างฉันไม่ทำหรอก อายชาวบ้านซะเปล่า’
หลังจากความคิดภาคอ่อนแอและภาคเข้มแข็งได้ถกเถียงกันจนได้ข้อสรุปแบบนั้น เพชรน้ำค้างก็ตัดสินใจทิ้งความสับสนและคำถามในหัวทั้งหลายออกไปทันที เธอตัดสินใจจะเรียนรู้เรื่องประหลาดครั้งนี้สักตั้ง เธออยากรู้ว่าที่สุดแล้วมันจะไปจบตรงจุดไหน หรือจริงแล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร หรือเป็นแค่จินตนาการระหว่างหลับใหลก็ต้องปล่อยมันเป็นไปตามเวรตามกรรม พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าไม่มีเหตุบังเอิญในโลก ทุกอย่างมีเหตุและผล มีที่มาเสมอ ซึ่งเธอก็ต้องค้นหาถึงเหตุแห่งการมาที่นี่ หรือจริงแท้อาจไม่มีเหตุอะไรเลยก็ได้
เพชรน้ำค้างมองดูแม่ในโลกใหม่ ความคิดถึงพ่อไกรกับแม่สร้อยยังอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเสมอ แต่เธอเลือกจะเก็บเอาไว้ในก้นบึ้งแห่งจิตวิญญาณ บอกย้ำกับตัวเองว่าจะหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่านี่คือความฝันหรือความจริง
“อุษามันตราคงมิหลับแล้ว พี่จิตราช่วยยกน้ำอุ่นขึ้นมาให้ฉันเถิด ฉันจักล้างหน้าล้างตัวให้ลูกในห้องเลย ข้างนอกเย็นนัก กลัวลูกจักจับไข้เจ้าข้า”
ตยาวดีพูดกับจิตราเบาๆ แต่เสียงนั้นก็ทำให้คนอยู่บนเตียงได้ยินอย่างชัดเจน ร่างเล็กๆ ของอุษามันตราลุกนั่ง มองสาวน้อยในชุดสวยแสนสวยและเครื่องประดับแพรวพราว อดคิดไม่ได้ว่าขนกรุเครื่องเพชรและอัญมณีมาจากไหนกัน แล้วถ้าใส่ขนาดนี้ไม่กลัวโจรปล้นหรือไม่หนักบ้างหรืออย่างไร เล่นใส่เสียจนเธอตาพร่า แต่ทั้งหมดก็ทำให้ตยาวดีงดงามนัก ยิ่งงดงามเมื่อสไบพลิ้วยามหล่อนเยื้อนย่างเข้ามาหา ความรักของแม่แสดงออกทางสายตาทำให้ตยาวดีดูสวยหวานจับใจ
“ประเดี๋ยว เราจักไปวัดกันนะลูก”
อุษามันตราพยักหน้า ยอมให้ตยาวดีที่นั่งลงข้างๆ สางผมยาวประบ่าของคนร่างเล็กแล้วรวบตึงขึ้นเหนือท้ายทอย โดยใช้โลหะคล้ายตัวยูเสียบเพื่อไม่ให้หลุด
‘ฝีมือดียิ่งกว่าช่างทำผมมืออาชีพอีก ครั้งเดียวอยู่’
อุษามันตราคิด ตยาวดีทำได้รวดเร็วและมือเบามาก ไม่ต้องใช้เจลหรือสเปรย์แต่งผมก็ยังอยู่ทรงแถมไม่ใช้ยางรัดอย่างที่เธอรู้จักและคุ้นเคย
จิตรายกถังไม้ที่มีควันลอยอยู่นิดๆ มาวางไว้
“ให้อิฉันดูแลแม่นายน้อยอุษาเอง แม่นายตยาแต่งตัวไว้งามแล้ว จะเลอะได้เจ้าข้า”
จบคำ อุษามันตราก็ตะเกียกตะกายหาทางลงจากเตียงโดยไม่ให้ตยาวดีช่วยเหลือ เธอเดินไปหาจิตราโดยไม่มีใครต้องบอก นางพี่เลี้ยงวักน้ำขึ้นลูบหน้าเบาๆ ต่อจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการถอดเสื้อผ้าและอุ้มเด็กน้อยลงจุ่มในถังน้ำที่ยกมา กดไหล่ให้นั่งลงในนั้น ลูบเนื้อลูบตัวโดยเฉพาะบริเวณข้อพับ
“ปวด... ... เจ้าข้า”
อุษามันตราพูดไม่ถูก นึกคำไม่ออกว่าปวดฉี่ควรจะพูดอย่างไร ได้แต่ยืนบิดไปบิดมา เสียงเล็กๆ นี่ชักจะชินหูของเธอเสียแล้วสิ และแม้จะฟังเหมือนไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่ก็น่ารักดี
“จักถ่ายเบารึเจ้าข้า” จิตราเอ่ยอย่างเอ็นดู ลุกไปหยิบกระโถนให้โดยไม่ลืมนำผ้ามารองพื้นราวกับรู้ใจ
เธอรีบนั่งยองๆ ในกระโถนเพราะการปวดฉี่แบบเด็กช่างปุบปับเสียจริง ที่สำคัญคือกลัวมือของจิตราจะทำงานเร็วเกินไป
“แม่นายน้อยอุษาเก่งนักเจ้าข้า แม่นายตยา”
จิตราหันไปพูดกับตยาวดี นั่นก็เพราะเธอไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ รวมถึงตอนเดินนี้ที่ลงไปจุ่มในถังอีกรอบเพื่อล้างทำความสะอาด เป็นเด็กนี่ดีจริงๆ ทำอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยใส่ใจ กลับดูว่าน่ารักเสียอีก ดูสิ มองเธอแล้วหันหน้าไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กัน นี่ถ้าหากไม่คิดอะไรมาก ปล่อยสบายๆ ก็น่าจะไหว ไม่อย่างนั้นคงผิดสังเกตไปแน่ๆ
สายตาสองคู่ที่จ้องอยู่ทำให้อุษามันตรารู้ว่าเธอคงทำอะไรแปลกประหลาดเมื่อเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกัน นี่ถ้าเธอแหกปากลั่นตอนจิตราจับถอดเสื้อ สงสัยทั้งสองคงตกใจจนตาถลน ว่าแต่พวกหล่อนจะรู้หรือเปล่า ที่เธอมาแอบอยู่ในร่างลูกสาวเขา
ทั้งสองนายบ่าวช่วยกันผัดแป้งแต่งตัวให้เธอโดยไม่พูดอะไร มีเพียงรอยยิ้มไม่จางหายไปจากใบหน้าเท่านั้น