ที่จั่วหัวแบบนี้ไม่ได้ให้เตรียม บังเกอร์ หรือ การตุนอาหารนะครับ แต่เอาข้อมูลที่ไม่ใช่วิชาการ แต่จากการสัมผัสลงตลาดย้อนหลังไป 2 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า จะเป็นระยะสั้นแต่อย่างน้อยก็มีความจริงอยู่เกินครึ่ง
ถึงเราเคยผ่านสงคราม หรือเห็นสงครามที่ล้างเผ่าพันธุ์มาแล้ว แต่คราวนี้ที่จะเอ่ยถึง มันอาจไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น แต่อย่างน้อยถ้าใครปรับตัวได้ ก็อาจจะไม่เจ็บตัว เจ็บใจเมื่อเราต้องตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น
หลักๆก็คือ ภาวะขาดทุน หรือขาดสภาพคล่องของหลายกิจการ ถือว่ากำไรเห็นแต่ สุทธิคือเสมอตัว หรือประคองตัว ผมได้ลงไปในกลุ่มการ์เม้นท์ ซึ่งภาษาธุรกิจเรียกว่า "เน่ามาก" เพราะออเดอร์สั่งผลิตหด โรงงานส่วนใหญ่แทบจะล้มทั้งยืน อาจจะเป็นเพราะว่า ขาดการปรับตัวของการบริหาร จัดการ ทำให้ส่วนใหญ่ทำไปให้เสร็จๆ ยืดระยะเวลา ยิ่งติดโอดี หรือมีการจำนอง มีโอกาสเสี่ยงสูงมากๆที่อาจถึงขั้นประนอมหนี้ และมีอีกนับสิบโรง ได้ปิดตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว คงไม่ต้องบรรยายที่มาที่ไปมาก เพราะเจอการแข่งขันเรื่องราคาที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบแล้ว ยังเจอเรื่องการนำเข้ามาจากจีน เวียดนาม ที่ทะลักเข้า จนสต็อกล้น นอกจากนั้นไม่มีอะไรแปลกใหม่ เดิมๆ เป็นเหตุให้โรงงานไม่สามารถผลิตอะไรต่อไปได้
ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จำเป็นต้องแบกภาระต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็ไปได้ไม่กี่น้ำ สุดท้ายก็ต้องขึ้นราคาสินค้าแทบทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่อาหารการกินที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะสงครามที่เอ่ยถึง ตือ สงครามทางการค้า จะว่าปลาใหญ่กินปลาเล็กคงไม่ใช่แล้ว ตอนนี้ปลาใหญ่ก็ ฟาด ปลาใหญ่กันเอง เหมือน ใครดีใครอยู่
ลองดู อสังหานะครับ ไม่เกี่ยวกับฟองสบู่ แต่การแข่งขันก็แทบไม่มีใครสร้าง แฟลตราคาถูกๆขายแล้ว ด้วยเหตุที่ราคาที่ดินถูกปรับสูงขึ้นแทบทั่วประเทศ หมดโอกาส คนเบี้ยน้อย หอยน้อยจะซื้อไว้อยู่อาศัย
ทางรอดของพ่อค้า แม่ค้ารายย่อย ที่โดนหางเลขมาระยะหนึ่งแล้ว คงรู้สึกหนักๆก็ช่วงนี้ เพราะนอกจากต้นทุนสินค้าจะสูงขึ้นแล้ว ค่าครองชีพก็ขึ้นตามมาอีกด้วย
ไม่เว้นแต่ ที่ชอบเรียกตัวเองว่า มนุษย์เงินเดือน ก็มีผลกระทบไม่ต่างกัน ถ้าบริษัทฯท่านทำกำไรได้มาก แต่ก็ยังต้องดูต้นทุนอยู่ดี ดังนั้นถ้าบริษัทฯไม่ค่อยมีชื่อเสียง และสินค้าเด่น ส่วนใหญ่ประคองตัวกันทั้งนั้น
หลังจากนี้ ที่เรียกว่า ให้เตรียมรับมือกับสงคราม เพราะ เราต่างใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีได้ มีเสียเท่ากัน แต่ใครที่จะอยู่รอดได้ คงต้องมีดีพอตัว อย่าไปดูว่า เดือนนี้ท่านหาได้มากเท่าไร ให้ดูว่า ท่านมีเหลืออีกเท่าไร จะดีกว่าครับ
ยิ่งกว่านั้น ให้หาโอกาสให้ตัวเองสร้างความมั่งคั่งให้ได้โดยเร็ว จะดีที่สุดครับ
เตรียมรับมือกับ "สงคราม"...................
ถึงเราเคยผ่านสงคราม หรือเห็นสงครามที่ล้างเผ่าพันธุ์มาแล้ว แต่คราวนี้ที่จะเอ่ยถึง มันอาจไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น แต่อย่างน้อยถ้าใครปรับตัวได้ ก็อาจจะไม่เจ็บตัว เจ็บใจเมื่อเราต้องตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น
หลักๆก็คือ ภาวะขาดทุน หรือขาดสภาพคล่องของหลายกิจการ ถือว่ากำไรเห็นแต่ สุทธิคือเสมอตัว หรือประคองตัว ผมได้ลงไปในกลุ่มการ์เม้นท์ ซึ่งภาษาธุรกิจเรียกว่า "เน่ามาก" เพราะออเดอร์สั่งผลิตหด โรงงานส่วนใหญ่แทบจะล้มทั้งยืน อาจจะเป็นเพราะว่า ขาดการปรับตัวของการบริหาร จัดการ ทำให้ส่วนใหญ่ทำไปให้เสร็จๆ ยืดระยะเวลา ยิ่งติดโอดี หรือมีการจำนอง มีโอกาสเสี่ยงสูงมากๆที่อาจถึงขั้นประนอมหนี้ และมีอีกนับสิบโรง ได้ปิดตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว คงไม่ต้องบรรยายที่มาที่ไปมาก เพราะเจอการแข่งขันเรื่องราคาที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบแล้ว ยังเจอเรื่องการนำเข้ามาจากจีน เวียดนาม ที่ทะลักเข้า จนสต็อกล้น นอกจากนั้นไม่มีอะไรแปลกใหม่ เดิมๆ เป็นเหตุให้โรงงานไม่สามารถผลิตอะไรต่อไปได้
ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จำเป็นต้องแบกภาระต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็ไปได้ไม่กี่น้ำ สุดท้ายก็ต้องขึ้นราคาสินค้าแทบทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่อาหารการกินที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะสงครามที่เอ่ยถึง ตือ สงครามทางการค้า จะว่าปลาใหญ่กินปลาเล็กคงไม่ใช่แล้ว ตอนนี้ปลาใหญ่ก็ ฟาด ปลาใหญ่กันเอง เหมือน ใครดีใครอยู่
ลองดู อสังหานะครับ ไม่เกี่ยวกับฟองสบู่ แต่การแข่งขันก็แทบไม่มีใครสร้าง แฟลตราคาถูกๆขายแล้ว ด้วยเหตุที่ราคาที่ดินถูกปรับสูงขึ้นแทบทั่วประเทศ หมดโอกาส คนเบี้ยน้อย หอยน้อยจะซื้อไว้อยู่อาศัย
ทางรอดของพ่อค้า แม่ค้ารายย่อย ที่โดนหางเลขมาระยะหนึ่งแล้ว คงรู้สึกหนักๆก็ช่วงนี้ เพราะนอกจากต้นทุนสินค้าจะสูงขึ้นแล้ว ค่าครองชีพก็ขึ้นตามมาอีกด้วย
ไม่เว้นแต่ ที่ชอบเรียกตัวเองว่า มนุษย์เงินเดือน ก็มีผลกระทบไม่ต่างกัน ถ้าบริษัทฯท่านทำกำไรได้มาก แต่ก็ยังต้องดูต้นทุนอยู่ดี ดังนั้นถ้าบริษัทฯไม่ค่อยมีชื่อเสียง และสินค้าเด่น ส่วนใหญ่ประคองตัวกันทั้งนั้น
หลังจากนี้ ที่เรียกว่า ให้เตรียมรับมือกับสงคราม เพราะ เราต่างใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีได้ มีเสียเท่ากัน แต่ใครที่จะอยู่รอดได้ คงต้องมีดีพอตัว อย่าไปดูว่า เดือนนี้ท่านหาได้มากเท่าไร ให้ดูว่า ท่านมีเหลืออีกเท่าไร จะดีกว่าครับ
ยิ่งกว่านั้น ให้หาโอกาสให้ตัวเองสร้างความมั่งคั่งให้ได้โดยเร็ว จะดีที่สุดครับ