JJNY : 4in1 ร้าน'อาหารสัตว์'จ่อปิด│ตรังวอนตรึงราคาแก๊ส-คุมราคาสินค้า│คนใกล้ชิดปูตินรับล่าช้า│‘ป้อม’ส่งสัญญาณจ่อยุบสภา

ยอดขายลดฮวบ! ร้าน 'อาหารสัตว์' จ่อปิดกิจการ
https://www.nationtv.tv/news/378866686
 
 
น้ำมันแพงทำราคาอาหารสัตว์ปรับขึ้นราคา ทำเกษตรกรท้อทำต่อก็ขาดทุน หากยังมีการปรับขึ้นราคาอีก บางรายเตรียมชลอกิจการเพราะสู้ต้นทุนราคาน้ำมันแพงต่ออีกไม่ไหว
 
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงส่งผลให้มีการปรับราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ พบว่า ราคาอาหารสัตว์ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะเมล็ดถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ข้าวโพด ที่เป็นส่วนหลักสำคัญในการนำไปเป็นส่วนประกอบอาหารเลี้ยงสัตว์ได้ปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น อาหารเสริม-วิตามิน-เกลือแร่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ล้วนมีค่าขนส่งที่สูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 30-40 และหลังจากเกิดวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาอาหารสัตว์พุ่งขึ้นสูงตามมาต่อเนื่อง
 
นางณัชฐญา เสฐธนะเวชกิจ อายุ 57 ปี เจ้าของร้านชัยภูมิเกษตรฟาร์ม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ บอกว่า วัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ ราคาน้ำมัน ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าขยับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายส่งอาหารสัตว์ขยับราคา ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 65 ขณะนี้อาหารสัตว์ทุกประเภท แพงขึ้นกระสอบละกว่า 30 บาท จากกระสอบละ 300 บาท ขยับสูงขึ้นกระสอบละ 330- 400 บาทแล้ว โดยเฉพาะอาหารไก่ไข่ อาหารสุกร แถมยังต้องเสี่ยงโรคระบาดทำให้เกษตรกรรายย่อยใน จ.ชัยภูมิ ต้องเลิกกิจการเลี้ยงสุกรไปแล้วในเบื้องต้นนับ 1,000 ราย เพราะสู้ราคาอาหารสัตว์ไม่ไหว ทำให้ยอดขายหัวอาหารสัตว์ลดลงจนแทบไม่เหลือลูกค้าในขณะนี้ส่วนผู้เลี้ยงไก่ไข่ขณะนี้แทบอยู่ไม่ได้ เพราะมีราคาไม่แน่นอน ทำให้ต้องขาดทุนตามมาอีกจำนวนมาก
 
ส่วน นางหนูรัตน์ ผู้ค้าที่ร้านสิทธิภัณฑ์ ตำบลในเมืองชัยภูมิ บอกว่า หลังมีการขยับราคาหัวอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าลดลงเพราะผู้เลี้ยงสัตว์สู้ราคาอาหารสัตว์ไม่ไหว มาจนถึงขณะนี้ราคาอาหารสัตว์ขยับมีราคาสูงขึ้นอีกกระสอบละ 30 บาท ทำให้ยอดขายลดลงไม่มีเกษตรกรรายใหม่เลย รวมถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์รายเก่า ต้องลดจำนวนเลี้ยงลง หรือบางรายต้องเลิกเลี้ยงไปเลยเพราะสู้ราคาอาหารสัตว์แพงไม่ไหวด้วยเช่นกัน
 
ขณะที่นายยุทธชัย แสงไส อายุ 73 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา บ้านใหม่พัฒนา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ บอกว่า หัวอาหารปลาเดือนที่แล้วซื้อกระสอบละ 420 บาท ตอนนี้ขึ้นไปกระสอบละ 430 บาท ถือว่า ต้นทุนในการเลี้ยงปลาสูงขึ้นกว่าจะได้ขายปลาในแต่รุ่น แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปได้ จำเป็นต้องเลี้ยงต่อไปจนกว่าจะจับปลาขายได้ถึงจะรู้ว่าขาดทุนแล้วก็ตาม ดีกว่าปล่อยทิ้งไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย
 

 
ร้านอาหารเมืองตรังวอนรัฐตรึงราคาแก๊ส-ควบคุมราคาสินค้า
https://www.nationtv.tv/news/378866660
  
ผู้ประกอบการร้านอาหารในจังหวัดตรังวอนรัฐตรึงราคาแก๊สหุงต้ม ซ้ำเติมภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่ต้องแบกรับมากขึ้น
  
วันนี้ (14 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวสำรวจบรรยากาศร้านอาหาร ร้านกาแฟติ๋มซำยามเช้าในจ.ตรัง โดยที่ร้านภาสินี เขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งหนาแน่นไปด้วยประชาชนที่เดินทางไปรับประทานอาหารเช้า ซึ่งนางธนาภา  โพธิ์วิจิตร อายุ 72 ปี เจ้าของร้านกล่าวว่า  กล่าวว่า จากกรณีที่รัฐบาลจะมีการปรับราคาแก๊สหุงต้มขึ้นอีกในวันที่ 1 เมษายนนี้ กิโลกรัมละ 1 บาทนั้น หรือหลังจากนั้นอาจจะมีการปรับสูงขึ้นไปอีก ซึ่งไม่ว่าจะปรับขึ้นมากหรือปรับขึ้นน้อย จะยิ่งซ้ำเติมความเดือดร้อนให้แก่พ่อค้า แม่ค้า ร้านอาหารทั้งสิ้น  
  
เพราะขณะนี้เครื่องปรุง วัตถุดิบทุกชนิด เช่น น้ำปลา ถุงพลาสติก น้ำตาล หรือของใช้จำเป็นทุกอย่าง มีการปรับราคาแพงขึ้นอย่าง แต่หากยังจะปรับราคาแก๊สอีกก็จะยิ่งเดือดร้อน  ซึ่งร้านกาแฟ-ติ๋มซำยามเช้า จะต้องใช้แก๊สหลายถังและตลอดเวลาเกือบครึ่งวันที่ต้องจำหน่ายอาหาร เพราะต้องนึ่ง ต้องต้มอยู่ตลอดเวลา ทอด ใช้แก๊สตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองแก๊สอย่างมาก โดยที่ร้านจะใช้วันละ 8 ถังพร้อมกัน ส่วนใหญ่จะเป็นถังใหญ่ ซึ่งขณะนี้ราคาแก๊สถังเล็กอยู่ที่ถังละ 350 บาท  ส่วนถังใหญ่ ราคาถังละ 1,080 บาท และจะต้องทำการเปลี่ยนทุกๆ 3-5 วัน
  
ซึ่งแต่ละเดือนเฉพาะค่าแก๊สหุงต้มค่าใช้จ่ายเดือนละกว่า 20,000 บาท  และยิ่งปรับราคาจะยิ่งทำให้เดือดร้อน โดยขณะนี้ราคาอาหารยังไม่ปรับขึ้นแต่อย่างใด  แต่หากมีการปรับราคาแก๊สขึ้นไปอีก ทางร้านค้าก็อาจจะต้องพิจารณาปรับราคาตามไปด้วย เพราะไม่เช่นนั้นก็อยู่ไม่ได้   จึงอยากให้รัฐบาลทำอย่างไรก็ได้ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ให้ประชาชนอยู่ได้   เช่น ต้องกำกับดูแลควบคุมราคาสินค้า หรือช่วยตรึงราคาสินค้า อย่าให้มีการปรับขึ้น เพราะประชาชนและพวกตนซึ่งเป็นแม่ค้าต่างได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น
 


คนใกล้ชิดปูตินยอมรับ สงครามเผด็จศึกยูเครนของหมีขาวล่าช้ากว่าคาด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3233086

คนใกล้ชิดปูตินยอมรับ สงครามเผด็จศึกยูเครนของหมีขาวล่าช้ากว่าคาด
 
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายวิกเตอร์ โซโลตอฟ หัวหน้ากองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนไม่ได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วตามที่รัสเซียต้องการ ซึ่งนับเป็นการยอมรับต่อสาธารณชนอย่างแข็งขันที่สุดจากรัสเซียว่าสิ่งต่างๆ ที่ดำเนินอยู่ไม่ได้เป็นไปตามแผนการที่วางไว้
 
โดยนายโซโลตอฟกล่าวให้ความเห็นเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) โดยกล่าวโทษการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนที่ล่าช้าไปกว่าที่คาดคิดว่าเป็นเพราะกองกำลังขวาจัดของยูเครนที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังพลเรือนในยูเครน

“ผมอยากจะบอกว่าใช่ ที่ไม่ใช่ทุกอย่างจะดำเนินไปรวดเร็วอย่างที่เราต้องการ แต่เรากำลังไปสู่เป้าหมายของเราทีละขั้น และชัยชนะจะเป็นของเรา” นายโซโลตอฟกล่าว ซึ่งเป็นความเห็นที่ดูขัดแย้งกับการประเมินของนายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ (11 มี.ค.) ที่บอกกับประธานาธิบดีปูตินว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”

ขณะที่สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรยุโรปมองว่าการรุกรานยูเครนของปูตินนั้นเป็นไปในลักษณะการยึดครองดินแดนแบบจักรวรรดินิยม ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังทำได้ไม่ดีนัก เนื่องจากรัสเซียประเมินกำลังการต่อต้านของยูเครนต่ำเกินไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่