ลับ ลวง พราง คม คิด ฅน เขียน เขื่อนขันธ์ เดลินิวส์ ออนไลน์

กระทู้สนทนา
ทำ.เอาผมงงไปเลยครับ หลังจาก “ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ออกมาเปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า ได้รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินโครงการ “พูดจาหา
ทางออกประเทศไทย 108 เวที” ซึ่งดำเนินการโดย ปคอป. ที่ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วทั่วประเทศ

บอกตามตรง ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ยินข่าวคราวเคลื่อนไหวเรื่องนี้ หลังจากเกิดความอื้อฉาวขึ้น  
เนื่องจากรัฐบาลใช้งบประมาณหลายสิบล้านบาท ไปว่าจ้างสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ที่เชี่ยวชาญ
การทำโพล เลยถูกวิจารณ์ว่า งานนี้มีวาระซ่อนเร้น หวังได้ข้อมูลในเชิงชเลียร์มาเป็นข้อแลกเปลี่ยน
เพราะความเห็นของประชาชนระยะหลังที่มีต่อรัฐบาล ดูเหมือนจะดีเลิศประเสริฐศรีไปซะทุกเรื่อง

แม้จะอ้างว่า เวทีเสวนาเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย 56 ไปจนถึงวันที่ 28 ก.ค.56 มีประชาชนร่วมเวที
101,683 คน และมีผู้ตอบแบบสอบถาม 58,183 คน และสรุปผลการศึกษา โดยตัวแทนคณาจารย์
มหาวิทยาลัยจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ของประเทศนั้น

คงต้องถามว่า บุคคลที่เข้าร่วมพูดจาหาทางออกให้กับบ้านเรานั้น มีความหลากหลาย และบุคคลที่เห็น
ต่างเข้าร่วมด้วยหรือไม่ หรือมีแต่ ประเภทใช่ครับผม ดีครับนาย เหมือนกับสื่อของรัฐยุคปัจจุบัน ซึ่งแทบ
ไม่เคยเห็นคนเห็นต่างจากฝ่ายบริหาร มีโอกาสได้ใช้แสดงความเห็น จนมีเสียงวิจารณ์ว่า ช่อง 9 และ 11
แทบจะกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของนักการเมืองบางคนไปแล้ว

ที่น่าสังเกตคือ ข้อสรุปที่เกิดขึ้นจากการพูดจาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที เหมือนจะตรงกับความ
เห็นของ พรรคเพื่อไทยและนปช. ที่พูดไว้ก่อนหน้านี้มาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล

โดยระบุว่า ปัญหาที่เป็นตัวถ่วงของสังคมไทย รวม 10 ประเด็น
1.เข้าใจประชาธิปไตยแตกต่างกัน
2.มีความเคลือบแคลงในหลักนิติธรรมของประเทศ
3.ตุลาการภิวัตน์แทรกแซงองค์กรอิสระ
4.การรัฐประหารและบทบาทของกองทัพในการจัดการความขัดแย้ง
5.ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
6.สื่อเลือกข้าง
7.การกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ทางการเมือง
8.สังคมขาดองค์ความรู้ในการจัดการปัญหาความขัดแย้งและสันติวิธี
9.ความขัดแย้งทางการเมืองมีเดิมพันสูงและมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง และ
10.การทุจริตคอร์รัปชั่น

ขณะที่ในยุคนี้ การทำงานของหน่วยงาน ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น ต้นธารของกระบวนการยุติธรรม มีข้อสงสัย
มากกว่าในอดีตด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
และสำนักงานอัยการสูงสุด

อันที่จริงไม่น่าแปลกใจ กับการเร่งรีบและรวบรัดของรัฐบาล เชื่อว่าคงหวังใช้ข้อสรุปของเวทีที่จัดโดย
ปคอป. ไปนำเสนอใน เวทีปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสร้างความชอบธรรม เร่งผลัก
ดันกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของ “พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” อดีตประธานคมช.
ซึ่งระยะหลังเดินทางไปพบกับ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เป็นประจำ

เลยไม่ใช่เรื่องแปลก ที่หลายฝ่ายไม่ยอมเข้าร่วม “เวทีปฏิรูปประเทศไทย” เพราะเชื่อว่างานนี้คงมี
พิมพ์เขียว ปรับโครงสร้างประเทศไทย รอไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะการทำให้ กระบวนการตรวจสอบ
เกิดความอ่อนแอ รวมถึงฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับ
รัฐบาลในอนาคต หากมีการยุบสภาและจัดให้เลือกตั้งใหม่ต้นปี 57

ส่วนข้อเสนอของ สถาบันพระปกเกล้าและรายงานของ คอป. ที่เสนอแนวทาง เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ในประเทศ ดูเหมือน “นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะไม่สนใจ เพราะไปกระทบกับรัฐบาล และเครือข่าย
ของตนเอง

ดังนั้นที่อ้างว่า ต้องการกฎหมายที่ทำให้ประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตย เห็นทีจะเป็นแค่
ลับ ลวง พราง เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือ เพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง.

“เขื่อนขันธ์”

http://www.dailynews.co.th/article/5/229669

เวทีปฏิรูปการเมือง โดย วีรพงษ์ รามางกูร ....... มติชนออนไลน์ ..... อ่านแล้วจะเข้าใจทุกฝ่ายมากขึ้น
http://ppantip.com/topic/30919209

บอกได้แค่  มองต่างมุม  เวทีปฏิรูป  ระหว่าง เขื่อนขันธ์  จากเดลินิวส์  กับ ดร.โกร่ง ...
แฟน ปชป. ต้องบอกว่า เขื่อนขันธ์ "ถูกใจใช่เลย"  เพราะ  คุณวอน  เธอเป็นแฟนคลับอยู่แล้ว
ไม่ว่ากัน   ค่ะ  เพราะถ้าเห็นเหมือนกันหมด  ก็คงไม่ต้องมีฝ่ายค้าน  .....
แต่เอามาเทียบกันให้ดู  มองคนละด้าน   .....
มองแบบ เกลียดคุณทักษิณ   คุณทักษิณ   ไม่มาติดคุก  ... ต้องไม่จบ
เหมือนที่เพื่อนๆ  โพสต์  และตั้งกระทู้กันไหม ?
กับมองแบบ  อยากให้เกิดการเมืองใหม่ ชีวิตนี้ยังมีหวัง  หัวเราะ

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่