ในบ้านพักซ่อมซ่อหลังหนึ่งแถบชานเมืองแบงค์เลือกที่จะพาน้ำตาลมาหลบการันต์และพันธมิตรที่นั่นในตอนนี้เขาเลือกแล้วว่าจะปล่อยมือปูนที่เขาจำใจจับมานาน
“ขอโทษนะปูน....ลืมผู้ชายเลวๆอย่างผมเถอะ”
แบงค์พูดถึงปูนขณะที่สายตาคมเข้มมองดูน้ำตาลที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการทำอาหารเช้า
“แบงค์น้ำตาลว่าไปกินข้าวข้างนอกเถอะเพราะว่ามันเละหมดแล้ว”
น้ำตาลหันมายิ้มแหยๆให้แบงค์เมื่อส่วนผสมถูกเธอทำจนเลอะเทอะไปหมด
“ช่างมันเถอะแค่เห็นหน้าเธอเราก็อิ่มไปหลายวันแล้ว”
แบงค์อ้อนเสียงหวานก่อนจะเดินมาโอบร่างสมส่วนของน้ำตาลไว้ในอ้อมแขน
“จะทำอะไรน่ะแบงค์นี่มันหกโมงเช้านะ”
น้ำตาลแสร้งโวยวายใส่แบงค์เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
“อย่าปฎิเสธเราเลยนะ.....เธอรู้ไหมว่ามันน่าเศร้าแค่ไหนที่เราต้องโอบกอดคนอื่นทั้งๆที่เห็นแต่หน้าเธอได้ยินแต่เสียงของเธอ”
แบงค์หยอดคำหวาดน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากชมพูระเรื่อของน้ำตาลด้วยสัมผัสที่อ่อนหวานละมุนละไม ฝ่ามือพลิ้วไหวลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังนวลเนียน
“เราคิดถึงเธอ”
แบงค์เอ่ยประโยคแสนหวานก่อนที่วงแขนแข็งแรงจะโอบอุ้มเรือนร่างงดงามของน้ำตาลไว้ในอ้อมแขนและบรรจงวางเธอลงบนเตียงเล็กอย่างเบามือที่สุด
“พูดซิว่าเธอรักเรา”
แบงค์กระซิบข้างหูน้ำตาลพลิกตัวขึ้นค่อมร่างงามไว้อย่างชำนาญสองมือซุกซนค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่น้ำตาลสวมใส่อยู่ทีละเม็ดๆ
“พูดซิว่าเธอรักเรา”
แบงค์เอ่ยขึ้นอีกขณะที่จมูกคมสันกำลังซุกไซร้ลำคอระหงส์ของน้ำตาล และก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดยิ่งกว่านั้นแบงค์ก็หยุดการเคลื่อนไหวลงเพราะความขัดใจที่น้ำตาลไม่ยอมทำตามที่เขาบอก
“พูดซิว่าเธอรักเรา”
แบงค์พูดจ้องตาน้ำตาลเชิงขอร้องไห้เธอพูด
“เธอก็บอกว่าก่อนซิว่าเธอรักเราแล้วเราจะบอกเธอว่าเรารักเธอมากแค่ไหน”
น้ำตาลพูดกับแบงค์ด้วยใบหน้าแดงกร่ำ
“ก็ได้เราจะบอกเธอว่าเรารักเธอมากแค่ไหน......เรารักเธอมากกว่าใครบนโลกใบนี้ นับจากวันนี้ไปเราจะรักและดูแลเธอไปจนวันสุดท้ายของชีวิตไม่ว่าใครจะเจ็บปวดมากมายแค่ไหนเพราะว่าเราเราจะไม่สนใจอีกแล้วเพราะว่าเราไม่อยากทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว”
เพราะคำพูดของแบงค์ทำให้น้ำตาลต้องเสียน้ำตาเพราะความปิติยินดีอย่างที่สุด
“เราก็รักเธอรักเธอคนเดียวมาตลอด.......รักเธอมากจริงๆ”
น้ำตาลร้องไห่โฮโอบกอดร่างบึกบึนของงแบงค์ไว้ด้วยความรัก
“อย่าร้องไห้อีก......อย่าเจ็บปวดเพราะความขมขื่นในอดีต.........แค่ส่งยิ้มให้เรา”
แบงค์บอกน้ำตาลก่อนจะประทับริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้งด้วยสัมผัสที่ร้อนแรงกว่าเดิม เป็นสัมผัสที่โหยหาและรอคอยมาแสนนาน
“กริ๊ง......”
เสียงโทรศัพท์ที่ดังที่ขึ้นทำให้ร่างที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันของแบงค์และน้ำตาลขยับเขยื้อนอย่างรู้สึกตัว
“อย่ารับนะ”
น้ำตาลผวาขึ้นจากเตียงเพราะกลัวว่าจะมีเหตุที่ทำให้แบงค์ต้องจากเธอไปอีก
“ไม่รับก็ไม่รับซิ...............เราสัญญาแล้วไงว่าจะอยู่กับเธอตลอดไปจนวันตาย”
แบงค์ส่งรอยยิ้มหวานให้น้ำตาลด้วยความเอ็นดูเพราะเธอกำลังแสดงอาการให้เขาได้รับรู้ว่าเธอไม่อยากเสียเขาไป
“อย่าทิ้งเราอีกนะ....อย่าทิ้งเราไว้คนเดียวอีกครั้ง”
น้ำตาลพูดเสียงสั่นโฮบกอดร่างบึกบึนไว้ด้วยความไหวหวั่น
“สามปีมันนานพอแล้วสำหรับความทรมาน......เราจะไม่มีวันปล่อยมือนี้อีกเด็ดขาด”
แบงค์พูดความรู้สึกที่อยู่ในใจโอบกอดร่างน้ำตาลไว้แน่นเช่นกัน
“แต่ว่าตอนนี้เราหิวมากเลยไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“เราก็หิวเหมือนกันอีกอย่างต้องซื้อเสื้อผ้าด้วย”
น้ำตาลพูดเตรียมตัวลุกจากเตียงเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย
“น้ำตาล....”
แบงค์ร้องเรียกน้ำตาลเสียงลั่นและคว้าเอวบางของเธอไว้ก่อนที่จะล้มลงเพราะความตกใจ
“เรามีอะไรจะบอก”
แบงค์ยิ้มหน้าทะเล้นก่อนจะกระซิบข้างๆใบหูน้ำตาลแผ่วเบา
“ผอมเกินไปแล้วอะไรๆมันก็ดูเล็กตามกันไปหมด”
“ลามกที่สุด.....เพราะเธอนั่นแหละชอบทำให้เราปวดใจ”
น้ำตาลตะโกนเสียงลั่นวิ่งตามแบงค์ออกไปด้วยความสุขใจ
“แบงค์เธอไปหาอะไรกินก่อนนะเราจะซื้อชุดชั้นใน”
น้ำตาลบอกแบงค์ก่อนจะเดินไปในร้านขายชุดชั้นในที่วางขายอยู่ข้างถนน
“ไม่ดีกว่าเราจะช่วยเธอเลือก”
แบงค์พูดเดินตามน้ำตาลเข้าไปในร้านหน้าตาเฉย
“ลายลูกไม้สีชมพูน่ารักดีนะ”
แบงค์พูดหยิบเสื้อชั้นในมาทาบหน้าอกน้ำตาลท่ามกลางสายตาลูกค้าคนอื่นๆที่มองดูแบงค์และย้ำตาลด้วยความชื่นชมในความน่ารักของแบงค์
“ไม่เป็นไรแบงค์น้ำตาลเลือกเอง”
น้ำตาลเขินหน้าแดงเมื่อถูกคนทั้งร้านจ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน
“ไม่เป็นไรน่าถึงเธอเป็นคนใส่แต่เราเป็นคนดูนะ”
แบงค์แกล้งแหย่น้ำตาลจนเธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
“รีบไปดีกว่า......คนบ้านี่”
น้ำตาลต่อว่าแบงค์ก่อนจะรวบชุดชั้นในตรงหน้าไปจ่ายเงินกับแม่ค้า
“แน่ใจเหรอว่าใส่ได้เราว่าน่าจะเอาเล็กลงสักเบอร์นะเพราะว่าเธอผอมลง”
แบงค์ยังไม่วายตามมาแกล้งน้ำตาลอีก
“คนบ้า”
น้ำตาลค้อนใส่แบงค์ก่อนจะรีบออกจากร้านให้เร็วที่สุด
“ไปกินข้าวเถอะ.....เธอจะได้อ้วนขึ้นอีกหน่อย”
แบงค์ส่งรอยยิ้มให้น้ำตาลจูงมือเธอเข้าไปในร้านอาหารหน้าตาเฉย
“กริ่ง......”เสียงออดที่ดังที่ขึ้นอย่างไร้มารยาทอยู่หน้าห้องของปูนทำให้ห้องข้างๆพากันออกมาดูด้วยความรำคาญใจ
“นี่เธอเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ.....บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแฟนเธออยู่ที่ไหน”
พันธการเริ่มโวยวายอย่างหมดความอดทน
“นี่คุณหัดเกรงใจคนอื่นเขาบ้างกดอยู่ได้ผู้หญิงในห้องไม่ได้ออกมาหลายวันแล้ว”
เพราะคำพูดของคนข้างห้องทำให้พันธมิตรเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของปูนรับลงไปข้างล่างแลละขอกุญแจจากเจ้าของคอนโดเพื่อไขเข้าไปในห้องของปูน ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้พันธการถึงกับก้าวขาไม่ออกสมองอื้ออึงไปหมด
ร่างบางของปูนที่นอนหมดสติจมกองเลือดอยู่ที่พื้นทำให้เขาต้องยืนตะลึงตาค้าง ก่อนที่สติจะกลับคืนมาในนาทีต่อมา
“ช่วยด้วยครับช่วยเรียกรถพยาบาลให้หน่อย”
พันธการตะโกนเสียงลั่นอุ้มร่างโชกเลือดของปูนลงมาชั้นล่างและพาเธอส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
“เธอเป็นยังไงบ้างครับ”พันธการเอ่ยถามคุณหมอที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“คนไข้ปลอดภัยแล้วแต่คงต้องดูและกันอย่างใกล้ชิดเพราะเธออาจจะคิดสั้นอีกก็ได้ แล้วอีกอย่างหมอพบจดหมายในมือของเธอด้วย”
คุณหมดพูดส่งจดหมายเปื้อนเลือดให้พันธการ
“ขอบคุณครับ”พันธการกล่าวเสียงเรียบเดินไปหาปูนที่นอนให้เลือดอยู่ในห้องคนป่วย
“ผมไม่มีวันทำร้ายตัวเองเพื่อคนที่ทำร้ายผมหรอก..........ไม่มีวัน”
พันธการพูดทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆเตียงสายตาเวทนามองดูใบหน้าซีดเผือดของปูนด้วยความสงสาร
“ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอตายหรอกฉันจะปกป้องเธอเองเธอต้องไม่ตายเหมือนน้องชายของฉัน”
พันธการกล่าวเสียงเรียบหยิบจดหมายในมือขึ้นมาเปิดอ่าน
“ขอโทษด้วยนะถ้าการจากไปของเราทำให้เธอต้องเจ็บปวด ขอโทษที่ทำให้คนอื่นมองเธอในทางไม่ดีแต่เราคงทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่านั้น อย่าเจ็บปวดเพราะการจากไปของเราลืมเราให้หมดหัวใจเหมือนที่เราจะลืมเธอจนหมดใจ แล้วไปในที่ที่ไม่มีวันพบเธออีกไม่ต้องเจ็บปวดและเสียใจเพราะเธออีกแล้ว ปล่อยให้เราตายไปอย่างโดดเดี่ยวอย่างคนที่ถูกลืม เราจะได้เป็นแค่ใครบางคนที่เธอไม่เคยรู้จัก”
เพราะข้อความของปูนในจดหมายทำให้พันธการขย้ำกระดาษจนเละคามือเขา เพราะปูนกำลังทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของน้องชายอย่างชัดเจน
“เธอน่าสงสารมากกว่านายซะอีกแนท........เธอเลือกที่จะตายไปอย่างไร้ความทรงจำเพราะว่าไม่อาจทนเสียเขาไปได้ เธอเลือกที่จะตายไปเหมือนนายแต่เธอโดดเดี่ยวมากกว่านาย.........ทำไม......ทำไมทุกคนที่อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ถึงได้ถูกเผาจนไหม้เกรียมไปหมด ทำไมเธอถึงทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดจนสิ้นหนทางได้ขนาดนี้….ทำไม”
พันธการกำมือปูนไว้แน่นเพื่อระบายความในใจกับเธอที่ตอนนี้กลายเป็นน้องสาวของเขาไปแล้วข้างในจิตใจ
“ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเธอเธอไม่มีสิทธิทำร้ายคนอื่นแบบนี้”
พันธการพูดเสียงเหี้ยมแววตาอ่อนโยนแข็งกร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพลุนพลันออกไปจากห้องคนไข้เพื่อตามหาตัวต้นเหตุของเรื่องร้ายๆทั้งหมดอย่างแบงค์และน้ำตาล
บนเตียงเล็กๆเก่าๆในห้องเดิมแบงค์นอนกอดร่างบางของน้ำตาลไว้แน่นในอ้อมแขนเหมือนกันกับที่เธอโอบกอดเขาไว้แน่นด้วยความรัก
“เราหวังว่าทุกๆคนจะลืมเราไปจนหมดหัวใจหวังว่าพ่อจะลืมลูกสาวที่เอาแต่ใจตัวเองคนนี้ พันธมิตรคงจะลืมผู้หญิงใจง่ายไร้หัวใจอย่างเราและเราหวังว่าปูนคงจะไม่ต้องเจ็บปวดเพราะความรักของพวกเราอีก”
เพราะคำพูดและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของน้ำตาลทำให้แบงค์กระชับอ้อมกอดของน้ำตาลให้แน่นขึ้นอีก
“เป็นแบบนี้ดีแล้วที่ผ่านมาเราทุกคนเดินหลงทางและโกหกตัวเองเส้นทางนี่มันถูกต้องแล้วมันดีที่สุดแล้ว ทังที่เรารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันเจ็บปวดและทรมานแต่ก็เฝ้าโกหกตัวเองว่าเรามีความสุขดี”
แบงค์กล่าวขึ้นอย่างปลงตก
“แต่เราใจร้ายเหลือเกินที่ทอดทิ้งทุกคนไว้ข้างหลังแบบนี้.....ทิ้งพวกเขามาอย่างเลือดเย็นและเหลือทิ้งไว้ให้เพียงแค่รอยน้ำตาในขณะที่พวกเรากำลังจะมีรอยยิ้มสดใส ความรู้สึกแบบนี้มันช่างน่ากลัวและหน้ารังเกียจอย่างที่สุดเรากำลังเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจและใช้ความรักเป็นข้ออ้างเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น”
เพราะคำพูดของน้ำตาลทำให้แบงค์กระชับอ้อมกอดเธอให้แน่นขึ้นอีกเพราะหัวใจของเขาเองก็กำลังรวดร้าวอย่างที่สุดเมื่อคิดถึงว่าปูนจะเจ็บปวดสักแค่ไหนที่เขาทอดทิ้งเธอมาทั้งที่เลือกไปแล้วว่าจะมีเธออยู่ข้างกาย
“เราทำอะไรไม่ได้อีกแล้วทำอะไรไม่ได้อีกถ้าเราจะอยู่ด้วยกัน แม้ว่ามันจะเจ็บปวดที่เราต้องทอดทิ้งทรยศและหักหลังผู้คนที่รักเราจนหมดหัวใจ แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นเมื่อเราเลือกที่จะรักกันต่อไป”เพราะแบงค์ทำให้น้ำตาลได้รู้ว่าเขาเลือกเธอแล้วอย่างแน่นอนทำให้เธอไม่อาจพูดอะไรได้อีกแม้ว่าเธอจะต้องเจ็บปวดที่ต้องใจร้ายกับบุคคลอันเป็นที่รักอย่างการันต์และบุคคลที่รักเธออย่างพันธมิตรแต่นั่นไม่ร้ายเท่าการที่เธอต้องทนทุกข์เมื่อต้องเสียแบงค์ไป
“ปั้ง”
เสียงที่ดังสนั่นพร้อมประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกเปิดออกด้วยแรงกระแทก
อย่างแรงทำให้แบงค์และน้ำตาลต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ และต้องตกตะลึงจนตาค้างเมื่อร่างของพันธการก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
“ฉันมารับเจ้าสาวกับบ้านหวังว่านายคงเสพสุขกับเธอจนพอใจแล้วใช่ไหม”
น้ำเสียงเหี้ยมและเย็นชาดังขึ้นพร้อมเดินตรงรี่มาที่เตียงแต่ก่อนที่เขาจะคว้าข้อมือของน้ำตาลได้อย่างที่ใจหมายก็ถูกแบงค์ปัดจนกระเด็นและลุกขึ้นจากเตียงกระชากคอเสื้อพันธการเอาไว้
“ออกไปจากที่นี่และเดินออกไปจากชีวิตเราสองคนได้แล้ว”
“รู้สึกว่านายจะใจร้ายเลือดเย็นและหน้าด้านเหมือนเธอเข้าไปทุกทีแล้ว”
พันธการตอบกลับคว้าคอเสื้อแบงค์ไว้อย่างไม่ยอมลงให้
“ฉันไม่สนหรอกว่าตัวเองจะต้องเลวร้ายหน้าไม่อายในสายตาของใครๆตราบใดที่ข้างๆฉันยังมีเธออยู่”
“รู้สึกว่านายจะยอมรับตำแหน่งชู้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจอีกแล้ว.....ยินดีด้วย”
เพราะคำพูดของพันธการทำให้เขาถูกแบงค์เหวี่ยงขึ้นไปบนเตียงอย่างแรงและขึ้นค่อมเขาเอาไว้ด้วยความโมโห
“ถ้าหากนายเคยรักใครสักคนจริงๆนายจะรู้ว่าความรู้สึกรักมันไม่มีทางห้ามกันได้เลยนายเลือกไม่ได้หรอกว่านายจะรักใคร”
เพราะคำพูดของแบงค์ทำให้พันธการหัวเราะออกมาเสียงลั่น
“ถ้าหากเพราะว่านายรักเธอแล้วเธอก็รักนายถ้าหากแค่นั้นทำให้นายทรยศหักหลังและใจดำกับคนอื่นได้ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงคงมีคนอีกมากมายที่ต้องจบชีวิตลงเพราะถูกคนรักนอกใจ ถ้าหากว่าง่ายดายอย่างนั้นปูนคงถึงที่ตายแล้ว”
เพราะคำพูดของพันธการทำให้แบงค์และน้ำตาลต้องเบิ่งตากว้างด้วยความมาเข้าใจว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร
“เกิดอะไรขึ้นกับปูนบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น”แบงค์เอ่ยถามน้ำเสียงร้อนรน
พิษรัก ตอนที่ 20
“ขอโทษนะปูน....ลืมผู้ชายเลวๆอย่างผมเถอะ”
แบงค์พูดถึงปูนขณะที่สายตาคมเข้มมองดูน้ำตาลที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการทำอาหารเช้า
“แบงค์น้ำตาลว่าไปกินข้าวข้างนอกเถอะเพราะว่ามันเละหมดแล้ว”
น้ำตาลหันมายิ้มแหยๆให้แบงค์เมื่อส่วนผสมถูกเธอทำจนเลอะเทอะไปหมด
“ช่างมันเถอะแค่เห็นหน้าเธอเราก็อิ่มไปหลายวันแล้ว”
แบงค์อ้อนเสียงหวานก่อนจะเดินมาโอบร่างสมส่วนของน้ำตาลไว้ในอ้อมแขน
“จะทำอะไรน่ะแบงค์นี่มันหกโมงเช้านะ”
น้ำตาลแสร้งโวยวายใส่แบงค์เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
“อย่าปฎิเสธเราเลยนะ.....เธอรู้ไหมว่ามันน่าเศร้าแค่ไหนที่เราต้องโอบกอดคนอื่นทั้งๆที่เห็นแต่หน้าเธอได้ยินแต่เสียงของเธอ”
แบงค์หยอดคำหวาดน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากชมพูระเรื่อของน้ำตาลด้วยสัมผัสที่อ่อนหวานละมุนละไม ฝ่ามือพลิ้วไหวลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังนวลเนียน
“เราคิดถึงเธอ”
แบงค์เอ่ยประโยคแสนหวานก่อนที่วงแขนแข็งแรงจะโอบอุ้มเรือนร่างงดงามของน้ำตาลไว้ในอ้อมแขนและบรรจงวางเธอลงบนเตียงเล็กอย่างเบามือที่สุด
“พูดซิว่าเธอรักเรา”
แบงค์กระซิบข้างหูน้ำตาลพลิกตัวขึ้นค่อมร่างงามไว้อย่างชำนาญสองมือซุกซนค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่น้ำตาลสวมใส่อยู่ทีละเม็ดๆ
“พูดซิว่าเธอรักเรา”
แบงค์เอ่ยขึ้นอีกขณะที่จมูกคมสันกำลังซุกไซร้ลำคอระหงส์ของน้ำตาล และก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดยิ่งกว่านั้นแบงค์ก็หยุดการเคลื่อนไหวลงเพราะความขัดใจที่น้ำตาลไม่ยอมทำตามที่เขาบอก
“พูดซิว่าเธอรักเรา”
แบงค์พูดจ้องตาน้ำตาลเชิงขอร้องไห้เธอพูด
“เธอก็บอกว่าก่อนซิว่าเธอรักเราแล้วเราจะบอกเธอว่าเรารักเธอมากแค่ไหน”
น้ำตาลพูดกับแบงค์ด้วยใบหน้าแดงกร่ำ
“ก็ได้เราจะบอกเธอว่าเรารักเธอมากแค่ไหน......เรารักเธอมากกว่าใครบนโลกใบนี้ นับจากวันนี้ไปเราจะรักและดูแลเธอไปจนวันสุดท้ายของชีวิตไม่ว่าใครจะเจ็บปวดมากมายแค่ไหนเพราะว่าเราเราจะไม่สนใจอีกแล้วเพราะว่าเราไม่อยากทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว”
เพราะคำพูดของแบงค์ทำให้น้ำตาลต้องเสียน้ำตาเพราะความปิติยินดีอย่างที่สุด
“เราก็รักเธอรักเธอคนเดียวมาตลอด.......รักเธอมากจริงๆ”
น้ำตาลร้องไห่โฮโอบกอดร่างบึกบึนของงแบงค์ไว้ด้วยความรัก
“อย่าร้องไห้อีก......อย่าเจ็บปวดเพราะความขมขื่นในอดีต.........แค่ส่งยิ้มให้เรา”
แบงค์บอกน้ำตาลก่อนจะประทับริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้งด้วยสัมผัสที่ร้อนแรงกว่าเดิม เป็นสัมผัสที่โหยหาและรอคอยมาแสนนาน
“กริ๊ง......”
เสียงโทรศัพท์ที่ดังที่ขึ้นทำให้ร่างที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันของแบงค์และน้ำตาลขยับเขยื้อนอย่างรู้สึกตัว
“อย่ารับนะ”
น้ำตาลผวาขึ้นจากเตียงเพราะกลัวว่าจะมีเหตุที่ทำให้แบงค์ต้องจากเธอไปอีก
“ไม่รับก็ไม่รับซิ...............เราสัญญาแล้วไงว่าจะอยู่กับเธอตลอดไปจนวันตาย”
แบงค์ส่งรอยยิ้มหวานให้น้ำตาลด้วยความเอ็นดูเพราะเธอกำลังแสดงอาการให้เขาได้รับรู้ว่าเธอไม่อยากเสียเขาไป
“อย่าทิ้งเราอีกนะ....อย่าทิ้งเราไว้คนเดียวอีกครั้ง”
น้ำตาลพูดเสียงสั่นโฮบกอดร่างบึกบึนไว้ด้วยความไหวหวั่น
“สามปีมันนานพอแล้วสำหรับความทรมาน......เราจะไม่มีวันปล่อยมือนี้อีกเด็ดขาด”
แบงค์พูดความรู้สึกที่อยู่ในใจโอบกอดร่างน้ำตาลไว้แน่นเช่นกัน
“แต่ว่าตอนนี้เราหิวมากเลยไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“เราก็หิวเหมือนกันอีกอย่างต้องซื้อเสื้อผ้าด้วย”
น้ำตาลพูดเตรียมตัวลุกจากเตียงเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย
“น้ำตาล....”
แบงค์ร้องเรียกน้ำตาลเสียงลั่นและคว้าเอวบางของเธอไว้ก่อนที่จะล้มลงเพราะความตกใจ
“เรามีอะไรจะบอก”
แบงค์ยิ้มหน้าทะเล้นก่อนจะกระซิบข้างๆใบหูน้ำตาลแผ่วเบา
“ผอมเกินไปแล้วอะไรๆมันก็ดูเล็กตามกันไปหมด”
“ลามกที่สุด.....เพราะเธอนั่นแหละชอบทำให้เราปวดใจ”
น้ำตาลตะโกนเสียงลั่นวิ่งตามแบงค์ออกไปด้วยความสุขใจ
“แบงค์เธอไปหาอะไรกินก่อนนะเราจะซื้อชุดชั้นใน”
น้ำตาลบอกแบงค์ก่อนจะเดินไปในร้านขายชุดชั้นในที่วางขายอยู่ข้างถนน
“ไม่ดีกว่าเราจะช่วยเธอเลือก”
แบงค์พูดเดินตามน้ำตาลเข้าไปในร้านหน้าตาเฉย
“ลายลูกไม้สีชมพูน่ารักดีนะ”
แบงค์พูดหยิบเสื้อชั้นในมาทาบหน้าอกน้ำตาลท่ามกลางสายตาลูกค้าคนอื่นๆที่มองดูแบงค์และย้ำตาลด้วยความชื่นชมในความน่ารักของแบงค์
“ไม่เป็นไรแบงค์น้ำตาลเลือกเอง”
น้ำตาลเขินหน้าแดงเมื่อถูกคนทั้งร้านจ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน
“ไม่เป็นไรน่าถึงเธอเป็นคนใส่แต่เราเป็นคนดูนะ”
แบงค์แกล้งแหย่น้ำตาลจนเธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
“รีบไปดีกว่า......คนบ้านี่”
น้ำตาลต่อว่าแบงค์ก่อนจะรวบชุดชั้นในตรงหน้าไปจ่ายเงินกับแม่ค้า
“แน่ใจเหรอว่าใส่ได้เราว่าน่าจะเอาเล็กลงสักเบอร์นะเพราะว่าเธอผอมลง”
แบงค์ยังไม่วายตามมาแกล้งน้ำตาลอีก
“คนบ้า”
น้ำตาลค้อนใส่แบงค์ก่อนจะรีบออกจากร้านให้เร็วที่สุด
“ไปกินข้าวเถอะ.....เธอจะได้อ้วนขึ้นอีกหน่อย”
แบงค์ส่งรอยยิ้มให้น้ำตาลจูงมือเธอเข้าไปในร้านอาหารหน้าตาเฉย
“กริ่ง......”เสียงออดที่ดังที่ขึ้นอย่างไร้มารยาทอยู่หน้าห้องของปูนทำให้ห้องข้างๆพากันออกมาดูด้วยความรำคาญใจ
“นี่เธอเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ.....บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแฟนเธออยู่ที่ไหน”
พันธการเริ่มโวยวายอย่างหมดความอดทน
“นี่คุณหัดเกรงใจคนอื่นเขาบ้างกดอยู่ได้ผู้หญิงในห้องไม่ได้ออกมาหลายวันแล้ว”
เพราะคำพูดของคนข้างห้องทำให้พันธมิตรเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของปูนรับลงไปข้างล่างแลละขอกุญแจจากเจ้าของคอนโดเพื่อไขเข้าไปในห้องของปูน ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้พันธการถึงกับก้าวขาไม่ออกสมองอื้ออึงไปหมด
ร่างบางของปูนที่นอนหมดสติจมกองเลือดอยู่ที่พื้นทำให้เขาต้องยืนตะลึงตาค้าง ก่อนที่สติจะกลับคืนมาในนาทีต่อมา
“ช่วยด้วยครับช่วยเรียกรถพยาบาลให้หน่อย”
พันธการตะโกนเสียงลั่นอุ้มร่างโชกเลือดของปูนลงมาชั้นล่างและพาเธอส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
“เธอเป็นยังไงบ้างครับ”พันธการเอ่ยถามคุณหมอที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“คนไข้ปลอดภัยแล้วแต่คงต้องดูและกันอย่างใกล้ชิดเพราะเธออาจจะคิดสั้นอีกก็ได้ แล้วอีกอย่างหมอพบจดหมายในมือของเธอด้วย”
คุณหมดพูดส่งจดหมายเปื้อนเลือดให้พันธการ
“ขอบคุณครับ”พันธการกล่าวเสียงเรียบเดินไปหาปูนที่นอนให้เลือดอยู่ในห้องคนป่วย
“ผมไม่มีวันทำร้ายตัวเองเพื่อคนที่ทำร้ายผมหรอก..........ไม่มีวัน”
พันธการพูดทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆเตียงสายตาเวทนามองดูใบหน้าซีดเผือดของปูนด้วยความสงสาร
“ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอตายหรอกฉันจะปกป้องเธอเองเธอต้องไม่ตายเหมือนน้องชายของฉัน”
พันธการกล่าวเสียงเรียบหยิบจดหมายในมือขึ้นมาเปิดอ่าน
“ขอโทษด้วยนะถ้าการจากไปของเราทำให้เธอต้องเจ็บปวด ขอโทษที่ทำให้คนอื่นมองเธอในทางไม่ดีแต่เราคงทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่านั้น อย่าเจ็บปวดเพราะการจากไปของเราลืมเราให้หมดหัวใจเหมือนที่เราจะลืมเธอจนหมดใจ แล้วไปในที่ที่ไม่มีวันพบเธออีกไม่ต้องเจ็บปวดและเสียใจเพราะเธออีกแล้ว ปล่อยให้เราตายไปอย่างโดดเดี่ยวอย่างคนที่ถูกลืม เราจะได้เป็นแค่ใครบางคนที่เธอไม่เคยรู้จัก”
เพราะข้อความของปูนในจดหมายทำให้พันธการขย้ำกระดาษจนเละคามือเขา เพราะปูนกำลังทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของน้องชายอย่างชัดเจน
“เธอน่าสงสารมากกว่านายซะอีกแนท........เธอเลือกที่จะตายไปอย่างไร้ความทรงจำเพราะว่าไม่อาจทนเสียเขาไปได้ เธอเลือกที่จะตายไปเหมือนนายแต่เธอโดดเดี่ยวมากกว่านาย.........ทำไม......ทำไมทุกคนที่อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ถึงได้ถูกเผาจนไหม้เกรียมไปหมด ทำไมเธอถึงทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดจนสิ้นหนทางได้ขนาดนี้….ทำไม”
พันธการกำมือปูนไว้แน่นเพื่อระบายความในใจกับเธอที่ตอนนี้กลายเป็นน้องสาวของเขาไปแล้วข้างในจิตใจ
“ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเธอเธอไม่มีสิทธิทำร้ายคนอื่นแบบนี้”
พันธการพูดเสียงเหี้ยมแววตาอ่อนโยนแข็งกร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพลุนพลันออกไปจากห้องคนไข้เพื่อตามหาตัวต้นเหตุของเรื่องร้ายๆทั้งหมดอย่างแบงค์และน้ำตาล
บนเตียงเล็กๆเก่าๆในห้องเดิมแบงค์นอนกอดร่างบางของน้ำตาลไว้แน่นในอ้อมแขนเหมือนกันกับที่เธอโอบกอดเขาไว้แน่นด้วยความรัก
“เราหวังว่าทุกๆคนจะลืมเราไปจนหมดหัวใจหวังว่าพ่อจะลืมลูกสาวที่เอาแต่ใจตัวเองคนนี้ พันธมิตรคงจะลืมผู้หญิงใจง่ายไร้หัวใจอย่างเราและเราหวังว่าปูนคงจะไม่ต้องเจ็บปวดเพราะความรักของพวกเราอีก”
เพราะคำพูดและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของน้ำตาลทำให้แบงค์กระชับอ้อมกอดของน้ำตาลให้แน่นขึ้นอีก
“เป็นแบบนี้ดีแล้วที่ผ่านมาเราทุกคนเดินหลงทางและโกหกตัวเองเส้นทางนี่มันถูกต้องแล้วมันดีที่สุดแล้ว ทังที่เรารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันเจ็บปวดและทรมานแต่ก็เฝ้าโกหกตัวเองว่าเรามีความสุขดี”
แบงค์กล่าวขึ้นอย่างปลงตก
“แต่เราใจร้ายเหลือเกินที่ทอดทิ้งทุกคนไว้ข้างหลังแบบนี้.....ทิ้งพวกเขามาอย่างเลือดเย็นและเหลือทิ้งไว้ให้เพียงแค่รอยน้ำตาในขณะที่พวกเรากำลังจะมีรอยยิ้มสดใส ความรู้สึกแบบนี้มันช่างน่ากลัวและหน้ารังเกียจอย่างที่สุดเรากำลังเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจและใช้ความรักเป็นข้ออ้างเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น”
เพราะคำพูดของน้ำตาลทำให้แบงค์กระชับอ้อมกอดเธอให้แน่นขึ้นอีกเพราะหัวใจของเขาเองก็กำลังรวดร้าวอย่างที่สุดเมื่อคิดถึงว่าปูนจะเจ็บปวดสักแค่ไหนที่เขาทอดทิ้งเธอมาทั้งที่เลือกไปแล้วว่าจะมีเธออยู่ข้างกาย
“เราทำอะไรไม่ได้อีกแล้วทำอะไรไม่ได้อีกถ้าเราจะอยู่ด้วยกัน แม้ว่ามันจะเจ็บปวดที่เราต้องทอดทิ้งทรยศและหักหลังผู้คนที่รักเราจนหมดหัวใจ แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นเมื่อเราเลือกที่จะรักกันต่อไป”เพราะแบงค์ทำให้น้ำตาลได้รู้ว่าเขาเลือกเธอแล้วอย่างแน่นอนทำให้เธอไม่อาจพูดอะไรได้อีกแม้ว่าเธอจะต้องเจ็บปวดที่ต้องใจร้ายกับบุคคลอันเป็นที่รักอย่างการันต์และบุคคลที่รักเธออย่างพันธมิตรแต่นั่นไม่ร้ายเท่าการที่เธอต้องทนทุกข์เมื่อต้องเสียแบงค์ไป
“ปั้ง”
เสียงที่ดังสนั่นพร้อมประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกเปิดออกด้วยแรงกระแทก
อย่างแรงทำให้แบงค์และน้ำตาลต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ และต้องตกตะลึงจนตาค้างเมื่อร่างของพันธการก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
“ฉันมารับเจ้าสาวกับบ้านหวังว่านายคงเสพสุขกับเธอจนพอใจแล้วใช่ไหม”
น้ำเสียงเหี้ยมและเย็นชาดังขึ้นพร้อมเดินตรงรี่มาที่เตียงแต่ก่อนที่เขาจะคว้าข้อมือของน้ำตาลได้อย่างที่ใจหมายก็ถูกแบงค์ปัดจนกระเด็นและลุกขึ้นจากเตียงกระชากคอเสื้อพันธการเอาไว้
“ออกไปจากที่นี่และเดินออกไปจากชีวิตเราสองคนได้แล้ว”
“รู้สึกว่านายจะใจร้ายเลือดเย็นและหน้าด้านเหมือนเธอเข้าไปทุกทีแล้ว”
พันธการตอบกลับคว้าคอเสื้อแบงค์ไว้อย่างไม่ยอมลงให้
“ฉันไม่สนหรอกว่าตัวเองจะต้องเลวร้ายหน้าไม่อายในสายตาของใครๆตราบใดที่ข้างๆฉันยังมีเธออยู่”
“รู้สึกว่านายจะยอมรับตำแหน่งชู้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจอีกแล้ว.....ยินดีด้วย”
เพราะคำพูดของพันธการทำให้เขาถูกแบงค์เหวี่ยงขึ้นไปบนเตียงอย่างแรงและขึ้นค่อมเขาเอาไว้ด้วยความโมโห
“ถ้าหากนายเคยรักใครสักคนจริงๆนายจะรู้ว่าความรู้สึกรักมันไม่มีทางห้ามกันได้เลยนายเลือกไม่ได้หรอกว่านายจะรักใคร”
เพราะคำพูดของแบงค์ทำให้พันธการหัวเราะออกมาเสียงลั่น
“ถ้าหากเพราะว่านายรักเธอแล้วเธอก็รักนายถ้าหากแค่นั้นทำให้นายทรยศหักหลังและใจดำกับคนอื่นได้ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงคงมีคนอีกมากมายที่ต้องจบชีวิตลงเพราะถูกคนรักนอกใจ ถ้าหากว่าง่ายดายอย่างนั้นปูนคงถึงที่ตายแล้ว”
เพราะคำพูดของพันธการทำให้แบงค์และน้ำตาลต้องเบิ่งตากว้างด้วยความมาเข้าใจว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร
“เกิดอะไรขึ้นกับปูนบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น”แบงค์เอ่ยถามน้ำเสียงร้อนรน