วิทยปัญญาและเหตุผล วิถีทางของอัลกุรอานและซุนนะฮฺ

โดย ชัยคฺ ดร.ยูซุฟ อัล ก็อรฎอวียฺ
อาอิช แปลและเรียบเรียง
             



               มุฟตี(ผู้ชี้ขาดปัญหาศาสนา)จะต้องให้ทัศนะที่ผูกอยู่กับวิทยปัญญาและเหตุผล ที่สัมพันธ์อยู่กับหลักปรัชญาทั่วๆไปของอิสลาม และนี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้ายึดมั่นไว้ ไม่ว่าในการฟัตวาหรือ การเขียนของข้าพเจ้าโดยทั่วไป อันเนื่องมาจากเหตุผล 2 ประการ

เหตุผลที่ 1    

นี่คือวิถีทางของอัล กุรอานและอัซ ซุนนะฮฺเช่นที่อัล กุรอานอธิบายเรื่องประจำเดือน เมื่อมีคนถามในเรื่องนี้ ดังที่กล่าวว่า“และพวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับประจำเดือน จงกล่าวเถิดว่า มันเป็นสิ่งให้โทษ ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลหญิง ในขณะมีประจำเดือนและจงอย่าเข้าหานาง จนกว่านางจะสะอาด”อัล-บะเกาะเราะฮฺ 222
         
             และการแบ่งซะกาตออกเป็นประเภทต่างๆที่เป็นสิทธิสำหรับผู้ที่จะได้รับ  ส่วนหนึ่งก็มีเด็กกำพร้า ผู้ขัดสน ผู้เดินทาง อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้บอกถึงวิทยปัญญา(ฮิกมะฮฺ) ในเรื่องนี้ว่า “...เพื่อที่จะไม่ให้หมุนเวียนอยู่ในระหว่างผู้มั่งมีของพวกเจ้านั้น...” อัล ฮัชรฺ 7   คือ เพื่อมิให้ทรัพย์สินหมุนเวียนอยู่ในระหว่างชนชั้นของผู้ที่มีฐานะเพียงอย่างเดียวจนถูกห้ามสำหรับชนชั้นอื่น นี่คือแหล่งที่มาของความชั่ว และมันเป็นที่รู้จักกันดีโดยเฉพาะในระบบทุนนิยม  

            แม้กระทั่งการปฏิบัติศาสนกิจที่เป็นพิธีกรรมที่อัล กุรอานได้สั่งให้ผูกอยู่กับเหตุผลและกฎเกณฑ์ต่างๆที่เป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์(ฟิฏเราะฮฺของมนุษย์)และเหตุผลที่ยอมรับได้
ในการละหมาด  พระองค์ทรงกล่าวว่า “...แท้จริงการละหมาด นั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่ว...”อัล อังกะบูต 45
ในการถือศีลอด พระองค์ทรงกล่าวว่า “...เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ยำเกรง”อัล บะเกาะเราะฮฺ 183
            ในการจ่ายซะกาต พระองค์ทรงกล่าวว่า “...เพื่อทำให้พวกเขาบริสุทธิ์และล้างมลทินของพวกเขาด้วยส่วนที่เป็นทานนั้น...” อัต เตาบะฮฺ 103
           ในการทำฮัจญ์ พระองค์ทรงกล่าวว่า “เพื่อพวกเขาจะได้มาร่วม เป็นพยานในผลประโยชน์ของพวกเขาและกล่าวพระนามอัลลอฮฺในวันที่รู้กันอยู่แล้ว คือวันเชือด...” อัล ฮัจญ์ 28

           
           ส่วนหนึ่งจากคำพูดของท่านนะบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะ ซัลลัม ที่ว่า “ท่านอย่าได้แต่งงานกับหญิงนางหนึ่งพร้อมๆกับน้าสาวของเธอ ป้าของเธอ ลูกสาวของพี่ชายน้องชายของเธอ ลูกสาวของพี่สาวน้องสาวของเธอดังนั้นแท้จริงหากพวกท่านกระทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าพวกท่านได้ตัดความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกท่านลง”
            ท่านนะบีได้บอกถึงหุกุ่ม(คำตัดสิน)แก่พวกเขาและอธิบายแก่พวกเขาถึงวิทยปัญญา(ฮิกมะฮฺ)ในการห้ามและมันเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาจากการตัดความสัมพันธ์ที่อัลลอฮฺทรงสั่งให้เชื่อมสัมพันธ์ถึงผลลัพธ์ของความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนท่ามกลางภรรยา
         
            และอีกตัวอย่างหนึ่งในคำพูดของท่านนะบีที่มีต่อบะชีร บิน ซะอฺดฺ รดิยัลลอฮุ อันฮุ (บิดาของอันน๊วะอฺมานและสามีของอัมเราะฮฺ) ซึ่งเขาได้ให้มอบความรักด้วยการเอาใจใส่เป็นพิเศษในหมู่ลูกๆของเขาเพียงเฉพาะบางคนเท่านั้น กล่าวในทำนองว่า “ท่านทำเช่นนี้กับลูกๆทุกคนของท่านหรือเปล่า?” เขาตอบว่า “ไม่ครับ” ท่านนะบีจึงกล่าวว่า “ท่านจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิดและจงให้ความยุติธรรมแก่ลูกๆของท่าน”
         
          และนี่คือ(ตัวอย่าง)ที่มีอยู่ในอัล กุรอานและอัซ ซุนนะฮฺที่มีอย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม วจนะของอัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์นั้นเป็นหลักฐานด้วยตัวมันเอง แต่ถ้าหากท่านไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่ถูกกำหนดมา ก็เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับเราว่าพระองค์จะไม่สั่งใช้สิ่งใดเว้นแต่เป็นเรื่องดีสำหรับเรา


เหตุผลที่ 2    

        บรรดาผู้ที่ตกอยู่ในความสงสัยและผู้ที่ชอบทำให้เกิดความสงสัยในยุคของเรานั้นมีจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนจำนวนมากจะยึดถือหุ่กุ่มในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ถึงแหล่งที่มาและนัยสำคัญของมัน และไม่เข้าใจถึงวิทยปัญญาและเป้าหมายของมันโดยเฉพาะในสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่ใน “อัตตะอับบุดาตอัลมะฮฺเฎาะฮฺ” (อิบาดะฮฺในเรื่องพิธีกรรม)  
จำเป็นที่เราจะต้องเข้าใจถึงธรรมชาติในยุคสมัยของเราและธรรมชาติของผู้คนในยุคนี้และจำเป็นที่เราจะต้องทำให้ความยุ่งยากนั้นหายไปจากหัวอกของพวกเขาด้วยการอธิบายถึงวิทยปัญญาของอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงบัญญัติมาและเช่นนี้แหละพวกเขาจึงจะตอบรับถึงคำตัดสินด้วยความพึงพอใจและด้วยความยินดี ดังนั้นผู้ที่สงสัยก็จะหายสงสัยและผู้ที่ศรัทธาก็จะเพิ่มอีหม่าน

         พร้อมกันนี้จำเป็นที่เราจะต้องให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้คนว่ามันเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่จะมอบภารกิจให้แก่บ่าวของพระองค์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ด้วยกฎเกณฑ์แห่ง “เตาฮีดรูบูบียะฮฺ” (ความเป็นหนึ่งในการเป็นผู้เป็นเจ้า)ของพระองค์และ “เตาฮีดอุบูดียะฮฺ” (ความเป็นหนึ่งในการเคารพสักการะที่อัลลอฮฺจะได้รับเพียงองค์เดียว)ของพวกเขา พระองค์เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ออกคำสั่งเสมือนกับพระองค์เท่านั้นที่ทรงสร้าง  
         ด้วยเหตุนี้เองจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเชื่อฟังสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งใช้ และจะต้องเชื่อสิ่งที่พระองค์ทรงบอกไว้ และถ้าหากพวกเขาไม่เข้าใจถึงเหตุผลในการออกคำสั่งขอพระองค์หรือสาระสำคัญในการบอกกล่าวของพระองค์ จำเป็นที่พวกเขาจะต้องกล่าวเป็นอันดับแรกว่า “...เราได้ยินแล้วและได้ปฏิบัติตามมันแล้ว...” อัล บะเกาะเราะฮฺ 285 ตามมาด้วย “...พวกเราศรัทธาต่อโองการนั้น ทั้งหมดนั้นมาจากที่ที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งสิ้น...” อาละอิมรอน 7

          แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลา จะไม่สั่งใช้และห้ามสิ่งใดเว้นแต่จะต้องมีวิทยปัญญา นี่คือเรื่องที่ชัดเจน แต่ใช่ว่าเราจะมีความสามารถเข้าใจถึงวิทยปัญญาของอัลลอฮฺในทุกรายละเอียดเสมอไป นี่เป็นการทดสอบที่ถูกกำหนดไว้ ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสว่า  “แท้จริงเราได้สร้างมนุษย์จากน้ำเชื้อผสมหยดหนึ่ง เพื่อเราจะได้ทดสอบเขา…” อัลอินซาน 2
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่