ถ้าพระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอำนาจ พระองค์ก็สามารถที่จะยับยั้งความชั่วได้ แต่ความชั่วและความหายนะ ก็ยังคงดำรงอยู่ มันเป็นไปได้อย่างไร สำหรับพระเจ้าที่เป็นทั้งผู้ทรงมีอำนาจ และผู้ทรงสมบูรณ์ยิ่ง โดยทุกสรรพสิ่งต้องพึ่งพาพระองค์ แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังคงปล่อยให้ความชั่ว และความหายนะ ดำรงอยู่ในโลกนี้?
คำตอบ แท้จริงอัลลอฮฺ นั้น เป็นผู้ทรงอำนาจยิ่ง (อัล อะซีซ) และพระองค์นั้น เป็นผู้ทรงอนุภาพเหนือทุกสิ่ง (อะลา กุลลิซัยอิน กอดีร) อัลกุรอาน ได้กล่าวถึงลักษณะดังกล่าวนี้ นับร้อยครั้ง อัล กุรอานกล่าวว่า อัลลอฮฺ นั้น เป็นผู้ทรงสร้าง และพระองค์เป็นผู้ทรงสร้าง ที่เป็นเลิศ “...อัลลอฮฺทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงสร้าง” อัลมุอฺมินูน 14
แต่มีคำถามขึ้นมาว่า ความทุกข์ทรมานทำไม่ถึงดำรงอยู่ในโลกนี้ได้ เราพบความเจ็บป่วย ความชราภาพ ความตาย และเราเห็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคล กับผู้คนที่วิกลจริต และปัญญาอ่อน มีพายุ ธรณีพิบัติ อุทกภัย ลมมรสุม และความลำบากยากเข็ญ เราเห็นผู้คนกระทำชำเรา ฆาตกรรม พวกเขาต่อสู้ และทำสงคราม เรารู้ทุกสิ่งและรู้ว่าปัญหามันมีมาก มีความชั่วที่เป็นสาเหตุจากมนุษย์ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีความหายนะสำหรับปัจเจกชน และมีความวิบัติต่างๆ ที่ผัวพันกับมนุษย์อีกเป็นจำนวนมาก
แต่เราก็รู้อีกเช่นกันว่า สิ่งนี้มิได้มีอยู่ตลอด นอกเหนือจากเรื่องร้ายต่างๆ เหล่านี้แล้ว เรายังเห็นสิ่งที่สวยงาม ความสุขสบาย ความมั่นคั่ง การมีชีวิต การเกิด ความรอบรู้ ความเฉลียวฉลาด ความเจริญเติบโต และความเจริญก้าวหน้า เราพบเห็นคุณงามความดี ท่ามกลางผู้คน ความเลื่อมใสศรัทธา ความจริงใจ ความเมตตา ความรัก และจิตใจที่มีการเสียสละ เรายังพบเห็นความดี และความเคร่งครัด ในศาสนาอีกมาก มันไม่ถูกต้อง ที่จะพิจารณาในแง่มุมเดียว โดยไม่พิจารณาในแง่มุมอื่นๆ มีปรัชญาบางสำนักคิด ที่ให้ความสำคัญบนแง่มุมเดียว ในการมองโลก และได้ปฏิเสธ หรือละเลยในแง่มุมอื่นๆ ซึ่งมันเป็นความจริงเพียงบางส่วน ที่ไม่ได้เป็นความจริงเสียทั้งหมด เป็นความจริงที่ว่าส่วนที่ดีนั้น มีมากกว่าส่วนที่ไม่ดี เราพบคนที่มีสุขภาพดี มากกว่าผู้ที่มีโรคเจ็บป่วย มีการกินดีอยู่ดี มากกว่าความหิวโหย มีการดำรงชีวิต ที่นำมาด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มากกว่าบรรดาผู้ที่ก่ออาชญากรรม คุณงามความดีนั้น เป็นกฎเกณฑ์ ส่วนสิ่งชั่วร้ายนั้น เป็นข้อยกเว้น ความดีคือบรรทัดฐานทั่วๆ ไป และสิ่งชั่วร้ายเป็นสิ่งที่ผิดปกติ โดยทั่วไปต้นไม้นั้น ออกผล ดอกไม้จะผลิบาน และกระแสลม ก็พัดอย่างราบรื่น
แต่คำถามคือว่า ทำไมอัลลอฮฺถึงปล่อยให้มีข้อยกเว้น ต่อหลักเกณฑ์ตรงนี้?
เราลองตั้งคำถามนี้ เพื่อที่จะได้เข้าในวิธีการ ของอัลลอฮฺ ตะอาลา ในการสร้างของพระองค์ อัลกุรอาน ได้บอกเราถึงสิ่งที่ดี สิ่งที่ชั่ว และอะไรก็ตาม ที่ได้เกิดขึ้นในโลกนี้ มันก็เกิดขึ้นด้วยความประสงค์ ของอัลลอฮฺ ตะอาลา
อัลลอฮฺเท่านั้น ทรงรู้เจตนารมณ์ของพระองค์ อย่างเต็มเปี่ยม เราเป็นชีวิตที่มีขอบเขตจำกัด ที่ไม่สามารถเข้าใจในความประสงค์ และความรอบรู้ ที่ไร้ขอบเขตของพระองค์ พระองค์บริหารจักรวาล ไปในวิธีทางที่พระองค์ทรงคิดว่า เหมาะสมที่สุด
อัลกุรอานได้บอกเราว่า อัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ และทุกสิ่งที่อัลลอฮฺกระทำนั้น คือ สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เที่ยงธรรม สิ่งที่ดี และยุติธรรม เราจะต้องยอมจำนน ต่อพระประสงค์ของพระองค์ อัลกุรอานมิได้ให้รายละเอียดทั้งหมด แก่เราเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระองค์ แต่มันได้ให้ความเข้าใจแก่เรา พร้อมกับทางนำที่เป็นประโยชน์ และจำนวนที่พอเพียงแก่พวกเรา มีประเด็นสำคัญมากมาย ที่เราควรจะธำรงไว้ในจิตใจของพวกเรา เพื่อที่จะเข้าใจในเรื่องดังต่อไปนี้
ประการแรก โลกนี้เป็นสถานที่แห่งการทดสอบ
อัลลอฮฺ มิได้ทำให้โลกนี้ เป็นโลกที่ยั่งยืน นี่คือโลกที่ชั่วคราว และทุกสิ่งบนโลกนี้ มีเวลาที่จำกัด เมื่อวาระของมันมาถึง มันก็จะตาย มันจะดำเนินมาถึงจุดจบ และจุดสิ้นสุด เรื่องที่ดีๆ บนโลกนี้ มิได้มีอยู่ตลอดไป และเรื่องที่ร้ายๆ ก็มิได้มีอยู่ตลอดไป เราอยู่ ณ ที่นี่ ในเวลาอันสั้น และเราจะถูกทดสอบ บรรดาผู้ที่ผ่านการทดสอบนี้ เขาจะพบกับโลกที่ยั่งยืน ที่สมบริบูรณ์และถาวร บรรดาผู้ที่ล้มเหลวในการทดสอบครั้งนี้ เขาจะเห็นผลลัพธ์ ที่เลวร้ายของการทำบาป และความเหลวแหลกของพวกเขา
ประการที่สอง การทดสอบเป็นส่วนหนึ่ง ของกฎธรรมชาติที่อัลลอฮฺทรงวางไว้
อัลลอฮฺ ทรงวางกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ และกฎเกณฑ์เกี่ยวกับศีลธรรมจรรยา ไว้ในจักรวาลนี้ อัลลอฮฺ ตะอาลา จะปล่อยให้ความเลวร้ายเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อกฎเกณฑ์นี้ ถูกละเมิด กฎเกณฑ์ทางธรรมชาตินี้ ถูกวางรากฐานไว้บนเหตุผล และผลที่ตามมา ความเจ็บป่วย จะถามหา ถ้าบุคคลที่ไม่ใส่ใจต่อสุขภาพ หรือหรือปล่อยให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อุบัติเหตุทางรถยนต์ จะเกิดขึ้น เมื่อบุคคลหนึ่งนั้น ไม่ระมัดระวัง หรือขับรถ ในแบบที่ไร้มารยาท หรือไม่ก็รถยนต์ ที่ไม่ได้รับการดูแล ถนนและทางด่วน ไม่ได้รับการซ่อมแซม และสภาพถนนที่ไม่ดี หรือกฎจลาจรนั้น ไม่มีความเหมาะสม หรือไม่ได้นำไปบังคับใช้ อย่างถูกต้อง การศึกษาสาเหตุและผลกระทบนั้น มีความสำคัญ เพื่อที่ช่วยให้ได้รับความปลอดภัย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราควรจะจดจำไว้ในจิตใจ ด้วยว่า อัลลอฮฺ ทรงคุ้มครองเราเสมอ พระองค์ไม่ได้ปล่อยให้เรา ทนทุกข์ทรมานทุกๆ ครั้ง ในความประมาทกี่ครั้งแล้วที่เราไม่ระมัดระวัง แต่เรายังคงไปถึงจุดหมายปลายทาง อย่างปลอดภัย วิธีการที่ผู้คนขับขี่ในบางเมืองนั้น เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่อุบัติเหตุ แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย และผู้คนก็แทบที่จะไม่ประสบภัยร้ายเลย ดังที่อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า “พระผู้ทรงกรุณาปราณี, พระองค์ทรงสอนอัลกุรอาน, พระองค์ทรงสร้างมนุษย์, พระองค์ทรงสอนเขา ให้เปล่งเสียงพูด, ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ โคจรตามวิถีที่แน่นอน, และผักหญ้าและต้นไม้ จะกราบสุญูด,และชั้นฟ้านั้น พระองค์ทรงยกมันไว้สูง และทรงวางความสมดุลไว้, เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ฝ่าฝืน ในเรื่องการชั่งตวงวัด,และธำรงไว้ซึ่งการชั่ง ด้วยความเที่ยงธรรม และอย่าให้ขาดหรือหย่อนตาชั่ง, และแผ่นดินนั้น พระองค์ทรงจัดเตรียมมันไว้ เพื่อสรรพสิ่งที่สร้างขึ้น” อัรรอหฺมาน 1-10
การที่เราละเมิดขอบเขต ที่อัลลอฮฺ ทรงวางไว้และละเมิดกฎของเหตุและผล ของพระองค์นั้น เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ แต่เพราะเป็นความเมตตาของอัลลอฮฺ อย่างแท้จริง ที่เราได้รับการคุ้มครองไว้
ขอย้ำว่า ไม่ควรจะถามว่า ทำไมอัลลอฮฺถึงปล่อยให้มีความทนทุกข์ แต่ควรจะถามว่า กี่มากแล้วที่อัลลอฮฺทรงคุ้มครองเรา ในทุกเวลา ถึงแม้ว่าจะอยู่ในการละเมิด และความประมาท ดังที่อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า “และหากอัลลอฮฺจะทรงเอาโทษมนุษย์ ตามที่พวกเขาได้ขวนขวายเอาไว้แล้ว พระองค์ไม่ทรงให้เหลือไว้ บนหน้าแผ่นดิน ซึ่งสัตว์โลกต่างๆ แต่ว่าพระองค์ทรงประวิงเวลา ให้พวกเขา จนถึงเวลาที่ถูกกำหนไว้ ครั้นเมื่อวาระกำหนดของพวกเขา ได้มาถึง เมื่อนั้นแหละ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเห็น ปวงบ่าวของพระองค์เสมอ” ฟาฏิร 45
แต่ในบางเวลา อัลลอฮฺทรงลงโทษผู้คน เนื่องจากว่าการละเมิดของพวกเขา ในกฎเกณฑ์ของ พระองค์ ไม่ว่าจะเป็นกฎทางธรรมชาติ หรือทางกฎทางศีลธรรมจรรยา อัล กุรอานได้บอกเราว่า มีประชาชาติและกลุ่มชนจำนวนมาก ที่ถูกทำลายเนื่องจากรูปแบบชีวิตที่ชั่วช้า ของพวกเขา
“และหากพวกเขา (มุชริกีนมักกะฮฺ) ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเจ้า แท้จริงชนชาติของนูหฺ และอ๊าด และษะมูด ได้ปฏิเสธไม่เชื่อฟังนะบีของพวกเขา มาก่อนหน้าพวกเขาแล้ว, และชนชาติของอิบรอฮีม และชนชาติของลูฏ, และชาวมัดยัน และมูซา ก็ได้ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเช่นกัน แต่เราได้ประวิงเวลา ให้แก่พวกปฏิเสธศรัทธา แล้วเราก็ได้ลงโทษพวกเขา ดังนั้น เป็นเช่นใดเล่าการลงโทษของเรา, ฉะนั้น กี่เมืองมาแล้ว เราได้ทำลายมัน โดยที่ชาวเมืองนั้นอธรรม และมันได้พังพาลงมา และกี่บ่อน้ำที่ถูกทอดทิ้ง และกี่ปราสาทสูงที่มั่นคง” อัลฮัจญ์ 42-45
ประการที่สาม การทดสอบเป็นกรณีพิเศษ สำหรับบางคน
ความทนทุกข์ทรมาน เป็นการทดสอบสำหรับบางคน อัลลอฮฺปล่อยให้บางคนได้รับทุกข์ เพื่อที่จะทดสอบความอดทน และความมั่นคงของพวกเขา แม้แต่บรรดานะบี และศาสนาทูตของอัลลอฮฺ ยังต้องประสบกับการทุกข์ทรมาน
ท่าน นะบี อัยยูบ ได้รับการกล่าวในอัลกุรอาน ว่า อยู่ในฐานะนะบี ที่มีความอดทนสูง คนที่ดีในบางเวลาได้รับทุกข์ แต่ความทุกข์ทรมานของเขา ทำให้คนอื่นๆ ปรองดองกัน และนำมาซึ่งคุณงามความดี สู่สังคมของพวกเขา ผู้คนได้เรียนรู้บทเรียนต่างๆ จากความดีของพวกเขา เช่น การตายในหนทางของศาสนา เพื่อ (เพิ่มพูน) ความศรัทธาของพวกเขา บรรดาทหารได้มอบชีวิตของพวกเขา เพื่อประเทศชาติ และสิ่งนี้จะนำอิสรภาพ มาสู่ประชาชนของพวกเขา
ประการที่สี่ การทดสอบเพื่อดูปฏิกิริยาของมนุษย์ต่อผู้อื่น
ในบางเวลาอัลลอฮฺ ปล่อยให้บางคนได้รับทุกข์ เพื่อที่จะสอนผู้อื่นว่า เขาจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อท่านเห็นบุคคลหนึ่งเจ็บป่วย ยากจน และมีความต้องการ ดังนั้น อัลลอฮฺ ตะอาลา จะทดสอบท่าน อัลลอฮฺนนั้น ทรงอยู่ร่วมกับบุคคลที่มีความทุกข์ เพื่อที่จะทดสอบความเมตตาของท่าน และความศรัทธาของท่าน ในหะดีษกุดซียฺ หรือหะดีษอิลาฮียฺ (คือ หะดีษที่ท่านรอซูล ได้พูดออกมา โดยกล่าวพาดพิงไปถึงอัลลอฮฺ) ต้นหนึ่งที่เร้าอารมณ์อย่างมาก ที่ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
"แท้จริงอัลลอฮฺ จะตรัสในวันกิยามะฮฺว่า โอ้มนุษย์เอ๋ย ข้าขออาหารต่อเจ้า แต่เจ้าไม่ให้อาหารแก่ข้า เขาได้กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล ฉันจะให้อาหารแก่พระองค์ได้อย่างไร เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาล แห่งสากลโลก พระองค์ตรัสว่า เจ้าไม่ทราบดอกหรือว่า ความจริงบ่าวของข้าคนหนึ่ง ได้ขออาหารต่อเจ้า แต่เจ้าไม่ได้ให้อาหารแก่เขาเลย เจ้าไม่ทราบดอกหรือว่า หากเจ้าให้อาหารแก่เขา แน่นอนเจ้าก็จะพบดังกล่าวนั้นที่ข้า" ( รายงานโดย มุสลิม)
สรุปได้ว่า พวกเราสามารถกล่าวได้ว่า ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น ก็เพื่อที่จะสอนพวกเราว่า พวกเราจะต้องปฏิบัติตาม กฎทางธรรมชาติ และกฎทางศีลธรรมจรรยา ของอัลลอฮฺ บางครั้งจะมีการลงโทษ ผู้ที่ละเมิดต่อกฎทางธรรมชาติ และกฎทางศีลธรรมจรรยา ของอัลลอฮฺ เป็นการทดสอบความศรัทธาของพวกเรา ที่มีต่ออัลลอฮฺ และเป็นการทดสอบในพันธะสัญญาของเรา ที่มีต่อคุณค่าของมนุษย์ และความเอื้อเฟื้อเพื่อแผ่ เมื่อไรก็ตาม ที่เราเผชิญกับความทุกข์ทรมาน เราควรจะถามตัวเราเองว่า เราได้ละเมิดกฎเกณฑ์อะไรบางอย่าง ของอัลลอฮฺ หรือไม่? เราลองศึกษาสาเหตุของปัญหา และใช้วิธีการเพื่อแก้ไขดัดแปลง มันเป็นการลงโทษ กระนั้นหรือ? เราลองสำนึก และขออภัยโทษ และปรับปรุงแก้ไข ในแนวทางของเรา มันเป็นการทดสอบสำหรับพวกเรา กระนั้นหรือ? เราต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะผ่านการทดสอบครั้งนี้
ผู้ศรัทธาต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน ด้วยการวิงวอนขอ การกลับเนื้อกลับตัว และการทำความดี ขอให้อัลลอฮฺ ทรงคุ้มครองให้เรา อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องด้วยเถิด อามีน!
Cr >>>
http://www.piwdee.net
ทำไมพระเจ้าถึงปล่อยให้มี ความเลวร้าย ความเจ็บปวด การต้องทุกข์ทรมาน อยู่ในโลกนี้ ??
ถ้าพระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอำนาจ พระองค์ก็สามารถที่จะยับยั้งความชั่วได้ แต่ความชั่วและความหายนะ ก็ยังคงดำรงอยู่ มันเป็นไปได้อย่างไร สำหรับพระเจ้าที่เป็นทั้งผู้ทรงมีอำนาจ และผู้ทรงสมบูรณ์ยิ่ง โดยทุกสรรพสิ่งต้องพึ่งพาพระองค์ แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังคงปล่อยให้ความชั่ว และความหายนะ ดำรงอยู่ในโลกนี้?
คำตอบ แท้จริงอัลลอฮฺ นั้น เป็นผู้ทรงอำนาจยิ่ง (อัล อะซีซ) และพระองค์นั้น เป็นผู้ทรงอนุภาพเหนือทุกสิ่ง (อะลา กุลลิซัยอิน กอดีร) อัลกุรอาน ได้กล่าวถึงลักษณะดังกล่าวนี้ นับร้อยครั้ง อัล กุรอานกล่าวว่า อัลลอฮฺ นั้น เป็นผู้ทรงสร้าง และพระองค์เป็นผู้ทรงสร้าง ที่เป็นเลิศ “...อัลลอฮฺทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงสร้าง” อัลมุอฺมินูน 14
แต่มีคำถามขึ้นมาว่า ความทุกข์ทรมานทำไม่ถึงดำรงอยู่ในโลกนี้ได้ เราพบความเจ็บป่วย ความชราภาพ ความตาย และเราเห็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคล กับผู้คนที่วิกลจริต และปัญญาอ่อน มีพายุ ธรณีพิบัติ อุทกภัย ลมมรสุม และความลำบากยากเข็ญ เราเห็นผู้คนกระทำชำเรา ฆาตกรรม พวกเขาต่อสู้ และทำสงคราม เรารู้ทุกสิ่งและรู้ว่าปัญหามันมีมาก มีความชั่วที่เป็นสาเหตุจากมนุษย์ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีความหายนะสำหรับปัจเจกชน และมีความวิบัติต่างๆ ที่ผัวพันกับมนุษย์อีกเป็นจำนวนมาก
แต่เราก็รู้อีกเช่นกันว่า สิ่งนี้มิได้มีอยู่ตลอด นอกเหนือจากเรื่องร้ายต่างๆ เหล่านี้แล้ว เรายังเห็นสิ่งที่สวยงาม ความสุขสบาย ความมั่นคั่ง การมีชีวิต การเกิด ความรอบรู้ ความเฉลียวฉลาด ความเจริญเติบโต และความเจริญก้าวหน้า เราพบเห็นคุณงามความดี ท่ามกลางผู้คน ความเลื่อมใสศรัทธา ความจริงใจ ความเมตตา ความรัก และจิตใจที่มีการเสียสละ เรายังพบเห็นความดี และความเคร่งครัด ในศาสนาอีกมาก มันไม่ถูกต้อง ที่จะพิจารณาในแง่มุมเดียว โดยไม่พิจารณาในแง่มุมอื่นๆ มีปรัชญาบางสำนักคิด ที่ให้ความสำคัญบนแง่มุมเดียว ในการมองโลก และได้ปฏิเสธ หรือละเลยในแง่มุมอื่นๆ ซึ่งมันเป็นความจริงเพียงบางส่วน ที่ไม่ได้เป็นความจริงเสียทั้งหมด เป็นความจริงที่ว่าส่วนที่ดีนั้น มีมากกว่าส่วนที่ไม่ดี เราพบคนที่มีสุขภาพดี มากกว่าผู้ที่มีโรคเจ็บป่วย มีการกินดีอยู่ดี มากกว่าความหิวโหย มีการดำรงชีวิต ที่นำมาด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มากกว่าบรรดาผู้ที่ก่ออาชญากรรม คุณงามความดีนั้น เป็นกฎเกณฑ์ ส่วนสิ่งชั่วร้ายนั้น เป็นข้อยกเว้น ความดีคือบรรทัดฐานทั่วๆ ไป และสิ่งชั่วร้ายเป็นสิ่งที่ผิดปกติ โดยทั่วไปต้นไม้นั้น ออกผล ดอกไม้จะผลิบาน และกระแสลม ก็พัดอย่างราบรื่น
แต่คำถามคือว่า ทำไมอัลลอฮฺถึงปล่อยให้มีข้อยกเว้น ต่อหลักเกณฑ์ตรงนี้?
เราลองตั้งคำถามนี้ เพื่อที่จะได้เข้าในวิธีการ ของอัลลอฮฺ ตะอาลา ในการสร้างของพระองค์ อัลกุรอาน ได้บอกเราถึงสิ่งที่ดี สิ่งที่ชั่ว และอะไรก็ตาม ที่ได้เกิดขึ้นในโลกนี้ มันก็เกิดขึ้นด้วยความประสงค์ ของอัลลอฮฺ ตะอาลา
อัลลอฮฺเท่านั้น ทรงรู้เจตนารมณ์ของพระองค์ อย่างเต็มเปี่ยม เราเป็นชีวิตที่มีขอบเขตจำกัด ที่ไม่สามารถเข้าใจในความประสงค์ และความรอบรู้ ที่ไร้ขอบเขตของพระองค์ พระองค์บริหารจักรวาล ไปในวิธีทางที่พระองค์ทรงคิดว่า เหมาะสมที่สุด
อัลกุรอานได้บอกเราว่า อัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ และทุกสิ่งที่อัลลอฮฺกระทำนั้น คือ สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เที่ยงธรรม สิ่งที่ดี และยุติธรรม เราจะต้องยอมจำนน ต่อพระประสงค์ของพระองค์ อัลกุรอานมิได้ให้รายละเอียดทั้งหมด แก่เราเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระองค์ แต่มันได้ให้ความเข้าใจแก่เรา พร้อมกับทางนำที่เป็นประโยชน์ และจำนวนที่พอเพียงแก่พวกเรา มีประเด็นสำคัญมากมาย ที่เราควรจะธำรงไว้ในจิตใจของพวกเรา เพื่อที่จะเข้าใจในเรื่องดังต่อไปนี้
ประการแรก โลกนี้เป็นสถานที่แห่งการทดสอบ
อัลลอฮฺ มิได้ทำให้โลกนี้ เป็นโลกที่ยั่งยืน นี่คือโลกที่ชั่วคราว และทุกสิ่งบนโลกนี้ มีเวลาที่จำกัด เมื่อวาระของมันมาถึง มันก็จะตาย มันจะดำเนินมาถึงจุดจบ และจุดสิ้นสุด เรื่องที่ดีๆ บนโลกนี้ มิได้มีอยู่ตลอดไป และเรื่องที่ร้ายๆ ก็มิได้มีอยู่ตลอดไป เราอยู่ ณ ที่นี่ ในเวลาอันสั้น และเราจะถูกทดสอบ บรรดาผู้ที่ผ่านการทดสอบนี้ เขาจะพบกับโลกที่ยั่งยืน ที่สมบริบูรณ์และถาวร บรรดาผู้ที่ล้มเหลวในการทดสอบครั้งนี้ เขาจะเห็นผลลัพธ์ ที่เลวร้ายของการทำบาป และความเหลวแหลกของพวกเขา
ประการที่สอง การทดสอบเป็นส่วนหนึ่ง ของกฎธรรมชาติที่อัลลอฮฺทรงวางไว้
อัลลอฮฺ ทรงวางกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ และกฎเกณฑ์เกี่ยวกับศีลธรรมจรรยา ไว้ในจักรวาลนี้ อัลลอฮฺ ตะอาลา จะปล่อยให้ความเลวร้ายเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อกฎเกณฑ์นี้ ถูกละเมิด กฎเกณฑ์ทางธรรมชาตินี้ ถูกวางรากฐานไว้บนเหตุผล และผลที่ตามมา ความเจ็บป่วย จะถามหา ถ้าบุคคลที่ไม่ใส่ใจต่อสุขภาพ หรือหรือปล่อยให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อุบัติเหตุทางรถยนต์ จะเกิดขึ้น เมื่อบุคคลหนึ่งนั้น ไม่ระมัดระวัง หรือขับรถ ในแบบที่ไร้มารยาท หรือไม่ก็รถยนต์ ที่ไม่ได้รับการดูแล ถนนและทางด่วน ไม่ได้รับการซ่อมแซม และสภาพถนนที่ไม่ดี หรือกฎจลาจรนั้น ไม่มีความเหมาะสม หรือไม่ได้นำไปบังคับใช้ อย่างถูกต้อง การศึกษาสาเหตุและผลกระทบนั้น มีความสำคัญ เพื่อที่ช่วยให้ได้รับความปลอดภัย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราควรจะจดจำไว้ในจิตใจ ด้วยว่า อัลลอฮฺ ทรงคุ้มครองเราเสมอ พระองค์ไม่ได้ปล่อยให้เรา ทนทุกข์ทรมานทุกๆ ครั้ง ในความประมาทกี่ครั้งแล้วที่เราไม่ระมัดระวัง แต่เรายังคงไปถึงจุดหมายปลายทาง อย่างปลอดภัย วิธีการที่ผู้คนขับขี่ในบางเมืองนั้น เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่อุบัติเหตุ แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย และผู้คนก็แทบที่จะไม่ประสบภัยร้ายเลย ดังที่อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า “พระผู้ทรงกรุณาปราณี, พระองค์ทรงสอนอัลกุรอาน, พระองค์ทรงสร้างมนุษย์, พระองค์ทรงสอนเขา ให้เปล่งเสียงพูด, ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ โคจรตามวิถีที่แน่นอน, และผักหญ้าและต้นไม้ จะกราบสุญูด,และชั้นฟ้านั้น พระองค์ทรงยกมันไว้สูง และทรงวางความสมดุลไว้, เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ฝ่าฝืน ในเรื่องการชั่งตวงวัด,และธำรงไว้ซึ่งการชั่ง ด้วยความเที่ยงธรรม และอย่าให้ขาดหรือหย่อนตาชั่ง, และแผ่นดินนั้น พระองค์ทรงจัดเตรียมมันไว้ เพื่อสรรพสิ่งที่สร้างขึ้น” อัรรอหฺมาน 1-10
การที่เราละเมิดขอบเขต ที่อัลลอฮฺ ทรงวางไว้และละเมิดกฎของเหตุและผล ของพระองค์นั้น เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ แต่เพราะเป็นความเมตตาของอัลลอฮฺ อย่างแท้จริง ที่เราได้รับการคุ้มครองไว้
ขอย้ำว่า ไม่ควรจะถามว่า ทำไมอัลลอฮฺถึงปล่อยให้มีความทนทุกข์ แต่ควรจะถามว่า กี่มากแล้วที่อัลลอฮฺทรงคุ้มครองเรา ในทุกเวลา ถึงแม้ว่าจะอยู่ในการละเมิด และความประมาท ดังที่อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า “และหากอัลลอฮฺจะทรงเอาโทษมนุษย์ ตามที่พวกเขาได้ขวนขวายเอาไว้แล้ว พระองค์ไม่ทรงให้เหลือไว้ บนหน้าแผ่นดิน ซึ่งสัตว์โลกต่างๆ แต่ว่าพระองค์ทรงประวิงเวลา ให้พวกเขา จนถึงเวลาที่ถูกกำหนไว้ ครั้นเมื่อวาระกำหนดของพวกเขา ได้มาถึง เมื่อนั้นแหละ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเห็น ปวงบ่าวของพระองค์เสมอ” ฟาฏิร 45
แต่ในบางเวลา อัลลอฮฺทรงลงโทษผู้คน เนื่องจากว่าการละเมิดของพวกเขา ในกฎเกณฑ์ของ พระองค์ ไม่ว่าจะเป็นกฎทางธรรมชาติ หรือทางกฎทางศีลธรรมจรรยา อัล กุรอานได้บอกเราว่า มีประชาชาติและกลุ่มชนจำนวนมาก ที่ถูกทำลายเนื่องจากรูปแบบชีวิตที่ชั่วช้า ของพวกเขา
“และหากพวกเขา (มุชริกีนมักกะฮฺ) ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเจ้า แท้จริงชนชาติของนูหฺ และอ๊าด และษะมูด ได้ปฏิเสธไม่เชื่อฟังนะบีของพวกเขา มาก่อนหน้าพวกเขาแล้ว, และชนชาติของอิบรอฮีม และชนชาติของลูฏ, และชาวมัดยัน และมูซา ก็ได้ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเช่นกัน แต่เราได้ประวิงเวลา ให้แก่พวกปฏิเสธศรัทธา แล้วเราก็ได้ลงโทษพวกเขา ดังนั้น เป็นเช่นใดเล่าการลงโทษของเรา, ฉะนั้น กี่เมืองมาแล้ว เราได้ทำลายมัน โดยที่ชาวเมืองนั้นอธรรม และมันได้พังพาลงมา และกี่บ่อน้ำที่ถูกทอดทิ้ง และกี่ปราสาทสูงที่มั่นคง” อัลฮัจญ์ 42-45
ประการที่สาม การทดสอบเป็นกรณีพิเศษ สำหรับบางคน
ความทนทุกข์ทรมาน เป็นการทดสอบสำหรับบางคน อัลลอฮฺปล่อยให้บางคนได้รับทุกข์ เพื่อที่จะทดสอบความอดทน และความมั่นคงของพวกเขา แม้แต่บรรดานะบี และศาสนาทูตของอัลลอฮฺ ยังต้องประสบกับการทุกข์ทรมาน
ท่าน นะบี อัยยูบ ได้รับการกล่าวในอัลกุรอาน ว่า อยู่ในฐานะนะบี ที่มีความอดทนสูง คนที่ดีในบางเวลาได้รับทุกข์ แต่ความทุกข์ทรมานของเขา ทำให้คนอื่นๆ ปรองดองกัน และนำมาซึ่งคุณงามความดี สู่สังคมของพวกเขา ผู้คนได้เรียนรู้บทเรียนต่างๆ จากความดีของพวกเขา เช่น การตายในหนทางของศาสนา เพื่อ (เพิ่มพูน) ความศรัทธาของพวกเขา บรรดาทหารได้มอบชีวิตของพวกเขา เพื่อประเทศชาติ และสิ่งนี้จะนำอิสรภาพ มาสู่ประชาชนของพวกเขา
ประการที่สี่ การทดสอบเพื่อดูปฏิกิริยาของมนุษย์ต่อผู้อื่น
ในบางเวลาอัลลอฮฺ ปล่อยให้บางคนได้รับทุกข์ เพื่อที่จะสอนผู้อื่นว่า เขาจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อท่านเห็นบุคคลหนึ่งเจ็บป่วย ยากจน และมีความต้องการ ดังนั้น อัลลอฮฺ ตะอาลา จะทดสอบท่าน อัลลอฮฺนนั้น ทรงอยู่ร่วมกับบุคคลที่มีความทุกข์ เพื่อที่จะทดสอบความเมตตาของท่าน และความศรัทธาของท่าน ในหะดีษกุดซียฺ หรือหะดีษอิลาฮียฺ (คือ หะดีษที่ท่านรอซูล ได้พูดออกมา โดยกล่าวพาดพิงไปถึงอัลลอฮฺ) ต้นหนึ่งที่เร้าอารมณ์อย่างมาก ที่ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
"แท้จริงอัลลอฮฺ จะตรัสในวันกิยามะฮฺว่า โอ้มนุษย์เอ๋ย ข้าขออาหารต่อเจ้า แต่เจ้าไม่ให้อาหารแก่ข้า เขาได้กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล ฉันจะให้อาหารแก่พระองค์ได้อย่างไร เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาล แห่งสากลโลก พระองค์ตรัสว่า เจ้าไม่ทราบดอกหรือว่า ความจริงบ่าวของข้าคนหนึ่ง ได้ขออาหารต่อเจ้า แต่เจ้าไม่ได้ให้อาหารแก่เขาเลย เจ้าไม่ทราบดอกหรือว่า หากเจ้าให้อาหารแก่เขา แน่นอนเจ้าก็จะพบดังกล่าวนั้นที่ข้า" ( รายงานโดย มุสลิม)
สรุปได้ว่า พวกเราสามารถกล่าวได้ว่า ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น ก็เพื่อที่จะสอนพวกเราว่า พวกเราจะต้องปฏิบัติตาม กฎทางธรรมชาติ และกฎทางศีลธรรมจรรยา ของอัลลอฮฺ บางครั้งจะมีการลงโทษ ผู้ที่ละเมิดต่อกฎทางธรรมชาติ และกฎทางศีลธรรมจรรยา ของอัลลอฮฺ เป็นการทดสอบความศรัทธาของพวกเรา ที่มีต่ออัลลอฮฺ และเป็นการทดสอบในพันธะสัญญาของเรา ที่มีต่อคุณค่าของมนุษย์ และความเอื้อเฟื้อเพื่อแผ่ เมื่อไรก็ตาม ที่เราเผชิญกับความทุกข์ทรมาน เราควรจะถามตัวเราเองว่า เราได้ละเมิดกฎเกณฑ์อะไรบางอย่าง ของอัลลอฮฺ หรือไม่? เราลองศึกษาสาเหตุของปัญหา และใช้วิธีการเพื่อแก้ไขดัดแปลง มันเป็นการลงโทษ กระนั้นหรือ? เราลองสำนึก และขออภัยโทษ และปรับปรุงแก้ไข ในแนวทางของเรา มันเป็นการทดสอบสำหรับพวกเรา กระนั้นหรือ? เราต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะผ่านการทดสอบครั้งนี้
ผู้ศรัทธาต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน ด้วยการวิงวอนขอ การกลับเนื้อกลับตัว และการทำความดี ขอให้อัลลอฮฺ ทรงคุ้มครองให้เรา อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องด้วยเถิด อามีน!
Cr >>> http://www.piwdee.net