ถ้าทำลายสถานที่ราชการ ก็ควรถูกลงโทษ
อย่าโยงพวกยึดสนามบิน ต่างกรรมต่างวาระ
พวกนั้นก็ควรจะโดนขังคุกเหมือนกัน
อย่าโยง ทีพวกนั้นทำไม่เห็นเป็นไร อย่าโยง............
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งจำคุก “เสื้อแดงเผาเอ็นบีทีขอนแก่น” 16 ปี ปราณีลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ทนายเตรียมยื่นฎีกาสู้คดีถึงที่สุด
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 ส.ค.นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายอุดม คำมูล จำเลย ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ บุกรุก ความผิดต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 จำเลยกับพวกร่วมกันมั่วสุม และกระทำการอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย บริเวณที่ทำการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และข้อกำหนดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุดมและทนายความได้มาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อมาฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำเลขที่ 672/2556 คดีหมายเลขแดงที่ 1760/ 2556 ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาตัดสินคดีความ ระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ นายอุดม คำมูล จำเลย ในคดีดังกล่าวว่า จำเลยมีความผิดตามประมงลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง, 218(4) 219,365(1) (2) ประกอบมาตรา 362 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5,9วรรคหนึ่ง (2(,11,18 ประกอบประมาวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุด ฐานร่วมกันตระเตรียมวางเพลิงเผ่าทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 (4) 219 จำคุก 16 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 คงจำคุก 10 ปี 8 เดือน ริบของกลาง นอกจากที่แก้ไข ให้เป็นไปตามคำพิพากษาชั้นต้น เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 55 ศาลพิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามข้อวินิจฉัยประการแรก โดยข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นบทความผิดที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ลงโทษจำคุก 2 ปี ข้อหาร่วมกันบุกรุกลงโทษจำคุก 1 ปี รวมความผิดสองกระทง ลงโทษจำคุก 3 ปี
ต่อมา นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า คดีนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินในวันนี้ และศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษาให้จำเลยมีความผิดจำคุก 16 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา คงจำคุก 10 ปี 8 เดือน ริบของกลางไม่รอลงอาญา ทนายคงจะยื่นศาลฎีกาเพื่อสู้คดีจนถึงที่สุดต่อไป พร้อมกับยื่นเรื่องเพื่อขอประกันตัวจำเลยในชั้นศาลต่อไป
จำคุก“เสื้อแดงเผาเอ็นบีทีขอนแก่น”16ปีไม่รอลงอาญา//////////////
อย่าโยงพวกยึดสนามบิน ต่างกรรมต่างวาระ
พวกนั้นก็ควรจะโดนขังคุกเหมือนกัน
อย่าโยง ทีพวกนั้นทำไม่เห็นเป็นไร อย่าโยง............
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งจำคุก “เสื้อแดงเผาเอ็นบีทีขอนแก่น” 16 ปี ปราณีลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ทนายเตรียมยื่นฎีกาสู้คดีถึงที่สุด
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 ส.ค.นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายอุดม คำมูล จำเลย ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ บุกรุก ความผิดต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 จำเลยกับพวกร่วมกันมั่วสุม และกระทำการอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย บริเวณที่ทำการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และข้อกำหนดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุดมและทนายความได้มาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อมาฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำเลขที่ 672/2556 คดีหมายเลขแดงที่ 1760/ 2556 ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาตัดสินคดีความ ระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ นายอุดม คำมูล จำเลย ในคดีดังกล่าวว่า จำเลยมีความผิดตามประมงลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง, 218(4) 219,365(1) (2) ประกอบมาตรา 362 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5,9วรรคหนึ่ง (2(,11,18 ประกอบประมาวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุด ฐานร่วมกันตระเตรียมวางเพลิงเผ่าทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 (4) 219 จำคุก 16 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 คงจำคุก 10 ปี 8 เดือน ริบของกลาง นอกจากที่แก้ไข ให้เป็นไปตามคำพิพากษาชั้นต้น เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 55 ศาลพิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามข้อวินิจฉัยประการแรก โดยข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นบทความผิดที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ลงโทษจำคุก 2 ปี ข้อหาร่วมกันบุกรุกลงโทษจำคุก 1 ปี รวมความผิดสองกระทง ลงโทษจำคุก 3 ปี
ต่อมา นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า คดีนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินในวันนี้ และศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษาให้จำเลยมีความผิดจำคุก 16 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา คงจำคุก 10 ปี 8 เดือน ริบของกลางไม่รอลงอาญา ทนายคงจะยื่นศาลฎีกาเพื่อสู้คดีจนถึงที่สุดต่อไป พร้อมกับยื่นเรื่องเพื่อขอประกันตัวจำเลยในชั้นศาลต่อไป