คือ ได้รับงานแปลแบบ Freelance มาทำจาก สนพ. ( โดยใช้การติดต่อทางเมลล์ + โทรศัพท์มือถือค่ะ )
( ซึ่งบ.มีตัวตนจริง ส่วนตัวเช็คแล้วว่า มีสนพ.นี้จริงๆเลยกล้ารับงานในตอนแรกค่ะ )
รายละเอียดของงานก็เป็นหนังสือภาษาอังกฤษแนวๆความรู้เกี่ยวกับ presentation จำนวน 1 เล่ม
โดยทาง สนพ. ก็ได้มีการให้ทดลองแปล 1 Chapter + สารบัญ + ตอบคำถามว่าเรารู้สึกยังไงเกี่ยวกับเนื้อหาหนังสือเล่มนี้
รวมไปถึงให้เราเสนอค่าแปล และระยะเวลาที่จะใช้ในการแปล หลังจากนั้นก็เมลล์ไฟล์ที่ทดลองแปลไปให้ สนพ.
ซึ่งทาง สนพ. ก็เมลล์คอนเฟิร์มกลับมาว่าตกลงตามที่คนแปลเสนอให้ค่ะ
ข้อตกลงของ สนพ.นี้เกี่ยวกับการได้รับเงินค่าแปลที่ทางเค้าแจ้งมาค่ะ
1. ตัดยอดส่งงานก่อนวันที่ 25 ของทุกเดือน ( ถ้าหลังจากนั้นให้ถือว่าเป็นการเลื่อนส่งไปเดือนหน้าเลย )
และหลังจากนั้นไปอีก 60 วัน เงินค่าแปลจะถูกโอนเข้าบัญชีคนแปล โดยจะโอนเข้าประมาณวันที่ 5 ของเดือนค่ะ
ซึ่งตอนแรกทาง สนพ. แจ้งมาเท่านี้ค่ะ
- คนแปล ส่งงานแปลทั้งหมดให้ทางเมลล์แก่ สนพ. ไปวันต้นๆเดือนกุมภาพันธ์ 2556
เพราะฉะนั้นจะตัดยอดส่งงานวันที่ 25 ก.พ. + 60 วัน = วันที่เงินค่าแปลออก ก็จะเป็นประมาณวันที่ 5 พฤษภาคม 2556
- สนพ. แจ้งกลับมาว่า บรรณาธิการที่พิสูจน์อักษรให้กับหนังสือเล่มที่คนแปลทำการแปล มีงานที่ต้องแก้เยอะ
ดังนั้นงานแปลที่ส่งไปเลยยังไม่อนุมัติเงินเข้ารอบวันที่ 25 กพ. ตามที่ตกลง
( ซึ่งตอนแรก สนพ. ไม่ได้แจ้งทางคนแปลค่ะ ว่า 60 วันที่ว่าหลังส่งงานแล้วเงินแปลจะออก
ไม่ได้รวมเวลาการพิสูจน์อักษรจาก บก. แยกออกมาอีกต่างหาก
แน่นอนว่า งานแปลยังไงก็ต้องมี จะมากน้อยก็อีกเรื่อง ซึ่งก็เหมือนกับหมกเม็ด บอกรายละเอียดข้อตกลงไม่หมดน่ะค่ะ
แต่เพราะเป็นงานแปลเล่มแรก คนแปลเลยไม่ได้คิดมากอะไร ช้าหน่อยก็คงได้ ไม่เป็นไร ยังไง สนพ. ก็มีตัวตน )
จนท้ายที่สุดเอาเป็นว่าเลื่อนมโหฬารดั่งใจปองจริงๆค่ะ
ตอนที่เค้าแจ้งเลื่อนวันส่งงาน คนแปลก็ได้สอบถามไปว่า
บก. จะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่กับการพิสูจน์อักษร ซึ่งทางนั้นก็บอกว่า ไม่เกิน 1 อาทิตย์
แต่ปรากฎว่าไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ...
จากตอนแรกที่ควรจะเป็นวันที่ 25 ก.พ. 2556 >>> กลายมาเป็น 25 พ.ค. 2556
นั่นส่งผลให้วันรับเงินค่าแปลจากวันที่ 5 พ.ค. 2556 >>> กลายมาเป็น 5 ส.ค. 2556
( คิดเล่นๆว่า คนแปลทำการแปลเสร็จตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่ผ่านมาเกือบครึ่งปียังไม่ได้เห็นวี่แววเงินที่จะได้เลย )
2. สัญญาการแปล จะให้มาเซ็นวันรับเงิน ( โดยที่งานแปลถูกส่งไปหมดแล้วนะคะ )
เงินค่าแปลรับได้ 2 รูปแบบ คือ มารับด้วยตนเอง หรือโอนเข้าบัญชี โดยแจ้งเลขบัญชีให้เค้าโอนให้ค่ะ
สัญญาการแปลที่ขอดูตัวอย่างมา ที่เห็นก็จะมี 3 ลายเซ็น คือ
1. คนแปล
2. บรรณาธิการ
3. ผู้อนุมัติหนังสือ
ในเนื้อหาสัญญาก็ประมาณว่าหนังสือจะเป็นสิทธิ์ขาดของทาง สนพ.
คือเราจะได้แค่ค่าแปลตามที่ตกลงครั้งเดียว ไม่มีการมาเก็บค่าลิขสิทธิ์การแปลกับทางเค้าได้อีก ใจความสั้นๆประมาณนี้ค่ะ
เอกสารที่ใช้อีกอย่างคือ สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ ของคนแปล
สรุปว่า เอกสารที่ต้องใช้ในการทำสัญญาก็จะมี ตัวสัญญาการแปล + สำเนา บัตร ปชช. ผู้แปล ตามนี้ค่ะ
- คนแปลไม่สะดวกไป สนพ.ของเค้า
เพราะมีงานประจำอยู่แล้ว เลยไม่อยากลางาน จึงเลือกให้ทาง สนพ. ส่งสัญญามาทาง ปณ.แทน
( ส่วนตัวคิดว่า สนพ. ที่มีตัวตน น่าจะมีความน่าเชื่อถือพอ หรือต่อให้ไม่น่าเชื่อถือ การไปด้วยตัวเอง
ก็อาจจะไม่ช่วยอะไร เพราะถ้าทางเค้าคิดจะไม่จ่ายค่าแปล การไปด้วยตัวเอง หรือส่งกระดาษมาให้เซ็น ก็คงไม่ต่างกันอยู่ดี
เอาตามที่เราสะดวก และปลอดภัยดีกว่า )
ส่วนเงินค่าแปล ก็ใช้วิธีโอนเข้าบัญชีค่ะ
ซึ่งคนแปลได้รับ sms ส่งมาทางมือถือมาประมาณวันที่ 18 พ.ค. 2556
ว่าทางเค้าต้องการขอไฟล์สแกนสำเนาบัตร ปชช.ของผู้แปลส่งไปให้ทางเค้าหน่อย
สนพ.จะได้เตรียมยื่นเรื่องสัญญาให้ทางแผนกที่เกี่ยวข้องของทางเค้าจัดการให้
ก็ไม่มีปัญหาค่ะ คนแปลก็ส่งไปให้เค้าภายในวันนั้น
ผ่านไปเกือบๆจะสิ้นเดือน ก.ค. 2556 คนแปลเห็นว่าใกล้วันเงินออกแล้ว แต่ยังไม่ได้รับสัญญาที่ว่าจะส่งมาให้เซ็น
เลยโทรไปถาม สนพ.
ซึ่งเค้าแจ้งว่าสัญญายังออกไม่ได้เพราะ ชื่อหนังสือ ยังไม่ลงตัว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก
ไม่อยากให้คนแปลต้องมาเซ็นซ้ำซาก ( เพราะการเปลี่ยนชื่อหนังสือ สัญญาก็ต้องเซ็นกันใหม่ )
แต่เรื่องเงินค่าแปลเข้าตามวันเดิมที่ตกลง คือ วันที่ 5 ส.ค. 2556 ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ เค้าแจ้งมาตามนี้
ทางเราก็โอเค เงินเข้าบัญชีก่อนเป็นสบายใจ สัญญาค่อยเซ็นก็ได้
แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นค่ะ
เงินไม่เข้าในวันที่ 5 ส.ค. 2556 ตามที่ตกลง และทุกอย่างก็เงียบไป ไร้การติดต่อกลับมาของ สนพ.
คนแปลเลยตัดสินใจ โทรไปหา สนพ. ในวันที่ 7 ส.ค. 2556
( ซึ่งโทรติดต่อยากมากถึงมากที่สุดค่ะ เป็นเบอร์มือถือ เบอร์ตรงส่วนตัวของคน สนพ. ที่ติดต่อนะคะ ไม่ใช่มือถือบริษัท
เหมือนเค้าแกล้งทำเป็นประชุมบ้างล่ะ ออกบูธบ้างล่ะ พอบอกว่าเดี๋ยวทางเค้าโทรกลับ เชื่อมั้ยคะ
ว่าไม่เคยโทรกลับตามที่ตัวเค้าบอกเลยสักครั้ง มีแต่ทางนี้ต้องโทรตามตลอด จนอ่อนใจ
ต่างจากตอนติดต่อกันแรกๆอย่างสิ้นเชิงค่ะ ....
ปล. ที่รู้ว่าเค้าแกล้งประชุม เพราะเค้านัดเวลาโทรกลับ เป็นช่วงที่เค้าติดธุระทุกครั้ง (เน้นว่าทุกครั้ง จริงๆค่ะ)
มันดูขัดๆกันใช่มั้ยคะ?
ถ้าคนเราจะนัดโทรหาใคร เราจะไม่เลือกเวลาที่เราติดธุระที่รู้ตารางล่วงหน้า อย่างการประชุม(ที่ไม่ด่วน) , ออกบูธ และอื่นๆ
( ขอละไว้แค่นี้นะคะ จริงๆข้ออ้างเค้าเยอะมาก จนไล่ไม่ไหวเลยล่ะค่ะ แต่ที่ใช้บ่อยๆคือ สองอย่างนี้ )
เพื่อมาใช้เป็นข้อปฏิเสธการรับโทรศัพท์เช่นนี้
เค้าลางบางอย่างที่ชวนให้ไม่สบายใจ เริ่มก่อตัวชัดขึ้นทันที และมากขึ้นเรื่อยๆด้วย )
ร่ายยาวไปหน่อย ขออนุญาตเล่าต่อนะคะ
หลังจากนั้น คนแปลก็โทรไปแจ้งว่ายังไม่ได้รับเงิน
ซึ่งทางเค้าก็บอกว่าทางฝ่ายบัญชีเค้าเลื่อนเป็นวันที่ 8 ส.ค. 2556 แทน เงินเข้าแน่นอน
คนแปลก็โอเค รอดูวันรุ่งขึ้น จนเที่ยงคืน เช็คดูในเน็ต เงินก็ยังไม่เข้าสักบาทเลยค่ะ
เลยโทรกลับไปอีก
ก็โดนข้ออ้างว่า เค้าไม่รู้ว่าฝ่ายบัญชี จัดการให้เป็นวันไหน
( จากตอนแรกที่ตัวเค้าบอกเองว่าวัน ที่ 5 แน่ๆ จนมาเป็น วันที่ 8 แน่ๆ ...
หลาย"แน่"มากๆค่ะ แต่ที่แน่ๆยิ่งกว่าแช่แป้ง คือ " คนแปลยังไม่ได้รับเงินแน่ๆ " )
เค้าเลยบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อฝ่ายบัญชีให้ แล้วเดี๋ยวเค้าจะโทรกลับไปบอก
ให้ทายค่ะ ว่า เค้าจะโทรกลับมามั้ย?
เก่งมากค่ะ ทุกท่าน ....ป่าช้ายังคึกคักกว่ามือถือของคนแปล คนของสนพ. คนนั้นไม่ได้ติดต่อกลับตามคาด
คนแปลเลยโทรกลับ เพื่อขอวันที่จะโอนให้แน่ๆว่ายังไง คือ เลื่อนวันไม่ว่า แต่นี่เล่นไม่แจ้ง แถมเงียบหาย
บอกจะติดต่อกลับ ก็เงียบ มันชวนให้คิดได้อย่างเดียวว่า กำลังจะโดนโกงรึเปล่า?
ปวดใจนะคะ คือ จะว่าติดต่อไม่ได้ก็ไม่เชิง คือโทรติด แม้จะโทรยาก แต่พอรับเรื่อง ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรชัดเจน
เหมือนเล่นละครปาหี่ไปวันๆ...ราวกับว่า ชั้นอยู่ที่นี่ไง ไม่ได้หนีหนี้นะ แต่ไม่จ่าย มีอะไรมั้ย? แบบนั้นน่ะค่ะ
พอวันที่ 8 ส.ค. 2556 ก็ไม่มีเงินเข้าบัญชี ตามคาดค่ะ
คนแปลเลยโทรถามว่า สรุปว่าจะเข้าวันไหนแน่?
ซึ่งเค้าบอกว่าจะให้คำตอบที่แน่ชัด (ในแบบของเค้า)
ว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า วันที่ 9 ส.ค. 2556 เค้าเข้างานตอน 9.00 น.
จะรีบสอบถามทางฝ่ายบัญชี แล้วจะรีบโทรกลับมาแจ้งคนแปล ภายในช่วงเวลา 9 โมงเช้าวันนั้นค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นในวันที่ 9 ส.ค. 2556 อันแสนหดหู่ของคนแปล ไร้การติดต่อใดๆจนถึง 11 โมงเช้า
วันนั้นคนแปลชักโมโห กับการกระทำซ้ำซากดังกล่าว เลยโทรกระหน่ำ น่าจะปาไปหลายสิบ Missed call ได้
แน่นอนว่าเค้าแกล้งประชุม ทั้งๆที่นัดเองว่าจะโทรมาแจ้งตามเวลาที่ตกลง แต่ก็แกล้งไม่รับโทรศัพท์ตามฟอร์ม
ทำเนียนส่ง sms มาให้คนแปลช่วงบ่ายๆ ว่า ตัวเค้าติดประชุมเลยรับโทรศัพท์ไม่ได้
( ตลกดีมั้ยคะ? หากมีประชุมจริง แล้วนึกยังไงมานัดโทรหาเวลานั้น และต่อให้เป็นประชุมด่วน
จะปลีกตัวออกมาโทรมาบอก สัก 2-3 นาที มันไม่น่าจะขนาดทำไม่ได้รึเปล่าคะ? )
ใน sms วันนั้น เค้า ได้รับการยืนยันมาจากฝ่ายบัญชีว่า
เงินจะโอนเข้าบัญชีคนแปล
วันที่ 9 ส.ค. 2556 แน่นอน พร้อมกับ คุณ บก. ที่พิสูจน์อักษรหนังสือของคนแปลเลย
( ฟังแล้วอุ่นใจมากเลยใช่มั้ยคะ? 555 เหมือนจะตาขวากระตุก ตั้งแต่ประโยคแรกที่อ่านเลย 555 )
เล่ามาถึงตอนนี้ คิดว่า ทุกท่าน น่าจะเดาเรื่องต่อได้ว่าเป็นอย่างไร.....
ใช่ค่ะ วันนี้เช้าวันที่ 10 ส.ค. 2556
ไม่มีความเคลื่อนไหวในบัญชีเงินคนแปลแต่อย่างใด....
คนแปล ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงทุกประการ
แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ สิ่งเหล่านี้
เพราะชะล่าใจจนเกินไป ( และทางนั้นก็โฉดจนเกินไป )
เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ค่ะ
จึงใคร่อยากขอคำแนะนำทุกๆท่าน หรือท่านใดจะให้ความกรุณาหลังไมค์ประสบการณ์ตรง
มาพูดคุยบอกแนวทางจัดการได้ก็จะดีมากเลยค่ะ
ปล. เอกสารหลักฐานที่มีอยู่ในเมลล์ ซึ่งยังไม่ได้ทำการลบค่ะ
มีข้อมูลการติดต่อ ไม่ว่าจะข้อความเมลล์ ไฟล์งานแปล สัญญา การติดต่อทางมือถือ sms
ซึ่งระบุวันที่ต่างๆไว้
ส่วนสัญญายังไม่ได้เซ็น มีแต่หลักฐานการติดต่อที่แจ้งไว้ข้างต้นค่ะ
ไม่ทราบว่าพอจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการมากน้อยประการใด
ต้องขอความกรุณาด้วยจริงๆค่ะ ตอนนี้ไม่รู้จริงๆว่าจะจัดการยังไงต่อดี....
รบกวนขอความช่วยเหลือ และคำแนะนำ เกี่ยวกับการโดนเบี้ยวค่าแปลหนังสือจาก สนพ.ค่ะ
( ซึ่งบ.มีตัวตนจริง ส่วนตัวเช็คแล้วว่า มีสนพ.นี้จริงๆเลยกล้ารับงานในตอนแรกค่ะ )
รายละเอียดของงานก็เป็นหนังสือภาษาอังกฤษแนวๆความรู้เกี่ยวกับ presentation จำนวน 1 เล่ม
โดยทาง สนพ. ก็ได้มีการให้ทดลองแปล 1 Chapter + สารบัญ + ตอบคำถามว่าเรารู้สึกยังไงเกี่ยวกับเนื้อหาหนังสือเล่มนี้
รวมไปถึงให้เราเสนอค่าแปล และระยะเวลาที่จะใช้ในการแปล หลังจากนั้นก็เมลล์ไฟล์ที่ทดลองแปลไปให้ สนพ.
ซึ่งทาง สนพ. ก็เมลล์คอนเฟิร์มกลับมาว่าตกลงตามที่คนแปลเสนอให้ค่ะ
ข้อตกลงของ สนพ.นี้เกี่ยวกับการได้รับเงินค่าแปลที่ทางเค้าแจ้งมาค่ะ
1. ตัดยอดส่งงานก่อนวันที่ 25 ของทุกเดือน ( ถ้าหลังจากนั้นให้ถือว่าเป็นการเลื่อนส่งไปเดือนหน้าเลย )
และหลังจากนั้นไปอีก 60 วัน เงินค่าแปลจะถูกโอนเข้าบัญชีคนแปล โดยจะโอนเข้าประมาณวันที่ 5 ของเดือนค่ะ
ซึ่งตอนแรกทาง สนพ. แจ้งมาเท่านี้ค่ะ
- คนแปล ส่งงานแปลทั้งหมดให้ทางเมลล์แก่ สนพ. ไปวันต้นๆเดือนกุมภาพันธ์ 2556
เพราะฉะนั้นจะตัดยอดส่งงานวันที่ 25 ก.พ. + 60 วัน = วันที่เงินค่าแปลออก ก็จะเป็นประมาณวันที่ 5 พฤษภาคม 2556
- สนพ. แจ้งกลับมาว่า บรรณาธิการที่พิสูจน์อักษรให้กับหนังสือเล่มที่คนแปลทำการแปล มีงานที่ต้องแก้เยอะ
ดังนั้นงานแปลที่ส่งไปเลยยังไม่อนุมัติเงินเข้ารอบวันที่ 25 กพ. ตามที่ตกลง
( ซึ่งตอนแรก สนพ. ไม่ได้แจ้งทางคนแปลค่ะ ว่า 60 วันที่ว่าหลังส่งงานแล้วเงินแปลจะออก
ไม่ได้รวมเวลาการพิสูจน์อักษรจาก บก. แยกออกมาอีกต่างหาก
แน่นอนว่า งานแปลยังไงก็ต้องมี จะมากน้อยก็อีกเรื่อง ซึ่งก็เหมือนกับหมกเม็ด บอกรายละเอียดข้อตกลงไม่หมดน่ะค่ะ
แต่เพราะเป็นงานแปลเล่มแรก คนแปลเลยไม่ได้คิดมากอะไร ช้าหน่อยก็คงได้ ไม่เป็นไร ยังไง สนพ. ก็มีตัวตน )
จนท้ายที่สุดเอาเป็นว่าเลื่อนมโหฬารดั่งใจปองจริงๆค่ะ
ตอนที่เค้าแจ้งเลื่อนวันส่งงาน คนแปลก็ได้สอบถามไปว่า
บก. จะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่กับการพิสูจน์อักษร ซึ่งทางนั้นก็บอกว่า ไม่เกิน 1 อาทิตย์
แต่ปรากฎว่าไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ...
จากตอนแรกที่ควรจะเป็นวันที่ 25 ก.พ. 2556 >>> กลายมาเป็น 25 พ.ค. 2556
นั่นส่งผลให้วันรับเงินค่าแปลจากวันที่ 5 พ.ค. 2556 >>> กลายมาเป็น 5 ส.ค. 2556
( คิดเล่นๆว่า คนแปลทำการแปลเสร็จตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่ผ่านมาเกือบครึ่งปียังไม่ได้เห็นวี่แววเงินที่จะได้เลย )
2. สัญญาการแปล จะให้มาเซ็นวันรับเงิน ( โดยที่งานแปลถูกส่งไปหมดแล้วนะคะ )
เงินค่าแปลรับได้ 2 รูปแบบ คือ มารับด้วยตนเอง หรือโอนเข้าบัญชี โดยแจ้งเลขบัญชีให้เค้าโอนให้ค่ะ
สัญญาการแปลที่ขอดูตัวอย่างมา ที่เห็นก็จะมี 3 ลายเซ็น คือ
1. คนแปล
2. บรรณาธิการ
3. ผู้อนุมัติหนังสือ
ในเนื้อหาสัญญาก็ประมาณว่าหนังสือจะเป็นสิทธิ์ขาดของทาง สนพ.
คือเราจะได้แค่ค่าแปลตามที่ตกลงครั้งเดียว ไม่มีการมาเก็บค่าลิขสิทธิ์การแปลกับทางเค้าได้อีก ใจความสั้นๆประมาณนี้ค่ะ
เอกสารที่ใช้อีกอย่างคือ สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ ของคนแปล
สรุปว่า เอกสารที่ต้องใช้ในการทำสัญญาก็จะมี ตัวสัญญาการแปล + สำเนา บัตร ปชช. ผู้แปล ตามนี้ค่ะ
- คนแปลไม่สะดวกไป สนพ.ของเค้า
เพราะมีงานประจำอยู่แล้ว เลยไม่อยากลางาน จึงเลือกให้ทาง สนพ. ส่งสัญญามาทาง ปณ.แทน
( ส่วนตัวคิดว่า สนพ. ที่มีตัวตน น่าจะมีความน่าเชื่อถือพอ หรือต่อให้ไม่น่าเชื่อถือ การไปด้วยตัวเอง
ก็อาจจะไม่ช่วยอะไร เพราะถ้าทางเค้าคิดจะไม่จ่ายค่าแปล การไปด้วยตัวเอง หรือส่งกระดาษมาให้เซ็น ก็คงไม่ต่างกันอยู่ดี
เอาตามที่เราสะดวก และปลอดภัยดีกว่า )
ส่วนเงินค่าแปล ก็ใช้วิธีโอนเข้าบัญชีค่ะ
ซึ่งคนแปลได้รับ sms ส่งมาทางมือถือมาประมาณวันที่ 18 พ.ค. 2556
ว่าทางเค้าต้องการขอไฟล์สแกนสำเนาบัตร ปชช.ของผู้แปลส่งไปให้ทางเค้าหน่อย
สนพ.จะได้เตรียมยื่นเรื่องสัญญาให้ทางแผนกที่เกี่ยวข้องของทางเค้าจัดการให้
ก็ไม่มีปัญหาค่ะ คนแปลก็ส่งไปให้เค้าภายในวันนั้น
ผ่านไปเกือบๆจะสิ้นเดือน ก.ค. 2556 คนแปลเห็นว่าใกล้วันเงินออกแล้ว แต่ยังไม่ได้รับสัญญาที่ว่าจะส่งมาให้เซ็น
เลยโทรไปถาม สนพ.
ซึ่งเค้าแจ้งว่าสัญญายังออกไม่ได้เพราะ ชื่อหนังสือ ยังไม่ลงตัว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก
ไม่อยากให้คนแปลต้องมาเซ็นซ้ำซาก ( เพราะการเปลี่ยนชื่อหนังสือ สัญญาก็ต้องเซ็นกันใหม่ )
แต่เรื่องเงินค่าแปลเข้าตามวันเดิมที่ตกลง คือ วันที่ 5 ส.ค. 2556 ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ เค้าแจ้งมาตามนี้
ทางเราก็โอเค เงินเข้าบัญชีก่อนเป็นสบายใจ สัญญาค่อยเซ็นก็ได้
แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นค่ะ
เงินไม่เข้าในวันที่ 5 ส.ค. 2556 ตามที่ตกลง และทุกอย่างก็เงียบไป ไร้การติดต่อกลับมาของ สนพ.
คนแปลเลยตัดสินใจ โทรไปหา สนพ. ในวันที่ 7 ส.ค. 2556
( ซึ่งโทรติดต่อยากมากถึงมากที่สุดค่ะ เป็นเบอร์มือถือ เบอร์ตรงส่วนตัวของคน สนพ. ที่ติดต่อนะคะ ไม่ใช่มือถือบริษัท
เหมือนเค้าแกล้งทำเป็นประชุมบ้างล่ะ ออกบูธบ้างล่ะ พอบอกว่าเดี๋ยวทางเค้าโทรกลับ เชื่อมั้ยคะ
ว่าไม่เคยโทรกลับตามที่ตัวเค้าบอกเลยสักครั้ง มีแต่ทางนี้ต้องโทรตามตลอด จนอ่อนใจ
ต่างจากตอนติดต่อกันแรกๆอย่างสิ้นเชิงค่ะ ....
ปล. ที่รู้ว่าเค้าแกล้งประชุม เพราะเค้านัดเวลาโทรกลับ เป็นช่วงที่เค้าติดธุระทุกครั้ง (เน้นว่าทุกครั้ง จริงๆค่ะ)
มันดูขัดๆกันใช่มั้ยคะ?
ถ้าคนเราจะนัดโทรหาใคร เราจะไม่เลือกเวลาที่เราติดธุระที่รู้ตารางล่วงหน้า อย่างการประชุม(ที่ไม่ด่วน) , ออกบูธ และอื่นๆ
( ขอละไว้แค่นี้นะคะ จริงๆข้ออ้างเค้าเยอะมาก จนไล่ไม่ไหวเลยล่ะค่ะ แต่ที่ใช้บ่อยๆคือ สองอย่างนี้ )
เพื่อมาใช้เป็นข้อปฏิเสธการรับโทรศัพท์เช่นนี้
เค้าลางบางอย่างที่ชวนให้ไม่สบายใจ เริ่มก่อตัวชัดขึ้นทันที และมากขึ้นเรื่อยๆด้วย )
ร่ายยาวไปหน่อย ขออนุญาตเล่าต่อนะคะ
หลังจากนั้น คนแปลก็โทรไปแจ้งว่ายังไม่ได้รับเงิน
ซึ่งทางเค้าก็บอกว่าทางฝ่ายบัญชีเค้าเลื่อนเป็นวันที่ 8 ส.ค. 2556 แทน เงินเข้าแน่นอน
คนแปลก็โอเค รอดูวันรุ่งขึ้น จนเที่ยงคืน เช็คดูในเน็ต เงินก็ยังไม่เข้าสักบาทเลยค่ะ
เลยโทรกลับไปอีก
ก็โดนข้ออ้างว่า เค้าไม่รู้ว่าฝ่ายบัญชี จัดการให้เป็นวันไหน
( จากตอนแรกที่ตัวเค้าบอกเองว่าวัน ที่ 5 แน่ๆ จนมาเป็น วันที่ 8 แน่ๆ ...
หลาย"แน่"มากๆค่ะ แต่ที่แน่ๆยิ่งกว่าแช่แป้ง คือ " คนแปลยังไม่ได้รับเงินแน่ๆ " )
เค้าเลยบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อฝ่ายบัญชีให้ แล้วเดี๋ยวเค้าจะโทรกลับไปบอก
ให้ทายค่ะ ว่า เค้าจะโทรกลับมามั้ย?
เก่งมากค่ะ ทุกท่าน ....ป่าช้ายังคึกคักกว่ามือถือของคนแปล คนของสนพ. คนนั้นไม่ได้ติดต่อกลับตามคาด
คนแปลเลยโทรกลับ เพื่อขอวันที่จะโอนให้แน่ๆว่ายังไง คือ เลื่อนวันไม่ว่า แต่นี่เล่นไม่แจ้ง แถมเงียบหาย
บอกจะติดต่อกลับ ก็เงียบ มันชวนให้คิดได้อย่างเดียวว่า กำลังจะโดนโกงรึเปล่า?
ปวดใจนะคะ คือ จะว่าติดต่อไม่ได้ก็ไม่เชิง คือโทรติด แม้จะโทรยาก แต่พอรับเรื่อง ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรชัดเจน
เหมือนเล่นละครปาหี่ไปวันๆ...ราวกับว่า ชั้นอยู่ที่นี่ไง ไม่ได้หนีหนี้นะ แต่ไม่จ่าย มีอะไรมั้ย? แบบนั้นน่ะค่ะ
พอวันที่ 8 ส.ค. 2556 ก็ไม่มีเงินเข้าบัญชี ตามคาดค่ะ
คนแปลเลยโทรถามว่า สรุปว่าจะเข้าวันไหนแน่?
ซึ่งเค้าบอกว่าจะให้คำตอบที่แน่ชัด (ในแบบของเค้า)
ว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า วันที่ 9 ส.ค. 2556 เค้าเข้างานตอน 9.00 น.
จะรีบสอบถามทางฝ่ายบัญชี แล้วจะรีบโทรกลับมาแจ้งคนแปล ภายในช่วงเวลา 9 โมงเช้าวันนั้นค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นในวันที่ 9 ส.ค. 2556 อันแสนหดหู่ของคนแปล ไร้การติดต่อใดๆจนถึง 11 โมงเช้า
วันนั้นคนแปลชักโมโห กับการกระทำซ้ำซากดังกล่าว เลยโทรกระหน่ำ น่าจะปาไปหลายสิบ Missed call ได้
แน่นอนว่าเค้าแกล้งประชุม ทั้งๆที่นัดเองว่าจะโทรมาแจ้งตามเวลาที่ตกลง แต่ก็แกล้งไม่รับโทรศัพท์ตามฟอร์ม
ทำเนียนส่ง sms มาให้คนแปลช่วงบ่ายๆ ว่า ตัวเค้าติดประชุมเลยรับโทรศัพท์ไม่ได้
( ตลกดีมั้ยคะ? หากมีประชุมจริง แล้วนึกยังไงมานัดโทรหาเวลานั้น และต่อให้เป็นประชุมด่วน
จะปลีกตัวออกมาโทรมาบอก สัก 2-3 นาที มันไม่น่าจะขนาดทำไม่ได้รึเปล่าคะ? )
ใน sms วันนั้น เค้า ได้รับการยืนยันมาจากฝ่ายบัญชีว่า
เงินจะโอนเข้าบัญชีคนแปล
วันที่ 9 ส.ค. 2556 แน่นอน พร้อมกับ คุณ บก. ที่พิสูจน์อักษรหนังสือของคนแปลเลย
( ฟังแล้วอุ่นใจมากเลยใช่มั้ยคะ? 555 เหมือนจะตาขวากระตุก ตั้งแต่ประโยคแรกที่อ่านเลย 555 )
เล่ามาถึงตอนนี้ คิดว่า ทุกท่าน น่าจะเดาเรื่องต่อได้ว่าเป็นอย่างไร.....
ใช่ค่ะ วันนี้เช้าวันที่ 10 ส.ค. 2556
ไม่มีความเคลื่อนไหวในบัญชีเงินคนแปลแต่อย่างใด....
คนแปล ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงทุกประการ
แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ สิ่งเหล่านี้
เพราะชะล่าใจจนเกินไป ( และทางนั้นก็โฉดจนเกินไป )
เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ค่ะ
จึงใคร่อยากขอคำแนะนำทุกๆท่าน หรือท่านใดจะให้ความกรุณาหลังไมค์ประสบการณ์ตรง
มาพูดคุยบอกแนวทางจัดการได้ก็จะดีมากเลยค่ะ
ปล. เอกสารหลักฐานที่มีอยู่ในเมลล์ ซึ่งยังไม่ได้ทำการลบค่ะ
มีข้อมูลการติดต่อ ไม่ว่าจะข้อความเมลล์ ไฟล์งานแปล สัญญา การติดต่อทางมือถือ sms
ซึ่งระบุวันที่ต่างๆไว้
ส่วนสัญญายังไม่ได้เซ็น มีแต่หลักฐานการติดต่อที่แจ้งไว้ข้างต้นค่ะ
ไม่ทราบว่าพอจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการมากน้อยประการใด
ต้องขอความกรุณาด้วยจริงๆค่ะ ตอนนี้ไม่รู้จริงๆว่าจะจัดการยังไงต่อดี....