สวัสดีค่ะ
ชื่อกิ่งนะคะ อายุ 20 แล้ว คือเมื่อก่อนเป็นคนที่อ้วนมากกกก อ้วนมาตั้งแต่เด็ก อ้วนจริงอ้วนจัง จนเริ่มมาลดน้ำหนักอย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
นี่ตอนอายุ 16 อายจัง ><!
ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ใช่ไหมว่าคนไหน
เมื่อก่อนเราไม่คิดว่าเราอ้วนมากนะ ไม่เชื่อดูbackgroundข้างหลังสิ เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่เห็นเราจะแปลกตรงไหนเลย ผอมสิแปลก 55
รูปข้างบนน่าจะ 18 ที่นอกจากจะไม่ผอมลงแล้ว ยังอ้วนขึ้นอีก น้ำหนักประมาณ 78-79 หรืออาจจะเกิน80ก็ไม่แน่ใจ เพราะช่วงนั้นไม่ค่อยอยากชั่งน้ำหนักสักเท่าไหร่ 555
และจุดเปลี่ยนของชีวิตเรา คือเมื่อเรียนจบม.ปลาย ก็ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ซึ่งเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงมาก เราเลยต้องทำงานพิเศษเพื่อลดภาระที่บ้าน แล้วก็เรียนหนักมาก ทำให้ทุกวัน เรากินแค่อาหารเช้า (ส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่กินง่ายๆ ขนมปัง นม โจ๊ก) และไม่ได้กินมื้อเที่ยง เพราะเวลาเปลี่ยนคาบมีแค่ 15 นาที ซึ่งแค่เดินไปโรงอาหารก็หมดเวลาแล้ว พอเลิกเรียน ก็ต้องรีบไปทำงาน ก็ไม่มีเวลากินมื้อเย็นอีก เพราะห้ามกินเวลางาน Y-Y กลับถึงบ้านก็3ทุ่ม ทำการบ้านแล้วก็นอน คือเพลียมากจนไม่อยากกินอะไรเลยอ่ะ อ้อ! เวลากลับบ้าน เราเดินประมาณ 4กม. จากที่ทำงานกลับบ้านทุกวัน เพราะเวลาเลิกงาน รถเมล์ไม่มีแล้ว แต่ถึงจะมีรถเราก็เดินอยู่ดี เพราะความงก! แหม ก็แค่4กิโลเอง ค่ารถตั้งหลายร้อยเยน เดินดีกว่าเนอะ ประหยัดแถมได้ออกกำลังกายด้วย อิอิ เสาร์อาทิตที่ไม่มีเรียน (เวลาไปเรียนเรานั่งเมล์ไป เพราะไกลมาก) เราก็ปั่นจักรยานไปทำงาน แต่มีจักรยานใช่ว่าจะไม่เหนื่อย เพราะเราต้องปั่นขึ้นเขา ชันมากด้วย คุณลองปั่นจักรยานแบบคุณป้าขึ้นเขาดูสิ มันใช้พลังงานเยอะกว่าเดินเยอะเลยนะ 555 (ที่เอาจักรยานไปเพราะตอนกลับจะได้ไม่ต้องเดิน สบายดี ไม่ต้องถีบเลย ไหลลงอย่างเดียว มันส์มาก อิอิ ถึงบ้านไวกว่าปกติ10เท่าด้วย) เพราะเหตุฉะนี้ น้ำหนักจึงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ และเรื่อยๆ
สองเดือนแรกของการลดน้ำหนัก น้ำหนักลงเร็วมาก เร็วจนน่าตกใจ จากเกือบแปดสิบ เหลือ65
ขนาดตัวลดลงจนสังเกตได้ เพื่อนทักแทบทุกคนว่าผอมลงนะ
เดือนที่ 4 เริ่มลดน้ำหนักยากขึ้นมากก จนเกือบคิดว่ามันคงไม่ลดลงอีกแล้ว น้ำหนักประมาน 55-56
และเดือนที่6 น้ำหนักเหลือประมาณ 50-51 น้ำหนักจะขึ้นๆลงๆตลอด อาจจะเพราะเราก็ให้กำลังใจตัวเองบ่อยด้วย ลดยากมากๆๆ
แล้วก็ถึงเวลากลับไทยสักที กลับมาด้วยน้ำหนัก 47 กิโล! ตอนลงมาจากเครื่องครั้งแรก ไม่มีใครจำเราได้ T-T พ่อแม่พี่น้อง จำเราไม่ได้สักคน
และนี่คือภาพปัจจุบัน
ถ้านับรวมจริงๆระยะเวลาทั้งหมดที่ลดน้ำหนักจาก 80 มาถึง 47 เราใช้เวลาแค่ 6 เดือนเท่านั้นเอง โดยที่ไม่ได้กินยาอะไรเลยด้วย
จากนั้นเราก็ควบคุมน้ำหนักมาเรื่อยๆ ขึ้นบ้าง ลดบ้าง แต่พยายามไม่ให้มากกว่า 50
เมื่อก่อนเราทานแค่อาหารเช้า แต่ตอนนี้ก็เพิ่มอาหารกลางวันมาอีกมื้อด้วย แต่ก็ไม่กินมื้อเย็นเช่นเดิม
กลับมาไทยใหม่ๆโดนจับไปประกวดนางนพมาศด้วย 555 ได้ที่1ด้วยนะ แต่น่าจะได้เพราะความสามารถมากกว่าความสวย หะหะ
เมื่อก่อนเคยคิดนะว่าที่เราอ้วนเพราะเป็นกรรมพันธุ์ เพราะทุกคนในบ้านอ้วนหมด ยกเว้นพ่อ เคยมีคนดูถูกด้วยว่ายังไงก็ลดไม่ได้หรอก
แต่ตอนนี้เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราทำได้! อิอิ
สุดท้ายแล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้กับหลายๆคนที่กำลังลดน้ำหนัก มีเพื่อนหลายคนที่ชอบมาถามเคล็ดลับว่าทำยังไงถึงจะลดน้ำหนักได้
เราว่าคำตอบทุกคนก็คงรู้ดีอยู่แล้ว ก็ลดอาหารลดแป้ง ออกกำลังกายเยอะๆ และสม่ำเสมอ ไม่กินจุกจิก กินผักผลไม้ ทุกคนรู้ แต่ก็ไม่ทำ แล้วเมื่อไหร่จะผอมล่ะจ้ะ? ที่สำคัญคือความตั้งใจ และเวลา ลดน้ำหนักไม่ใช่ทำแค่วันสองวันแล้วจะผอมใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าเราทำเป็นกิจวัตรเช่นออกกำลังกาย ไม่กินมื้อดึก จนติดเป็นนิสัย เราจะผอมได้เองแบบธรรมชาติ ไม่โยโย่ด้วย เพราะเราเปลี่ยนที่นิสัยเราเอง
เปรียบเทียบกันอีกครั้ง Before & After
พอแค่นี้ดีกว่า ถ้ามีคำถามหรือต้องการคำแนะนำติดต่อเราได้ที่ www.facebook.com/ginger.apitchaya นะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้ ขอให้ทุกท่านผอมลงนะคะ สู้ๆ สวัสดีค่ะ
Inspiration สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักหรืออยากจะลดน้ำหนัก :) รีวิวตัวเอง จากเกือบ80เหลือ 47
นี่ตอนอายุ 16 อายจัง ><!
ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ใช่ไหมว่าคนไหน
เมื่อก่อนเราไม่คิดว่าเราอ้วนมากนะ ไม่เชื่อดูbackgroundข้างหลังสิ เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่เห็นเราจะแปลกตรงไหนเลย ผอมสิแปลก 55
รูปข้างบนน่าจะ 18 ที่นอกจากจะไม่ผอมลงแล้ว ยังอ้วนขึ้นอีก น้ำหนักประมาณ 78-79 หรืออาจจะเกิน80ก็ไม่แน่ใจ เพราะช่วงนั้นไม่ค่อยอยากชั่งน้ำหนักสักเท่าไหร่ 555
และจุดเปลี่ยนของชีวิตเรา คือเมื่อเรียนจบม.ปลาย ก็ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ซึ่งเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงมาก เราเลยต้องทำงานพิเศษเพื่อลดภาระที่บ้าน แล้วก็เรียนหนักมาก ทำให้ทุกวัน เรากินแค่อาหารเช้า (ส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่กินง่ายๆ ขนมปัง นม โจ๊ก) และไม่ได้กินมื้อเที่ยง เพราะเวลาเปลี่ยนคาบมีแค่ 15 นาที ซึ่งแค่เดินไปโรงอาหารก็หมดเวลาแล้ว พอเลิกเรียน ก็ต้องรีบไปทำงาน ก็ไม่มีเวลากินมื้อเย็นอีก เพราะห้ามกินเวลางาน Y-Y กลับถึงบ้านก็3ทุ่ม ทำการบ้านแล้วก็นอน คือเพลียมากจนไม่อยากกินอะไรเลยอ่ะ อ้อ! เวลากลับบ้าน เราเดินประมาณ 4กม. จากที่ทำงานกลับบ้านทุกวัน เพราะเวลาเลิกงาน รถเมล์ไม่มีแล้ว แต่ถึงจะมีรถเราก็เดินอยู่ดี เพราะความงก! แหม ก็แค่4กิโลเอง ค่ารถตั้งหลายร้อยเยน เดินดีกว่าเนอะ ประหยัดแถมได้ออกกำลังกายด้วย อิอิ เสาร์อาทิตที่ไม่มีเรียน (เวลาไปเรียนเรานั่งเมล์ไป เพราะไกลมาก) เราก็ปั่นจักรยานไปทำงาน แต่มีจักรยานใช่ว่าจะไม่เหนื่อย เพราะเราต้องปั่นขึ้นเขา ชันมากด้วย คุณลองปั่นจักรยานแบบคุณป้าขึ้นเขาดูสิ มันใช้พลังงานเยอะกว่าเดินเยอะเลยนะ 555 (ที่เอาจักรยานไปเพราะตอนกลับจะได้ไม่ต้องเดิน สบายดี ไม่ต้องถีบเลย ไหลลงอย่างเดียว มันส์มาก อิอิ ถึงบ้านไวกว่าปกติ10เท่าด้วย) เพราะเหตุฉะนี้ น้ำหนักจึงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ และเรื่อยๆ
สองเดือนแรกของการลดน้ำหนัก น้ำหนักลงเร็วมาก เร็วจนน่าตกใจ จากเกือบแปดสิบ เหลือ65
ขนาดตัวลดลงจนสังเกตได้ เพื่อนทักแทบทุกคนว่าผอมลงนะ
เดือนที่ 4 เริ่มลดน้ำหนักยากขึ้นมากก จนเกือบคิดว่ามันคงไม่ลดลงอีกแล้ว น้ำหนักประมาน 55-56
และเดือนที่6 น้ำหนักเหลือประมาณ 50-51 น้ำหนักจะขึ้นๆลงๆตลอด อาจจะเพราะเราก็ให้กำลังใจตัวเองบ่อยด้วย ลดยากมากๆๆ
แล้วก็ถึงเวลากลับไทยสักที กลับมาด้วยน้ำหนัก 47 กิโล! ตอนลงมาจากเครื่องครั้งแรก ไม่มีใครจำเราได้ T-T พ่อแม่พี่น้อง จำเราไม่ได้สักคน
และนี่คือภาพปัจจุบัน
ถ้านับรวมจริงๆระยะเวลาทั้งหมดที่ลดน้ำหนักจาก 80 มาถึง 47 เราใช้เวลาแค่ 6 เดือนเท่านั้นเอง โดยที่ไม่ได้กินยาอะไรเลยด้วย
จากนั้นเราก็ควบคุมน้ำหนักมาเรื่อยๆ ขึ้นบ้าง ลดบ้าง แต่พยายามไม่ให้มากกว่า 50
เมื่อก่อนเราทานแค่อาหารเช้า แต่ตอนนี้ก็เพิ่มอาหารกลางวันมาอีกมื้อด้วย แต่ก็ไม่กินมื้อเย็นเช่นเดิม
กลับมาไทยใหม่ๆโดนจับไปประกวดนางนพมาศด้วย 555 ได้ที่1ด้วยนะ แต่น่าจะได้เพราะความสามารถมากกว่าความสวย หะหะ
เมื่อก่อนเคยคิดนะว่าที่เราอ้วนเพราะเป็นกรรมพันธุ์ เพราะทุกคนในบ้านอ้วนหมด ยกเว้นพ่อ เคยมีคนดูถูกด้วยว่ายังไงก็ลดไม่ได้หรอก
แต่ตอนนี้เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราทำได้! อิอิ
สุดท้ายแล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้กับหลายๆคนที่กำลังลดน้ำหนัก มีเพื่อนหลายคนที่ชอบมาถามเคล็ดลับว่าทำยังไงถึงจะลดน้ำหนักได้
เราว่าคำตอบทุกคนก็คงรู้ดีอยู่แล้ว ก็ลดอาหารลดแป้ง ออกกำลังกายเยอะๆ และสม่ำเสมอ ไม่กินจุกจิก กินผักผลไม้ ทุกคนรู้ แต่ก็ไม่ทำ แล้วเมื่อไหร่จะผอมล่ะจ้ะ? ที่สำคัญคือความตั้งใจ และเวลา ลดน้ำหนักไม่ใช่ทำแค่วันสองวันแล้วจะผอมใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าเราทำเป็นกิจวัตรเช่นออกกำลังกาย ไม่กินมื้อดึก จนติดเป็นนิสัย เราจะผอมได้เองแบบธรรมชาติ ไม่โยโย่ด้วย เพราะเราเปลี่ยนที่นิสัยเราเอง
เปรียบเทียบกันอีกครั้ง Before & After
พอแค่นี้ดีกว่า ถ้ามีคำถามหรือต้องการคำแนะนำติดต่อเราได้ที่ www.facebook.com/ginger.apitchaya นะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้ ขอให้ทุกท่านผอมลงนะคะ สู้ๆ สวัสดีค่ะ