ในปี 1999 มีการพบศพเด็กชาว Inca อิ้งก่า อายุกว่า 500 ปี
เป็นหนึ่งในตัวอย่างศพที่เก็บรักษาไว้ได้อย่างดีที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ
เพราะสภาพอากาศหนาวเย็นบริเวณหลุมฝังศพ
ศพทั้งสามอยู่ในสภาพตายซากฝังอยู่ในหลุมศพ
ตั้งอยู่ที่ยอดเขาสูงตะหง่าน 22,100 ฟุต/6,700 เมตร
บนภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ Vocal Llullaillaco โหว่กั่น ยู้ยาอี้ย่าโก่
เทือกเขา Andes อ้านเด่ ใกล้กับชายแดนอาร์เจนตินากับชิลี
เป็นส่วนหนึ่งของพิธีศักดิ์สิทธิ์ capacocha rito กาป่าโช่กา ริโต้
มีการเตรียมการพิธีกรรมเป็นอย่างดี
ก่อนชั่วโมงสุดท้ายที่ความตายจะมาถึงเหยื่อชะตากรรม
พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นช่วงกลางจักรวรรดิ์ Inca
ตามที่ได้บันทึกเหตุการณ์/ประวัติศาสตร์โดยชาวสเปญ
หลังได้รับชัยชนะครอบครองอาณาจักร Inca
แต่ข้อมูลที่ให้รายละเอียดเรื่องราวที่ผ่านมา
ที่รวบรวมมาจากสิ่งทอ เครื่องประดับ และข้าวของเครื่องใช้
ที่พบอยู่ในหลุมศพ ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราว/เหตุการณ์
ได้จากผลการตรวจตัวอย่างเส้นผมคนตายทั้ง 3 คน
พบว่าเด็กเหล่านี้มีการดื่มกิน
Chicha ชิชา เหล้าข้าวโพดและผลไม้อื่น
และใบ Coca โก้ะก่า ที่มีปริมาณโคเคนสูง
จำนวนมากเป็นเวลากว่า 1 ปี
เพื่อมอมเมาเหยื่อให้มึนงงและสับสน
จะได้ยอมรับชะตากรรมอย่างไร้ความรู้สึกรู้สา
ว่าจะต้องเสียสละชีวิตเพื่อบูชายัญ
อันเป็นส่วนหนึ่งพิธีกรรมศาสนา Inca
เด็กสาววัย 13 ขวบ หรือที่เรียกว่า สาวน้ำแข็ง/สาวน้อย
เด็กชาย Llullaillaco และเด็กหญิงสายฟ้า
มีรอยฟ้าผ่าที่ศพตามการตั้งชื่อของนักวิจัย
มีอายุระหว่าง 4 และ 5 ขวบ
ก่อนหน้านี้เชื่อกันว่า เด็กทั้ง 3 คน
มีอายุมากกว่าประมาณการไว้ 2 ปี
แต่ผลการวิเคราะห์จาก CT Scan ระบุผลชัดเจนตามนี้
ผลการศึกษาครั้งใหม่พบว่า
เหยื่อเด็กชาวอินคาต่างถูกขุนให้อ้วนขึ้น
ก่อนที่จะเสียชีวิตในพิธีบูชายัญ
นักวิจัยได้ค้นพบเรื่องราวที่น่าตกใจ/น่าเศร้า
จากการเก็บตัวอย่างเส้นผมโดย Andrew Wilson
นักโบราณคดีมหาวิทยาลัย Bradford สหราชอาณาจักร
" เรื่องมัมมี่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่ในความคิดของผม
เธอจะต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดีสำหรับการเป็นมัมมี่
ตามที่ผมได้ศึกษา เธอดูราวกับว่าเพิ่งจะหลับไป
ผมคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในสภาพอากาศที่เย็นจัด
มัมมี่ที่นี่ไม่ใช่มัมมี่ถูกผึ่งให้แห้ง หรือเป็นเพียงแค่โครงกระดูก
แต่เป็นคน เป็นเด็ก และข้อมูลที่เราได้รวบรวมขึ้นมา
จากผลการศึกษาเส้นผม ความจริงได้ชี้ชัดไปว่า
มีเรื่องราวที่ทำให้พวกเราต้องสะเทือนใจ ก่อนถึงวาระสุดท้ายของพวกเธอ
ในช่วงหลายเดือนและหลายปีที่ผ่านมา "
การวิจัยจากเส้นผม
เส้นผมจะงอกขึ้นเดือนละประมาณ 1 เซนติเมตร
และยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น
เส้นผมงอกขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างคงที่
ทำให้สามารถกำหนดระยะเวลา
และชนิดของอาหารที่คนเรากินได้
ระยะเวลาจะสัมพันธ์กับความยาวเส้นผม
" สาวน้อยมีผมยาวที่ถักทอ
ความยาวเส้นผมบอกระยะเวลา
และบันทึกอาหารการกินที่เธอดื่มกิน เช่น ใบ Coca
และเหล้า Chicha เหล้าหมักที่ทำจากข้าวโพดหรือผลไม้อื่น ๆ
มีสัญลักษณ์ที่แสดงว่าพวกเธอถูกคัดเลือกเพื่อการเสียสละ
โดยใช้เวลาเป็นปีก่อนที่ความตายจะมาเยือนอย่างแท้จริง
ในช่วงเวลานี้ชีวิตพวกเธอเปลี่ยนไปอย่างผิดหูผิดตา
มีการกินดื่มอย่างไม่อั้นทั้งใบ Coca กับเหล้า Chicha
ซึ่งปกติของเหล่านี้จะถูกสงวนให้กลุ่มชนชั้นสูงเท่านั้น
ไม่มีการใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อในชีวิตประจำวัน "
" พวกเราคาดว่า สาวน้อยเป็นหนึ่งใน aellas อ่าเอ้ย่า
เป็นสาวน้อยวัยรุ่นที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว
เธอต้องออกจากชุมชน/สังคมดั้งเดิมของเธอ
ภายใต้การควบคุมดูแลของพวกหมอผี
ข้อสังเกตเรื่องพิธีกรรมนี้ มีการจดบันทึกตามคำบอกเล่าชาว inca
มีอยู่ในส่วนหนึ่งจดหมายเหตุบันทึกชาวสเปญ
ผลการตรวจสอบตัวอย่างเส้นผมจากเด็กที่โชคร้ายเหล่านี้
เรื่องราวที่คลี่คลายช่างน่าหดหู่ใจและเย็นยะเยือกขั้วหัวใจ
เพราะการที่พวกเด็กถูกขุนให้อ้วนขึ้นเพื่อการเสียสละชีวิต "
การวิเคราะห์ที่ผ่านมาโดยกลุ่มนักวิจัยของ Wilson
ด้วยการวัดไอโซโทปทางกัมมันตรังสีเบื้องต้น
จากตัวอย่างธรรมชาติเส้นผม และ DNA ของอีกทีมหนึ่ง
นักโบราณคดีพบว่าก่อนหน้านี้พวกเด็กได้รับการเลี้ยงดูตามปกติ
ด้วยอาหารประเภทพืชผักทั่วไป เช่น มันฝรั่ง ข้าวโพด
บ่งบอกว่าพวกเขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวบ้าน/ชาวนามากว่า 1 ปี
แต่ก่อนจะเข้าพิธีบวงสรวงบูชายัญ
เริ่มมีการปรับปรุงอาหารเตรียมความพร้อมพวกเด็กที่จะเข้าพิธี
โดยให้การเลี้ยงดูเป็นอย่างดี/ขุนให้อ้วน
" ไอโซโทปและ DNA ที่ใช้ในการพิสูจน์ศพ
ได้เปิดเผยนัยสำคัญพิธีกรรมก่อนบูชายัญว่า
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเรื่องอาหารของพวกเด็ก
แสดงให้เห็นว่าอาหารของเด็กที่ถูกคัดเลือก
อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารชั้นดีเหมือนชนชั้นสูง
เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ - เนื้อลาม่าแห้ง
ข้าวโพด ใบ Coca เหล้า Chicha
พร้อมกับสัญลักษณ์ในการไว้ผม
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกจัดฉากขึ้นมา
พร้อม ๆ กับการยกระดับชนชั้น/สถานะของเด็ก
เริ่มมีการนับเวลาถอยหลังชีวิตพวกเด็ก
ที่จำต้องเสียสละเพื่อการบูชายัญ
ทุกคนจะมีอัตราการบริโภคใบโคคากับเหล้าสูงมาก
ในช่วงก่อน 2-3 สัปดาห์ก่อนเดินทางถึงที่บูชายัญ "
หลักฐานที่รวบรวมมาพร้อมกับหลักฐานอื่น ๆ
ทางด้านโบราณคดีและรังสีวิทยา ให้ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า
สาวน้อยที่มีอายุได้รับชื่อเสียงมากกว่าเด็กหญิงเด็กชาย
ได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากเด็กชาย Llullaillaco กับเด็กหญิงสายฟ้า
หลังจากที่ถูกเลือกให้ต้องทำพิธีกรรมบูชายัญจากจักรพรรดิ์ Inca
สาวน้อยได้เปลี่ยนสถานะภาพเป็นบุคคลสำคัญ
ส่วนเด็กชายกับเด็กหญิง อาจจะทำหน้าที่เป็นบริวาร/คนรับใช้เธอที่ปรโลก
" สาวน้อย กลายเป็นคนอื่นมากกว่าที่เคยเป็นมา
การเสียสละของเธอถูกยกย่องว่าเป็นเกียรติยศ "
การเสียชีวิตของพวกเด็กยังคงเป็นปริศนา
แต่ Wilson และทีมงานสันนิษฐานว่า
บรรดาพวกเด็กต่างเดินทางออกจากเมืองหลวง Cuzco กู้โกะ อาณาจักร Inca
ไปที่ภูเขาไฟ Llullaillaco ตามเส้นทางจะแวะพักแต่ละหมู่บ้าน
มีการดื่มเหล้า Chicha และกินใบ Coca จำนวนมาก
ใข้เวลาเดินทางมาถึงบริเวณภูเขาประมาณ 3-4 เดือน
ในช่วงเวลานี้นักวิจัยพบโมเลกุลเหล้า Chicha ใบ Coca
จากตัวอย่างเส้นผมของเด็กทั้ง 3 คนในอัตราที่สูงมาก
มัมมี่สาวน้ำแข็ง/สาวน้อยสภาพศพที่ถูกค้นพบ
อยู่ในท่านั่งไขว่ห้างและเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
ราวกับว่าเธอกำลังนั่งหลับอยู่ในช่วงเวลาที่ความตายมาเยือน
ยังพบว่ามีใบโคคาปึกใหญ่ที่ยังเคี้ยวคาอยู่ในปากและฟันของเธอ
บ่งบอกว่าให้เธอผ่อนคลายก่อนที่จะเสียชีวิต
ยังมีผ้าโพกศีรษะบนศีรษะของเธอ ผมถักเปียอย่างประณีต
มีข้าวของวางอยู่บนผ้าทอที่ได้รับการพาดบนหัวเข่าของเธอ
ผล CT Scan ศพสาวน้อย รายงานว่า
“ เธอเสียชีวิตขณะที่ยังอิ่มอยู่และยังไม่ได้อุจจาระ
ในความคิดของผม ผมคิดว่า
เธอไม่ได้อยู่ในอาการที่ทุกข์โศกขณะที่เธอจะเสียชีวิต
ยังไม่ชัดเจนว่าสาวน้อยตายอย่างไร
แต่เธออาจจะยอมจำนนต่อสภาพแวดล้อมอากาศที่เย็นจัด
เธออาจจะถูกวางอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของเธอ
ในขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่นานหลังจากเธอตาย “
Wilson ให้สัมภาษณ์กับ LiveScience
" ดูเหมือนว่าพวกเด็กก่อนตายจะถูกเทิดทูนอย่างสูงสุด
ในพิธีกรรมที่ยาวนานข้ามปี แล้วจัดการมอมยาเพื่อให้ตายอย่างสงบ "
Timothy Taylor นักโบราณคดีมหาวิทยาลัย Bradford
และยังตั้งข้อสังเกตว่า ในขณะที่ผู้เสียชีวิตอาจจะรู้สึกดูเหมือนว่า
มีเรื่องที่น่ากลัวที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ จากผู้ปกครองอาณาจักร Inca
ในช่วงเวลา 500 ปีที่ผ่านมา
เด็กชาย Llullaillaco พบกับจุดจบที่น่ากลัวมากที่สุด
มีร่องรอยเลือดบนเสื้อคลุมเด็กชาย ผมเผ้ายุ่งเหยิง
เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยอุจจาระกับอาเจียน
นักโบราณคดีพบร่องรอยของ
ยาเสพติดสารหลอนประสาท achiote
แต่เด็กชายไม่ได้ตายจากยาเสพติดที่พบในห่อผ้า
เพราะซี่โครงหักและกระดูกเชิงกรานแตก
มีร่องรอยการรัดคอด้วยผ้าผูกคอ
แสดงให้เห็นว่าตายเพราะขาดอากาศหายใจ
ส่วนเด็กหญิงสายฟ้า ไม่ปรากฏว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเกรี้ยวกราดเหมือนกับเด็กชาย
แต่เธอไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เหมือนกับสาวน้อย
เธอไม่มีเครื่องประดับตกแต่งแบบสาวน้อยและไม่ได้ผูกผมเปีย

ยาหลอนประสาทจากพืช
การวิเคราะห์เส้นผม
นักวิทยาศาสตร์จะใช้ตัวอย่างเส้นผม
ที่ได้บันทึกผลของสารต่าง ๆ จากเลือด
ที่ขึ้นไปหล่อเลี้ยงเซลล์เส้นผมที่งอก
โดยได้วิเคราะห์หาโคเคนจากเส้นผม
Alkaloid หลักจากใบ Coca
การดูดซึม benzoylecgonine metabolite
เช่นเดียวกับ cocaethylene ในรูปแบบที่มีโคเคน
และ Ethanol เอทานอล ในกระแสเลือดที่ไปสะสมที่เส้นผม
ทำให้ประมาณการระยะเวลา/ช่วงเวลาสุดท้าย
ว่ามีสารใบ Coca และเหล้า Chica ในเส้นผมของพวกเด็ก
จึงทำให้ลำดับเหตุการณ์ได้ว่า
เด็กหญิงเด็กชายดื่มกินย้อนหลังไปประมาณ 9 เดือนก่อนตาย
ส่วนสาวน้อยดื่มกินทอดยาวไปประมาณ 21 เดือนก่อนตาย
โดยเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1 ปีและ 6 เดือนสุดท้ายก่อนตาย
เด็กหญิงเด็กชายต่างกินใบ Coca
และดื่มเหล้า Chicha ในอัตราคงที่
แต่สาวน้อยกินใบ Coca อย่างมากอย่างมีนัยสำคัญ
ในช่วงปีสุดท้ายเธอกินใบ Coca จำนวนมาก
ช่วงระยะเวลาประมาณ 6 เดือนก่อนตาย
เธอดื่มเหล้าปริมาณสูงมากในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนตาย
คาดว่าการเพิ่มปริมาณยาเสพติดและการกินเหล้า
มีแนวโน้มที่ทำให้สาวน้อยสบายใจ/เซื่องซึมมากขึ้น
พร้อมรับกับความตายที่กำลังจะมาเยือน
หลักฐานทางโบราณคดีร่วมกับรังสีวิทยา
ยืนยันว่าเป็นพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่
ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นรูปแบบการควบคุมสังคม
คนที่ถูกเลือกมาทำพิธีกรรม
ถือว่าได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่
พร้อมกับการสร้างบรรยากาศความหวาดกลัว
ที่แสดงถึงอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จของจักรพรรดิ์ Inca
การแสดงอาการเศร้าโศกของพ่อแม่
หลังจากที่ลูกต้องเข้าสู่พิธีดังกล่าว
เป็นเรื่องต้องห้ามและเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวง
ผลการค้นคว้า/ตรวจสอบมัมมี่ทั้ง 3 นี้
ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสังคม
และการปฏิบัติทางพีธีกรรมบวงสรวงของชาว Inca
" สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดของมัมมี่ทั้ง 3 นี้คือ
ศพเหล่านี้อาจจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะบอกพวกเรา
ยิ่งลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อ/ภายในของศพ
ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ยังไม่ได้เปิดเผย " Wilson กล่าว
ข้อมูลเหล่านี้ตามหลักฐานโบราณคดีกับรังสีวิทยา
ทำให้เข้าใจได้มากยิ่งชึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์
และเรื่องราวจุดจบของศพทั้งสามบนภูเขา
เป็นการยืนยันว่าผู้ตายที่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
ตามอายุ สถานะ และบทบาทของพิธีกรรมครั้งสุดท้าย
ในที่สุด ผู้วิจัยได้สรุปผลการค้นพบ
เกี่ยวข้องคำถามที่สงสัย ความสัมพันธ์ ระเบียบแบบแผน
ประเด็นความขัดแย้งด้านอุดมการณ์
และกลยุทธ์ควบคุมสังคม/การเมืองของจักรวรรดิ์ Inca
ก่อนเผชิญหน้ากับการรบและพ่ายแพ้สิ้นชาติให้กับสเปญ
เหล้าและใบโคคาใช้มอมเมาเด็กก่อนบูชายัญ
ในปี 1999 มีการพบศพเด็กชาว Inca อิ้งก่า อายุกว่า 500 ปี
เป็นหนึ่งในตัวอย่างศพที่เก็บรักษาไว้ได้อย่างดีที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ
เพราะสภาพอากาศหนาวเย็นบริเวณหลุมฝังศพ
ศพทั้งสามอยู่ในสภาพตายซากฝังอยู่ในหลุมศพ
ตั้งอยู่ที่ยอดเขาสูงตะหง่าน 22,100 ฟุต/6,700 เมตร
บนภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ Vocal Llullaillaco โหว่กั่น ยู้ยาอี้ย่าโก่
เทือกเขา Andes อ้านเด่ ใกล้กับชายแดนอาร์เจนตินากับชิลี
เป็นส่วนหนึ่งของพิธีศักดิ์สิทธิ์ capacocha rito กาป่าโช่กา ริโต้
มีการเตรียมการพิธีกรรมเป็นอย่างดี
ก่อนชั่วโมงสุดท้ายที่ความตายจะมาถึงเหยื่อชะตากรรม
พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นช่วงกลางจักรวรรดิ์ Inca
ตามที่ได้บันทึกเหตุการณ์/ประวัติศาสตร์โดยชาวสเปญ
หลังได้รับชัยชนะครอบครองอาณาจักร Inca
แต่ข้อมูลที่ให้รายละเอียดเรื่องราวที่ผ่านมา
ที่รวบรวมมาจากสิ่งทอ เครื่องประดับ และข้าวของเครื่องใช้
ที่พบอยู่ในหลุมศพ ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราว/เหตุการณ์
ได้จากผลการตรวจตัวอย่างเส้นผมคนตายทั้ง 3 คน
พบว่าเด็กเหล่านี้มีการดื่มกิน
Chicha ชิชา เหล้าข้าวโพดและผลไม้อื่น
และใบ Coca โก้ะก่า ที่มีปริมาณโคเคนสูง
จำนวนมากเป็นเวลากว่า 1 ปี
เพื่อมอมเมาเหยื่อให้มึนงงและสับสน
จะได้ยอมรับชะตากรรมอย่างไร้ความรู้สึกรู้สา
ว่าจะต้องเสียสละชีวิตเพื่อบูชายัญ
อันเป็นส่วนหนึ่งพิธีกรรมศาสนา Inca
เด็กสาววัย 13 ขวบ หรือที่เรียกว่า สาวน้ำแข็ง/สาวน้อย
เด็กชาย Llullaillaco และเด็กหญิงสายฟ้า
มีรอยฟ้าผ่าที่ศพตามการตั้งชื่อของนักวิจัย
มีอายุระหว่าง 4 และ 5 ขวบ
ก่อนหน้านี้เชื่อกันว่า เด็กทั้ง 3 คน
มีอายุมากกว่าประมาณการไว้ 2 ปี
แต่ผลการวิเคราะห์จาก CT Scan ระบุผลชัดเจนตามนี้
ผลการศึกษาครั้งใหม่พบว่า
เหยื่อเด็กชาวอินคาต่างถูกขุนให้อ้วนขึ้น
ก่อนที่จะเสียชีวิตในพิธีบูชายัญ
นักวิจัยได้ค้นพบเรื่องราวที่น่าตกใจ/น่าเศร้า
จากการเก็บตัวอย่างเส้นผมโดย Andrew Wilson
นักโบราณคดีมหาวิทยาลัย Bradford สหราชอาณาจักร
" เรื่องมัมมี่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่ในความคิดของผม
เธอจะต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดีสำหรับการเป็นมัมมี่
ตามที่ผมได้ศึกษา เธอดูราวกับว่าเพิ่งจะหลับไป
ผมคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในสภาพอากาศที่เย็นจัด
มัมมี่ที่นี่ไม่ใช่มัมมี่ถูกผึ่งให้แห้ง หรือเป็นเพียงแค่โครงกระดูก
แต่เป็นคน เป็นเด็ก และข้อมูลที่เราได้รวบรวมขึ้นมา
จากผลการศึกษาเส้นผม ความจริงได้ชี้ชัดไปว่า
มีเรื่องราวที่ทำให้พวกเราต้องสะเทือนใจ ก่อนถึงวาระสุดท้ายของพวกเธอ
ในช่วงหลายเดือนและหลายปีที่ผ่านมา "
มีข้อมูลและรายละเอียดในการทำ CT Scan ที่ http://goo.gl/A20SWA
การวิจัยจากเส้นผม
เส้นผมจะงอกขึ้นเดือนละประมาณ 1 เซนติเมตร
และยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น
เส้นผมงอกขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างคงที่
ทำให้สามารถกำหนดระยะเวลา
และชนิดของอาหารที่คนเรากินได้
ระยะเวลาจะสัมพันธ์กับความยาวเส้นผม
" สาวน้อยมีผมยาวที่ถักทอ
ความยาวเส้นผมบอกระยะเวลา
และบันทึกอาหารการกินที่เธอดื่มกิน เช่น ใบ Coca
และเหล้า Chicha เหล้าหมักที่ทำจากข้าวโพดหรือผลไม้อื่น ๆ
มีสัญลักษณ์ที่แสดงว่าพวกเธอถูกคัดเลือกเพื่อการเสียสละ
โดยใช้เวลาเป็นปีก่อนที่ความตายจะมาเยือนอย่างแท้จริง
ในช่วงเวลานี้ชีวิตพวกเธอเปลี่ยนไปอย่างผิดหูผิดตา
มีการกินดื่มอย่างไม่อั้นทั้งใบ Coca กับเหล้า Chicha
ซึ่งปกติของเหล่านี้จะถูกสงวนให้กลุ่มชนชั้นสูงเท่านั้น
ไม่มีการใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อในชีวิตประจำวัน "
" พวกเราคาดว่า สาวน้อยเป็นหนึ่งใน aellas อ่าเอ้ย่า
เป็นสาวน้อยวัยรุ่นที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว
เธอต้องออกจากชุมชน/สังคมดั้งเดิมของเธอ
ภายใต้การควบคุมดูแลของพวกหมอผี
ข้อสังเกตเรื่องพิธีกรรมนี้ มีการจดบันทึกตามคำบอกเล่าชาว inca
มีอยู่ในส่วนหนึ่งจดหมายเหตุบันทึกชาวสเปญ
ผลการตรวจสอบตัวอย่างเส้นผมจากเด็กที่โชคร้ายเหล่านี้
เรื่องราวที่คลี่คลายช่างน่าหดหู่ใจและเย็นยะเยือกขั้วหัวใจ
เพราะการที่พวกเด็กถูกขุนให้อ้วนขึ้นเพื่อการเสียสละชีวิต "
การวิเคราะห์ที่ผ่านมาโดยกลุ่มนักวิจัยของ Wilson
ด้วยการวัดไอโซโทปทางกัมมันตรังสีเบื้องต้น
จากตัวอย่างธรรมชาติเส้นผม และ DNA ของอีกทีมหนึ่ง
นักโบราณคดีพบว่าก่อนหน้านี้พวกเด็กได้รับการเลี้ยงดูตามปกติ
ด้วยอาหารประเภทพืชผักทั่วไป เช่น มันฝรั่ง ข้าวโพด
บ่งบอกว่าพวกเขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวบ้าน/ชาวนามากว่า 1 ปี
แต่ก่อนจะเข้าพิธีบวงสรวงบูชายัญ
เริ่มมีการปรับปรุงอาหารเตรียมความพร้อมพวกเด็กที่จะเข้าพิธี
โดยให้การเลี้ยงดูเป็นอย่างดี/ขุนให้อ้วน
" ไอโซโทปและ DNA ที่ใช้ในการพิสูจน์ศพ
ได้เปิดเผยนัยสำคัญพิธีกรรมก่อนบูชายัญว่า
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเรื่องอาหารของพวกเด็ก
แสดงให้เห็นว่าอาหารของเด็กที่ถูกคัดเลือก
อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารชั้นดีเหมือนชนชั้นสูง
เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ - เนื้อลาม่าแห้ง
ข้าวโพด ใบ Coca เหล้า Chicha
พร้อมกับสัญลักษณ์ในการไว้ผม
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกจัดฉากขึ้นมา
พร้อม ๆ กับการยกระดับชนชั้น/สถานะของเด็ก
เริ่มมีการนับเวลาถอยหลังชีวิตพวกเด็ก
ที่จำต้องเสียสละเพื่อการบูชายัญ
ทุกคนจะมีอัตราการบริโภคใบโคคากับเหล้าสูงมาก
ในช่วงก่อน 2-3 สัปดาห์ก่อนเดินทางถึงที่บูชายัญ "
หลักฐานที่รวบรวมมาพร้อมกับหลักฐานอื่น ๆ
ทางด้านโบราณคดีและรังสีวิทยา ให้ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า
สาวน้อยที่มีอายุได้รับชื่อเสียงมากกว่าเด็กหญิงเด็กชาย
ได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากเด็กชาย Llullaillaco กับเด็กหญิงสายฟ้า
หลังจากที่ถูกเลือกให้ต้องทำพิธีกรรมบูชายัญจากจักรพรรดิ์ Inca
สาวน้อยได้เปลี่ยนสถานะภาพเป็นบุคคลสำคัญ
ส่วนเด็กชายกับเด็กหญิง อาจจะทำหน้าที่เป็นบริวาร/คนรับใช้เธอที่ปรโลก
" สาวน้อย กลายเป็นคนอื่นมากกว่าที่เคยเป็นมา
การเสียสละของเธอถูกยกย่องว่าเป็นเกียรติยศ "
การเสียชีวิตของพวกเด็กยังคงเป็นปริศนา
แต่ Wilson และทีมงานสันนิษฐานว่า
บรรดาพวกเด็กต่างเดินทางออกจากเมืองหลวง Cuzco กู้โกะ อาณาจักร Inca
ไปที่ภูเขาไฟ Llullaillaco ตามเส้นทางจะแวะพักแต่ละหมู่บ้าน
มีการดื่มเหล้า Chicha และกินใบ Coca จำนวนมาก
ใข้เวลาเดินทางมาถึงบริเวณภูเขาประมาณ 3-4 เดือน
ในช่วงเวลานี้นักวิจัยพบโมเลกุลเหล้า Chicha ใบ Coca
จากตัวอย่างเส้นผมของเด็กทั้ง 3 คนในอัตราที่สูงมาก
มัมมี่สาวน้ำแข็ง/สาวน้อยสภาพศพที่ถูกค้นพบ
อยู่ในท่านั่งไขว่ห้างและเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
ราวกับว่าเธอกำลังนั่งหลับอยู่ในช่วงเวลาที่ความตายมาเยือน
ยังพบว่ามีใบโคคาปึกใหญ่ที่ยังเคี้ยวคาอยู่ในปากและฟันของเธอ
บ่งบอกว่าให้เธอผ่อนคลายก่อนที่จะเสียชีวิต
ยังมีผ้าโพกศีรษะบนศีรษะของเธอ ผมถักเปียอย่างประณีต
มีข้าวของวางอยู่บนผ้าทอที่ได้รับการพาดบนหัวเข่าของเธอ
ต้น Coca ที่มา http://goo.gl/6FbTk2
ผล CT Scan ศพสาวน้อย รายงานว่า
“ เธอเสียชีวิตขณะที่ยังอิ่มอยู่และยังไม่ได้อุจจาระ
ในความคิดของผม ผมคิดว่า
เธอไม่ได้อยู่ในอาการที่ทุกข์โศกขณะที่เธอจะเสียชีวิต
ยังไม่ชัดเจนว่าสาวน้อยตายอย่างไร
แต่เธออาจจะยอมจำนนต่อสภาพแวดล้อมอากาศที่เย็นจัด
เธออาจจะถูกวางอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของเธอ
ในขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่นานหลังจากเธอตาย “
Wilson ให้สัมภาษณ์กับ LiveScience
" ดูเหมือนว่าพวกเด็กก่อนตายจะถูกเทิดทูนอย่างสูงสุด
ในพิธีกรรมที่ยาวนานข้ามปี แล้วจัดการมอมยาเพื่อให้ตายอย่างสงบ "
Timothy Taylor นักโบราณคดีมหาวิทยาลัย Bradford
และยังตั้งข้อสังเกตว่า ในขณะที่ผู้เสียชีวิตอาจจะรู้สึกดูเหมือนว่า
มีเรื่องที่น่ากลัวที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ จากผู้ปกครองอาณาจักร Inca
ในช่วงเวลา 500 ปีที่ผ่านมา
เด็กชาย Llullaillaco พบกับจุดจบที่น่ากลัวมากที่สุด
มีร่องรอยเลือดบนเสื้อคลุมเด็กชาย ผมเผ้ายุ่งเหยิง
เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยอุจจาระกับอาเจียน
นักโบราณคดีพบร่องรอยของ
ยาเสพติดสารหลอนประสาท achiote
แต่เด็กชายไม่ได้ตายจากยาเสพติดที่พบในห่อผ้า
เพราะซี่โครงหักและกระดูกเชิงกรานแตก
มีร่องรอยการรัดคอด้วยผ้าผูกคอ
แสดงให้เห็นว่าตายเพราะขาดอากาศหายใจ
ส่วนเด็กหญิงสายฟ้า ไม่ปรากฏว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเกรี้ยวกราดเหมือนกับเด็กชาย
แต่เธอไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เหมือนกับสาวน้อย
เธอไม่มีเครื่องประดับตกแต่งแบบสาวน้อยและไม่ได้ผูกผมเปีย
ยาหลอนประสาทจากพืช
การวิเคราะห์เส้นผม
นักวิทยาศาสตร์จะใช้ตัวอย่างเส้นผม
ที่ได้บันทึกผลของสารต่าง ๆ จากเลือด
ที่ขึ้นไปหล่อเลี้ยงเซลล์เส้นผมที่งอก
โดยได้วิเคราะห์หาโคเคนจากเส้นผม
Alkaloid หลักจากใบ Coca
การดูดซึม benzoylecgonine metabolite
เช่นเดียวกับ cocaethylene ในรูปแบบที่มีโคเคน
และ Ethanol เอทานอล ในกระแสเลือดที่ไปสะสมที่เส้นผม
ทำให้ประมาณการระยะเวลา/ช่วงเวลาสุดท้าย
ว่ามีสารใบ Coca และเหล้า Chica ในเส้นผมของพวกเด็ก
จึงทำให้ลำดับเหตุการณ์ได้ว่า
เด็กหญิงเด็กชายดื่มกินย้อนหลังไปประมาณ 9 เดือนก่อนตาย
ส่วนสาวน้อยดื่มกินทอดยาวไปประมาณ 21 เดือนก่อนตาย
โดยเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1 ปีและ 6 เดือนสุดท้ายก่อนตาย
เด็กหญิงเด็กชายต่างกินใบ Coca
และดื่มเหล้า Chicha ในอัตราคงที่
แต่สาวน้อยกินใบ Coca อย่างมากอย่างมีนัยสำคัญ
ในช่วงปีสุดท้ายเธอกินใบ Coca จำนวนมาก
ช่วงระยะเวลาประมาณ 6 เดือนก่อนตาย
เธอดื่มเหล้าปริมาณสูงมากในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนตาย
คาดว่าการเพิ่มปริมาณยาเสพติดและการกินเหล้า
มีแนวโน้มที่ทำให้สาวน้อยสบายใจ/เซื่องซึมมากขึ้น
พร้อมรับกับความตายที่กำลังจะมาเยือน
หลักฐานทางโบราณคดีร่วมกับรังสีวิทยา
ยืนยันว่าเป็นพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่
ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นรูปแบบการควบคุมสังคม
คนที่ถูกเลือกมาทำพิธีกรรม
ถือว่าได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่
พร้อมกับการสร้างบรรยากาศความหวาดกลัว
ที่แสดงถึงอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จของจักรพรรดิ์ Inca
การแสดงอาการเศร้าโศกของพ่อแม่
หลังจากที่ลูกต้องเข้าสู่พิธีดังกล่าว
เป็นเรื่องต้องห้ามและเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวง
ผลการค้นคว้า/ตรวจสอบมัมมี่ทั้ง 3 นี้
ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสังคม
และการปฏิบัติทางพีธีกรรมบวงสรวงของชาว Inca
" สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดของมัมมี่ทั้ง 3 นี้คือ
ศพเหล่านี้อาจจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะบอกพวกเรา
ยิ่งลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อ/ภายในของศพ
ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ยังไม่ได้เปิดเผย " Wilson กล่าว
ใบ ดอก ผล โคคา ที่มา http://goo.gl/1x4hZ5
ข้อมูลเหล่านี้ตามหลักฐานโบราณคดีกับรังสีวิทยา
ทำให้เข้าใจได้มากยิ่งชึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์
และเรื่องราวจุดจบของศพทั้งสามบนภูเขา
เป็นการยืนยันว่าผู้ตายที่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
ตามอายุ สถานะ และบทบาทของพิธีกรรมครั้งสุดท้าย
ในที่สุด ผู้วิจัยได้สรุปผลการค้นพบ
เกี่ยวข้องคำถามที่สงสัย ความสัมพันธ์ ระเบียบแบบแผน
ประเด็นความขัดแย้งด้านอุดมการณ์
และกลยุทธ์ควบคุมสังคม/การเมืองของจักรวรรดิ์ Inca
ก่อนเผชิญหน้ากับการรบและพ่ายแพ้สิ้นชาติให้กับสเปญ