Where The Crawdads Sing ขอตั้งชื่อเรื่องใหม่ว่า ณ ที่ๆ กุ้งนางร้องเพลง (ยังดูเพราะกว่าปมรักในบึงลึก 555+)
"บทเพลงแห่งธรรมชาติอันแสนไกล" <--อันนี้ ChatGPT ตั้ง เพราะดีนะ
The Marsh Girl
บางครั้งชีวิตก็ต้องการดูอะไรที่ธรรมดา ไม่ซับซ้อนมาก แต่มีเรื่องราวชีวิตที่เราพบเจอได้ปกติ (และไม่ปกตินิดหน่อย)
หลังจากที่เราหลงไปอยู่ในหนังหักมุม หนังซับซ้อน หนังสืบสวน จนทำให้หลายครั้งเราดูหนังธรรมดาๆ หรือหนังรักโรแมนติกแล้วรู้สึกเบื่อและง่วง
ถึงขั้นเล่นมือถือไปดูหนังไป (คืออยากดูหนังแต่หาไม่เจอที่ถูกจริต เลยดูผ่านๆ ไป )
ความหมายของคำว่า crawdad คืออเมริกันแสลงของคำว่า crayfish (กุ้งนางหรือกุ้งน้ำจืด) ซึ่งมันร้องเพลงไม่ได้ตาม ชื่อเรื่องที่ว่า “ที่ๆ...กุ้งนางร้องเพลง” เป็นการที่แม่ใช้คำนี้เพื่อให้ลูกสำรวจบึง ซึ่งเป็นบริเวณบ้านของนางเอกนั่นเอง “ไปให้ไกลแสนไกลทางโน้นๆ เลย ที่ๆ มีกุ้งนางร้องเพลง”
"Go as far as you can — way out yonder where the crawdads sing."
โอ๊ย...พอเริ่มหาข้อมูลแค่ชื่อเรื่องจะมาเขียนรีวิวธรรมดาๆ แต่สงสัยจะได้หนังสือเล่มนี้มาอ่านแล้วสิ
โอ๊ยยย...แล้วเพลงประกอบก็เป็น Taylor Swift แต่งอีก โอ๊ยย..มันใช่ไปหมด
และนี่คือเจ้าตัวชื่อเรื่อง Crawdad: เจ้าไปร้องเพลงอยู่ที่ใดฤา
ไม่ได้สนใจชื่อเรื่องเลยตอนจะหาหนังดู แต่ติดที่นางเอกดูมีเสน่ห์มาก และตัวอย่างหนังเกี่ยวกับสืบสวนการตายของชายคนหนึ่ง
และนางเอกถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่า
***สปอย***
นางเอกเป็นเด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง ทุกคนต้องหนีออกจากบ้านไปเพื่อรักษาชีวิตจากพ่อที่ชอบใช้ขี้กำลัง
แต่เด็กน้อยคนนี้เรียนรู้ที่จะอยู่กับพ่อให้ได้ และรอวันที่แม่จะกลับมา แต่ก็ได้เรียนรู้เพียงไม่นานพ่อก็ทิ้งเธอไปเหมือนกัน
ในวัยที่เด็กมากที่พ่อได้ทิ้งไป ซึ่งจำไม่ได้ว่าหนังได้บอกหรือเปล่าว่าเด็กอายุเท่าไร แต่มันก็เด็กเกินกว่าที่จะอยู่ตัวคนเดียว
ด้วยความที่อาศัยอยู่ในแหล่งที่สามารถหาอาหารกินเองได้ และก็ผ่านประการณ์ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ก็ทำให้เด็กน้อยเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเอง
โดยการนำสัตว์น้ำที่หาได้ไปขายและซื้อข้าวในร้านขายของชำในชุมชน
โชคดีที่อเมริกามีการศึกษาฟรีที่เข้าถึงได้ทุกคน แต่โชคไม่ดีที่การเป็นที่ยอมรับของสังคมก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้คนๆ หนึ่ง
ยังมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในสังคมหรือไม่ ซึ่งโดยลักษณะภายนอกและความเป็นอยู่ที่ต่างจากคนอื่นก็ทำให้เด็กน้อยไปโรงเรียนได้แค่วันเดียวเท่านั้น เพราะรู้สึกว่าเขาโดนสังคมรังเกียจและแบ่งแยกตัวเขาออกไปจากสังคม เพียงเพราะมีวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนคนอื่น
มีฉากหนึ่งที่เด็กกำลังไปโรงเรียนด้วยตัวเอง เพราะรู้ว่าตัวเองอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็เดินไปเรียนโดยไม่มีรองเท้าใส่
แต่หากระโปรงใส่ไป เพราะมีคนบอกว่าไปโรงเรียนต้องใส่กระโปรง ระหว่างที่จะถึงห้องเรียนก็เจอนักเรียนคนอื่นๆ ที่แตกต่างออกไป พูดจาดูถูกและรังเกียจก็เลยคิดจะกลับบ้าน แต่ก็มีทนายคนหนึ่งบอกว่า คุณไปผิดทางแล้ว โรงเรียนต้องไปอีกทาง ไปเถอะ คุณมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะเข้าไปเรียนได้
และการเข้าเรียนก็มีนักเรียนเยอะแยะที่ไม่มีรองเท้า แต่อย่างที่เล่าไป แม้เราจะกล้าหาญมากพอเพื่อทำอะไรสักอย่าง แต่เพราะเราแตกต่าง
การก้าวข้ามสังคมที่ดูถูกและรังเกียจจึงเป็นอีกเรื่องที่ต่างออกไป
(อย่างเราแค่รู้สึกว่าบางความคิดที่เราคิดไม่เหมือนคนทั่วไป ก็ทำให้เรารู้สึกแปลกแยก และไม่อยากคุยกับคนเหล่านั้น เพราะเขาไม่มีวันเข้าใจ ทั้งความเข้าใจของเขาเองที่เข้าไม่ถึงและรวมไปถึงการปิดใจของเขาและเราด้วย)
เด็กน้อยก็ดำเนินชีวิตไปลำพังจนโตเป็นเด็กสาว โดยมีความช่วยเหลือและคำแนะนำจากเจ้าของร้านชำที่เธอขายของให้ ซึ่งในตอนนี้ตอนนี้เธอก็ได้พบกับเด็กหนุ่มที่เธอเคยพบแล้วตอนเด็กๆ และเป็นคนเข้ามาช่วยเธอจากการทำร้ายของพ่อเธอเองด้วย
ทั้งสองคนมีความรักธรรมชาติเหมือนกัน แต่เพราะเด็กผู้ชายมีพ่อที่คอยใส่ใจและสนับสนุน เขาจึงได้รับโอกาสในการเข้าเรียนและคำแนะนำจากพ่อ
ว่าการเรียนจะทำให้เขาก้าวหน้าในชีวิต เด็กชายจึงขยันเรียนอย่างหนักเพื่อการสอบเข้ามหาลัยตามที่พ่อแนะนำ
แต่ระหว่างนั้นเขาก็ได้พบกับเด็กสาวคนนี้ที่อาศัยอยู่ในบึง (บ้านบริเวณบึง) เขาจำได้ว่าเธอชอบขนนก ก็หาขนนกและของหลายๆ อย่างมาวางให้
จนวันหนึ่งเขาทิ้ง Note ไว้ หญิงสาวกลับมาอีกครั้งและทั้งสองได้พบกัน เธอก็บอกเขาไปว่าเธอไม่สามารถอ่าน Note นี้ได้
หลังจากนั้นเด็กชายก็อาสาที่จะสอนหนังสือให้เธอ และทั้งสองก็เริ่มสนิทกันเรื่อยๆ จนเธอเปิดใจให้เข้ามาสอนในบ้านได้
ด้วยความที่ชีวิตส่วนใหญ่ของเธออาศัยอยู่ในบึง เธอจึงโอบล้อมด้วยธรรมชาติและสังเกตพฤติกรรมของธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา
จะเรียกได้ว่าเป็นนักธรรมชาติวิทยาโดยธรรมชาติก็ได้
(ซึ่งมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้นั้น ไม่ทำให้ความสนใจใคร่รู้หรือความเข้าใจธรรมชาติลดน้อยลง แต่ยังช่วยให้เกิดการเข้าใจธรรมชาติอย่างแท้จริงโดยที่ไม่มีอคติ และไม่มีกรอบความรู้มาครอบจากการที่เราได้อ่านจากหนังสือ)
เวลาดำเนินไปจนทั้งคู่ตกลงเป็นแฟนกันและเรื่องไปถึงหูของพ่อเด็กผู้ชาย
พ่อของเขาเตือนสติว่า อย่าลืมนะว่าความฝันของลูกคืออะไร การมีชีวิตที่ดีกว่า(พ่อ)และงานทำที่ดีกว่ารอลูกอยู่ ถ้าลูกตกลงปลงใจกับสาวชาวบึงคนนี้
ลูกจะมีอนาคตยังไง พ่อไม่อยากให้ลูกต้องมาหากุ้งขายแบบพ่อ พ่อบอกว่า Just be careful. Life can change in a second!
(ซึ่งมันก็เป็นคำแนะนำที่ควรจะเป็นของพ่อแม่ทุกคน เพราะไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าสาวชาวบึงคนไหน คือคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตเดิมๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีการพัฒนาอะไร รวมทั้งไม่ช่วยให้ชีวิตเราเองพัฒนาขึ้นจากการคบเขา กับสาวชาวบึงที่มีความพิเศษ เป็นคนที่ฉลาดและอ่อนโยน
เพียงแค่ถูกทอดทิ้งและไม่ได้รับโอกาสในชีวิต)
เวลาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาที่เขาต้องจากไปเรียนมหาลัยที่อีกฝั่งหนึ่งของทะเล ในระหว่างที่เขาคบกันเขาก็ให้เกียรติไม่ก้าวล่วงเธอไป เพราะเห็นแก่เธอ รวมถึงไม่แน่ใจด้วยว่าเขาจะมีอนาคตอยู่ที่ไหนกันแน่ การฉวยโอกาสจากเด็กผู้หญิงแสนบริสุทธิ์ที่ถูกทอดทิ้งจากครอบครัว
คงไม่ใช่เรื่องที่ลูกผู้ชายควรทำ
ระหว่างที่พวกเขาบอกลา เธอก็บอกว่าอยู่ที่นี่เถอะ เพราะเธอกลัวที่จะถูกทอดทิ้ง อย่างที่คนในครอบครัวทุกคนทิ้งเธอไป
แล้วนางเอกก็วิ่งหนีไป จังหวะนี้ชอบประโยคหนึ่งที่พระเอกตะโกนบอกว่า
“You can't run away from every whipstitch"
"คุณหนีทุกปัญหาหรือสถานการณ์ไม่ได้เสมอไป"
แต่เขาก็สัญญาว่าจะกลับมาฉลองวันชาติด้วยกัน
ก่อนที่เขาจะไป เขาได้แนะนำให้เธอส่งรูปวาดบรรดาสัตว์ต่างๆ ในบึงให้กับสำนักพิมพ์หลายๆ สำนัก เพราะมันสวยงาม และมีค่ามาก ควรจะอยู่ในหนังสือสารานุกรมชีววิทยา แล้วสิ่งนี้เองที่จะช่วยชีวิตเธอไว้ได้ในภายหลัง เพราะนางเอกมองไม่เห็นโอกาสตรงนี้
พระเอกเลยบอกว่า Come on, what can it hurt?
ซึ่งก็ชอบอีก เพราะว่าส่งไปไม่ได้ตีพิมพ์ ก็ไม่ได้ทำเจ็บปวดอะไร ให้โอกาสตัวเองหน่อย
และแล้วสิ่งที่พวกเราไม่อยากให้เกิด ก็เกิดขึ้น
เขาไม่กลับมา....
ไม่มีแม้แต่ข่าวคราวใดๆ เป็นเวลา 5 ปี
มาถึงตรงนี้ความรักโรแมนติกตามแบบฉบับก็ล่มสลาย แต่กลับมาเป็นความธรรมดา (ที่อาจจะไม่ปกติ แต่พบว่าใครๆ ก็ทำ) ที่เราพบเจอได้ในเหตุการณ์ของชีวิต เพราะสิ่งที่แน่นอนที่สาวชาวบึงเองก็ค้นพบจากการเฝ้ามองธรรมชาติ ว่าสิ่งที่แน่นอนที่สุดของธรรมชาติคือการเปลี่ยนแปลง
และหากยังไม่มีทฤษฏีใดล้มล้างและบอกว่ามนุษย์คือเอเลี่ยน มนุษย์เองก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ต้องเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน
จะต่างอะไรกับคนรักของเราที่เปลี่ยนแปลงไป โฮ
เธอใช้เวลา 5 ปี ในการเยียวยาจิตใจและเปิดใจรับคนใหม่เข้ามาอีกครั้ง แต่โชคไม่ดีที่คนๆ นี้ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่บ้านรวย ดูยังไงก็ไม่น่าจะรักจริง แต่หนังแสดงให้เราเห็นถึงความรักที่เขามีต่อเด็กสาวเหมือนกัน (ซึ่งเราคิดไปเอง ในหนังสือบอกว่าไม่มี อันนี้ถามเค้ามาอีกที เดี๋ยวรอไปอ่านเองอีกรอบ)
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถก้าวข้าม สิ่งที่สังคมไม่ยอมรับไม่ได้ เขาจึงต้องทำตามที่พ่อแม่เขาต้องการ แต่งงานกับคนที่เหมาะสมกับเขา เมื่อเรื่องมาถึงเด็กสาว เธอก็หัวใจแตกสลายอีกครั้ง แต่ก็ออกจากสถานการณ์นั้นโดยเร็ว แต่แน่นอนผู้ชายคนนี้ไม่ยอมไป เมื่อได้รับการปฏิเสธจากเด็กสาวจึงแสดงความรุนแรง เพื่อที่จะบังคับเธอให้อยู่กับเขา และน่าสงสารมากที่เธอต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นเดียวกับแม่ของเธอ คือความรุนแรงจากคนใกล้ตัว แต่ปฏิกิริยาที่เธอตอบสนองนั้นต่างออกไป เพราะเธอเรียนรู้มาจากพ่อ และเธอก็เรียนรู้มาจากธรรมชาติ ว่าธรรมชาติก็แค่ต้องการการดำรงอยู่เท่านั่นเช่นเดียวกับเธอ
นี่จากจะรีวิว กลายเป็นมาเล่าเรื่องแล้วนะ มันพรั่งพรูจริงๆ
ระหว่างนี้เด็กชายที่เคยทิ้งเธอไปก็กลับมา และเขาก็ยังทำหน้าที่ปกป้องเธอเช่นเดิม
จากหนุ่มไฮโซแฟนใหม่ ที่ลับหลังพูดไม่ให้เกียรติเธอ
คราวนี้เขากลับมาสารภาพว่าทำไมเขาถึงทิ้งเธอไป เขาขอโทษ ที่เขาคิดว่าการเรียน การศึกษา การงาน ชีวิตที่ดีในสังคมเมือง จะทำให้เขามีทุกอย่างและมีความสุข แต่เขาก็พบว่า ไม่ว่าเขาจะได้อะไรที่พยายามไขว่ขว้ามา มันก็ไม่สามารถทดแทนเธอได้เลย ฮือออออออออออ
เป็นคุณจะกล้าให้โอกาสเขามั้ย 5 ปีนะ เราบอบช้ำจากการโดนทิ้งแม้แต่คนในสายเลือดเดียวกัน และคนๆ นี้ก็รับรู้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยวของเรามาตลอด แต่เขากลับทิ้งเราไปไม่ต่างจากคนอื่นๆ
ระหว่างนั้นที่เขากลับมา ก็ประจวบเหมาะเวลาเดียวกันที่เธอโดนคุกคามจากแฟนหนุ่มไฮโซ
สงสารประโยคนึงที่พูดว่า การอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวก็อย่างหนึ่ง แต่การอยู่คนเดียวด้วยความหวาดกลัวก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เธอเข้าใจว่าทำไมแม่ถึงต้องจากไป
อย่าลืมน่าว่าหนังโปรยมาด้วยมีคนตกลงมาตายจากหอคอยสูงบริเวณริมบึง และนางเอกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ถึงตรงนี้เราไม่สปอยแระ ไปดูหนังละกัน
บอกได้แค่ประโยคโดนใจที่ว่า...บางทีเหยื่อก็ต้องฆ่าผู้ล่าเพื่อความอยู่รอด
Every creature does what it must to survive!
[CR] 'ปมรักในบึงลึก' Where The Crawdads Sing Netflix "บทเพลงแห่งธรรมชาติอันแสนไกล"
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้