สิ่งต่างๆที่พบในหลุมศพโบราณ

ขามัมมี่ลึกลับที่พบในหลุมฝังศพราชินีเนเฟอร์ตารี่



นานกว่าศตวรรษหลังจากหลุมฝังศพของราชินีเนเฟอร์ตารี่ (Nefertari) ถูกค้นพบที่หุบเขาราชินีในประเทศอียิปต์ ในที่สุดนักวิทยาศาสตร์ก็สามารถระบุได้ว่าขามัมมี่ปริศนาอายุกว่า 3,000 ปีที่พบในหลุมฝังศพเป็นของราชินีเนเฟอร์ตารี่เอง 
 
ตอนที่นักโบราณคดีเปิดหลุมฝังศพของราชินีเนเฟอร์ตารี่เมื่อปี 1904 พวกเขาได้พบกับสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องเก็บศพที่หรูหราแต่ได้ถูกปล้นสะดมมาตั้งแต่ยุคโบราณ และท่ามกลางวัตถุแตกหักที่เหลือทิ้งเอาไว้ มีขามัมมี่สามชิ้นรวมอยู่ด้วย 
 
ขามัมมี่ถูกคิดไปเองว่าเป็นของเนเฟอร์ตารี่โดยที่ไม่มีใครได้วิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์มาก่อนเลย จนเมื่อเร็วๆนี้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซูริคได้รายงานว่าเจ้าของขามัมมี่เป็นผู้หญิงวัยกลางคน สูงราว 165 เซ็นติเมตร และอาจจะเป็นโรคไขข้ออักเสบ

เนเฟอร์ตารี่เป็นหนึ่งในราชินีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอียิปต์โบราณ เธอเป็นมเหสีเอกของฟาโรห์แรเมซีสที่สอง (Ramesses II) ซึ่งเป็นฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อียิปต์ ปกครองอียิปต์นานถึง 67 ปีในช่วงระหว่าง 1279 ปี ถึง 1213 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
   
หลุมฝังศพของเนเฟอร์ตารี่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตที่สุดแห่งหนึ่งในหุบเขาราชินีที่อยู่ใกล้กับเมืองลักซอร์ (Luxor) ผนังฉาบปูนถูกประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนสีสันสวยงาม แม้กระทั่งเพดานยังวาดภาพท้องฟ้าประดับดาวยามค่ำคืน รูปปั้นของเธอถูกพบที่มหาวิหารอาบูซิมเบล (Abu Simbel) ทางภาคใต้ของอียิปต์ ยืนเคียงคู่กับรูปปั้นของฟาโรห์แรเมซีสที่สองและมีขนาดเท่ากัน บ่งชี้ถึงศักดิ์ฐานะของเธอได้เป็นอย่างดี
  
หลุมฝังศพของเนเฟอร์ตารี่ถูกปล้นมาตั้งแต่ยุคโบราณ น่าเสียดายมากที่โลงหินแกรนิตสีชมพูที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่เก็บศพของเธอได้แตกยับเยินเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ยังมีรองเท้าแตะอย่างดีคู่หนึ่งกับหุ่นรับใช้ (shabtis) ทำจากไม้สลักชื่อเนเฟอร์ตารี่จำนวน 34 ตัวเหลืออยู่
 
ขามัมมี่ปริศนาที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์ในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี มีทั้งหมด 3 ชิ้น ยังคงถูกห่อด้วยผ้าลินินห่อศพ ชิ้นที่ยาวที่สุดยาวกว่า 30 เซ็นติเมตรเป็นส่วนกระดูกต้นขา กระดูกสะบ้า และบางส่วนของกระดูกหน้าแข้ง ชิ้นที่สองเป็นบางส่วนของกระดูกหน้าแข้ง ส่วนชิ้นที่สามเป็นบางส่วนของกระดูกต้นขา
ทีมวิจัยทำการเอ็กซเรย์ชิ้นส่วนกระดูกพบว่ามันเป็นของผู้หญิง เมื่อพิจารณาจากขนาดกระดูกประกอบกับโรคไขข้ออักเสบที่เข่าและการวิเคราะห์ทางเคมี นักวิจัยประเมินว่าเจ้าของกระดูกมีอายุระหว่าง 40 – 60 ปี ซึ่งสอดคล้องกับอายุของเนเฟอร์ตารี่ที่เสียชีวิตในปีที่ 25 ของรัชสมัยฟาโรห์แรเมซีสที่สอง เธอน่าจะมีอายุระหว่าง 40 – 50 ปี 
นักวิจัยวิเคราะห์จากขนาดของกระดูกประเมินว่าเจ้าของกระดูกควรจะสูงราว 165 – 168 เซ็นติเมตร ซึ่งสอดคล้องกับขนาดของรองเท้าแตะที่พบในหลุมฝังศพซึ่งมีขนาดประมาณไซส์ 6.5 ถึง 7



นอกจากนี้พวกเขายังพบว่าน้ำยาดองศพที่ใช้ในการทำมัมมี่ก็เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในระหว่างรัชสมัยของฟาโรห์แรเมซีสที่สอง  จากหลักฐานต่างๆจึงนำไปสู่ข้อสรุปว่าขามัมมี่ปริศนาเป็นของราชินีเนเฟอร์ตารี่มากกว่าจะเป็นของลูกสาวของเธอที่ฝังอยู่ในหลุมฝังศพเดียวกัน
ข้อมูลและภาพจาก  livescience, dailymail
Cr. https://www.takieng.com/stories/2727

หลุมฝังศพแปลกประหลาดที่มี “โซ่” ล้อมรอบไว้


ในสมัยก่อนคนเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติมากและคิดว่ามันมีจริง ซึ่งก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะตำนานเรื่องแวมไพร์ที่คนทั่วโลกเชื่อกันว่ามันมีอยู่จริง  และนี่คือเรื่องราวแปลกๆ ของหลุมฝังศพแปลกประหลาดเพียงอันเดียวในสุสานที่มี “โซ่” ล้อมรอบเอาไว้อย่างน่าประหลาดใจ โดยเชื่อกันว่ามันคือหลุมฝังศพของแวมไพร์

ตามตำนานเล่าว่า Matthew Halsall เสียชีวิตในปี 1854 ที่ Castletown ในเมือง Isle of Man ซึ่งหลังจากที่เขาเสียชีวิตครอบครัวของเขาก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญดังมาจากโลงศพของเขา
ทำให้ทุกคนี่ได้ยินเข้าใจว่าเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนจึงรีบวิ่งเข้าไปหวังจะช่วยดึงเขาออกมาจากโลงศพ แต่ปรากฎว่าเขากลับตายแล้วและไม่ได้ฟื้นขึ้นมา จึงเชื่อกันว่าเขาอาจถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์แล้ว ดังนั้นจึงมีการใช้เหล็กแทงเข้าทะลุหัวใจของเขาที่เป็นศพ

จากนั้นก็ฝังเขาไว้ภายใต้พื้นซีเมนต์หนากว่า 6 ฟุต เพื่อห้แน่ใจว่าแวมไพร์จะไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ ทั้งยังมีการใช้โซ่ล้อมรอบหลุมศพของเขาไว้อีกด้วยเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้าย ซึ่งก็เป็นตำนานที่เกิดขึ้นจริง แต่กลับไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงไหม
ที่มา : boredomtherapy , clipmass
Cr.https://zpore.com/vampire-in-a-grave/

ซากโครงกระดูกม้ามากกว่าร้อยตัวในสุสานโบราณ


สำนักข่าวเดลิเมล์ รายงานว่า ประเทศจีนมีการขุดพบสุสานโบราณของนักโบราณคดีที่มีกว่า 2,400 ปี  ตั้งใกล้กับเมืองซินเจิ้ง มณฑลเหอหนาน ซึ่งภายในสุสานนั้นเต็มไปด้วย ซากโครงกระดูกของม้ามากกว่าร้อยตัว ซากของรถม้าโบราณจำนวน 4 คัน เครื่องสำริด และป้ายหลุมศพ ทั้งนี้คาดว่าเป็นของขุนนางในสมัยรัฐเจิ้ง ช่วงปี 1046–221 ปีก่อนคริสตกาล ในยุคราชวงศ์โจว

สำหรับการขุดพบสุสานโบราณครั้งนี้ นักโบราณคดีขุดพบหลุมฝังขนาดใหญ่ 18 แห่ง พร้อมกับซากโครงกระดูกม้าและรถม้ามากกว่า 3,000 หลุม และหากย้อนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นักโบราณคดีขุดพบโครงกระดูกม้าแล้วถึง 90 โครง ซึ่งกินเนื้อที่กว่า 120 ไร่

นอกจากนี้ ซากรถม้า 4 คันที่ขุดพบ มีขนาดยาว 2.56 เมตร และกว้าง 1.66 เมตร ทำด้วยสำริด พร้อมติดตั้งอุปกรณ์กันแดดกันฝน ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นของครอบครัวชนชั้นขุนนาง
ด้านหัวหน้าจากสถาบันมรดกทางวัฒนธรรมมณฑลและโบราณคดี เผยว่าซากโครงกระดูกม้าที่ถูกฝังอยู่ในหลุมอาจมีมากกว่า 100 ตัว และป้ายหลุมศพถูกขโมยไป จึงไม่สามารถทราบได้ว่าแต่ละหลุมศพคือใคร แต่เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นหลุมศพและวัตถุโบราณเป็นของเจ้านครรัฐและภรรยา
เรียบเรียง และ เขียนข่าวโดย
อุมาพร พ่วงผลฉาย : ทีมงาน ที่สุดดอทคอม
Cr.https://www.tsood.com/contents/3007511


สุสานไวกิ้งฝังเอาไว้ทั้งคน เรือ หรือแม้แต่บ้าน


ล่าสุด หนึ่งในสุสานใหญ่เพิ่งจะถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีในนอร์เวย์  เป็นสุสานของไวกิ้งที่ถูกค้นพบใกล้ๆ แหล่งโบราณคดีฟาร์มไวกิ้งโบราณที่เมือง Vinjeøra และไม่ได้มีเพียงแค่ศพเท่านั้น แต่ยังมีเรือ หรือแม้แต่บ้านถูกฝังเอาไว้ด้วย

โดยในการขุดค้นครั้งนี้ ทีมนักโบราณคดีได้พบกับหลุมศพของชาวไวกิ้งอย่างน้อยๆ 20 หลุม โดยสามหลุมในนั้นถูกฝังไว้พร้อมๆ กับเรือ ซึ่งเป็นลักษณะการฝังที่ชนชั้นสูงมักจะทำกัน ในขณะที่ยังมีอีกหนึ่งหลุมถูกฝังไว้พร้อมบ้านสำหรับฝังศพทั้งหลัง

การฝังที่ดูยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้ทางนักโบราณคดีคาดการว่าคนที่ถูกฝังในที่แห่งนี้ น่าจะล้วนแต่เป็นคนสำคัญๆ ในอดีตอย่างหัวหน้าเผ่าหรือวีรบุรุษสงครามมาก่อนทั้งสิ้น โดยที่ค้นที่ถูกฝังพร้อมๆ กับเรือหรือบ้าน เป็นคนที่มีความสำคัญมากที่สุด
ในปัจจุบันบ้านที่อยู่ในสุสานนั้น เสียหายไปเกินกว่าที่นักโบราณคดีจะสามารถสำรวจได้แล้ว อย่างไรก็ตามมันยังคงทิ้งหลักฐานสำคัญๆ ของการมีอยู่เอาไว้ในสภาพของฐานสิ่งก่อสร้างที่ทำจากหิน
 
น่าเสียดายที่ชาวไวกิ้งส่วนใหญ่ มักจะถูกนำมาฝังไว้โดยที่ไม่มีการบันทึกข้อความใดๆ เอาไว้ ดังนั้นแม้ว่าจะมีการค้นพบสุสานและร่างของพวกเขา  ก็จะไม่สามารถบอกได้เลยว่าคนเหล่านี้ในตอนที่มีชีวิตเป็นใคร 
แต่ใช่ว่าจะไม่มีความหวังในการหาตัวตนของคนที่ตายไป แม้จะไม่มีการบันทึกข้อความไว้ แต่การตรวจสอบหลุมศพ ตัวเรือ และบ้านที่พบในสุสานเอง ก็อาจสามารถนำมาซึ่งข้อมูลสำคัญๆ เกี่ยวกับคนที่จากไปได้เช่นกัน 
 
ตัวสุสานนั้นไม่เพียงแต่จะบอกให้เราทราบว่าชาวไวกิ้งมีการจัดการกับความเชื่อเรื่องความตายอย่างไรเท่านั้น แต่มันยังอาจสามารถบอกถึงสิ่งที่พวกเขาทำในตอนที่ยังมีชีวิตได้ด้วย โดยอาศัยสิ่งที่ฝังไว้กับผู้ตายนั่นเอง 
ที่มา mentalfloss, phys และ atlasobscura
Cr.https://www.catdumb.tv/viking-graveyard-with-ship-and-house-378/ 
 

 "โถหัวมนุษย์" อายุร่วม 1,800 ปี


ภายในหมู่บ้านชื่อ Boyanovo หมู่บ้านในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบัลแกเรีย ทีมนักโบราณคดีจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งบัลแกเรียได้ทำการค้นพบโครงกระดูกของ “แฟนกีฬาโบราณ” คนหนึ่ง พร้อมๆ กับโถอายุร่วม 1,800 ปี ที่ถูกหล่อขึ้นเป็นรูปศีรษะมนุษย์

โถสุดแปลกนี้ ถูกอธิบายโดยผู้เชี่ยวชาญว่าในอดีตถูกเรียกว่า “Balsamarium” โดยมันเป็นภาชนะที่ออกแบบมาเพื่อใส่ของเหลวอย่างยาหม่องหรือน้ำหอม และมาจากช่วงเวลาเดียวกับที่โรมันบุกยึดพื้นที่ “เธรซ” ซึ่งในปัจจุบันคือพื้นที่ตอนใต้ของบัลแกเรียไปจนถึงบางส่วนของกรีซและตุรกี 

อ้างอิงจากนักโบราณคดี โถชิ้นนี้ ทำขึ้นจากทองเหลือง และถูกหล่อโดยใช้ใบหน้าของคนในอดีตผู้จุดเด่นอยู่ที่จมูก ซึ่งอาจจะหักหรืองอจากการต่อสู้และยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์นัก และมีการสวมผ้าคลุมที่คาดว่าทำจากหนังสัตว์อย่างเสือดำหรือเสือดาวอีกที

บาดแผลที่จมูกเช่นนี้เป็นสัญลักษณ์ที่พบได้บ่อยๆ ในนักมวยปล้ำหรือนักมวย ในขณะที่ผ้าคลุมหนังสัตว์ตระกูลแมวใหญ่มักจะถูกใช่งานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ว่านักสู้คนนั้นๆ แข็งแกร่งราวกับเฮอร์คิวลีสอีกที 
ส่วนโครงกระดูกที่ถูกฝังไว้ใกล้ๆ โถหน้าคน เป็นของชายหนุ่มอายุราวๆ 35-40 ปีซึ่งถูกฝังไว้พร้อมๆ กับมีดโบราณที่ใช้ในการขูดเหงื่อและสิ่งสกปรกออกจากผิวหนัง ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่าน่าจะเป็นขุนนางชาวเธรซซึ่งรักในการกีฬา มากกว่าที่จะเป็นนักกีฬาหรือคนที่เป็นต้นแบบของโถหน้าคนจริงๆ 



โดยร่างของเขานั้นถูกฝังไว้ในหลุมฝังศพภายในสุสานขนาดใหญ่สูง 3 เมตรซึ่งเรียกว่า Tumulus อีกที ซึ่งสุสานในรูปแบบนี้โดยปกติจะถูกใช้ในการฝังศพเป็นครอบครัวในสมัยนั้น
นับว่าน่าเสียดายที่ด้วยข้อมูลของโครงกระดูกที่พบมีอยู่อย่างจำกัด นักโบราณคดีในปัจจุบันไม่สามารถฟันธงเรื่องราวส่วนใหญ่ของชายคนนี้ได้ ถึงอย่างนั้นก็ตามการค้นพบในครั้งนี้ ก็ยังคงนับว่าเป็นอะไรที่แปลกและน่าสนใจมากๆ อยู่ดี 
ที่มา. https://www.ancient-origins.net/news-history-archaeology/ancient-sportsman-0012650
Cr.https://www.clipmass.com/story/132423
 

พบนาฬิกา Swiss ในหลุมศพอายุ 400 ปี
 
 

เรื่องนี้ เกิดขึ้นในปี 2008 ที่ประเทศจีน เมื่อนักโบราณคดีคนหนึ่งได้ทำการเปิดโลงศพยักษ์ในสุสาน Si Qing ของราชวงศ์หมิง (อยู่ระหว่างปี 1368 – 1644) ที่อยู่อย่างสงบโดยไม่มีใครรบกวนมากว่า 400 ปี ในมณฑลชางซี

ในขณะที่ เจียง หยานหยู เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์กวางสี และทีมงานกำลังเอาดินรอบๆ โลงศพออก พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบกับชิ้นส่วนโลหะเล็กๆ รูปร่างคล้ายกับนาฬิกาที่ถูกห่อหุ้มด้วยดินและหิน ที่มีเวลาหยุดเดินที่ 10:06 น. โดยมีข้างหลังสลักคำว่า Swiss  พวกเขามั่นใจว่าพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ไปเปิดโลงศพแห่งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครมาก่อนพวกเขาแน่ๆ

ถ้าหลุมศพแห่งนี้ไม่มีใครถูกรบกวนมากว่า 400 ปี แล้วใครจะอธิบายได้อย่างไรว่า สิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ในยุคปัจจุบันนี้ ทำไมถึงไปอยู่ในหลุมศพแห่งนี้ได้ ส่วนรัฐบาลจีนกล่าวว่า ไม่มีความเห็นสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
Cr.https://starsmanman.blogspot.com/2016/04/swiss-400.html / โดย menmen

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ ชีววิทยา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่