บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/30777946
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/30780186
บทที่ ๓
เข้าสู่วันที่สองแล้วที่ลิลลดามาใช้ชีวิตที่คอร์เนลลี่เอสเตท ไร่องุ่นและไวน์เนอรี่ในสวอนวัลเลย์ แต่เธอก็ยังไม่ได้เริ่มทำงานในไร่อย่างจริงจัง ในตอนแรกมาร์โคบอกว่าจะพาเธอไปทำความรู้จักกับระบบการทำงานต่างๆในไร่ ในระหว่างที่รอคุณราฟกลับมาจากแอดดิเลด แต่นับแต่ที่เธอพบกับเขาในครัวเมื่อเช้าวานนี้ เธอก็ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเขาอีกเลย บาร์บบอกว่าคุณราฟมีงานให้มาร์โคทำจนยุ่งไม่มีเวลาจะมาพาเธอเดินดูไร่ จึงขอให้เธอมาช่วยงานแม่บ้านกับบาร์บไปก่อน ซึ่งหญิงสาวก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยงานแม่บ้านสูงวัยผู้ใจดีผู้นี้
หลังจากช่วยงานคุณแม่บ้านในตอนเช้าเสร็จ บาร์บาร่าบอกให้เธอพักผ่อนตามสบายได้ในช่วงบ่าย หญิงสาวสังเกตเห็นว่ารอบๆแปลงองุ่นจะมีแปลงกุหลาบขึ้นเป็นแถวเต็มไปหมด แต่ละต้นออกดอกและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เธอรักกุหลาบมาแต่ไหนแต่ไร ทุกครั้งที่ไปค้างกับบิดามารดาที่ฟาร์ม เธอจะอาสาตัดแต่งกิ่งกุหลาบที่บิดาปลูกไว้ในฟาร์มทุกครั้งไป และบิดาของเธอก็รู้ว่าหญิงสาวรักกุหลาบแค่ไหน จึงได้ทำแปลงกุหลาบหลากพันธุ์และดูแลเอาใจใส่จนกุหลาบแต่ละต้นออกดอกอย่างสมบูรณ์สวยงาม ทุกครั้งที่เธอกลับไปที่ฟาร์ม จึงไม่เคยผิดหวังกับแปลงกุหลาบของบิดาเลย แต่แปลงกุหลาบที่คอร์เนลลี่ดูขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างไรพิกล กุหลาบแต่ละต้น ไม่ได้มีเฉพาะดอกสวยๆ หากแต่ยังมีดอกที่โรยไปแล้วคากิ่งอยู่เต็มไปหมด หญิงสาวจึงขอยืมกรรไกรตัดกิ่งจากบาร์บาร่า เพื่อจะใช้เวลาช่วงบ่ายนี้ตัดกิ่งกุหลาบที่ดอกโรยไปแล้วทิ้งไป จะได้เหลือแต่ดอกสวยๆไว้ให้เธอชื่นชม
หญิงสาวเพลิดเพลินกับการตัดแต่งกิ่งกุหลาบจนแทบลืมเวลา เธอใช้เวลาที่แถวกุหลาบตั้งแต่หลังอาหารกลางวันจนเกือบเย็น แต่ก็ได้ผลงานเป็นที่น่าพอใจ ตอนนี้แถวกุหลาบด้านหน้าเธอไม่เหลือดอกเหี่ยวๆโรยๆแล้ว เหลือแต่ดอกสวยๆ กลิ่นหอมๆ ที่เห็นแล้วทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีจนรำพึงกับต้นกุหลาบเบาๆ เพราะกลัวใครมาได้ยินแล้วจะหาว่าเธอเสียสติ พูดกับต้นไม้ก็ได้ด้วย
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกนะ แค่ออกดอกสวยๆให้ดูก็พอแล้ว”
“กุหลาบที่นี่ไม่ได้ปลูกไว้เพื่อให้ออกดอกสวยๆหรอกนะ”
หญิงสาวหมุนตัวไปยังต้นเสียงที่ส่งมาจากด้านหลัง และก็แทบหัวใจหยุดเต้นเพราะนัยน์ตาเข้มสีอำพันที่มองสบมายังดวงตากลมโตของเธอนั้น เป็นดวงตาคู่ที่เธอคงไม่สามารถลืมได้ลงในเร็วๆนี้แน่
“คะ.. คุณ.. อยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” หญิงสาวถามตะกุกตะกัก และรู้สึกได้ว่าใบหน้าร้อนผ่าว ยิ่งมองเห็นเจ้าของนัยน์ตาที่เธอแอบเอาไปฝันถึงยืนมองมายิ้มๆ ยิ่งทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก
“ก็นานพอที่จะได้ยินเธอคุยกับกุหลาบนั่นแหละ” ชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจเธอเกือบหยุดเต้นตอบ
“...”
“อ้าว คุณราฟ มาอยู่ที่นี่เอง นึกว่าจะอยู่ที่บ้าน ผมไปตามหาไม่เจอ” ทั้งสองหมุนตัวไปตามต้นเสียงที่เข้ามาขัดจังหวะ.. หรือจะเรียกว่าช่วยชีวิตเธอดีนะ.. พร้อมๆกัน และพบว่าเป็นมาร์โคที่เดินตรงมาที่เธอกับชายหนุ่มผู้มีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจเธอยืนอยู่
ว่าแต่.. มาร์โคเรียกผู้ชายคนนี้ว่าอะไรนะ.. คุณราฟ.. คุณราฟ ราฟาเอล คอร์เนลลี่ เจ้าของคอร์เนลลี่เอสเตท เจ้านายของเธอน่ะเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไร หนุ่มหล่อที่เธอเดินชนบนเครื่องบินและเก็บเอาไปฝันถึงสองคืนติด กับคุณราฟเจ้าของคอร์เนลลี่ จะเป็นคนเดียวกันไปได้อย่างไร ยิ่งคิดหญิงสาวก็ยิ่งเข่าอ่อน จนอยากจะทรุดลงไปกองตรงนั้น หากไม่เกรงใจว่าจะเป็นภาระให้ชายหนุ่มผู้จัดการไร่ต้องมาวุ่นวายกับเธอ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะวุ่นวายคือมาร์โคแน่ๆ ส่วนคุณราฟเจ้าของไร่ คงไม่มาเสียเวลากับเธออย่างแน่นอน
“ฉันเข้าไปดูเพิร์ลก่อนเข้าบ้านน่ะ ว่าแต่เดวิดจะมาถึงเมื่อไหร่” ชายหนุ่มหันไปตอบและถามกับผู้จัดการไร่ในประโยคเดียว
“หมอเดวิดจะเข้ามาตอนห้าโมงครับ” มาร์โคตอบ
“ดี งั้นฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดวิดมาถึงแล้วมาตามที่บ้านละกัน อ่อ.. แล้วจะไม่แนะนำแขกของเราให้ฉันรู้จักบ้างเหรอ” เจ้าของคอร์เนลลี่สั่งแล้วถามต่อพร้อมกับหันมาทางหญิงสาว อย่างที่บอกให้รู้ว่าแขกที่เขาพูดถึงคือใคร
“อ่อ.. ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอกครับ นี่ลิลลี่ พนักงานในไร่คนใหม่ที่ผมเพิ่งรับเข้ามาเมื่อวานซืน ลิลลี่ นี่คุณราฟ ราฟาเอล คอร์เนลลี่ เจ้าของคอร์เนลลี่เอสเตท เจ้านายของพวกเราไงครับ” มาร์โคตอบเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะหันมาแนะนำเขาให้หญิงสาวรู้จัก
“ลิลลดายื่นมือไปสัมผัสกับมือใหญ่ที่ยื่นออกมารับการทักทายจากเธอ”
“ยินดีที่ได้พบค่ะ คุณราฟาเอล” หญิงสาวพูดอย่างเป็นพิธีรีตอง
ชายหนุ่มเจ้าของคอร์เนลลี่เพียงผงกหัวให้.. อย่างที่เขาทำบนเครื่องบิน..
“ผู้หญิงเหรอมาร์โค หวังว่าจะทนงานหนักในไร่ไปได้ตลอดวันนะ” ชายหนุ่มพูดแล้วหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวยืนอ้าปากค้างกับท่าทางหยาบคายและท่าทีที่เปลี่ยนไปในทันทีที่ทราบว่าเธอคือคนงานในไร่ของเขา
ไหนมาร์โคบอกว่าคุณราฟใจดีไงล่ะ แล้วนี่อะไร หยาบคายอย่างที่สุด ทำราวกับว่าเธอเป็นอะไรที่ไม่คู่ควรจะเสวนาด้วยอย่างนั้นล่ะ ในตอนแรกหญิงสาวก็ดีใจหรอกนะ ที่เห็นชายหนุ่มคนที่ขโมยหัวใจเธอไปจากบนเครื่องบินที่มาจากบริสเบนลำนั้น หัวใจพองโตที่อยู่ๆเขาก็โผล่มาที่ไร่ที่เธอทำงานอยู่ แต่หัวใจนั้นก็แฟบลงทันทีที่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นเจ้านายของเธอ และยิ่งแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดีเมื่อเขาทำท่าราวกับเธอเป็นเพียงเศษผงที่ลอยผ่านไป เธอไม่เห็นร่องรอยความทรงจำใดๆในแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาจำเธอไม่ได้!! แต่จะโทษเขาก็คงไม่ได้ คนที่มีคุณสมบัติแบบเขา ทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คงจะมีผู้หญิงห้อมล้อมจนนับไม่หวาดไม่ไหว แล้วเขาจะมาจำเด็กซุ่มซ่ามที่เดินทะเล่อทะล่าไปชนเขาได้อย่างไร และที่สำคัญ เขามีเพิร์ลที่เขารักขนาดนั้น ถึงกับต้องไปดูเธอก่อนที่จะเข้าบ้านด้วยซ้ำ แล้วจะเหลือจิตใจที่ไหนมาสนใจเด็กซุ่มซ่ามอย่างเธอล่ะ อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มรักเลยเชียวล่ะ ลิลลี่เอ๊ย
“เดี๋ยวเราเดินไปดูเพิร์ลด้วยกันนะครับ” เสียงของผู้จัดการไร่เรียกสติหญิงสาวให้กลับมาอยู่กับกาลปัจจุบัน
“เอ่อ.. ไปสิคะ” หญิงสาวตอบรับอย่างเลื่อนลอย
“มาร์โคคะ เพิร์ลอยู่ที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวถามเมื่อมาร์โคพาเธอเดินมาที่คอกม้าซึ่งอยู่ไม่หากจากบ้านของเจ้าของชายหนุ่มเจ้าของเอสเตทมากนัก
“ครับ เดี๋ยวผมจะพาเข้าไปดูเพิร์ล” มาร์โคตอบ
“ที่คอกม้านี่น่ะเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างงงงวย เธอคิดว่าชายหนุ่มผู้จัดการไร่จะพาเธอเดินไปที่บ้านของคนรักของเจ้าของเอสเตท ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากคอร์เนลลี่ในระยะที่เดินไปได้เสียอีก แต่เขากลับมาเธอมาที่คอกม้าเสียนี่
“ก็คอกม้าสิครับ เพิร์ลเป็นม้า ถ้าไม่อยู่ในคอกม้าจะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ” ชายหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ เห็นขันกับคำถามของหญิงสาว
“อ้าว.. เพิร์ลเป็นม้าหรอกหรือคะ ฉันนึกว่า.. เอ่อ.. ช่างมันเถอะค่ะ” หญิงสาวกล่าวก่อนที่จะตัดสินใจหยุดแค่นั้น เพราะไม่อยากให้มาร์โคหัวเราะเธอมากไปกว่านี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่า มาร์โคจะขำเธอมากแค่ไหนถ้าเธอบอกว่า เธอคิดว่าเพิร์ลคือคนรักของคุณราฟเสียอีก
“ท่าทางคุณราฟเป็นห่วงเพิร์ลมากนะคะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง
“ครับ ก็เพิร์ลเป็นม้าตัวโปรดของคุณราฟนี่ครับ เรียกว่าเป็นคู่หูกัน ตัวนึงมาไม่สบาย อีกคนก็เลยนั่งไม่ติดอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ” มาร์โคตอบอย่างอารมณ์ดี
“เพิร์ลเป็นอะไรหรือคะ” หญิงสาวถามด้วยความสนใจอย่างจริงจัง ใจคิดถึงจีจี้ ม้าตัวเมียสีน้ำตาลที่บิดาซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสิบแปดปี หญิงสาวเข้าใจดีถึงความรักระหว่างคนกับม้า เพราะจีจี้คือเพื่อนแท้ของเธอตัวหนึ่ง หากบิดาโทรมาบอกว่าจีจี้ไม่สบาย เธอก็คงจะนั่งไม่ติดที่เหมือนกัน
“เพิร์ลไม่กินอาหารตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้วครับ เมื่อวานก็เริ่มท้องเสีย อาการไม่ค่อยดีเลย”
“PHF[1] หรือเปล่าคะ” หญิงสาวถาม เพราะ PHF หรือโรคติดเชื้อแบคทีเรียในม้า เป็นโรคที่เกิดขึ้นเป็นปกติในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ เมื่อสองปีก่อน ม้าหลายตัวของบิดาก็เป็นโรคนี้เช่นกัน ทำให้เธอพอมีความคุ้นเคยกับอาการของโรคอยู่บ้าง
มาร์โคหันไปมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าเธอจะถามกลับอย่างคนมีความรู้เกี่ยวกับม้าเช่นนี้ เธอจึงยิ้มและอธิบายต่อใบหน้าแสดงความสงสัยของเขา โดยที่ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องเอ่ยเป็นคำพูดออกมา
“ม้าที่ฟาร์มเคยเป็นเมื่อสองปีก่อนน่ะค่ะ” มาร์โคพยักหน้ารับรู้ก่อนจะตอบ
“หมอเดวิดก็สงสัยน่ะครับ แต่คงต้องตรวจเลือดก่อน.. อ้าว.. หมอเดวิดมาพอดี ผมรบกวนลิลลี่ไปตามคุณราฟที่บ้านหน่อยได้ไหม” ผู้จัดการไร่หนุ่มกล่าวเมื่อมองเห็นรถของ เดวิด ปีเตอร์สัน นายสัตวแพทย์ประจำไร่องุ่นคอร์เนลลี่ แล่นตรงมายังโรงจอดรถข้างคอกม้า
“ดะ.. ได้สิคะ” หญิงสาวตอบในขณะที่ในใจกรีดร้องว่าไม่ได้เด็ดขาด แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมาอย่างที่ใจคิด
[1]PHF (Potomac Horse Fever) โรคติดเชื้อแบคทีเรียในม้า
“จากอาการเบื้องต้น ฉันสงสัยว่าจะเป็น PHF แต่จะรู้แน่ต้องตรวจเลือดก่อน เดี๋ยวฉันจะเอาเลือดกลับไปตรวจที่แล็บของโรงพยาบาลคืนนี้เลย” สัตวแพทย์ประจำไร่บอกกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของที่ยืนกดอกอยู่ข้างๆ
เดวิดเป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าของเอสเตท มาร์โคเล่าให้ฟังว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมทีมกีฬาเรือใบของมหาวิทยาลัย ทำให้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน และเมื่อเรียนจบ ราฟาเอลก็ขอให้นายสัตวแพทย์หนุ่มมาเป็นสัตวแพทย์ประจำไร่ให้กับเขา หลังจากที่สัตวแพทย์คนเก่าเกษียณไป เดวิดจะมาดูแลสัตว์ในไร่ ตรวจสุขภาพ ฉีดวัควีนตามกำหนด และจะเข้ามาตรวจเมื่อมีสัตว์ป่วยเกิดขึ้น อย่างเช่นในกรณีของเพิร์ล โดยที่เขาจะมีงานประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ในเมือง ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มแนบแน่นขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป และทั้งสองก็มักจะออกเรือไปตกปลาด้วยกันอยู่บ่อยๆ ในเวลาที่ทั้งสองว่างตรงกัน
“จะได้ผลเร็วที่สุดเมื่อไหร่” คนยืนกอดอกถามอย่างใจร้อน
ชีวิตนี้คงจะไม่เคยต้องรออะไรเลยกระมัง หญิงสาวคิดอย่างหมั่นไส้ เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องมามีความรู้สึกแย่ๆกับเจ้านายแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาอยากมาทำหยาบคายใส่เธอเมื่อวันก่อนทำไม ตอนนี้ก็เลยทำให้เธอรู้สึกขัดหูขัดตากับเขาไปหมด ไม่ว่าเขาจะทำหรือพูดอะไรก็ตาม
“ฉันจะเร่งให้ น่าจะรู้ผลพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ระหว่างนี้ก็ดูแลอย่าให้ขาดน้ำ แล้วก็แยกเพิร์ลออกมาจากม้าตัวอื่นๆด้วย แม้ว่า PHF จะไม่ติดต่อถึงม้าตัวอื่น แต่อาการแบบนี้อาจจะเป็นโรคท้องร่วงก็ได้ ต้องแยกไว้ก่อน เพราะถ้าเป็นท้องร่วงนี่เดี๋ยวจะติดกันไปหมดทั้งคอก”
“มาร์โค จัดการตามนั้นก็แล้วกันนะ” ชายหนุ่มเจ้าของไร่หันไปสั่งผู้จัดการไร่ก่อนจะหันไปหาเพื่อน
“นายจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันหรือเปล่า”
“เอาสิ คิดถึงอาหารฝีมือบาร์บจะแย่อยู่แล้ว” นายสัตว์แพทย์หนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันมายิ้มให้หญิงสาวคนเดียวในที่นั้น จากนั้นหันกลับไปถามเพื่อนล้อๆ
“นายไม่คิดจะแนะนำสาวน้อยแสนสวยคนนี้ให้ฉันรู้จักบ้างรึไงราฟ” เดวิดกระเซ้าเพื่อนและหันมาหลิ่วตาให้หญิงสาว
บ่มไวน์ใส่รัก บทที่ ๓
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ ๓
เข้าสู่วันที่สองแล้วที่ลิลลดามาใช้ชีวิตที่คอร์เนลลี่เอสเตท ไร่องุ่นและไวน์เนอรี่ในสวอนวัลเลย์ แต่เธอก็ยังไม่ได้เริ่มทำงานในไร่อย่างจริงจัง ในตอนแรกมาร์โคบอกว่าจะพาเธอไปทำความรู้จักกับระบบการทำงานต่างๆในไร่ ในระหว่างที่รอคุณราฟกลับมาจากแอดดิเลด แต่นับแต่ที่เธอพบกับเขาในครัวเมื่อเช้าวานนี้ เธอก็ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเขาอีกเลย บาร์บบอกว่าคุณราฟมีงานให้มาร์โคทำจนยุ่งไม่มีเวลาจะมาพาเธอเดินดูไร่ จึงขอให้เธอมาช่วยงานแม่บ้านกับบาร์บไปก่อน ซึ่งหญิงสาวก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยงานแม่บ้านสูงวัยผู้ใจดีผู้นี้
หลังจากช่วยงานคุณแม่บ้านในตอนเช้าเสร็จ บาร์บาร่าบอกให้เธอพักผ่อนตามสบายได้ในช่วงบ่าย หญิงสาวสังเกตเห็นว่ารอบๆแปลงองุ่นจะมีแปลงกุหลาบขึ้นเป็นแถวเต็มไปหมด แต่ละต้นออกดอกและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เธอรักกุหลาบมาแต่ไหนแต่ไร ทุกครั้งที่ไปค้างกับบิดามารดาที่ฟาร์ม เธอจะอาสาตัดแต่งกิ่งกุหลาบที่บิดาปลูกไว้ในฟาร์มทุกครั้งไป และบิดาของเธอก็รู้ว่าหญิงสาวรักกุหลาบแค่ไหน จึงได้ทำแปลงกุหลาบหลากพันธุ์และดูแลเอาใจใส่จนกุหลาบแต่ละต้นออกดอกอย่างสมบูรณ์สวยงาม ทุกครั้งที่เธอกลับไปที่ฟาร์ม จึงไม่เคยผิดหวังกับแปลงกุหลาบของบิดาเลย แต่แปลงกุหลาบที่คอร์เนลลี่ดูขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างไรพิกล กุหลาบแต่ละต้น ไม่ได้มีเฉพาะดอกสวยๆ หากแต่ยังมีดอกที่โรยไปแล้วคากิ่งอยู่เต็มไปหมด หญิงสาวจึงขอยืมกรรไกรตัดกิ่งจากบาร์บาร่า เพื่อจะใช้เวลาช่วงบ่ายนี้ตัดกิ่งกุหลาบที่ดอกโรยไปแล้วทิ้งไป จะได้เหลือแต่ดอกสวยๆไว้ให้เธอชื่นชม
หญิงสาวเพลิดเพลินกับการตัดแต่งกิ่งกุหลาบจนแทบลืมเวลา เธอใช้เวลาที่แถวกุหลาบตั้งแต่หลังอาหารกลางวันจนเกือบเย็น แต่ก็ได้ผลงานเป็นที่น่าพอใจ ตอนนี้แถวกุหลาบด้านหน้าเธอไม่เหลือดอกเหี่ยวๆโรยๆแล้ว เหลือแต่ดอกสวยๆ กลิ่นหอมๆ ที่เห็นแล้วทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีจนรำพึงกับต้นกุหลาบเบาๆ เพราะกลัวใครมาได้ยินแล้วจะหาว่าเธอเสียสติ พูดกับต้นไม้ก็ได้ด้วย
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกนะ แค่ออกดอกสวยๆให้ดูก็พอแล้ว”
“กุหลาบที่นี่ไม่ได้ปลูกไว้เพื่อให้ออกดอกสวยๆหรอกนะ”
หญิงสาวหมุนตัวไปยังต้นเสียงที่ส่งมาจากด้านหลัง และก็แทบหัวใจหยุดเต้นเพราะนัยน์ตาเข้มสีอำพันที่มองสบมายังดวงตากลมโตของเธอนั้น เป็นดวงตาคู่ที่เธอคงไม่สามารถลืมได้ลงในเร็วๆนี้แน่
“คะ.. คุณ.. อยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” หญิงสาวถามตะกุกตะกัก และรู้สึกได้ว่าใบหน้าร้อนผ่าว ยิ่งมองเห็นเจ้าของนัยน์ตาที่เธอแอบเอาไปฝันถึงยืนมองมายิ้มๆ ยิ่งทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก
“ก็นานพอที่จะได้ยินเธอคุยกับกุหลาบนั่นแหละ” ชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจเธอเกือบหยุดเต้นตอบ
“...”
“อ้าว คุณราฟ มาอยู่ที่นี่เอง นึกว่าจะอยู่ที่บ้าน ผมไปตามหาไม่เจอ” ทั้งสองหมุนตัวไปตามต้นเสียงที่เข้ามาขัดจังหวะ.. หรือจะเรียกว่าช่วยชีวิตเธอดีนะ.. พร้อมๆกัน และพบว่าเป็นมาร์โคที่เดินตรงมาที่เธอกับชายหนุ่มผู้มีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจเธอยืนอยู่
ว่าแต่.. มาร์โคเรียกผู้ชายคนนี้ว่าอะไรนะ.. คุณราฟ.. คุณราฟ ราฟาเอล คอร์เนลลี่ เจ้าของคอร์เนลลี่เอสเตท เจ้านายของเธอน่ะเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไร หนุ่มหล่อที่เธอเดินชนบนเครื่องบินและเก็บเอาไปฝันถึงสองคืนติด กับคุณราฟเจ้าของคอร์เนลลี่ จะเป็นคนเดียวกันไปได้อย่างไร ยิ่งคิดหญิงสาวก็ยิ่งเข่าอ่อน จนอยากจะทรุดลงไปกองตรงนั้น หากไม่เกรงใจว่าจะเป็นภาระให้ชายหนุ่มผู้จัดการไร่ต้องมาวุ่นวายกับเธอ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะวุ่นวายคือมาร์โคแน่ๆ ส่วนคุณราฟเจ้าของไร่ คงไม่มาเสียเวลากับเธออย่างแน่นอน
“ฉันเข้าไปดูเพิร์ลก่อนเข้าบ้านน่ะ ว่าแต่เดวิดจะมาถึงเมื่อไหร่” ชายหนุ่มหันไปตอบและถามกับผู้จัดการไร่ในประโยคเดียว
“หมอเดวิดจะเข้ามาตอนห้าโมงครับ” มาร์โคตอบ
“ดี งั้นฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดวิดมาถึงแล้วมาตามที่บ้านละกัน อ่อ.. แล้วจะไม่แนะนำแขกของเราให้ฉันรู้จักบ้างเหรอ” เจ้าของคอร์เนลลี่สั่งแล้วถามต่อพร้อมกับหันมาทางหญิงสาว อย่างที่บอกให้รู้ว่าแขกที่เขาพูดถึงคือใคร
“อ่อ.. ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอกครับ นี่ลิลลี่ พนักงานในไร่คนใหม่ที่ผมเพิ่งรับเข้ามาเมื่อวานซืน ลิลลี่ นี่คุณราฟ ราฟาเอล คอร์เนลลี่ เจ้าของคอร์เนลลี่เอสเตท เจ้านายของพวกเราไงครับ” มาร์โคตอบเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะหันมาแนะนำเขาให้หญิงสาวรู้จัก
“ลิลลดายื่นมือไปสัมผัสกับมือใหญ่ที่ยื่นออกมารับการทักทายจากเธอ”
“ยินดีที่ได้พบค่ะ คุณราฟาเอล” หญิงสาวพูดอย่างเป็นพิธีรีตอง
ชายหนุ่มเจ้าของคอร์เนลลี่เพียงผงกหัวให้.. อย่างที่เขาทำบนเครื่องบิน..
“ผู้หญิงเหรอมาร์โค หวังว่าจะทนงานหนักในไร่ไปได้ตลอดวันนะ” ชายหนุ่มพูดแล้วหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวยืนอ้าปากค้างกับท่าทางหยาบคายและท่าทีที่เปลี่ยนไปในทันทีที่ทราบว่าเธอคือคนงานในไร่ของเขา
ไหนมาร์โคบอกว่าคุณราฟใจดีไงล่ะ แล้วนี่อะไร หยาบคายอย่างที่สุด ทำราวกับว่าเธอเป็นอะไรที่ไม่คู่ควรจะเสวนาด้วยอย่างนั้นล่ะ ในตอนแรกหญิงสาวก็ดีใจหรอกนะ ที่เห็นชายหนุ่มคนที่ขโมยหัวใจเธอไปจากบนเครื่องบินที่มาจากบริสเบนลำนั้น หัวใจพองโตที่อยู่ๆเขาก็โผล่มาที่ไร่ที่เธอทำงานอยู่ แต่หัวใจนั้นก็แฟบลงทันทีที่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นเจ้านายของเธอ และยิ่งแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดีเมื่อเขาทำท่าราวกับเธอเป็นเพียงเศษผงที่ลอยผ่านไป เธอไม่เห็นร่องรอยความทรงจำใดๆในแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาจำเธอไม่ได้!! แต่จะโทษเขาก็คงไม่ได้ คนที่มีคุณสมบัติแบบเขา ทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คงจะมีผู้หญิงห้อมล้อมจนนับไม่หวาดไม่ไหว แล้วเขาจะมาจำเด็กซุ่มซ่ามที่เดินทะเล่อทะล่าไปชนเขาได้อย่างไร และที่สำคัญ เขามีเพิร์ลที่เขารักขนาดนั้น ถึงกับต้องไปดูเธอก่อนที่จะเข้าบ้านด้วยซ้ำ แล้วจะเหลือจิตใจที่ไหนมาสนใจเด็กซุ่มซ่ามอย่างเธอล่ะ อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มรักเลยเชียวล่ะ ลิลลี่เอ๊ย
“เดี๋ยวเราเดินไปดูเพิร์ลด้วยกันนะครับ” เสียงของผู้จัดการไร่เรียกสติหญิงสาวให้กลับมาอยู่กับกาลปัจจุบัน
“เอ่อ.. ไปสิคะ” หญิงสาวตอบรับอย่างเลื่อนลอย
“มาร์โคคะ เพิร์ลอยู่ที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวถามเมื่อมาร์โคพาเธอเดินมาที่คอกม้าซึ่งอยู่ไม่หากจากบ้านของเจ้าของชายหนุ่มเจ้าของเอสเตทมากนัก
“ครับ เดี๋ยวผมจะพาเข้าไปดูเพิร์ล” มาร์โคตอบ
“ที่คอกม้านี่น่ะเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างงงงวย เธอคิดว่าชายหนุ่มผู้จัดการไร่จะพาเธอเดินไปที่บ้านของคนรักของเจ้าของเอสเตท ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากคอร์เนลลี่ในระยะที่เดินไปได้เสียอีก แต่เขากลับมาเธอมาที่คอกม้าเสียนี่
“ก็คอกม้าสิครับ เพิร์ลเป็นม้า ถ้าไม่อยู่ในคอกม้าจะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ” ชายหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ เห็นขันกับคำถามของหญิงสาว
“อ้าว.. เพิร์ลเป็นม้าหรอกหรือคะ ฉันนึกว่า.. เอ่อ.. ช่างมันเถอะค่ะ” หญิงสาวกล่าวก่อนที่จะตัดสินใจหยุดแค่นั้น เพราะไม่อยากให้มาร์โคหัวเราะเธอมากไปกว่านี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่า มาร์โคจะขำเธอมากแค่ไหนถ้าเธอบอกว่า เธอคิดว่าเพิร์ลคือคนรักของคุณราฟเสียอีก
“ท่าทางคุณราฟเป็นห่วงเพิร์ลมากนะคะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง
“ครับ ก็เพิร์ลเป็นม้าตัวโปรดของคุณราฟนี่ครับ เรียกว่าเป็นคู่หูกัน ตัวนึงมาไม่สบาย อีกคนก็เลยนั่งไม่ติดอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ” มาร์โคตอบอย่างอารมณ์ดี
“เพิร์ลเป็นอะไรหรือคะ” หญิงสาวถามด้วยความสนใจอย่างจริงจัง ใจคิดถึงจีจี้ ม้าตัวเมียสีน้ำตาลที่บิดาซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสิบแปดปี หญิงสาวเข้าใจดีถึงความรักระหว่างคนกับม้า เพราะจีจี้คือเพื่อนแท้ของเธอตัวหนึ่ง หากบิดาโทรมาบอกว่าจีจี้ไม่สบาย เธอก็คงจะนั่งไม่ติดที่เหมือนกัน
“เพิร์ลไม่กินอาหารตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้วครับ เมื่อวานก็เริ่มท้องเสีย อาการไม่ค่อยดีเลย”
“PHF[1] หรือเปล่าคะ” หญิงสาวถาม เพราะ PHF หรือโรคติดเชื้อแบคทีเรียในม้า เป็นโรคที่เกิดขึ้นเป็นปกติในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ เมื่อสองปีก่อน ม้าหลายตัวของบิดาก็เป็นโรคนี้เช่นกัน ทำให้เธอพอมีความคุ้นเคยกับอาการของโรคอยู่บ้าง
มาร์โคหันไปมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าเธอจะถามกลับอย่างคนมีความรู้เกี่ยวกับม้าเช่นนี้ เธอจึงยิ้มและอธิบายต่อใบหน้าแสดงความสงสัยของเขา โดยที่ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องเอ่ยเป็นคำพูดออกมา
“ม้าที่ฟาร์มเคยเป็นเมื่อสองปีก่อนน่ะค่ะ” มาร์โคพยักหน้ารับรู้ก่อนจะตอบ
“หมอเดวิดก็สงสัยน่ะครับ แต่คงต้องตรวจเลือดก่อน.. อ้าว.. หมอเดวิดมาพอดี ผมรบกวนลิลลี่ไปตามคุณราฟที่บ้านหน่อยได้ไหม” ผู้จัดการไร่หนุ่มกล่าวเมื่อมองเห็นรถของ เดวิด ปีเตอร์สัน นายสัตวแพทย์ประจำไร่องุ่นคอร์เนลลี่ แล่นตรงมายังโรงจอดรถข้างคอกม้า
“ดะ.. ได้สิคะ” หญิงสาวตอบในขณะที่ในใจกรีดร้องว่าไม่ได้เด็ดขาด แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมาอย่างที่ใจคิด
[1]PHF (Potomac Horse Fever) โรคติดเชื้อแบคทีเรียในม้า
“จากอาการเบื้องต้น ฉันสงสัยว่าจะเป็น PHF แต่จะรู้แน่ต้องตรวจเลือดก่อน เดี๋ยวฉันจะเอาเลือดกลับไปตรวจที่แล็บของโรงพยาบาลคืนนี้เลย” สัตวแพทย์ประจำไร่บอกกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของที่ยืนกดอกอยู่ข้างๆ
เดวิดเป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าของเอสเตท มาร์โคเล่าให้ฟังว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมทีมกีฬาเรือใบของมหาวิทยาลัย ทำให้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน และเมื่อเรียนจบ ราฟาเอลก็ขอให้นายสัตวแพทย์หนุ่มมาเป็นสัตวแพทย์ประจำไร่ให้กับเขา หลังจากที่สัตวแพทย์คนเก่าเกษียณไป เดวิดจะมาดูแลสัตว์ในไร่ ตรวจสุขภาพ ฉีดวัควีนตามกำหนด และจะเข้ามาตรวจเมื่อมีสัตว์ป่วยเกิดขึ้น อย่างเช่นในกรณีของเพิร์ล โดยที่เขาจะมีงานประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ในเมือง ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มแนบแน่นขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป และทั้งสองก็มักจะออกเรือไปตกปลาด้วยกันอยู่บ่อยๆ ในเวลาที่ทั้งสองว่างตรงกัน
“จะได้ผลเร็วที่สุดเมื่อไหร่” คนยืนกอดอกถามอย่างใจร้อน
ชีวิตนี้คงจะไม่เคยต้องรออะไรเลยกระมัง หญิงสาวคิดอย่างหมั่นไส้ เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องมามีความรู้สึกแย่ๆกับเจ้านายแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาอยากมาทำหยาบคายใส่เธอเมื่อวันก่อนทำไม ตอนนี้ก็เลยทำให้เธอรู้สึกขัดหูขัดตากับเขาไปหมด ไม่ว่าเขาจะทำหรือพูดอะไรก็ตาม
“ฉันจะเร่งให้ น่าจะรู้ผลพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ระหว่างนี้ก็ดูแลอย่าให้ขาดน้ำ แล้วก็แยกเพิร์ลออกมาจากม้าตัวอื่นๆด้วย แม้ว่า PHF จะไม่ติดต่อถึงม้าตัวอื่น แต่อาการแบบนี้อาจจะเป็นโรคท้องร่วงก็ได้ ต้องแยกไว้ก่อน เพราะถ้าเป็นท้องร่วงนี่เดี๋ยวจะติดกันไปหมดทั้งคอก”
“มาร์โค จัดการตามนั้นก็แล้วกันนะ” ชายหนุ่มเจ้าของไร่หันไปสั่งผู้จัดการไร่ก่อนจะหันไปหาเพื่อน
“นายจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันหรือเปล่า”
“เอาสิ คิดถึงอาหารฝีมือบาร์บจะแย่อยู่แล้ว” นายสัตว์แพทย์หนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันมายิ้มให้หญิงสาวคนเดียวในที่นั้น จากนั้นหันกลับไปถามเพื่อนล้อๆ
“นายไม่คิดจะแนะนำสาวน้อยแสนสวยคนนี้ให้ฉันรู้จักบ้างรึไงราฟ” เดวิดกระเซ้าเพื่อนและหันมาหลิ่วตาให้หญิงสาว