ลิลลี่ ลิลลดา หญิงสาวลูกสาวเจ้าของฟาร์มผลไม้จากซันไชน์โคสท์ ควีนส์แลนด์ บิดามารดาของเธอกำลังจะยกกิจการฟาร์มให้เธอจัดการแทน หากแต่หญิงสาวยังไม่พร้อมที่จะรับภาระอันยิ่งใหญ่ และไม่ต้องการทำกิจการฟาร์มผลไม้อย่างบิดามารดา เธอจึงขอไปทำงานในไวน์เนอรี่ที่ฝั่งตะวันตก เพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการปลูกองุ่นและการทำไวน์ โดยหวังจะนำมาใช้ในฟาร์มของตน เพราะตั้งใจจะเปลี่ยนฟาร์มผลไม้ให้เป็นไร่องุ่น และอาจจะเป็นไวน์เนอรี่ต่อไปในอนาคต และจะกลับมารับสืบทอดกิจการหลังจากมีอายุครบ ๒๕ ปี
คุณราฟ ราฟาเอล คอร์เนลลี่ ชายหนุ่มเจ้าของคอร์เนลลี่เอสเตท ไวน์เนอรี่และไร่องุ่นในสวอนวัลเลย์ เพิร์ธ บนเครื่องบินที่เพิ่งลงจอดจากบริสเบน เขาโดนผู้โดยสารคนหนึ่งเดินชนข้างหลังเข้าอย่างจัง และเมื่อหันไปสบตากับคนซุ่มซ่ามคนนั้น หัวใจเขาก็ไม่เต้นจังหวะเดิมอีกต่อไป
เรื่องราวความรักท่ามกลางการทำงานในไร่องุ่น และสภาพภูมิประเทศที่สวยงามของหุบเขาแม่น้ำสวอน ราฟาเอล เจ้านายที่หลงรักคนงานของตัวเอง หากแต่การมีสัมพันธ์กับลูกจ้างเป็นสิ่งต้องห้าม ชายหนุ่มจึงต้องหักห้ามใจตัวเอง แม้ว่าจะต้องการผู้หญิงคนนี้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนก็ตาม
ชายหนุ่มจะห้ามความรู้สึกของตัวเองไปได้แค่ไหน หรือจะยอมพ่ายแพ้ให้กับความต้องการที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน โปรดติดตามได้ใน บ่มไวน์ใส่รัก นิยายรักโรแมนติกที่จะทำให้คุณหลงรักคุณราฟจนถอนตัวไม่ขึ้น จนอยากจะเป็นลิลลี่เองทีเดียว
** เป็นนิยายเรื่องแรกของผู้เขียน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ (วิจารณ์แบบจัดหนักด้วยจะขอบคุณมากค่ะ)
รุ่งธิวา
บทที่ ๑
ถึงเสียที.. หญิงสาวคิด ขณะเที่ยวบินที่นำเธอมาจากบริสเบนลงจอดที่สนามบินภายในประเทศเพิร์ธอย่างปลอดภัย หลังจากสัญญาณรัดเข็มขัดขณะเครื่องลงจอดดับลง ลิลลดาลุกขึ้นหยิบกระเป๋าจากที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ และยืนรอให้คนข้างหน้าเดินลงไปก่อน ก่อนที่จะก้าวขาตามเมื่อผู้โดยสารที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอขยับตัว
เพราะมัวแต่มองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางมายังฝั่งตะวันตก ทำให้ไม่ทันรู้ตัวเมื่อคนที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าหยุดกระทันหัน หญิงสาวจึงเดินชนด้านหลังของชายหนุ่มตัวสูงเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวละล่ำละลัก
“ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้ารีบก็เชิญก่อนก็ได้” คนตัวสูงตรงหน้าตอบ พร้อมทั้งเบี่ยงตัวเปิดทางให้เธอไปก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่รีบ เพียงแต่ไม่ทันมอง” หญิงสาวตอบและเงยหน้าขึ้นเพื่อยิ้มให้คนร่างสูงที่เอื้อเฟื้อแก่เธอ หากแต่รอยยิ้มที่เพิ่งจะคลี่ออกเป็นต้องหุบกระทันหัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการอ้าปากค้างเมื่อสบตากับนัยน์ตาเข้มสีอำพันภายใต้กรอบขนตางอนยาวราวกับผู้หญิงของคนตัวสูงตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มนั้นมีไรเคราครึ้มอย่างที่เมื่อเช้าคงจะไม่ได้โกน รวมกับผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มยาวระต้นคอ เสื้อเชิร์ตแขนยาวสีขาวที่พับแขนขึ้นมาถึงใต้ข้อศอก กระดุมด้านหน้าสองเม็ดบนถูกปลดออก เผยให้เห็นแผงอกกว้างภายใต้ไรขนบางเบา ทำให้เขามองดูเหมือนกับนายแบบที่เดินออกมาจากนิตยสารอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามเมื่อเห็นเธอจ้องหน้า ตาเบิกกว้าง โดยไม่มีคำพูดใดๆ
“ปละ เปล่าค่ะ เชิญคุณเดินก่อนเลยค่ะ ขอโทษอีกครั้งที่ไม่ทันมองจนชนคุณ” หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก หลบนัยน์ตาคมเข้มที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจนั้น ใบหน้างามร้อนวูบวาบ สาบานได้เลยว่า ตอนนี้หน้าเธอคงจะกลายเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึงสุกแน่ๆ
คนร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ เพียงก้มหัวน้อยๆ ก่อนที่จะยืดตัวตรงและเดินถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กในมือหนึ่ง แขนอีกข้างหนึ่งมีแจ็คสีดำพาดอยู่ ก้าวนำเธอตรงไปยังประตูทางออกของเครื่องที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
ลิลลดามองตามหลังของร่างสูงในชุดเสื้อเชิร์ตแขนยาวกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีดำที่เดินลับสายตาไป ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายืดยาว
คนอะไรหน้าตาดีชะมัด หญิงสาวคิด เธออยากจะกรีดร้องอยู่ตรงนั้น และคิดว่าเธอคงจะตกหลุมรักชายหนุ่มเพื่อนร่วมทางคนนี้เข้าอย่างจังเสียแล้ว
ถ้าได้คนหน้าตาแบบนี้เป็นแฟน แม่จะเก็บใส่ตู้โชว์ที่บ้านไม่ให้ออกไปไหนเลยเชียว หญิงสาวคิดเล่นๆอย่างขำๆ ก่อนที่จะหัวเราะให้กับความคิดห่ามๆของตนเอง และเดินตรงไปยังประตูทางออกที่คนหน้าตาดีเพิ่งลับสายตาไป
“การเดินทางเป็นอย่างไรบ้างครับ” ชายหนุ่มอายุราวสามสิบต้นๆ ผู้จัดการไร่องุ่นคอร์เนลลี่ ซึ่งมารับเธอที่สนามบินถามขึ้น หลังจากทักทายกันตามมารยาท ณ จุดนัดพบบริเวณประตูทางออกนอกอาคารผู้โดยสาร ซึ่งหญิงสาวเดินออกมาพบกับเขาตามที่เขาอธิบายไปทางอีเมลก่อนที่เธอจะเดินทางมา
“ราบรื่นดีค่ะ แต่ไฟลท์ยาวนานจริงๆ” ลิลลดาตอบพร้อมรอยยิ้มเหน็ดเหนื่อย เมื่อนึกไปถึงเที่ยวบินจากฝั่งตะวันออกข้ามออสเตรเลียทั้งประเทศมาที่ฝั่งตะวันตก และใช้เวลาไปถึงหกชั่วโมง ราวกับบินไปต่างประเทศก็ไม่ปาน
มาร์โคเป็นผู้จัดการไร่คอร์เนลลี่ ซึ่งเป็นส่วนไร่องุ่นของคอร์เนลลี่เอสเตท ซึ่งประกอบด้วยไร่องุ่นและไวน์เนอรี่ธุรกิจของครอบครัวคอร์เนลลี่ ในสวอนวอนวัลเลย์ แหล่งปลูกองุ่นและผลิตไวน์แห่งหนึ่งของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ที่ที่เธอจะไปใช้ชีวิตต่อจากนี้อีกอย่างน้อยก็หนึ่งปี เพื่อเรียนรู้การปลูกองุ่นและกิจการการทำไวน์ ก่อนที่จะต้องกลับไปรับทอดกิจการของบิดามารดาที่ซันไชน์โคสท์ รัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งพ่อกับแม่มีแผนการจะยกกิจการการทำฟาร์มให้เธอบริหารจัดการต่อ หลังจากที่เธอฉลองวันเกิดครบ ๒๕ ปี ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงปีวันนั้นก็จะมาถึงแล้ว
บิดามารดาของลิลลดามีฟาร์มขนาดสองร้อยเอเคอร์ที่เมืองมาเลนี่ เมืองเล็กๆในเขตซันไชน์โคสท์ ทางเหนือของบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ พ่อกับแม่ของเธอทำฟาร์มสตอเบอรี่ ส้ม และสับปะรด แต่หญิงสาวไม่มีความสนใจสืบทอดกิจการการปลูกพืชผลเหล่านั้นเลย และเมื่อพ่อกับแม่ดำริที่จะเกษียณและยกฟาร์มให้เธอจัดการต่อ หญิงสาวจึงต่อรองขอเวลาจนกว่าเธอจะอายุครบ ๒๕ ปี และหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะมีความเป็นผู้ใหญ่พอและพร้อมที่จะแบกรับภาระอันหนักหน่วงที่พ่อแม่วางแผนจะวางไว้บนบ่าเธอได้มากกว่าตอนนี้ ในระหว่างนี้ หญิงสาวขอเดินทางมาทำงานในไวน์เนอรี่ที่เพิร์ธเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการทำไวน์ เนื่องเพราะหญิงสาวมีแผนการจะเปลี่ยนฟาร์มผลไม้ของบิดามารดาให้เป็นไร่องุ่น และหากเป็นไปได้ก็อาจจะเป็นไวน์เนอรี่ต่อไปในอนาคต
ที่ควีนส์แลนด์ อุตสาหกรรมการทำไวน์กำลังเติบโตขึ้นมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา แม้จะไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะรู้จักนัก ว่าควีนส์แลนด์ก็มีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์เช่นกัน และพื้นที่บริเวณที่ฟาร์มของบิดามารดาของเธอตั้งอยู่ ก็มีฟาร์มหลายแห่งที่เริ่มเปลี่ยนมาทำไร่องุ่นและไวน์เนอรี่ หญิงสาวคิดว่า หากเธอเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ในช่วงที่คู่แข่งยังไม่มากนัก จะเป็นผลดีต่อธุรกิจจมากกว่า
“ลิลลี่เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ” ผู้จัดการไร่องุ่นคอร์เนลลี่ส่งเสียงมาจากด้านคนขับ ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง
“เอ่อ.. เปล่าค่ะ เพียงแต่คิดถึงที่บ้านนิดหน่อย” หญิงสาวตอบก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนที่กำลังขับรถ
“ที่เอสเตทของเรามีคนเยอะแยะ ลิลลี่คงจะไม่คิดถึงบ้านหรอกครับ” มาร์โคบอกหญิงสาวกึ่งๆปลอบใจ เขาเข้าใจว่าหญิงสาวที่เดินทางข้ามจากฝั่งตะวันออกมาตะวันตกคนเดียว คงจะคิดถึงบ้านไม่มากก็น้อย
“ที่ไร่มีใครอยู่บ้างหรือคะ” หญิงสาวถาม
“ถ้าในส่วนไร่องุ่น เราจะมีคนงานแบบไป – กลับมาทำงานทุกวัน แต่จะมีผมกับบาร์บาร่าที่อยู่ประจำ บาร์บเป็นแม่บ้านดูแลความเรียบร้อยในบ้านให้กับคุณราฟและบ้านใหญ่ รวมทั้งห้องอาหารและเซลล่าดอร์ ผมกับบาร์บอาศัยอยู่ที่ลิตเติลฮัท บ้านที่ลิลลี่จะไปอยู่นี่ล่ะครับ ส่วนคุณราฟจะอยู่คนเดียวในบ้านของเขาอีกหลังหนึ่งในบริเวณไร่ ในส่วนไวน์เนอรี่ ร้านอาหาร และเซลลาดอร์ ก็จะมีพนักงานมาทำงานเช้าไปเย็นกลับ คึกกันกันทุกวัน จริงๆแล้ว เซลลาดอร์เป็นชั้นล่างของบ้านใหญ่ บ้านหลังเก่าแก่ที่คุณฟาบิโอกับคุณกลอเรียพ่อแม่ของคุณราฟ กับคุณวิทตอเรีย น้องสาว อาศัยอยู่กันน่ะครับ”
“อยู่กันหลายคน ท่าทางจะคึกคักจริงๆด้วยล่ะค่ะ” หญิงสาวตอบและยิ้มให้เขาอีกครั้ง
คุณราฟ.. มาร์โคคงจะหมายถึง ราฟฟาเอล คอร์เนลลี่ ลูกชายคนโตของตระกูลคอร์เนลลี่ ผู้บริหารสูงสุดของคอร์เนลลี่เอสเตทสินะ หญิงสาวไม่เคยได้ติดต่อโดยตรงกับชายผู้ซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ การติดต่อทุกอย่างผ่านทางมาร์โคซึ่งเป็นผู้จัดการไร่เท่านั้น ซึ่งก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะผู้บริหารอย่างเขา คงจะไม่มาติดต่อกับพนักงานทั่วไปอย่างเธอหรอก
ลิลลดาติดต่อสมัครงานมาเป็นพนักงานประจำไร่แบบอยู่ประจำในคอร์เนลลี่เอสเตทแห่งนี้ โดยหวังว่าระหว่างทำงานนี้เธอจะได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในไร่องุ่น ทั้งจากการลงมือทำงานโดยตรง และมีคนงานผู้มากประสบการณ์ช่วยถ่ายทอดความรู้ให้ และหวังว่าเมื่อเธอกลับไปเริ่มต้นปลูกองุ่นของตัวเอง ประสบการณ์ตรงนี้คงจะช่วยเธอได้บ้างไม่มากก็น้อย
“ลิลลี่เคยมาเพิร์ธมาก่อนหรือเปล่าครับ” มาร์โคชวนคุย
“นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่มาฝั่งตะวันตก”
“ที่เพิร์ธนี่มีที่เที่ยวสวยๆเยอะครับ วันหยุดลิลลี่คงได้เที่ยวบ้าง”
“อย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ เหตุผลนึงที่ฉันเดินทางมาไกลขนาดนี้ก็เพราะอยากเที่ยวฝั่งตะวันตกบ้างนี่ล่ะ” หญิงสาวพูดติดตลก ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มท่าทางเอาจริงเอาจังที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับได้
“เดี๋ยวข้างหน้าผมก็จะเลี้ยวออกจากไฮเวย์แล้วล่ะครับ จากนั้นอีกสักยี่สิบนาทีก็จะถึงคอร์เนลลี่ล่ะ” มาร์โคบอก และให้สัญญาณไฟเพื่อเปลี่ยนไปเลนซ้ายเตรียมเลี้ยวออกจากไฮเวย์เพื่อเข้าสู่ถนนเส้นเล็กกว่าที่นำไปสู่คอร์เนลลี่เอสเตท
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ หวังว่าคุณราฟท่านจะไม่ดุนะคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น เรียกเสียงหัวเราะจากผู้จัดการไร่ได้อีกครั้งหนึ่ง
“คุณราฟใจดีครับ อย่าห่วงเลย” ตอบให้หญิงสาวคลายใจ
ลิลลดายิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะหันมองสภาพภูมิทัศน์ข้างทางเมื่อหันรถหัวออกจากไฮเวย์เข้าสู่ถนนเส้นเล็กกว่า หากแต่ก็มองไม่เห็นอะไรมากนัก เพราะดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปนานเนิ่น ตั้งแต่เธอเพิ่งจะลงจากเครื่องบินนู่นแล้ว
ไม่นานไปกว่าเวลาที่คนที่อยู่หลังพวงมาลัยบอกไว้ หญิงสาวก็พบว่ามาร์โคกำลังบังคับรถผ่านเข้าไปในประตูเหล็กคู่ที่สลักคำว่า ‘คอร์เนลลี่เอสเตท’ตัวใหญ่เต็มทั้งสองบานประตู ซึ่งเปิดออกโดยอัตโนมัติตามคำสั่งของรีโมทคอนโทรลบนพวงกุญแจในมือของผู้จัดการไร่ สองข้างทางที่รถยนต์ของคอร์เนลลี่นำเธอเข้าไปสู่ ‘ลิตเติลฮัท’ บ้านพักพนักงานที่เธอจะอาศัยอยู่ร่วมกับผู้จัดการไร่และแม่บ้านประจำคอร์เนลลี่ เป็นแปลงองุ่นสุดลูกหูลูกตาที่มองเห็นเป็นเพียงเงาสีดำตะคุ่ม แต่หญิงสาวรู้ว่าเมื่อพระอาทิตย์มาเยือนในวันพรุ่งนี้ เธอจะต้องเห็นเถาองุ่นสีเขียวอ่อนที่เพิ่งแตกยอดออกมาใหม่ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ และเถาองุ่นเหล่านี้ก็คงจะเริ่มออกดอกในอีกไม่ช้าไม่นาน และเธอก็แทบจะทนรอให้ถึงตอนนั้นไม่ไหวทีเดียว
(มีต่อ)
บ่มไวน์ใส่รัก บทที่ ๑
คุณราฟ ราฟาเอล คอร์เนลลี่ ชายหนุ่มเจ้าของคอร์เนลลี่เอสเตท ไวน์เนอรี่และไร่องุ่นในสวอนวัลเลย์ เพิร์ธ บนเครื่องบินที่เพิ่งลงจอดจากบริสเบน เขาโดนผู้โดยสารคนหนึ่งเดินชนข้างหลังเข้าอย่างจัง และเมื่อหันไปสบตากับคนซุ่มซ่ามคนนั้น หัวใจเขาก็ไม่เต้นจังหวะเดิมอีกต่อไป
เรื่องราวความรักท่ามกลางการทำงานในไร่องุ่น และสภาพภูมิประเทศที่สวยงามของหุบเขาแม่น้ำสวอน ราฟาเอล เจ้านายที่หลงรักคนงานของตัวเอง หากแต่การมีสัมพันธ์กับลูกจ้างเป็นสิ่งต้องห้าม ชายหนุ่มจึงต้องหักห้ามใจตัวเอง แม้ว่าจะต้องการผู้หญิงคนนี้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนก็ตาม
ชายหนุ่มจะห้ามความรู้สึกของตัวเองไปได้แค่ไหน หรือจะยอมพ่ายแพ้ให้กับความต้องการที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน โปรดติดตามได้ใน บ่มไวน์ใส่รัก นิยายรักโรแมนติกที่จะทำให้คุณหลงรักคุณราฟจนถอนตัวไม่ขึ้น จนอยากจะเป็นลิลลี่เองทีเดียว
** เป็นนิยายเรื่องแรกของผู้เขียน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ (วิจารณ์แบบจัดหนักด้วยจะขอบคุณมากค่ะ)
รุ่งธิวา
บทที่ ๑
ถึงเสียที.. หญิงสาวคิด ขณะเที่ยวบินที่นำเธอมาจากบริสเบนลงจอดที่สนามบินภายในประเทศเพิร์ธอย่างปลอดภัย หลังจากสัญญาณรัดเข็มขัดขณะเครื่องลงจอดดับลง ลิลลดาลุกขึ้นหยิบกระเป๋าจากที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ และยืนรอให้คนข้างหน้าเดินลงไปก่อน ก่อนที่จะก้าวขาตามเมื่อผู้โดยสารที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอขยับตัว
เพราะมัวแต่มองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางมายังฝั่งตะวันตก ทำให้ไม่ทันรู้ตัวเมื่อคนที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าหยุดกระทันหัน หญิงสาวจึงเดินชนด้านหลังของชายหนุ่มตัวสูงเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวละล่ำละลัก
“ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้ารีบก็เชิญก่อนก็ได้” คนตัวสูงตรงหน้าตอบ พร้อมทั้งเบี่ยงตัวเปิดทางให้เธอไปก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่รีบ เพียงแต่ไม่ทันมอง” หญิงสาวตอบและเงยหน้าขึ้นเพื่อยิ้มให้คนร่างสูงที่เอื้อเฟื้อแก่เธอ หากแต่รอยยิ้มที่เพิ่งจะคลี่ออกเป็นต้องหุบกระทันหัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการอ้าปากค้างเมื่อสบตากับนัยน์ตาเข้มสีอำพันภายใต้กรอบขนตางอนยาวราวกับผู้หญิงของคนตัวสูงตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มนั้นมีไรเคราครึ้มอย่างที่เมื่อเช้าคงจะไม่ได้โกน รวมกับผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มยาวระต้นคอ เสื้อเชิร์ตแขนยาวสีขาวที่พับแขนขึ้นมาถึงใต้ข้อศอก กระดุมด้านหน้าสองเม็ดบนถูกปลดออก เผยให้เห็นแผงอกกว้างภายใต้ไรขนบางเบา ทำให้เขามองดูเหมือนกับนายแบบที่เดินออกมาจากนิตยสารอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามเมื่อเห็นเธอจ้องหน้า ตาเบิกกว้าง โดยไม่มีคำพูดใดๆ
“ปละ เปล่าค่ะ เชิญคุณเดินก่อนเลยค่ะ ขอโทษอีกครั้งที่ไม่ทันมองจนชนคุณ” หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก หลบนัยน์ตาคมเข้มที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจนั้น ใบหน้างามร้อนวูบวาบ สาบานได้เลยว่า ตอนนี้หน้าเธอคงจะกลายเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึงสุกแน่ๆ
คนร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ เพียงก้มหัวน้อยๆ ก่อนที่จะยืดตัวตรงและเดินถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กในมือหนึ่ง แขนอีกข้างหนึ่งมีแจ็คสีดำพาดอยู่ ก้าวนำเธอตรงไปยังประตูทางออกของเครื่องที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
ลิลลดามองตามหลังของร่างสูงในชุดเสื้อเชิร์ตแขนยาวกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีดำที่เดินลับสายตาไป ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายืดยาว
คนอะไรหน้าตาดีชะมัด หญิงสาวคิด เธออยากจะกรีดร้องอยู่ตรงนั้น และคิดว่าเธอคงจะตกหลุมรักชายหนุ่มเพื่อนร่วมทางคนนี้เข้าอย่างจังเสียแล้ว
ถ้าได้คนหน้าตาแบบนี้เป็นแฟน แม่จะเก็บใส่ตู้โชว์ที่บ้านไม่ให้ออกไปไหนเลยเชียว หญิงสาวคิดเล่นๆอย่างขำๆ ก่อนที่จะหัวเราะให้กับความคิดห่ามๆของตนเอง และเดินตรงไปยังประตูทางออกที่คนหน้าตาดีเพิ่งลับสายตาไป
“การเดินทางเป็นอย่างไรบ้างครับ” ชายหนุ่มอายุราวสามสิบต้นๆ ผู้จัดการไร่องุ่นคอร์เนลลี่ ซึ่งมารับเธอที่สนามบินถามขึ้น หลังจากทักทายกันตามมารยาท ณ จุดนัดพบบริเวณประตูทางออกนอกอาคารผู้โดยสาร ซึ่งหญิงสาวเดินออกมาพบกับเขาตามที่เขาอธิบายไปทางอีเมลก่อนที่เธอจะเดินทางมา
“ราบรื่นดีค่ะ แต่ไฟลท์ยาวนานจริงๆ” ลิลลดาตอบพร้อมรอยยิ้มเหน็ดเหนื่อย เมื่อนึกไปถึงเที่ยวบินจากฝั่งตะวันออกข้ามออสเตรเลียทั้งประเทศมาที่ฝั่งตะวันตก และใช้เวลาไปถึงหกชั่วโมง ราวกับบินไปต่างประเทศก็ไม่ปาน
มาร์โคเป็นผู้จัดการไร่คอร์เนลลี่ ซึ่งเป็นส่วนไร่องุ่นของคอร์เนลลี่เอสเตท ซึ่งประกอบด้วยไร่องุ่นและไวน์เนอรี่ธุรกิจของครอบครัวคอร์เนลลี่ ในสวอนวอนวัลเลย์ แหล่งปลูกองุ่นและผลิตไวน์แห่งหนึ่งของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ที่ที่เธอจะไปใช้ชีวิตต่อจากนี้อีกอย่างน้อยก็หนึ่งปี เพื่อเรียนรู้การปลูกองุ่นและกิจการการทำไวน์ ก่อนที่จะต้องกลับไปรับทอดกิจการของบิดามารดาที่ซันไชน์โคสท์ รัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งพ่อกับแม่มีแผนการจะยกกิจการการทำฟาร์มให้เธอบริหารจัดการต่อ หลังจากที่เธอฉลองวันเกิดครบ ๒๕ ปี ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงปีวันนั้นก็จะมาถึงแล้ว
บิดามารดาของลิลลดามีฟาร์มขนาดสองร้อยเอเคอร์ที่เมืองมาเลนี่ เมืองเล็กๆในเขตซันไชน์โคสท์ ทางเหนือของบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ พ่อกับแม่ของเธอทำฟาร์มสตอเบอรี่ ส้ม และสับปะรด แต่หญิงสาวไม่มีความสนใจสืบทอดกิจการการปลูกพืชผลเหล่านั้นเลย และเมื่อพ่อกับแม่ดำริที่จะเกษียณและยกฟาร์มให้เธอจัดการต่อ หญิงสาวจึงต่อรองขอเวลาจนกว่าเธอจะอายุครบ ๒๕ ปี และหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะมีความเป็นผู้ใหญ่พอและพร้อมที่จะแบกรับภาระอันหนักหน่วงที่พ่อแม่วางแผนจะวางไว้บนบ่าเธอได้มากกว่าตอนนี้ ในระหว่างนี้ หญิงสาวขอเดินทางมาทำงานในไวน์เนอรี่ที่เพิร์ธเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการทำไวน์ เนื่องเพราะหญิงสาวมีแผนการจะเปลี่ยนฟาร์มผลไม้ของบิดามารดาให้เป็นไร่องุ่น และหากเป็นไปได้ก็อาจจะเป็นไวน์เนอรี่ต่อไปในอนาคต
ที่ควีนส์แลนด์ อุตสาหกรรมการทำไวน์กำลังเติบโตขึ้นมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา แม้จะไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะรู้จักนัก ว่าควีนส์แลนด์ก็มีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์เช่นกัน และพื้นที่บริเวณที่ฟาร์มของบิดามารดาของเธอตั้งอยู่ ก็มีฟาร์มหลายแห่งที่เริ่มเปลี่ยนมาทำไร่องุ่นและไวน์เนอรี่ หญิงสาวคิดว่า หากเธอเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ในช่วงที่คู่แข่งยังไม่มากนัก จะเป็นผลดีต่อธุรกิจจมากกว่า
“ลิลลี่เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ” ผู้จัดการไร่องุ่นคอร์เนลลี่ส่งเสียงมาจากด้านคนขับ ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง
“เอ่อ.. เปล่าค่ะ เพียงแต่คิดถึงที่บ้านนิดหน่อย” หญิงสาวตอบก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนที่กำลังขับรถ
“ที่เอสเตทของเรามีคนเยอะแยะ ลิลลี่คงจะไม่คิดถึงบ้านหรอกครับ” มาร์โคบอกหญิงสาวกึ่งๆปลอบใจ เขาเข้าใจว่าหญิงสาวที่เดินทางข้ามจากฝั่งตะวันออกมาตะวันตกคนเดียว คงจะคิดถึงบ้านไม่มากก็น้อย
“ที่ไร่มีใครอยู่บ้างหรือคะ” หญิงสาวถาม
“ถ้าในส่วนไร่องุ่น เราจะมีคนงานแบบไป – กลับมาทำงานทุกวัน แต่จะมีผมกับบาร์บาร่าที่อยู่ประจำ บาร์บเป็นแม่บ้านดูแลความเรียบร้อยในบ้านให้กับคุณราฟและบ้านใหญ่ รวมทั้งห้องอาหารและเซลล่าดอร์ ผมกับบาร์บอาศัยอยู่ที่ลิตเติลฮัท บ้านที่ลิลลี่จะไปอยู่นี่ล่ะครับ ส่วนคุณราฟจะอยู่คนเดียวในบ้านของเขาอีกหลังหนึ่งในบริเวณไร่ ในส่วนไวน์เนอรี่ ร้านอาหาร และเซลลาดอร์ ก็จะมีพนักงานมาทำงานเช้าไปเย็นกลับ คึกกันกันทุกวัน จริงๆแล้ว เซลลาดอร์เป็นชั้นล่างของบ้านใหญ่ บ้านหลังเก่าแก่ที่คุณฟาบิโอกับคุณกลอเรียพ่อแม่ของคุณราฟ กับคุณวิทตอเรีย น้องสาว อาศัยอยู่กันน่ะครับ”
“อยู่กันหลายคน ท่าทางจะคึกคักจริงๆด้วยล่ะค่ะ” หญิงสาวตอบและยิ้มให้เขาอีกครั้ง
คุณราฟ.. มาร์โคคงจะหมายถึง ราฟฟาเอล คอร์เนลลี่ ลูกชายคนโตของตระกูลคอร์เนลลี่ ผู้บริหารสูงสุดของคอร์เนลลี่เอสเตทสินะ หญิงสาวไม่เคยได้ติดต่อโดยตรงกับชายผู้ซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ การติดต่อทุกอย่างผ่านทางมาร์โคซึ่งเป็นผู้จัดการไร่เท่านั้น ซึ่งก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะผู้บริหารอย่างเขา คงจะไม่มาติดต่อกับพนักงานทั่วไปอย่างเธอหรอก
ลิลลดาติดต่อสมัครงานมาเป็นพนักงานประจำไร่แบบอยู่ประจำในคอร์เนลลี่เอสเตทแห่งนี้ โดยหวังว่าระหว่างทำงานนี้เธอจะได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในไร่องุ่น ทั้งจากการลงมือทำงานโดยตรง และมีคนงานผู้มากประสบการณ์ช่วยถ่ายทอดความรู้ให้ และหวังว่าเมื่อเธอกลับไปเริ่มต้นปลูกองุ่นของตัวเอง ประสบการณ์ตรงนี้คงจะช่วยเธอได้บ้างไม่มากก็น้อย
“ลิลลี่เคยมาเพิร์ธมาก่อนหรือเปล่าครับ” มาร์โคชวนคุย
“นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่มาฝั่งตะวันตก”
“ที่เพิร์ธนี่มีที่เที่ยวสวยๆเยอะครับ วันหยุดลิลลี่คงได้เที่ยวบ้าง”
“อย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ เหตุผลนึงที่ฉันเดินทางมาไกลขนาดนี้ก็เพราะอยากเที่ยวฝั่งตะวันตกบ้างนี่ล่ะ” หญิงสาวพูดติดตลก ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มท่าทางเอาจริงเอาจังที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับได้
“เดี๋ยวข้างหน้าผมก็จะเลี้ยวออกจากไฮเวย์แล้วล่ะครับ จากนั้นอีกสักยี่สิบนาทีก็จะถึงคอร์เนลลี่ล่ะ” มาร์โคบอก และให้สัญญาณไฟเพื่อเปลี่ยนไปเลนซ้ายเตรียมเลี้ยวออกจากไฮเวย์เพื่อเข้าสู่ถนนเส้นเล็กกว่าที่นำไปสู่คอร์เนลลี่เอสเตท
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ หวังว่าคุณราฟท่านจะไม่ดุนะคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น เรียกเสียงหัวเราะจากผู้จัดการไร่ได้อีกครั้งหนึ่ง
“คุณราฟใจดีครับ อย่าห่วงเลย” ตอบให้หญิงสาวคลายใจ
ลิลลดายิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะหันมองสภาพภูมิทัศน์ข้างทางเมื่อหันรถหัวออกจากไฮเวย์เข้าสู่ถนนเส้นเล็กกว่า หากแต่ก็มองไม่เห็นอะไรมากนัก เพราะดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปนานเนิ่น ตั้งแต่เธอเพิ่งจะลงจากเครื่องบินนู่นแล้ว
ไม่นานไปกว่าเวลาที่คนที่อยู่หลังพวงมาลัยบอกไว้ หญิงสาวก็พบว่ามาร์โคกำลังบังคับรถผ่านเข้าไปในประตูเหล็กคู่ที่สลักคำว่า ‘คอร์เนลลี่เอสเตท’ตัวใหญ่เต็มทั้งสองบานประตู ซึ่งเปิดออกโดยอัตโนมัติตามคำสั่งของรีโมทคอนโทรลบนพวงกุญแจในมือของผู้จัดการไร่ สองข้างทางที่รถยนต์ของคอร์เนลลี่นำเธอเข้าไปสู่ ‘ลิตเติลฮัท’ บ้านพักพนักงานที่เธอจะอาศัยอยู่ร่วมกับผู้จัดการไร่และแม่บ้านประจำคอร์เนลลี่ เป็นแปลงองุ่นสุดลูกหูลูกตาที่มองเห็นเป็นเพียงเงาสีดำตะคุ่ม แต่หญิงสาวรู้ว่าเมื่อพระอาทิตย์มาเยือนในวันพรุ่งนี้ เธอจะต้องเห็นเถาองุ่นสีเขียวอ่อนที่เพิ่งแตกยอดออกมาใหม่ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ และเถาองุ่นเหล่านี้ก็คงจะเริ่มออกดอกในอีกไม่ช้าไม่นาน และเธอก็แทบจะทนรอให้ถึงตอนนั้นไม่ไหวทีเดียว
(มีต่อ)