เรื่องของ "นม" อีกด้านหนึ่งที่คุณควรจะรู้

ขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสีย สำหรับเรื่อง นม ที่ไปเอาข้อมูลมาบอกกล่าวนะครับ เพราะด้วยความห่วงใย และมีที่มาที่ไป ท่านใดจะเชื่อหรือไม่อย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ที่ท่านได้อยู่แล้ว 100% เพราะผมได้จากหนังสือที่มีข้ออ้างอิงเต็มรูปแบบครับ

ท่านใดที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือเล่มนี้ หาซื้อได้ครับ "นม เป็นอันตรายต่อสุขภาพ"
จากออสเตรเลีย มีงานวิจัยสำคัญยืนยันว่า มะเร็งเต้านมของสตรี ชาวออสเตรเลีย มีส่วนสัมพันธ์กับการดื่มนม และผลิตภัณฑ์จากนมแม้แต่นมพร่องไขมัน แท้ที่จริงก็ยังมีไขมันอยู่อีกไม่น้อย
ดร.แฟรงก์ ออสกี้ หัวหน้าฝ่ายกุมารเวช ศูนย์การแพทย์อัพเสท มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวว่า อาหารที่มีแคลเซียมต่อฟอสฟอรัสใน อัตราส่วน 2:1 หรือมากกว่านั้นจะเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ในนมแม่มีแคลเซียมต่อฟอสฟอรัส 2.35:1 ถือว่าดีกับทารก ส่วน นมวัวมี แคลเซียมต่อฟอสฟอรัส 1.27:1 จึงไม่ใช่แหล่งแคลเซียมที่ดี มิหนำซ้ำฟอสฟอรัสที่สูงเกินจะกระตุ้นให้ต่อมพาราไทรอยด์หลั่งฮอโมน ดึงเอาแคลเซี่ยมจากกระดูกไปสมดุลกับฟอสฟอรัส ที่ผิดสัดส่วนกับแคลเซียม เสียอีกด้วย
และยิ่งกว่านั้น ในปริมาณอาหารที่เท่ากัน 100 กรัม นมมีแคลเซียม 118 มก ขณะที่อาหารอื่นๆมีแคลเซียมมากกว่า 10 เท่า ปลาร้าผง 2,232 มก กุ้งแห้งตัวเล็ก 2,305 มก งาดำคั่ว 1,452 มก กุ้งฝอยน้ำจืด 1,329 มก  ผักกระเฉด 387 มก เต้าหู้ขาว 250 มก ผักคะน้า 245 มก เป็นต้น

เคซีน หรือโปรตีนในนมเป็นชนิดที่ย่อยยาก ชาวยุโรปสมัยก่อนจะเคี่ยวนมจนเหนียวกลายเป็นกาวสำหรับนำมาใช้งาน และโปรตีนในนมยังเป็นตัวให้ก่อภูมิแพ้ หอบด สิว และซิสต์ต่างๆ  แม้แต่นมวัวก็ก่อให้เกิดมูกเมือกแก่ร่างกายของผู้ดื่ม มูกเหล่านี้จะระคายเคืองไปอุดตันตามอวัยวะต่างๆ อุดตันทางเดินหายใจ ทำให้เกิดภูมิแพ้ แล้วกลายเป็นไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ  โดบเฉพาะโปรตีนเคซีนในนมวัวจะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ให้บูดเน่า กลายเป็นเมือกเหนียวในลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร เช่นมีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย และอาจลุกลามกลายเป็นแผลในลำไส้ใหญ่ได้ ซึ่งจะลุกลามกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ มีรายงานวรสารการแพทย์ Advances in Pediatrics, Lancet, Canadian Medical Association และอื่นๆอีกมาก

โดยเฉพาะ ดร.วิลเลี่ยม เอ.แอลลิส และ ดร.เอ็น ดับบลิว วอล์กเกอร์ ซึ่งทั้ง 2 ท่านเป็นผู้สูงเด่นในวงการสุขภาพทางเลือกของสหรัฯ เขาได้ติดตามเรื่องผลข้างเคียง และชี้ชัดว่า นมเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ และปวดเค้นหน้าอก รวมถึงสาเหตุของอาการ ปวดหัวไมเกรน
นอกจากนี้ ยังมีหนังสือชื่อ Fit For Life ได้ตีแผ่จากการดื่มนมว่า "นมและผลิตภัณฑ์นมเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคกระดูกผุ" เพราะจากสภาวะได้โปรตีนที่ล้นเกินจากการกินอาหารทั่วไป และได้ดื่มนมเพิ่มเติม ซึ่งก่อให้เกิดการสูญเสียแคลเซียมออกทางปัสสาวะ

เอาเป็นว่า ทุกวันนี้ผมเชื่อเรื่องนี้ และทดลองมาระยะยาวๆ แล้ว ทำให้ผมมั่นใจว่า อาการหลอดลมอักเสบที่เคยเป็นโรคประจำตัว ไม่มีแล้ว ส่วนท่านใดมีความเห็นอย่างไร ก็ยอมรับครับ เพราะที่ผมเอามาบอก มาจากหนังสือล้วนๆ
ประโยชน์ที่แท้จริง มีเรื่องเศรษฐกิจการผลิตนมต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งหมด ขอไม่พูดถึงนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่