มีเรื่องสั้น ของอาจารย์หม่อมคึกฤทธ์มาให้อ่านจากหนังสือเพื่อนนอนเรื่องแผ่นดินมหัศจรรย์ตีพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2495 ตัดตอนเรื่องที่ลูกเล่าเรื่องให้พิ่ฟัง
“ลูกได้เดินทางไปในหลายประเทศ จนในที่สุดมาถึงประเทศหนึ่งมีความแปลกประหลาดพิสดารยิ่งกว่าประเทศใดๆ ที่ลูกเคยเห็นมา คนในประเทศนั้นๆมีรูปพรรณสันฐานเช่นมนุษย์ธรรมดา แต่ที่ลูกเห็นว่าอัศจรรย์นักก็คือ แม้ว่าคนในประเทศนั้นจะดูดเหมือนๆกันก็ตาม แต่ความจริงคนในประเทศนั้นแบ่งออกเป็น 2 จำพวก ผู้ปกครองแผ่นดินที่เรียกกันว่าอภิชนหนึ่ง และไพร่บ้านพลเมืองหนึ่ง คนสองจำพวกนี้แตกต่างกันในเนื้อหา จนสุดที่คนธรรมดาจะเชื่อได้ว่าเป็นความจริงเป็นต้นว่าเรื่องอาหาร บรรดาไพร่บ้านพลเมืองนั้นก็บริโภคข้าวและอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์ธรรดา แต่อภิชนผู้ครองประเทศนั้นบริโภคในสิ่งที่ตนธรรมดาไม่สามารถบริโภคได้ เป็นต้นว่า จอบ เสียม รถจี๊ป รถถัง รถไฟและสนามบิน ตลอดจนถนนหนทางเป็นสายๆ(อาจารย์หม่อมคงนึกไม่ถึงหรอกว่าเค้ากินโรงพักกันเป็นร้อยๆหลัง) เมืองนั้นถ้าจะว่าไปก็เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก แต่ไพร่ฟ้าพลเมืองกลับต้องอดอยาก จะเป็นเพราะเหตุผลใดไม่ปรากฏ และราคาสินค้าทั้งปวงนั้นก็แพงเหลือประมาณแต่รายได้ของไพร่พลเมืองกลับถูกลงทุกวัน ส่วนรายได้ของผู้ปกครองแผ่นดินนั้นกลับสูงขึ้นยิ่งกว่าเก่า ทั้งที่คนพวกนี้ไม่ต้องไปซื้อหาสิ่งใด หากจะปราถนาสิ่งใดก็อสมปราถนาทุกประการด้วยอิทธิฤทธิ์หรือที่ภาษาเมืองนั้นเรียกว่าอิทธิพล บรรดากฎหมายต่างๆตั้งแต่รัฐธรรมนูญปกครองประเทศไปจนถึงกฎหมาบปลีกย่อย อภิชนผู้ปกครองประเทศเป็นผู้ออกมาบังคับแก่ไพร่พลเมือง แต่มิได้บังคับกับตนเอง หากไพร่พลเมืองผิดกฎหมายใดๆแม้แต่เล็กน้อย ก็จะต้องรับโทษแสนสาหัส ส่วนอภิชนถึงแม้จะผิดอย่างฉกรรจ์ ก็มีทางหลีกเลี่ยงประนีประนอมได้ เวลาบ้านเมืองยุคเข็ญ หากไพร่พลเมืองจะเปล่งเสียงตามวิสัยจองคนที่มีความเดือดร้อน ก็จะต้องได้รับโทษทัณฑ์ แต่หากอภิชนด้วยกันจะคิดปฎิวัติหรือรัฐประหาร เพื่อโค่นล้มรัฐบาลแล้วตั้งตัวเองเป็นฬหญ่ มีฐานะตำแหน่งสูงกอร์ปไปด้วยทรัพย์ศฤงคารเป็นอันมาก แต่ถ้ารัฐประหารมี่สำเร็จถูกจับได้เสียก่อนก็จะได้ทรัพย์เป็นอันมากเช่นเดียวกันเพื่อเป็นทุนไปเที่ยวต่างประเทศ
เมื่อผู้ปกครองแผ่นดินและผู้ถูกปกครองมีภาวะอันแตกต่างกันดังนี้คนทั้งสองจำพวกนั้นก็ประดุจอยู่ห่างกันคนละโลก ทั้งที่มีเคหะสถานติดกันและมองเห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน และประเทศนั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ กล่าวคือพระมหากษัตริย์และอาณาประชาราษฎร์นั้นอยู่ใต้กฎหมาย ส่วนผู้ที่มิใช่พระมหากษัตริย์และมิใช่ราษฎร์นั้นอยู่เหนือกฏหมายทั้งสิ้น ลูกได้เห็นมาดังนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย”
ตั้งแต่ปีที่อาจารย์หม่อมเขียนจนถึงเดี๋ยวนี้ทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
เรื่องสั้นก่อนนอนครับ
“ลูกได้เดินทางไปในหลายประเทศ จนในที่สุดมาถึงประเทศหนึ่งมีความแปลกประหลาดพิสดารยิ่งกว่าประเทศใดๆ ที่ลูกเคยเห็นมา คนในประเทศนั้นๆมีรูปพรรณสันฐานเช่นมนุษย์ธรรมดา แต่ที่ลูกเห็นว่าอัศจรรย์นักก็คือ แม้ว่าคนในประเทศนั้นจะดูดเหมือนๆกันก็ตาม แต่ความจริงคนในประเทศนั้นแบ่งออกเป็น 2 จำพวก ผู้ปกครองแผ่นดินที่เรียกกันว่าอภิชนหนึ่ง และไพร่บ้านพลเมืองหนึ่ง คนสองจำพวกนี้แตกต่างกันในเนื้อหา จนสุดที่คนธรรมดาจะเชื่อได้ว่าเป็นความจริงเป็นต้นว่าเรื่องอาหาร บรรดาไพร่บ้านพลเมืองนั้นก็บริโภคข้าวและอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์ธรรดา แต่อภิชนผู้ครองประเทศนั้นบริโภคในสิ่งที่ตนธรรมดาไม่สามารถบริโภคได้ เป็นต้นว่า จอบ เสียม รถจี๊ป รถถัง รถไฟและสนามบิน ตลอดจนถนนหนทางเป็นสายๆ(อาจารย์หม่อมคงนึกไม่ถึงหรอกว่าเค้ากินโรงพักกันเป็นร้อยๆหลัง) เมืองนั้นถ้าจะว่าไปก็เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก แต่ไพร่ฟ้าพลเมืองกลับต้องอดอยาก จะเป็นเพราะเหตุผลใดไม่ปรากฏ และราคาสินค้าทั้งปวงนั้นก็แพงเหลือประมาณแต่รายได้ของไพร่พลเมืองกลับถูกลงทุกวัน ส่วนรายได้ของผู้ปกครองแผ่นดินนั้นกลับสูงขึ้นยิ่งกว่าเก่า ทั้งที่คนพวกนี้ไม่ต้องไปซื้อหาสิ่งใด หากจะปราถนาสิ่งใดก็อสมปราถนาทุกประการด้วยอิทธิฤทธิ์หรือที่ภาษาเมืองนั้นเรียกว่าอิทธิพล บรรดากฎหมายต่างๆตั้งแต่รัฐธรรมนูญปกครองประเทศไปจนถึงกฎหมาบปลีกย่อย อภิชนผู้ปกครองประเทศเป็นผู้ออกมาบังคับแก่ไพร่พลเมือง แต่มิได้บังคับกับตนเอง หากไพร่พลเมืองผิดกฎหมายใดๆแม้แต่เล็กน้อย ก็จะต้องรับโทษแสนสาหัส ส่วนอภิชนถึงแม้จะผิดอย่างฉกรรจ์ ก็มีทางหลีกเลี่ยงประนีประนอมได้ เวลาบ้านเมืองยุคเข็ญ หากไพร่พลเมืองจะเปล่งเสียงตามวิสัยจองคนที่มีความเดือดร้อน ก็จะต้องได้รับโทษทัณฑ์ แต่หากอภิชนด้วยกันจะคิดปฎิวัติหรือรัฐประหาร เพื่อโค่นล้มรัฐบาลแล้วตั้งตัวเองเป็นฬหญ่ มีฐานะตำแหน่งสูงกอร์ปไปด้วยทรัพย์ศฤงคารเป็นอันมาก แต่ถ้ารัฐประหารมี่สำเร็จถูกจับได้เสียก่อนก็จะได้ทรัพย์เป็นอันมากเช่นเดียวกันเพื่อเป็นทุนไปเที่ยวต่างประเทศ
เมื่อผู้ปกครองแผ่นดินและผู้ถูกปกครองมีภาวะอันแตกต่างกันดังนี้คนทั้งสองจำพวกนั้นก็ประดุจอยู่ห่างกันคนละโลก ทั้งที่มีเคหะสถานติดกันและมองเห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน และประเทศนั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ กล่าวคือพระมหากษัตริย์และอาณาประชาราษฎร์นั้นอยู่ใต้กฎหมาย ส่วนผู้ที่มิใช่พระมหากษัตริย์และมิใช่ราษฎร์นั้นอยู่เหนือกฏหมายทั้งสิ้น ลูกได้เห็นมาดังนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย”
ตั้งแต่ปีที่อาจารย์หม่อมเขียนจนถึงเดี๋ยวนี้ทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย