พ่อสั่งขยาย “ซีออยล์” งานด่วน “นีรชา ปานบุญห้อม”

กระทู้สนทนา
ธุรกิจ : BizWeek
วันที่ 22 กรกฎาคม 2556 01:00
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

  

อายุงาน MD แค่ 6 เดือน แต่ “เติ้ล” นีรชา ปานบุญห้อม นายหญิงวัย 32 ปี แห่ง “ซีออยล์” “แก่ความรอบรู้” เรื่องขายน้ำมัน แม้จะมีอายุงานบนเก้าอี้เอ็มดีสั้นแค่ 6 เดือน!! แต่ “ความรอบรู้” เรื่องการซื้อขายน้ำมันของ “เติ้ล” นีรชา ปานบุญห้อม ลูกสาวคนกลาง จากจำนวนพี่น้อง 3 คน ของ “เชิดชู ปานบุญห้อม” เจ้าของ “ซีออยล์” บริษัทน้องใหม่ที่เตรียมขายหุ้นไอพีโอ 70 ล้านหุ้น ภายในไตรมาส 3/56 แก่พอตัว!!

เกิดมาก็เจอพ่อขายน้ำมันกลางทะเลแล้ว!! “เติ้ล” สาววัย 32 ปี ดีกรีปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และปริญญาโทบริหารธุรกิจ RMIT University, Melbourne, Australia พยายามย้ำความปราดเปรื่องให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟัง

“ซีออยล์” ถือกำเนิดเมื่อ 15 ก่อน ภายใต้การถือหุ้นใหญ่ของบริษัท นทลิน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับขนส่งน้ำมันทางเรือ ซึ่งเป็นบริษัทดั่งเดิมของครอบครัวปานบุญห้อม หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) “นทลิน” จะถือหุ้น “ซีออยล์” 47.22% จาก 77.26%

เธอ เล่าว่า จริงๆ เมื่อ 2 ปีก่อนพ่ออยากผลักดันบริษัทในเครือของ “นทลิน” ที่มีอยู่จำนวนมากเข้าตลาดหุ้น แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจดัน “ซีออยล์” เข้าเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์แทน เพราะโครงสร้างผู้ถือหุ้นไม่ซับซ้อน และธุรกิจน่าจะเหมาะสมกับการเข้าระดมทุนมากกว่า โดยพ่อและแม่ถือหุ้นบริษัท 18.18% หลังระดมทุนจะลดเหลือ 11.11% และ

“อภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร” อดีตผู้บริหารปตท.ถือหุ้น 4.55% หลังเข้าตลาดหุ้นจะไดรูท (ลด)หุ้นลงเหลือ 2.78%
“ซีออยล์” ต้องเข้าตลาดหุ้น “ธงผืนใหญ่” ของพ่อ”

เติ้ลเล่าว่า พ่อมักบอกเสมอว่า การนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น จะไม่ได้ประโยชน์เพียงแค่มีช่องทางการหาเงินทุนมากขึ้น แต่จะได้เรื่องหน้าตา และความน่าเชื่อถือเต็มๆ มาตรฐานของบริษัทจะถูกยกระดับขึ้นทันที ที่สำคัญยังสามารถขยายตัวออกไปนอกบ้านได้ง่ายมากขึ้น จากปัจจุบันขายน้ำมันให้เรือที่เทียบท่าในประเทศสิงคโปร์เท่านั้น

อนาคตอยาก “โกอินเตอร์” ด้วยการขายน้ำมันให้เรือที่เทียบท่าในประเทศกัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย เป็นเรื่องที่เราอยากทำมากที่สุด เธอเล่า

ตอนนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้ตอบรับคำขออนุญาตและไฟลิ่งแล้ว เงินระดมทุนส่วนใหญ่เราจะนำไปขยายธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ก่อนจะเล่า “โจทย์” ที่ผู้เป็นพ่ออยากให้ลูกสาวคนนี้เร่งมือทำ เธอย้อนชีวิตวัยเยาว์ว่า จำความได้ก็เห็นแต่เรือกับน้ำมัน ตอนเด็กๆเราทุกคนในครอบครัวตัวติดกัน พ่อ ไปไหนทุกคนจะติดสอยห้อยตามไปด้วย คิดดูสิบางวันเลิกเรียนแล้วยังต้องตามพ่อไปพบลูกค้า บางครั้งก็ต้องปีนบันไดลิงขึ้นเรือเอง วันไหนปีนไม่ไหวกัปตันต้องมาอุ้มขึ้นเรือ (หัวเราะ)

คิดทุกครั้ง ก็รู้สึก “สนุก” มีโอกาสได้นั่งเรือเล็กออกไปกลางทะเล เพื่อไปเติมน้ำมันให้ลูกค้าเกือบทุกวัน ที่เล่าให้ฟังเพราะอยากให้ทุกคนเห็นภาพว่า ผู้หญิงคนนี้เห็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัท และน่านน้ำทะเลมาแล้วทุกรูปแบบ คุณพ่อสอนงานมา ตั้งแต่เด็กแต่น้อย ทำให้เรารู้ว่าเรือลำใหญ่และลำเล็กต้องใช้ทำอะไร

เรียนจบแล้วอยากทำงานของครอบครัวเลยมั้ย? คงไม่ขนาดนั้น เธอบอก เป็นธรรมดาของเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆแล้วอยากทำงานนอกบ้าน โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ (ยิ้ม) เพราะพ่อมาเสนอโปรเจคโน่นนี่ในบริษัทให้ทดลองทำตลอด แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ท่านพยายามให้เราค่อยๆเรียนรู้งานไปเรื่อยๆ เพิ่มพูนความรู้ในสมอง เรียนรู้ไปมา เริ่มรู้สึก เออ!!ธุรกิจนี้มีความสนใจหลายอย่าง

“เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นต้องลงมาทำ” นี่คือ ความคิดในตอนโน้น!!

จริงๆแล้วเติ้ลเข้ามานั่งเป็นกรรมการบริหารได้ 2 ปีแล้ว คุณพ่อคงเริ่มเห็นว่าเพียงพอแล้วที่จะเรียนรู้งาน ท่านจึงเลื่อนตำแหน่งให้ (ยิ้ม) ตั้งแต่นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ คุณพ่อไม่เคยเข้ามายุ่งเรื่องการบริหารงานเลย ท่านมักจะปล่อยให้เราได้ลองผิดลองถูกเอง ก็เป็นสิ่งที่ดีนะได้เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง “โชคดี” ตรงที่เราเป็นคนเรียนรู้เร็ว

“อายุเท่านี้ ทำได้ขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าพอใจ”

เธอ เล่าแผนธุรกิจหลังเข้าตลาดหุ้นว่า เราจะมุ่งหน้าสร้างความมั่นคงในธุรกิจถามว่าตัวเลขจะเติบโตไปในทิศทางใด คงไม่สามารถตอบตัวเลขชัดๆได้ (ที่ปรึกษาทางการเงินจาก “เซจแคปปิตอล” มานั่งคุมการสนทนาอยู่ข้างๆ) แต่เรามีเป้าหมายในใจแล้ว สุดท้ายตัวเลขเติบโตจะสูงแค่ไหนคงต้องมาลุ้นกันอีกที รับรองเราทำได้ตามพ่อหวัง “เอ็มดีสาว” สัญญา!!

ทำงานใน “ซีออยล์” มานานเกือบ 3 ปี เห็นชัดๆว่าธุรกิจมีโอกาสแตกไลน์ได้หลากหลายช่องทาง บังเอิญนิสัยส่วนตัวชอบทำอะไรที่มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ฉะนั้นบริษัทของพ่อก็ควรเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน (ยิ้ม)

ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจ 2 ประเภท นั่นคือ ธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และ น้ำมันหล่อลื่น และธุรกิจให้บริการจัดหาอาหาร วัตถุดิบ และธุรกิจบริการด้านอาหาร ทำความสะอาด ที่ผ่านมาผลประกอบการของเราขยายตัวค่อนข้างมาก อย่างในปี 2553 เรามีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการ 1,558 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 27.85 ล้านบาท ผ่านมาถึงปี 2555 รายได้ขยับขึ้นเป็น 2,689 ล้านบาท กำไรสุทธิ 63.39 ล้านบาท

ในฐานะเอ็มดีและลูกสาวเจ้าของบริษัท อยากเห็นธุรกิจทั้ง 2 ส่วนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายน้ามันเชื้อเพลิงและน้ามันหล่อลื่น เราอยากขยายธุรกิจออกไปในฝั่งทะเลอันดามัน โดยบริษัทจะเข้าไปหาลูกค้าตามแท่นขุดเจาะน้ำมันมากขึ้น เรียกว่า “ดิ่งตรงถึงคนซื้อ” ส่วนการขายน้ำมันบกบน แม้ตอนนี้ยังมีฐานลูกค้า น้อยราย และการแข่งขันสูง แต่ยังมีลูกค้าอีกมากให้เราเข้าไปหารายได้

ส่วน “ธุรกิจบริการ” ถือเป็นงานใหม่ชิ้นของเรา เพราะเพิ่งเริ่มทำเมื่อกลางปี 2554 โดยบริษัทจะให้บริการลูกค้าที่ทำงานอยู่ในทะเล ตามแท่นขุดเจาะน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นการบริการด้านอาหาร ซักรีดเสื้อผ้า และการทำความสะอาด เราจะทำตัวเปรียบเสมือนเป็นโรงแรม อธิบายง่ายๆ หากลูกค้าต้องการอะไรให้เรียกหา “ซีออยล์” เราจะทำธุรกิจแบบ One Stop Service

แม้จะเพิ่งเข้ามาทำไม่นาน ลูกค้ายังไม่เยอะ แต่เราเห็นโอกาสในการทำธุรกิจนี้อีกมากมาย เพราะมีลูกค้าจำนวนมากทั้งฝั่งอ่าวไทย อันดามัน และตามแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มี 100 แห่ง ตอนนี้ได้ส่งทีมงานเข้าไปติดตามข่าวสารตลอดเวลา หากมีที่ไหนเปิดประมูลงาน เราจะเข้านำเสนอขอทำงานทันที ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียงประมาณ 3% ในอนาคตจะมากกว่านี้ ตอนนี้อยู่ระหว่างเซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่ 2 ราย เดิมมีลูกค้าแล้วเพียง 1 ราย

กำไรขั้นธุรกิจบริการเซอร์วิส ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และสูงกว่าธุรกิจขายน้ำมันซะอีก!!

“จุดเด่น” ของ “ซีออยล์” คือ เป็นธุรกิจแบบซื้อมาขายไป (เทรดดิ้ง) บริษัทไม่มีความเสี่ยงในการลงทุนด้านเรือและรถขนส่งน้ำมัน

เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในการซื้อสินทรัพย์ แต่ธุรกิจมีความจำเป็นต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนในการสั่งซื้อน้ำมัน เพื่อรองรับการขยายงานของลูกค้าเดิม-ใหม่ รวมถึงการขยายพื้นที่การให้บริการลูกค้า และการขยายงานออกต่างประเทศ

เธอ ทิ้งท้ายว่า หัวใจหลักของการทำธุรกิจขายน้ำมัน คือ ความเชื่อมั่นของลูกค้า คุณภาพของน้ำมัน และความแข็งแกร่งของทีมงานและการให้บริการ ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีปัญหาเรื่องเหล่านี้ เราสั่งซื้อน้ำมันจาก“ปตท.-ไทยออยล์-ไออาร์พีซี” ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่า น้ำมันของ “ซีออยล์” วิ่งตรงมาจากคลังน้ำมันแน่นอน

ออมเงิน” จาก “หุ้นพื้นฐาน”

“เติ้ล-นีรชา” เล่าเรื่องการลงทุนส่วนตัวให้ฟังว่า ปกติจะแบ่งการ “ออมเงิน” ออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะนำเงินไปฝากแบงก์ ที่เหลือจะลงทุนในตลาดหุ้น เน้นหุ้นพื้นฐานเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมัน และกลุ่มสถาบันการเงิน ลงทุนหุ้นพื้นฐานถือ ว่า “เสี่ยงน้อยสุด” เมื่อเทียบกับนักลงทุนรายอื่นๆที่ชอบเล่นหุ้นหวือหวา

ตัดสินใจช้อนหุ้น PTT เป็นตัวแรก ด้วยความที่อยู่ในแวดวงน้ำมัน ทำให้รู้ข่าวสาร เป็นอย่างดี เราจะรู้ว่าธุรกิจนี้จะเติบโตอย่างไร ที่สำคัญมีความเข้าใจดีมาก ตอนโน้นมีเพื่อนสนิทเป็น “มาร์เก็ตติ้ง” หลายคน เห็นเขาลงทุนเลยซื้อตาม ยังแอบคิดด้วยว่า ถ้าต้องการนำ “ซีออยล์” เข้าตลาดหุ้น เราคงต้องทดลองลงทุนบ้าง ถือเป็นความรู้

ช่วงเรียนจบมาใหม่ๆ เคยนั่งเฝ้าจอหุ้นทั้งวัน ประมาณว่าจอคอมพิวเตอร์แรกไว้ใช้ทำงาน อีกจอมีไว้เล่นหุ้น ตอนนั้นเงินเดือนจากการทำงานก็ไม่ได้เยอะแยะแค่ 18,000 บาท ฉะนั้นต้องหาเงินทางอื่นด้วย

ช่วงเวลา 10 โมงเช้า เราจะใส่ใจจอทำงานก่อน พรางหันมาเล่นหุ้นด้วย กดจอนี้ทีจอโน้นที จนตลาดปิดภาคเช้า พอบ่าย 2 มาเล่นใหม่ ทำแบบนี้ไปสักพักใหญ่ แรกๆก็เล่น “เก็งกำไร” เชื่อมั้ย!!กำไรดีมาก บางเดือนได้เงินมากกว่าเงินเดือนอีก (ยิ้ม)

แต่ปัจจุบันหันมาลงทุนหุ้นพื้นฐาน เน้นรับเงินปันผล ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ผ่านมาประมาณ 20% หุ้น บ้านปู (BANPU) เชื่อหรือไม่ ไม่เคยทำให้ผิดหวัง “ซื้อ 600 บาท ขาย 800 บาท”

สุดแสนจะ “แฮปปี้มาก” แต่ตอนนี้ราคาหุ้นร่วงมาเยอะ แต่อย่าลืมนะว่าเขาจ่ายเงินปันผล 9 บาท ฉะนั้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานไม่ต้องกลัวเลย เวลาหุ้นลงเขายังมีเงินปันผลให้เรา

"ช่วงตลาดหุ้นไม่ดี เราตัดสินใจล้างพอร์ตหมดเกลี้ยง เพราะเมื่อคำนวณแล้วพบว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นมีระดับต่ำกว่านำเงินไปฝากธนาคาร ขาย แล้วรอจังหวะเก็บใหม่น่าจะดีกว่า”

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่