ร้านอาหารในเมืองไทยมันช่างเยอะยิ่งกว่าดอกเห็ด อยากกลับไปกินร้านเก่า ก็อดไปกินร้านใหม่ ไปกินร้านใหม่ก็อดไปกินร้านเก่า ที่สำคัญเรื่องกินนี่เสียเงินเยอะไม่น้อยไปกว่า Shopping เลยจริงๆ ตอนนี้ก็เลยอด Shop กันไปตามระเบียบเพราะต้องเอาเงินมาหาข้าวกินแทน แต่บางทีก็จับพลัดจับผลู มีคนเชิญให้ไปกิน เพื่อไปถ่ายรูปและเขียนรีวิว อย่างร้าน Ugolini ร้านนี้ ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ซอยหลังสวน เห็นว่าเปิดมากว่า 11 ปีแล้ว แต่ว่าเพิ่งมาเปลี่ยนชื่อเมื่อไม่กี่ปีก่อน อยู่มาแตร์มา 13 ปี ไม่รู้ทำไมไม่เคยได้ไปกินเลย 555
ร้านี้เข้าไปในซอยหลังสวนประมาณ 500 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ มีที่จอดรถ เป็นร้านเดี่ยว เปิดทั้งกลางวันและเย็น
แต่ตอนเย็นจะมีคนกินเยอะกว่า ตอนกลางวันไม่ค่อยจะมีเท่าไหร จริงๆแล้วเวลาเบนกินอิตาเลียนชอบกินตอนกลางวัน เพราะแป้งมันเยอะ กินเสร็จจะได้มีช่วงเวลาเผาผลาญมันออกไปก่อนเข้านอน
พูดถึงว่าร้านนี้ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่บรรยากาศใช้ได้ แต่ไม่ถึงกับหรูหราจนรู้สึกเกร็ง เรื่องของการบริการและพนักงานตอบไม่ค่อยได้เท่าไหร เพราะว่าเบนไปในฐานะแขกเพราะฉะนั้นการบริการก็จะต่างจากลูกค้าทั่วไป พนักงานที่นี้จะค่อยข้างเป็นแบบทางการ จะมี Manager ของร้านเป็นคนอิตาเลียน ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ใช้ได้ but no speake Thai der ka
ตอนที่เบนไปเดินดูร้านเค้าเล่น ร้านใหญ่มากๆๆ น่าจะจุคนได้เป็น 100 มีทั้ง bar ห้อง private อะไรไม่รู้เต็มไปหมด แต่คนก็ไม่ได้เต็มล้นร้านนะคะ คืนที่เบนไปเป็นวันพุธ มีคนแค่ประมาณ 5-6 โต๊ะเท่านั้นเอง
เบนไม่ได้เลือกเมนูหรือสั่งอาหารเอง เพราะว่ากินได้ทุกอย่างจริงๆ แล้วก็อยากให้เค้าเลือกให้ เนื่องจากเบนคิดว่า เค้าน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าอะไรของเค้าเด็ดและอร่อย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่มันจะอร่อยทุกอย่าง เบนเบื่อมากเวลาไปร้านอาหารแล้วถามพนักงานว่า “ที่นี้อะไรเด็ดคะ?” แล้วได้คำตอบว่าอร่อยทุกอย่าง คือบอกจริงๆว่า “ไม่เชื่อ” และ Credit ของร้านนั้นจะตกลงไปทันที คิดอยู่ในหัวว่าจะเดินออกจากร้านดีไหม สงสัยคงจะไม่มีอะไรดี ซึ่งบางเบนก็ผิดนะคะ ก็มีที่อร่อย แต่มันใจว่าไม่ทุกเมนู ใครคิดว่ามีร้านไหนอาหารอร่อยเด็ดทุกเมนูช่วยแนะนำเบนด้วยนะคะ เบนจะไปลอง (ไม่ใช่ร้านก๋วยเตี๋ยว หรือร้านที่มีไม่เกิน 10 เมนูนะคะ อันนั้นมันก็คงอร่อยทุกเมนูได้คะ 5555)
วันนี้โฉมหน้านักกินมีไปกัน 3 คน กินอิตาเลียนคนเดียวไม่ไหวจริงๆคะ สองจานจอด ไม่รู้ตอนที่อยู่อิตาลีกินไปได้ยังไงไม่รู้กี่จาน เบนว่าไปกิน 3-4 คนกำลังดี 2 คนก็ sweet ไปอีกแบบ แต่ขอ 3 ละกัน
มาเข้าเรื่องอาหารกันดีกว่า course แรก Antipasti เป็น Salad
จานนี้ก่อนวางบนโต๊ะกลิ่นขึ้นนฉ่ายเตะจมูกอย่างแรง (เพราะไม่ชอบเลยสัมผัสได้อย่างเร็ว) จานนี้เป็น สลัดปู มีไข่ปลา Caviar วางแหมะมานิดนึง แต่กรรเชียงปูเนื้อแน่น และให้ปูอย่างเยอะ แล้วน้ำสลัดก็ไม่ over power ทุกอย่างจนเกินไป ลงตัวดี ถือว่าเป็นจานที่เบนชอบมากสุดสำหรับมื้อนี้เลยก็ว่าได้ (ราคา 370 บาท)
จานต่อไปเป็น Diver caught scallops gratinated with parmesan cheese, herb, breadcrumbs, extra virgin olive oil. เบนก็ไม่แน่ใจว่าไอ้ที่บอกว่านักดำน้ำดำไปเอามาเนี้ย ดำที่ New Zealand แล้วแค่แข็งส่งมาให้รึเปล่า เพราะรู้สึกว่าเนื้อหอยมันไม่หอมหวาน แล้วหอยก็สุกไปนิดดๆๆๆนึง ส่วนรสชาติที่เค้าปรุงมาถือว่าใช้ได้ ไม่ได้กลบความเป็นหอยไปจนหมด เพื่อนที่มาด้วยกัน ชอบจานนี้ที่สุด ก็นานาจิตตังละคะ หนึ่งจานมา 3 ตัว (ราคา 450 บาท)
จบ Antipasti ต่อด้วย Primi เค้าเอามาให้ลองสองจาน ซึ่งเป็นจานเด็ดของร้านทั้งคู่ นั้นคือ
Four Cheese Risotto with Black Truffle เบนเคยกินจานที่ซึ่งมี Chef ใหญ่ของร้าน Ugolini เป็นคนทำที่งาน Event แล้วเบนก็ค่อยข้างติดใจ เดินกลับไปกินสามรอบ แต่วันนี้ chef ไม่อยู่ เบนว่ามันไม่เหมือนที่เบนเคยกินที่งานนั้น ข้าวเค้าจะออกแบบ Aldente นิดหนึ่ง รสชาติก็ไม่ค่อยถึงใจเท่าไหร เพราะเมนูนี้คนไทยนิยม แล้วก็มีทำกันเกือบทุกร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูๆ เพราะฉะนั้นมีข้อเปรียบเทียบเยอะมาก ถ้าเป็น chef ใหญ่ทำเอง เบนว่าน่าจะอร่อยกว่านี้ ส่วนไอ้กระทงเหลืองๆนั้นคือ ถ้วยที่ทำจาก Pamesan นะคะ กินด้วยกันก็อร่อยดี แทนการโรยเกลือ (ราคา 490 บาท)
Linguine with fresh river prawns, garlic, chili, extra virgin olive oil, prosecco and cherry tomatoes จานนี้ถือเป็น signature ของร้านนี้เลยก็ว่าได้ รสชาติเค้าจะค่อยข้างอ่อน แต่ว่ากุ้งตัวใหญ่ เนื้อแน่น เบนชอบกินเค็มก็ต้องมีการโหมเกลือกันนิดหนึ่ง (ราคา 710 บาท)
ต่อกันไปติดๆด้วย Secondi คือ ปลาและเนื้อ
เค้ามาพร้อมกัน และจานที่ควรจะเลือกกินก่อน คือจานปลา เพราะมีรสชาติที่อ่อน และ delicate กว่า แต่พอกินปลาก่อนก็กลัวแกะจะเย็น แล้วมันจะเป็นไขอีก ช่างเป็นอะไรที่เลือกลำบากจริงๆ
Oven baked snow fish with crispy polenta crust served with sautéed spinach, mushroom, shallots, lemon sauce. ปลาทำได้ดี ไม่แห้ง ยัง juicy อยู่ แต่ต้องกินคู่กับผักโขม เพราะผักเค็ม ปลาจืด กินคู่กันกำลังดีเลย เข้ากันได้ดี (ราคา 660 บาท)
อาหารคาวจานสุดท้ายของวันนี้เป็น Lamb fondant served with butter and thyme potatoes . จานนี้แกะแต่ละชิ้นสุกไม่เท่ากัน กลิ่นหอมของแกะก็มี รสชาติใช้ได้เลย แต่ไ่ม่รู้ทำไมเบนเฉยๆกับจานนี้มาก รู้สึกเหมือน texture ยังไม่ได้ และที่สำคัญอาจจะเป็นเพราะมันน้อย ถ้าใครชอบกินเนื้อแบบมันน้อย จานนี้คุณก็น่าจะชอบคะ (ราคา 710 บาท) ให้ 3 ชิ้น
สุดท้ายก็คือขนม Signature ของร้าน คือ Sweet Ugolini ตัวนี้แป้งเค้าก็กรอบดีนะคะ แต่ว่าครีมมันรสชาติไม่ได้เป็นแบบที่คาดหมายไว้เท่าไหร เนื้อครีมเบาๆ หวานและรสเปรี้ยวเล็กน้อย
อีกตัวเป็นเหมือน Eclairs ไส้ไอติม แต่เบนว่าไอติมเค้าไม่ได้ทำเอง รวมถึงซอส chocolate ก็น่าจะเป็นแบบที่หาซื้อได้ทั่วไป
[SR] Ugolini รีวิวร้านอาหารอิตาเลียนหลังสวน by Fove Food
ร้านี้เข้าไปในซอยหลังสวนประมาณ 500 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ มีที่จอดรถ เป็นร้านเดี่ยว เปิดทั้งกลางวันและเย็น
แต่ตอนเย็นจะมีคนกินเยอะกว่า ตอนกลางวันไม่ค่อยจะมีเท่าไหร จริงๆแล้วเวลาเบนกินอิตาเลียนชอบกินตอนกลางวัน เพราะแป้งมันเยอะ กินเสร็จจะได้มีช่วงเวลาเผาผลาญมันออกไปก่อนเข้านอน
พูดถึงว่าร้านนี้ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่บรรยากาศใช้ได้ แต่ไม่ถึงกับหรูหราจนรู้สึกเกร็ง เรื่องของการบริการและพนักงานตอบไม่ค่อยได้เท่าไหร เพราะว่าเบนไปในฐานะแขกเพราะฉะนั้นการบริการก็จะต่างจากลูกค้าทั่วไป พนักงานที่นี้จะค่อยข้างเป็นแบบทางการ จะมี Manager ของร้านเป็นคนอิตาเลียน ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ใช้ได้ but no speake Thai der ka
ตอนที่เบนไปเดินดูร้านเค้าเล่น ร้านใหญ่มากๆๆ น่าจะจุคนได้เป็น 100 มีทั้ง bar ห้อง private อะไรไม่รู้เต็มไปหมด แต่คนก็ไม่ได้เต็มล้นร้านนะคะ คืนที่เบนไปเป็นวันพุธ มีคนแค่ประมาณ 5-6 โต๊ะเท่านั้นเอง
เบนไม่ได้เลือกเมนูหรือสั่งอาหารเอง เพราะว่ากินได้ทุกอย่างจริงๆ แล้วก็อยากให้เค้าเลือกให้ เนื่องจากเบนคิดว่า เค้าน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าอะไรของเค้าเด็ดและอร่อย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่มันจะอร่อยทุกอย่าง เบนเบื่อมากเวลาไปร้านอาหารแล้วถามพนักงานว่า “ที่นี้อะไรเด็ดคะ?” แล้วได้คำตอบว่าอร่อยทุกอย่าง คือบอกจริงๆว่า “ไม่เชื่อ” และ Credit ของร้านนั้นจะตกลงไปทันที คิดอยู่ในหัวว่าจะเดินออกจากร้านดีไหม สงสัยคงจะไม่มีอะไรดี ซึ่งบางเบนก็ผิดนะคะ ก็มีที่อร่อย แต่มันใจว่าไม่ทุกเมนู ใครคิดว่ามีร้านไหนอาหารอร่อยเด็ดทุกเมนูช่วยแนะนำเบนด้วยนะคะ เบนจะไปลอง (ไม่ใช่ร้านก๋วยเตี๋ยว หรือร้านที่มีไม่เกิน 10 เมนูนะคะ อันนั้นมันก็คงอร่อยทุกเมนูได้คะ 5555)
วันนี้โฉมหน้านักกินมีไปกัน 3 คน กินอิตาเลียนคนเดียวไม่ไหวจริงๆคะ สองจานจอด ไม่รู้ตอนที่อยู่อิตาลีกินไปได้ยังไงไม่รู้กี่จาน เบนว่าไปกิน 3-4 คนกำลังดี 2 คนก็ sweet ไปอีกแบบ แต่ขอ 3 ละกัน
มาเข้าเรื่องอาหารกันดีกว่า course แรก Antipasti เป็น Salad
จานนี้ก่อนวางบนโต๊ะกลิ่นขึ้นนฉ่ายเตะจมูกอย่างแรง (เพราะไม่ชอบเลยสัมผัสได้อย่างเร็ว) จานนี้เป็น สลัดปู มีไข่ปลา Caviar วางแหมะมานิดนึง แต่กรรเชียงปูเนื้อแน่น และให้ปูอย่างเยอะ แล้วน้ำสลัดก็ไม่ over power ทุกอย่างจนเกินไป ลงตัวดี ถือว่าเป็นจานที่เบนชอบมากสุดสำหรับมื้อนี้เลยก็ว่าได้ (ราคา 370 บาท)
จานต่อไปเป็น Diver caught scallops gratinated with parmesan cheese, herb, breadcrumbs, extra virgin olive oil. เบนก็ไม่แน่ใจว่าไอ้ที่บอกว่านักดำน้ำดำไปเอามาเนี้ย ดำที่ New Zealand แล้วแค่แข็งส่งมาให้รึเปล่า เพราะรู้สึกว่าเนื้อหอยมันไม่หอมหวาน แล้วหอยก็สุกไปนิดดๆๆๆนึง ส่วนรสชาติที่เค้าปรุงมาถือว่าใช้ได้ ไม่ได้กลบความเป็นหอยไปจนหมด เพื่อนที่มาด้วยกัน ชอบจานนี้ที่สุด ก็นานาจิตตังละคะ หนึ่งจานมา 3 ตัว (ราคา 450 บาท)
จบ Antipasti ต่อด้วย Primi เค้าเอามาให้ลองสองจาน ซึ่งเป็นจานเด็ดของร้านทั้งคู่ นั้นคือ
Four Cheese Risotto with Black Truffle เบนเคยกินจานที่ซึ่งมี Chef ใหญ่ของร้าน Ugolini เป็นคนทำที่งาน Event แล้วเบนก็ค่อยข้างติดใจ เดินกลับไปกินสามรอบ แต่วันนี้ chef ไม่อยู่ เบนว่ามันไม่เหมือนที่เบนเคยกินที่งานนั้น ข้าวเค้าจะออกแบบ Aldente นิดหนึ่ง รสชาติก็ไม่ค่อยถึงใจเท่าไหร เพราะเมนูนี้คนไทยนิยม แล้วก็มีทำกันเกือบทุกร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูๆ เพราะฉะนั้นมีข้อเปรียบเทียบเยอะมาก ถ้าเป็น chef ใหญ่ทำเอง เบนว่าน่าจะอร่อยกว่านี้ ส่วนไอ้กระทงเหลืองๆนั้นคือ ถ้วยที่ทำจาก Pamesan นะคะ กินด้วยกันก็อร่อยดี แทนการโรยเกลือ (ราคา 490 บาท)
Linguine with fresh river prawns, garlic, chili, extra virgin olive oil, prosecco and cherry tomatoes จานนี้ถือเป็น signature ของร้านนี้เลยก็ว่าได้ รสชาติเค้าจะค่อยข้างอ่อน แต่ว่ากุ้งตัวใหญ่ เนื้อแน่น เบนชอบกินเค็มก็ต้องมีการโหมเกลือกันนิดหนึ่ง (ราคา 710 บาท)
ต่อกันไปติดๆด้วย Secondi คือ ปลาและเนื้อ
เค้ามาพร้อมกัน และจานที่ควรจะเลือกกินก่อน คือจานปลา เพราะมีรสชาติที่อ่อน และ delicate กว่า แต่พอกินปลาก่อนก็กลัวแกะจะเย็น แล้วมันจะเป็นไขอีก ช่างเป็นอะไรที่เลือกลำบากจริงๆ
Oven baked snow fish with crispy polenta crust served with sautéed spinach, mushroom, shallots, lemon sauce. ปลาทำได้ดี ไม่แห้ง ยัง juicy อยู่ แต่ต้องกินคู่กับผักโขม เพราะผักเค็ม ปลาจืด กินคู่กันกำลังดีเลย เข้ากันได้ดี (ราคา 660 บาท)
อาหารคาวจานสุดท้ายของวันนี้เป็น Lamb fondant served with butter and thyme potatoes . จานนี้แกะแต่ละชิ้นสุกไม่เท่ากัน กลิ่นหอมของแกะก็มี รสชาติใช้ได้เลย แต่ไ่ม่รู้ทำไมเบนเฉยๆกับจานนี้มาก รู้สึกเหมือน texture ยังไม่ได้ และที่สำคัญอาจจะเป็นเพราะมันน้อย ถ้าใครชอบกินเนื้อแบบมันน้อย จานนี้คุณก็น่าจะชอบคะ (ราคา 710 บาท) ให้ 3 ชิ้น
สุดท้ายก็คือขนม Signature ของร้าน คือ Sweet Ugolini ตัวนี้แป้งเค้าก็กรอบดีนะคะ แต่ว่าครีมมันรสชาติไม่ได้เป็นแบบที่คาดหมายไว้เท่าไหร เนื้อครีมเบาๆ หวานและรสเปรี้ยวเล็กน้อย
อีกตัวเป็นเหมือน Eclairs ไส้ไอติม แต่เบนว่าไอติมเค้าไม่ได้ทำเอง รวมถึงซอส chocolate ก็น่าจะเป็นแบบที่หาซื้อได้ทั่วไป
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น