8
รุ่งเช้าเสือถูกนำตัวมาพิจารณาโทษที่ศาลาจัตุรมุขใหญ่โดยมีขุนนางและเจ้านายมากมายร่วมฟังด้วยความสนใจ ชายหนุ่มถูกมัดมือไพล่หลัง
แล้วถูกจับนั่งคุกเข่าลงข้างนอกศาลา กลางศาลามีชายผู้หนึ่งนั่งเป็นประมุขอยู่บนตั่ง เมื่อดูจากเครื่องยศประดับอยู่รายรอบ ทั้งพานถมและ
เชี่ยนหมากทองคำ
็รู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้คือพระเจ้ากาวิละ เจ้าหลวงผู้ครองนครเชียงใหม่เป็นแน่แท้
เสือประหม่าอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาแหลมคมของเจ้าหลวงที่มองทะลุมาทางเขาก่อนจะยกมือไหว้แสดงความเคารพ “ข้าชื่อเสือขอรับเจ้า
หลวง ข้ามาขอร้องทุกข์ขอรับ”
“เจ้าจักอู้ว่าเจ้าหาโทษบ่ได้ไจ้ก่อ”
“ใช่ขอรับ สิ่งที่ข้าทำไปนั้นเป็นเพื่อการป้องกันตัวแต่เพียงเท่านั้น หาใช่ทำไปเพื่อผลอื่น” เสือตอบเสียงดังชัดเจน ตอนนี้เขาสังเกตว่าภายใน
ศาลานั้นมีเจ้าฟ้าหมอกเมืองผู้นั้นร่วมอยู่ด้วย สายตาเกลียดชังอย่างชัดเจนมองมาที่เสือเหมือนกำลังจะสาปแช่งให้เขาตายไปต่อหน้าต่อหน้า
เสือพยามยามจะไม่มองไปที่ทางด้านนั้นอีก คำพูดของทหารสยามธรรมดาอย่างเขาจะไปเทียบอะไรกับคำพูดของเจ้าชายเมืองยางแดงได้ เขา
คงถูกกำหนดโทษตายไว้แล้วตั้งแต่เริ่มต้น
“เค้าสนามหลวงทั้งหลาย เจ้ามีความกึ๊ดว่าจะได้พ่อง เฮาควรปลงใจเชื่อคำของเปิ้นก่อ” เจ้าหลวงหันมาถามพระยาเค้าสนามทั้งสามสิบสองคน
ที่คอยช่วยกันในการบริหารงานบ้านเมือง
“เจ้าหลวง เฮาว่าตะหานสยามผู้นี้มีความผิดอยู่จริง ทั้งฆ่าคนและแหกคอกหนี หากปล่อยไปจะเป็นอันตรายได้”
“แล้วเจ้าล่ะ พระยาจ่าบ้าน” เจ้าหลวงหันมาถามขุนนางทางด้านขวามือ
“เจ้าหลวง ตัวเฮามีความกึ๊ดต่างไปจากพระยาสามล้าน เฮาว่าตะหานผู้นี้คงบ่ไจ้ตะหานธรรมดา ในเวียงแก้วมีตะหานป้องกันอยู่จ๊าดนัก แต่เปิ้นผู้
นี้ก็ยังลอบเข้ามาได้ อีกประการหนึ่งเฮาว่าหากเปิ้นมีความผิดจริง เยียะหยังยังต้องหวนกลับมาอีกเล่า เจ้าหลวง”
“เฮากลัวเหลือเกินว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้เชียงใหม่ผิดใจกับสยามได้” ขุนนางอีกคนหนึ่งพูดเสริมขึ้น
เจ้าหลวงนั่งนิ่งพิเคราะห์ความเห็นของเหล่าขุนนางอย่างชั่งใจ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีพยานที่จะยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้นได้การตัดสินจึงทำได้อย่างยากยิ่ง ไหนจะยังเป็นทหารสยามผู้เป็นลูกชายของพระรามเดชะทหารวังหน้า หากมีการลงโทษโดยหาความผิดไม่ได้ทางหัวเมือง
เชียงใหม่ก็อาจจะได้รับอาญาไปได้
“เจ้ามีอะหยังจะอู้อีกก่อ” เจ้าหลวงถามเสือที่บัดนิ่งนั่งก้มหน้านิ่งรอคอยชะตากรรม
“การที่เจ้านางรินคำช่วยข้าหนีออกจากคุก ข้าขอเจ้าหลวงยกโทษให้เจ้านางด้วย ความผิดทั้งหมดมาจากตัวข้าเองที่เป็นต้นเรื่องหาใช่ความผิด
ของเจ้านาง ข้าขอรับผิดนั้นแต่เพียงผู้เดียวเถิดขอรับ” เสือเลิกกลัวความตายไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขากลัวคือการที่ได้เห็นรินคำต้องมีอันตราย
มากกว่า
“หากเจ้ายอมตาย รินคำก็จะพ้นผิด เจ้ายินดีก่อ” พระยากาวิละถามเสียงเย็น
“ข้ายินดีขอรับ” ชายหนุ่มตัดได้สินใจแล้ว
“เจ้าอู้ว่ามาเจ้าขอเว้นโทษในสิ่งที่เจ้าบ่ได้เยียะ แต่ตอนนี้เจ้ากลับอู้ว่าเจ้าจะยอมตายในสิ่งที่คนอื่นเยียะอย่างนั้นกา” เจ้าหลวงหัวเราะออกมา
แค่นหนึ่ง
“ถึงข้าจะต้องตายแต่ข้าก็จะยืนยันในความบริสุทธิ์และศักดิ์ศรีของตนเอง” เสือประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว
รอยระมิงค์ ตอนที่ 8
รุ่งเช้าเสือถูกนำตัวมาพิจารณาโทษที่ศาลาจัตุรมุขใหญ่โดยมีขุนนางและเจ้านายมากมายร่วมฟังด้วยความสนใจ ชายหนุ่มถูกมัดมือไพล่หลัง
แล้วถูกจับนั่งคุกเข่าลงข้างนอกศาลา กลางศาลามีชายผู้หนึ่งนั่งเป็นประมุขอยู่บนตั่ง เมื่อดูจากเครื่องยศประดับอยู่รายรอบ ทั้งพานถมและ
เชี่ยนหมากทองคำ ็รู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้คือพระเจ้ากาวิละ เจ้าหลวงผู้ครองนครเชียงใหม่เป็นแน่แท้
เสือประหม่าอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาแหลมคมของเจ้าหลวงที่มองทะลุมาทางเขาก่อนจะยกมือไหว้แสดงความเคารพ “ข้าชื่อเสือขอรับเจ้า
หลวง ข้ามาขอร้องทุกข์ขอรับ”
“เจ้าจักอู้ว่าเจ้าหาโทษบ่ได้ไจ้ก่อ”
“ใช่ขอรับ สิ่งที่ข้าทำไปนั้นเป็นเพื่อการป้องกันตัวแต่เพียงเท่านั้น หาใช่ทำไปเพื่อผลอื่น” เสือตอบเสียงดังชัดเจน ตอนนี้เขาสังเกตว่าภายใน
ศาลานั้นมีเจ้าฟ้าหมอกเมืองผู้นั้นร่วมอยู่ด้วย สายตาเกลียดชังอย่างชัดเจนมองมาที่เสือเหมือนกำลังจะสาปแช่งให้เขาตายไปต่อหน้าต่อหน้า
เสือพยามยามจะไม่มองไปที่ทางด้านนั้นอีก คำพูดของทหารสยามธรรมดาอย่างเขาจะไปเทียบอะไรกับคำพูดของเจ้าชายเมืองยางแดงได้ เขา
คงถูกกำหนดโทษตายไว้แล้วตั้งแต่เริ่มต้น
“เค้าสนามหลวงทั้งหลาย เจ้ามีความกึ๊ดว่าจะได้พ่อง เฮาควรปลงใจเชื่อคำของเปิ้นก่อ” เจ้าหลวงหันมาถามพระยาเค้าสนามทั้งสามสิบสองคน
ที่คอยช่วยกันในการบริหารงานบ้านเมือง
“เจ้าหลวง เฮาว่าตะหานสยามผู้นี้มีความผิดอยู่จริง ทั้งฆ่าคนและแหกคอกหนี หากปล่อยไปจะเป็นอันตรายได้”
“แล้วเจ้าล่ะ พระยาจ่าบ้าน” เจ้าหลวงหันมาถามขุนนางทางด้านขวามือ
“เจ้าหลวง ตัวเฮามีความกึ๊ดต่างไปจากพระยาสามล้าน เฮาว่าตะหานผู้นี้คงบ่ไจ้ตะหานธรรมดา ในเวียงแก้วมีตะหานป้องกันอยู่จ๊าดนัก แต่เปิ้นผู้
นี้ก็ยังลอบเข้ามาได้ อีกประการหนึ่งเฮาว่าหากเปิ้นมีความผิดจริง เยียะหยังยังต้องหวนกลับมาอีกเล่า เจ้าหลวง”
“เฮากลัวเหลือเกินว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้เชียงใหม่ผิดใจกับสยามได้” ขุนนางอีกคนหนึ่งพูดเสริมขึ้น
เจ้าหลวงนั่งนิ่งพิเคราะห์ความเห็นของเหล่าขุนนางอย่างชั่งใจ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีพยานที่จะยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้นได้การตัดสินจึงทำได้อย่างยากยิ่ง ไหนจะยังเป็นทหารสยามผู้เป็นลูกชายของพระรามเดชะทหารวังหน้า หากมีการลงโทษโดยหาความผิดไม่ได้ทางหัวเมือง
เชียงใหม่ก็อาจจะได้รับอาญาไปได้
“เจ้ามีอะหยังจะอู้อีกก่อ” เจ้าหลวงถามเสือที่บัดนิ่งนั่งก้มหน้านิ่งรอคอยชะตากรรม
“การที่เจ้านางรินคำช่วยข้าหนีออกจากคุก ข้าขอเจ้าหลวงยกโทษให้เจ้านางด้วย ความผิดทั้งหมดมาจากตัวข้าเองที่เป็นต้นเรื่องหาใช่ความผิด
ของเจ้านาง ข้าขอรับผิดนั้นแต่เพียงผู้เดียวเถิดขอรับ” เสือเลิกกลัวความตายไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขากลัวคือการที่ได้เห็นรินคำต้องมีอันตราย
มากกว่า
“หากเจ้ายอมตาย รินคำก็จะพ้นผิด เจ้ายินดีก่อ” พระยากาวิละถามเสียงเย็น
“ข้ายินดีขอรับ” ชายหนุ่มตัดได้สินใจแล้ว
“เจ้าอู้ว่ามาเจ้าขอเว้นโทษในสิ่งที่เจ้าบ่ได้เยียะ แต่ตอนนี้เจ้ากลับอู้ว่าเจ้าจะยอมตายในสิ่งที่คนอื่นเยียะอย่างนั้นกา” เจ้าหลวงหัวเราะออกมา
แค่นหนึ่ง
“ถึงข้าจะต้องตายแต่ข้าก็จะยืนยันในความบริสุทธิ์และศักดิ์ศรีของตนเอง” เสือประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว