สวัสดีครับ หายหน้าไปนานเลย จะนับว่าเดือนนึงยังได้
ที่จริงมันมีเรื่องน่าเซ็งอยู่ ตอน 806 ออกแล้วต้นฉบับการหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ เป็นช่วงที่ผมโคตรว่าง ว่างจนสามารถแปลได้สองตอนแบบสบายๆเลยด้วยซ้ำ (มีธุระนิดหน่อยที่ทำให้ต้องลางานสองวันแถมติดเสาร์อาทิตย์) กลายเป็นไม่มีอะไรให้ทำซะงั้น พอมีตอนใหม่ออกมาสัปดาห์ใหม่ก็ยุ่งทันที แถมงานเยอะจนต้องทำโอทีทุกวัน เสาร์ก็ต้องทำ จะเอาเวลาไหน ความตั้งใจที่ว่าจะค่อยๆแปลให้ดูแล้วคงจะไม่ได้ทำซักที
แถมยิ่งนานเข้าดินก็เริ่มพอกหางหมู ถ้าแปลเต็มนี่ตายพอดีอาทิตย์นี้เลยกะว่า ลงรวดสองตอนเก่าแบบสรุป และทำตอนใหม่แบบเต็มๆละกัน
แต่เอาเข้าจริง แค่สรุปก็จะไม่ทันอยู่ละ จะเอาเต็มตอนอีกเร้ออออ ดังนั้น 807-808 ลงก่อนก็แล้วกัน ส่วน 809 คงจะลงอาทิตย์หน้าในรูปแบบสรุป และ 810 ถ้าทำไหวจะลงพร้อม 809 แบบแปลเต็มๆนะ แต่ถ้าไม่ไหวก็สรุปทั้งสองตอน (และสำคัญที่สุด ไม่ขอสัญญาอะไรทั้งนั้น 5555)
พูดมากมานานละ เอาเป็นว่าผมจะลงแค่สองตอนแบบไม่ลงรูปนะครับ ประหยัดเวลาผมได้อีกหน่อย ขอให้สนุกและอย่าลืมอุดหนุนลิขสิทธิ์ด้วยนะ
Kingdom 807 เมืองหนานหยาง
ความเดิมตอนที่แล้ว
การถกเถียงภายในราชสำนักหานว่ามีเพียงแค่สามทางเลือก คือ
หนึ่ง ให้แม่ทัพลั่วย่าหวันระดมทัพจากซินเจิ้งไปสมทบกับทัพของแม่ทัพหวังป๋อกู่ที่หนานหยาง
สอง ปล่อยให้หนานหยางรบกับทัพฉินจำนวน 160,000 นายเพียงลำพัง แม้จะแตกพ่ายในที่สุดแต่ก็จะบั่นทอนกำลังทัพของฉินได้มาก
สาม เรียกกำลังจากหนานหยางทั้งหมดกลับมายังซินเจิ้ง เน้นป้องกันเหมืองหลวงเป็นหลัก
ระหว่างที่กำลังให้หวังอันหวังหานอ๋องตัดสินใจทางเลือกทั้งสาม คนเดินสารก็เข้ามาแจ้งข่าวอีกครั้งว่ามีทัพฉินอีกจำนวน 100,000 นายตามหลังทัพเถิงมา ทำให้จำนวนทัพรวมทั้งสิ้นตอนนี้คือ 260,000 นาย
ราชสำนักหานตกใจและไม่เชื่อว่ารัฐฉินจะมีกำลังพลเพิ่มได้อีกถึงหนึ่งแสนคน ซึ่งลำพังการจัดทำสำมะโนประชากรเพิ่มขึ้นมาไม่มีทางจะสร้างรี้พลได้ขนาดนี้อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดแม่ทัพลั่วย่าหวันได้เสนอให้มองสถาการณ์ข้างหน้าก่อนและบอกว่าตอนนี้เหลือเพียงทางเลือกเดียวคือถอนกำลังของแม่ทัพหวังป๋อปู่ออกจากหนานหยางและเน้นเสริมกำลังบริเวณรอบๆซินเจิ้ง หวังอันหวังเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้จึงมีราชโองการให้ถอนทัพออกจากหนานหยางโดยทันที
การสั่งถอนทัพมาเตรียมพร้อมตั้งรับในเขตนครหลวงทำเหล่าขุนนางต่างสูญเสียขวัญกำลังใจ ทั้งบางคนก็มีญาติพี่น้องอยู่ในหนานหยางด้วย สภาพบรรยากาศอันน่าอดสูทำเอาราชธิดาผูกังวลถึงผู้คนที่จะต้องอยู่รั้งในเมืองหนานหยางจะต้องอยู่อย่างแร้นแค้นเช่นไร แต่เสนาบดีจางชิ่งได้บอกผู้ว่าอย่าได้วิตกนัก เพราะหลงอันเจ้าเมืองหนานหยางเป็นชายผู้มีความปรีชาสามารถคนหนึ่งของรัฐหาน
ณ เมืองหนานหยาง
เมื่อได้รับราชโองการเร่งด่วน แม่ทัพหวังป๋อกู่จำต้องยอมเคลื่อนทัพออกจากหนานหยาง โดยมีหลงอันเจ้าเมืองหนานหยางอยู่รั้งการบุกมาของทัพฉิน ขณะที่ราษฎรของหนานหยางส่วนใหญ่ได้อพยพออกจากเมืองไป เหลือเพียงผู้สูงอายุและคนส่วนน้อยที่เลือกจะอยู่ต่อ หลงอันได้เตรียมใจจะมอบศีรษะตนเพื่อแลกกับชีวิตราษฎร
ตัดมาทางด้านหน่วยเฟยซิ่น
ซิ่นได้รับข่าวว่าทัพใหญ่หานได้ถอนทัพออกจากหนานหยาง ทำให้เมืองนั้นเปิดโล่งไร้ซึ่งการป้องกัน นั่นจึงทำให้หนานหยางตกเป็นของรัฐฉินได้โดยไร้ซึ่งการนองเลือด
ย้อนกลับไปตอนที่เถิงได้พบกับชางผิงจวินและชางเหวินจวิน เถิงได้ร้องขอให้เกณฑ์รี้พลเพิ่มอีกเป็นจำนวนหนึ่งแสนคนอันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาเพื่อพิชิตหนานหยางโดยหลีกเลี่ยงการสูญเสีย ทว่าชางผิงจวินและชางเหวินจวินบอกว่าไม่สามารถทำได้เพราะ ลำพังรี้พลหกหมื่นที่มอบให้กับหน่วยเฟยซิ่นนั้นก็เต็มที่แล้ว เถิงจึงบอกกลับไปว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นพลรบที่ใช้การได้จริงๆดอก ขอแค่เพียงทำให้ดูเหมือนเป็นพลเดินเท้าสามัญยกทัพตามมาก็เพียงพอแล้ว
กลับมาที่ปัจจุบัน
ปรากฎให้เห็นว่าทัพที่ตามมาจำนวนหนึ่งแสนนั้นล้วนเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่อาสามาโดยแลกกับเงินทองที่ราชสำนักสัญญาจะมอบให้แค่เพียงร่วมขบวนทัพมายังหนานหยางโดยมิจำเป็นต้อเข้าร่วมรบ ด้วยกลยุทธ์ทางจิตวิทยาอันแยบยลนี้ทำให้ทัพฉินสามารถยึดหนานหยางโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ
จบตอน
===================
Kingdom 808 ธง
หลังจากเมืองเปิดโล่งไร้ซึ่งการป้องกัน ทัพเถิงและซิ่นก็เดินทางเข้ามายังในเมืองโดยมีหลงอันเจ้าเมืองหนานหยางและคณะยืนรอต้อนรับและยอมจำนนต่อรัฐฉิน เขาถอดหมวกขุนนางออก โค้งคำนับและขอร้องให้ละเว้นชีวิตราษฎรหนานหยาง
เถิงได้มอบคำสัตย์ให้กับหลงอันว่าจะรับรองความปลอดภัยและจะดูแลประชาชนให้เป็นอย่างดี อีกทั้งเถิงจะทำหน้าที่ดูแลเมืองชั่วคราวจนกว่าจะเจ้าเมืองคนใหม่ที่ทางเสียนหยางแต่งตั้งเดินทางมาถึงและเข้ารับช่วงต่อแทน
ลู่อูเว่ยเล็งเห็นว่าควรจัดหาพื้นที่ให้ทัพใหญ่เข้ามาในเมืองโดยอาจจะต้องขับไล่ประชาชนบางส่วน แต่เถิงก็ตำหนิลู่อูเว่ยและสั่งให้ทหารส่วนใหญ่ประจำการอยุ่นอกเมืองแทน โดยจะให้เข้าเมืองเฉพาะทัพหลักและยังสั่งให้เหล่าแม่ทัพให้คอยระวังไม่ให้ใครก่อนปัญหากับชาวเมืองหนานหยางอีกด้วย
ระหว่างนั้นเอง มีเด็กกำพร้าสองคนที่เสียพ่อแม่ไปในระหว่างสงครามกับรัฐฉิน ได้พยายามชักธงของรัฐหานขึ้นอยู่บนกำแพงเมือง นั่นทำให้ทุกคนต่างตกใจมากเพราะนี่เป็นการท้าทายทัพฉินเป็นอย่างยิ่ง หลงอันเห็นเช่นนั้นจึงรีบกราบขอขมาและร้องขอไม่ให้ลงโทษพวกเด็กๆ ทว่าเถิงได้กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ เขาจะไม่ลงโทษเด็กๆและอนุญาตให้ชักธงหานขึ้นตามกำแพงโดยมีธงฉินตั้งอยู่เคียงข้าง การกระทำของเถิงทำให้ทุกคนรวมถึงชาวเมืองต่างประหลาดใจ
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย นอกจากเถิงแล้ว เหล่าแม่ทัพคนอื่นๆรวมถึงซิ่นได้ประชุมหารือกันเรื่องการบุกเข้าพิชิตซินเจิ้ง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพักอยู่ที่หนานหยางสักพักแทนที่จะบุกเข้าโจมตีซินเจิ้งทันที เตียวกล่าวว่าแม้ว่าจะยึดหนานหยางได้โดยไม่ต้องรบ แต่นั่นก็เพียงแค่เลื่อนการสู้ออกไปยังภายหลังเท่านั้น
หลงกั๋วกล่าวเสริมเช่นกันว่า นั่นทำให้การรบครั้งถัดไปทัพฉินจะต้องเผชิญกับทัพของหนานหยางพร้อมกับกองทัพอื่นๆของรัฐหานที่ซินเจิ้งในขณะที่ยังต้องพึงรักษาเงื่อนไขการรบโดยลดการสูญเสียให้มากที่สุด สิ่งที่พอทำได้ระหว่างที่ยังอยู่ที่หนานหยางเคือการฝึกพลรบหน้าใหม่ให้พร้อมเพื่อจะได้เป็นกำลังรบจริงที่ใช้การได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเตรียมตัวพื้นฐานอย่างสามัญที่ต้องทำอยู่แล้ว ยังขาดปัจจัยที่จะทำให้รบกันโดยเลี่ยงความสูญเสียอยู่ดี
เมื่อการถกปัญหาถึงทางตัน คนที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางจึงย่อมไม่พ้นแม่ทัพใหญ่เถิง ทว่าตอนนี้เถิงกำลังเดินตรวจตราเมืองกับหลงอันอยู่ ลู่อูเว่ยเองก็สงสัยว่าพักนี้เถิงทำตัวแปลกๆ เหมือนจะปฏิบัติกับหลงอันเป็นพิเศษ หลงกั๋วจึงอธิบายให้ฟังว่านั้นเป็นเพราะหลงอันเป็นขุนนางตงฉินเป็นที่รักใคร่ของชาวหนานหยาง หากหลงอันเป็นเจ้าเมืองที่โหดเหี้ยมปกครองชาวเมืองด้วยอำนาจ เราก็เพียงแค่สั่งประหารและปลดปล่อยชาวเมืองจากการปกครองอันกดขี่นี้เพื่อซื้อใจประชาชน แต่ในทางกลับกันหากเขาเป็นที่รักของประชาชน เพื่อที่จะปกครองหนานหยางได้อย่างราบรื่นเราจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากหลงอันจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่าเพราะประชาชนไว้วางใจเขา
ตัดมาทางด้านเถิงที่กำลังสำรวจเมืองร่วมกับหลงอัน เถิงได้อนุญาตให้หลงอันสวมหมวกขุนนางได้ หลงอันกล่าวขอบคุณเถิงสำหรับความใส่ใจและยังสรรเสริญถึงความเมตตาที่ไม่เอาเรื่องตอนที่มีเด็กชักธงหานขึ้น เถิงจึงได้กล่าวตอบว่าเรื่องธงนั้นเขาก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำแล้วทว่านั่นอาจจะยังไม่เพียงพอ ในฐานะไพรีรัฐที่รุกรานเข้ามา ผู้คนย่อมจะถูกความเกลียดชังฝังเข้าภายในใจลึกซึ้งอย่างยากที่จะถอนคืน ดังนั้นการตั้งธงรัฐฉินคู่กับหานก็อาจถูกมองว่าเป็นกันข่มเหง กลายเป็นเพิ่มความชิงชังเข้าไปอีก การจะระงับความโกรธแค้นเป็นปัญหาที่แก้ไม่ง่ายเลยแต่ข้าเชื่อว่ากุญแจสำคัญที่จะยึดนครหลวงซินเจิ้งสำเร็จจะต้องอยู่ในหนานหยางเป็นแน่
ทว่าเวลานั้นเองเจ้าหน้าที่ที่ทางราชสำนักส่งมาก็เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่คนใหม่มีชื่อว่ากวนฉิง เมื่อมาถึงเขาก็สังเกตเห็นธงหานและฉินชักคู่กันก็เกิดความไม่พอใจทันที กวนฉิงมีความเข้มงวดและเด็ดขาดนัก เนื่องจากเขามีหน้าที่ต้องควบคุมความสงบเรียบร้อยและบังคับใช้กฎหมายของรัฐฉินกับเมืองหนานหยางนี้ จึงมีการประกาศรวบรวมชาวเมืองเข้ารับฟังและให้ปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐฉินอย่างไม่ละเว้น รวมถึงจะต้องประหารเจ้าเมืองคนเก่าหลงอันด้วย การประกาศของกวนฉิงทำเถิงมองอย่างไม่พอใจ
จบตอน
สำหรับตอนถัดไปเจอกันวันอาทิตย์ ตอนนี้แสกนออกมาถึง 809 แล้วใครอยากอ่านเองก็เชิญลุยก่อนได้ครับ
[Spoil] Kingdom 807 - 808
ที่จริงมันมีเรื่องน่าเซ็งอยู่ ตอน 806 ออกแล้วต้นฉบับการหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ เป็นช่วงที่ผมโคตรว่าง ว่างจนสามารถแปลได้สองตอนแบบสบายๆเลยด้วยซ้ำ (มีธุระนิดหน่อยที่ทำให้ต้องลางานสองวันแถมติดเสาร์อาทิตย์) กลายเป็นไม่มีอะไรให้ทำซะงั้น พอมีตอนใหม่ออกมาสัปดาห์ใหม่ก็ยุ่งทันที แถมงานเยอะจนต้องทำโอทีทุกวัน เสาร์ก็ต้องทำ จะเอาเวลาไหน ความตั้งใจที่ว่าจะค่อยๆแปลให้ดูแล้วคงจะไม่ได้ทำซักที
แถมยิ่งนานเข้าดินก็เริ่มพอกหางหมู ถ้าแปลเต็มนี่ตายพอดีอาทิตย์นี้เลยกะว่า ลงรวดสองตอนเก่าแบบสรุป และทำตอนใหม่แบบเต็มๆละกัน
แต่เอาเข้าจริง แค่สรุปก็จะไม่ทันอยู่ละ จะเอาเต็มตอนอีกเร้ออออ ดังนั้น 807-808 ลงก่อนก็แล้วกัน ส่วน 809 คงจะลงอาทิตย์หน้าในรูปแบบสรุป และ 810 ถ้าทำไหวจะลงพร้อม 809 แบบแปลเต็มๆนะ แต่ถ้าไม่ไหวก็สรุปทั้งสองตอน (และสำคัญที่สุด ไม่ขอสัญญาอะไรทั้งนั้น 5555)
พูดมากมานานละ เอาเป็นว่าผมจะลงแค่สองตอนแบบไม่ลงรูปนะครับ ประหยัดเวลาผมได้อีกหน่อย ขอให้สนุกและอย่าลืมอุดหนุนลิขสิทธิ์ด้วยนะ
Kingdom 807 เมืองหนานหยาง
ความเดิมตอนที่แล้ว
การถกเถียงภายในราชสำนักหานว่ามีเพียงแค่สามทางเลือก คือ
หนึ่ง ให้แม่ทัพลั่วย่าหวันระดมทัพจากซินเจิ้งไปสมทบกับทัพของแม่ทัพหวังป๋อกู่ที่หนานหยาง
สอง ปล่อยให้หนานหยางรบกับทัพฉินจำนวน 160,000 นายเพียงลำพัง แม้จะแตกพ่ายในที่สุดแต่ก็จะบั่นทอนกำลังทัพของฉินได้มาก
สาม เรียกกำลังจากหนานหยางทั้งหมดกลับมายังซินเจิ้ง เน้นป้องกันเหมืองหลวงเป็นหลัก
ระหว่างที่กำลังให้หวังอันหวังหานอ๋องตัดสินใจทางเลือกทั้งสาม คนเดินสารก็เข้ามาแจ้งข่าวอีกครั้งว่ามีทัพฉินอีกจำนวน 100,000 นายตามหลังทัพเถิงมา ทำให้จำนวนทัพรวมทั้งสิ้นตอนนี้คือ 260,000 นาย
ราชสำนักหานตกใจและไม่เชื่อว่ารัฐฉินจะมีกำลังพลเพิ่มได้อีกถึงหนึ่งแสนคน ซึ่งลำพังการจัดทำสำมะโนประชากรเพิ่มขึ้นมาไม่มีทางจะสร้างรี้พลได้ขนาดนี้อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดแม่ทัพลั่วย่าหวันได้เสนอให้มองสถาการณ์ข้างหน้าก่อนและบอกว่าตอนนี้เหลือเพียงทางเลือกเดียวคือถอนกำลังของแม่ทัพหวังป๋อปู่ออกจากหนานหยางและเน้นเสริมกำลังบริเวณรอบๆซินเจิ้ง หวังอันหวังเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้จึงมีราชโองการให้ถอนทัพออกจากหนานหยางโดยทันที
การสั่งถอนทัพมาเตรียมพร้อมตั้งรับในเขตนครหลวงทำเหล่าขุนนางต่างสูญเสียขวัญกำลังใจ ทั้งบางคนก็มีญาติพี่น้องอยู่ในหนานหยางด้วย สภาพบรรยากาศอันน่าอดสูทำเอาราชธิดาผูกังวลถึงผู้คนที่จะต้องอยู่รั้งในเมืองหนานหยางจะต้องอยู่อย่างแร้นแค้นเช่นไร แต่เสนาบดีจางชิ่งได้บอกผู้ว่าอย่าได้วิตกนัก เพราะหลงอันเจ้าเมืองหนานหยางเป็นชายผู้มีความปรีชาสามารถคนหนึ่งของรัฐหาน
ณ เมืองหนานหยาง
เมื่อได้รับราชโองการเร่งด่วน แม่ทัพหวังป๋อกู่จำต้องยอมเคลื่อนทัพออกจากหนานหยาง โดยมีหลงอันเจ้าเมืองหนานหยางอยู่รั้งการบุกมาของทัพฉิน ขณะที่ราษฎรของหนานหยางส่วนใหญ่ได้อพยพออกจากเมืองไป เหลือเพียงผู้สูงอายุและคนส่วนน้อยที่เลือกจะอยู่ต่อ หลงอันได้เตรียมใจจะมอบศีรษะตนเพื่อแลกกับชีวิตราษฎร
ตัดมาทางด้านหน่วยเฟยซิ่น
ซิ่นได้รับข่าวว่าทัพใหญ่หานได้ถอนทัพออกจากหนานหยาง ทำให้เมืองนั้นเปิดโล่งไร้ซึ่งการป้องกัน นั่นจึงทำให้หนานหยางตกเป็นของรัฐฉินได้โดยไร้ซึ่งการนองเลือด
ย้อนกลับไปตอนที่เถิงได้พบกับชางผิงจวินและชางเหวินจวิน เถิงได้ร้องขอให้เกณฑ์รี้พลเพิ่มอีกเป็นจำนวนหนึ่งแสนคนอันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาเพื่อพิชิตหนานหยางโดยหลีกเลี่ยงการสูญเสีย ทว่าชางผิงจวินและชางเหวินจวินบอกว่าไม่สามารถทำได้เพราะ ลำพังรี้พลหกหมื่นที่มอบให้กับหน่วยเฟยซิ่นนั้นก็เต็มที่แล้ว เถิงจึงบอกกลับไปว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นพลรบที่ใช้การได้จริงๆดอก ขอแค่เพียงทำให้ดูเหมือนเป็นพลเดินเท้าสามัญยกทัพตามมาก็เพียงพอแล้ว
กลับมาที่ปัจจุบัน
ปรากฎให้เห็นว่าทัพที่ตามมาจำนวนหนึ่งแสนนั้นล้วนเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่อาสามาโดยแลกกับเงินทองที่ราชสำนักสัญญาจะมอบให้แค่เพียงร่วมขบวนทัพมายังหนานหยางโดยมิจำเป็นต้อเข้าร่วมรบ ด้วยกลยุทธ์ทางจิตวิทยาอันแยบยลนี้ทำให้ทัพฉินสามารถยึดหนานหยางโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ
จบตอน
===================
Kingdom 808 ธง
หลังจากเมืองเปิดโล่งไร้ซึ่งการป้องกัน ทัพเถิงและซิ่นก็เดินทางเข้ามายังในเมืองโดยมีหลงอันเจ้าเมืองหนานหยางและคณะยืนรอต้อนรับและยอมจำนนต่อรัฐฉิน เขาถอดหมวกขุนนางออก โค้งคำนับและขอร้องให้ละเว้นชีวิตราษฎรหนานหยาง
เถิงได้มอบคำสัตย์ให้กับหลงอันว่าจะรับรองความปลอดภัยและจะดูแลประชาชนให้เป็นอย่างดี อีกทั้งเถิงจะทำหน้าที่ดูแลเมืองชั่วคราวจนกว่าจะเจ้าเมืองคนใหม่ที่ทางเสียนหยางแต่งตั้งเดินทางมาถึงและเข้ารับช่วงต่อแทน
ลู่อูเว่ยเล็งเห็นว่าควรจัดหาพื้นที่ให้ทัพใหญ่เข้ามาในเมืองโดยอาจจะต้องขับไล่ประชาชนบางส่วน แต่เถิงก็ตำหนิลู่อูเว่ยและสั่งให้ทหารส่วนใหญ่ประจำการอยุ่นอกเมืองแทน โดยจะให้เข้าเมืองเฉพาะทัพหลักและยังสั่งให้เหล่าแม่ทัพให้คอยระวังไม่ให้ใครก่อนปัญหากับชาวเมืองหนานหยางอีกด้วย
ระหว่างนั้นเอง มีเด็กกำพร้าสองคนที่เสียพ่อแม่ไปในระหว่างสงครามกับรัฐฉิน ได้พยายามชักธงของรัฐหานขึ้นอยู่บนกำแพงเมือง นั่นทำให้ทุกคนต่างตกใจมากเพราะนี่เป็นการท้าทายทัพฉินเป็นอย่างยิ่ง หลงอันเห็นเช่นนั้นจึงรีบกราบขอขมาและร้องขอไม่ให้ลงโทษพวกเด็กๆ ทว่าเถิงได้กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ เขาจะไม่ลงโทษเด็กๆและอนุญาตให้ชักธงหานขึ้นตามกำแพงโดยมีธงฉินตั้งอยู่เคียงข้าง การกระทำของเถิงทำให้ทุกคนรวมถึงชาวเมืองต่างประหลาดใจ
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย นอกจากเถิงแล้ว เหล่าแม่ทัพคนอื่นๆรวมถึงซิ่นได้ประชุมหารือกันเรื่องการบุกเข้าพิชิตซินเจิ้ง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพักอยู่ที่หนานหยางสักพักแทนที่จะบุกเข้าโจมตีซินเจิ้งทันที เตียวกล่าวว่าแม้ว่าจะยึดหนานหยางได้โดยไม่ต้องรบ แต่นั่นก็เพียงแค่เลื่อนการสู้ออกไปยังภายหลังเท่านั้น
หลงกั๋วกล่าวเสริมเช่นกันว่า นั่นทำให้การรบครั้งถัดไปทัพฉินจะต้องเผชิญกับทัพของหนานหยางพร้อมกับกองทัพอื่นๆของรัฐหานที่ซินเจิ้งในขณะที่ยังต้องพึงรักษาเงื่อนไขการรบโดยลดการสูญเสียให้มากที่สุด สิ่งที่พอทำได้ระหว่างที่ยังอยู่ที่หนานหยางเคือการฝึกพลรบหน้าใหม่ให้พร้อมเพื่อจะได้เป็นกำลังรบจริงที่ใช้การได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเตรียมตัวพื้นฐานอย่างสามัญที่ต้องทำอยู่แล้ว ยังขาดปัจจัยที่จะทำให้รบกันโดยเลี่ยงความสูญเสียอยู่ดี
เมื่อการถกปัญหาถึงทางตัน คนที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางจึงย่อมไม่พ้นแม่ทัพใหญ่เถิง ทว่าตอนนี้เถิงกำลังเดินตรวจตราเมืองกับหลงอันอยู่ ลู่อูเว่ยเองก็สงสัยว่าพักนี้เถิงทำตัวแปลกๆ เหมือนจะปฏิบัติกับหลงอันเป็นพิเศษ หลงกั๋วจึงอธิบายให้ฟังว่านั้นเป็นเพราะหลงอันเป็นขุนนางตงฉินเป็นที่รักใคร่ของชาวหนานหยาง หากหลงอันเป็นเจ้าเมืองที่โหดเหี้ยมปกครองชาวเมืองด้วยอำนาจ เราก็เพียงแค่สั่งประหารและปลดปล่อยชาวเมืองจากการปกครองอันกดขี่นี้เพื่อซื้อใจประชาชน แต่ในทางกลับกันหากเขาเป็นที่รักของประชาชน เพื่อที่จะปกครองหนานหยางได้อย่างราบรื่นเราจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากหลงอันจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่าเพราะประชาชนไว้วางใจเขา
ตัดมาทางด้านเถิงที่กำลังสำรวจเมืองร่วมกับหลงอัน เถิงได้อนุญาตให้หลงอันสวมหมวกขุนนางได้ หลงอันกล่าวขอบคุณเถิงสำหรับความใส่ใจและยังสรรเสริญถึงความเมตตาที่ไม่เอาเรื่องตอนที่มีเด็กชักธงหานขึ้น เถิงจึงได้กล่าวตอบว่าเรื่องธงนั้นเขาก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำแล้วทว่านั่นอาจจะยังไม่เพียงพอ ในฐานะไพรีรัฐที่รุกรานเข้ามา ผู้คนย่อมจะถูกความเกลียดชังฝังเข้าภายในใจลึกซึ้งอย่างยากที่จะถอนคืน ดังนั้นการตั้งธงรัฐฉินคู่กับหานก็อาจถูกมองว่าเป็นกันข่มเหง กลายเป็นเพิ่มความชิงชังเข้าไปอีก การจะระงับความโกรธแค้นเป็นปัญหาที่แก้ไม่ง่ายเลยแต่ข้าเชื่อว่ากุญแจสำคัญที่จะยึดนครหลวงซินเจิ้งสำเร็จจะต้องอยู่ในหนานหยางเป็นแน่
ทว่าเวลานั้นเองเจ้าหน้าที่ที่ทางราชสำนักส่งมาก็เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่คนใหม่มีชื่อว่ากวนฉิง เมื่อมาถึงเขาก็สังเกตเห็นธงหานและฉินชักคู่กันก็เกิดความไม่พอใจทันที กวนฉิงมีความเข้มงวดและเด็ดขาดนัก เนื่องจากเขามีหน้าที่ต้องควบคุมความสงบเรียบร้อยและบังคับใช้กฎหมายของรัฐฉินกับเมืองหนานหยางนี้ จึงมีการประกาศรวบรวมชาวเมืองเข้ารับฟังและให้ปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐฉินอย่างไม่ละเว้น รวมถึงจะต้องประหารเจ้าเมืองคนเก่าหลงอันด้วย การประกาศของกวนฉิงทำเถิงมองอย่างไม่พอใจ
จบตอน
สำหรับตอนถัดไปเจอกันวันอาทิตย์ ตอนนี้แสกนออกมาถึง 809 แล้วใครอยากอ่านเองก็เชิญลุยก่อนได้ครับ