อ้างความเดิมจาก กระทู้ จุด(พลาด)ที่เหมือนกันของพวกมิจฉาทิฐิ อธิบายโดย ท่านปยุตโต
http://ppantip.com/topic/30669019
โถ โถ .......................
คันโตนาซี ก็ยังคงติดนิสัย พล่ามน้ำลายแตกฟอง อีกตามเคย นะครับ
ปากหนึ่งก็พูดพล่ามสารพัดว่า เชื่อเรื่องขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง บลา บลา
แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว เดี๋ยวมันก็ต้องวกไป "เมาหมก" อยู่กับ สัตว์บุคคล ฯลฯ
ในฐานะเป็น ผู้เกิด ผู้ตาย หรือ ผู้เวียนว่ายตายเกิด ตามประสาพวก สัสสตทิฐิ อยู่นั่นเอง !
หรือว่า คันโตนาซี จำคำพูดของตนเอง ไม่ได้เสียแล้ว ดูนี่สิ
v
v
v
ขอให้สังเกตด้วยว่า ความคิด ความเชื่อ และ คำถาม ของนายคันโตนาซี
นั้นเหมือนกับ ทิฐิลามก ของมารผู้มีบาป เป๊ะๆ
สัมมาทิฐิมากเลยนะเธอ(คริคริ)
v
v
v
ส่วนประเด็นที่ว่า ใครเป็นคนพูดในทำนองว่า ...... "ผู้ทำกรรมกับผู้รับกรรมเป็นคนเดียวกันหรือคนละคน"
หลักฐานก็มีอยู่แล้วใน กระทู้ จุด(พลาด)ที่เหมือนกันของพวกมิจฉาทิฐิ อธิบายโดย ท่านปยุตโต
http://ppantip.com/topic/30669019
กล่าวคือ ทั้งๆ ที่อรรถกถาจารย์ ก็ได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดแจ้งว่า
สัมมาทิฐิ นั้นต้องหมายถึง ผู้ทำกรรมไม่มี ผู้เสวยผลก็ไม่มี ฯลฯ
ซึ่งสอดคล้องกับพุทธพจน์จาก อเจลกัสสปสูตร
แต่นายคนนี้กลับ เชื่อและพูด ในสิ่งที่ตรงข้าม
แล้วมันยังจะนับว่าเป็นสัมมาทิบิในพระพุทธศาสนาอยู่ได้อย่างไร ?
ทั้ง ๒ กรณีนี้ มันเป็นพวก สัสสตทิฐิ นี่ครับ
หรือมิใช่ ?
คำถาม ของ มารผู้มีบาป .................... (?)
โถ โถ .......................
คันโตนาซี ก็ยังคงติดนิสัย พล่ามน้ำลายแตกฟอง อีกตามเคย นะครับ
ปากหนึ่งก็พูดพล่ามสารพัดว่า เชื่อเรื่องขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง บลา บลา
แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว เดี๋ยวมันก็ต้องวกไป "เมาหมก" อยู่กับ สัตว์บุคคล ฯลฯ
ในฐานะเป็น ผู้เกิด ผู้ตาย หรือ ผู้เวียนว่ายตายเกิด ตามประสาพวก สัสสตทิฐิ อยู่นั่นเอง !
หรือว่า คันโตนาซี จำคำพูดของตนเอง ไม่ได้เสียแล้ว ดูนี่สิ
v
v
v
ขอให้สังเกตด้วยว่า ความคิด ความเชื่อ และ คำถาม ของนายคันโตนาซี
นั้นเหมือนกับ ทิฐิลามก ของมารผู้มีบาป เป๊ะๆ
สัมมาทิฐิมากเลยนะเธอ(คริคริ)
v
v
v
ส่วนประเด็นที่ว่า ใครเป็นคนพูดในทำนองว่า ...... "ผู้ทำกรรมกับผู้รับกรรมเป็นคนเดียวกันหรือคนละคน"
หลักฐานก็มีอยู่แล้วใน กระทู้ จุด(พลาด)ที่เหมือนกันของพวกมิจฉาทิฐิ อธิบายโดย ท่านปยุตโต http://ppantip.com/topic/30669019
กล่าวคือ ทั้งๆ ที่อรรถกถาจารย์ ก็ได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดแจ้งว่า
สัมมาทิฐิ นั้นต้องหมายถึง ผู้ทำกรรมไม่มี ผู้เสวยผลก็ไม่มี ฯลฯ
ซึ่งสอดคล้องกับพุทธพจน์จาก อเจลกัสสปสูตร
แต่นายคนนี้กลับ เชื่อและพูด ในสิ่งที่ตรงข้าม
แล้วมันยังจะนับว่าเป็นสัมมาทิบิในพระพุทธศาสนาอยู่ได้อย่างไร ?
ทั้ง ๒ กรณีนี้ มันเป็นพวก สัสสตทิฐิ นี่ครับ
หรือมิใช่ ?