เคยเจอไหม คนที่ทำให้เรารู้สึกอยากหยุดจริงๆ ไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานขนาดไหนเราก็ยังคงคิดถึงคนๆนั้น “ความสดใส” บางทีอาจไม่ใช่ความสดใสที่มาจากใบหน้าอันงดงามหรือรูปทรงที่ดูดีเข้ารูป แต่อาจจะมาจากเส้นโค้งเล็กๆที่ออกมาจากมุมปากของคนนั่นเองมันทำให้สามารถตรึงตาตรึงใจไม่ให้เรามองไปทางไหน ผมคิดว่าเป็นเรื่องแปลกนะการที่เราจะรักหรือจะชอบใครคนนึงมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ?? (จริงหรือ) ทำไมบางคนแค่เห็นทีแรกแล้วเราก็ปิ้งเค้าเลย รู้สึกว่าเอ๊ยคนนี้หละใช่เลยไม่ต้องหาไม่ต้องเพิ่มอะไรอีกแล้ว แต่กับบางคนที่เจอที่ครั้งแรกไม่ได้ชอบแต่พอคุย พอได้สัมผัสก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆเริ่มที่จะชอบเค้าคนนั้นขึ้นมา
ผมคิดว่า “สองแบบนี้มันมีความต่างกัน” ตรงที่ “เราใช้อะไรในการรับความรู้สึก” ผมคิดว่าอย่างแรกเราคงใช้หัวใจรับรู้เป็นการรับรู้โดยไม่ต้องเรียนรู้เพียงแค่ได้สัมผัสเราก็รู้สึกได้ เหมือนกับการที่เราชิมกาแฟจากแค่การดมกลิ่น เราก็รู้สึกว่าหอมแล้วอยากจะลองชิมอยากจะลองสัมผัสมันดู แบบที่สองผมคิดว่ามันเป็นการรับรู้โดยใช้สมองมันแตกต่างกันตรงที่ว่าสมองนั้นไม่เหมือนหัวใจ สมองมนุษย์มีกลไกพิเศษให้สามารถเรียนรู้ ศึกษาและพัฒนาได้เสมอ คนเราพอได้เรียนรู้ได้สัมผัสกันก็จะรู้ว่าต่างคนต่างชอบอะไร รู้นิสัยใจคอ รู้ว่าคนๆนั้นเป็นยังไงมีอะไรเหมือนกันรึป่าว เหมือนกับการชิมกาแฟด้วยการชิม และสัมผัสรสด้วยริมฝีปากและลิ้นของเรานั่นเอง
เราทุกๆคนต่างเคยเจอคนที่ใช้หัวใจก่อนสมองเสมอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ใช้หัวใจในการรับรู้นั้นจะดีและถูกเสมอไป การที่เราใช้หัวใจในการรับรู้เหมือนการดมรสกาแฟแล้วกลิ่นหอมเตะจมูกแรงๆหรือถึงกับหงายเลยทีเดียว มันช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนซะนี่กระไร แต่พอเราได้ลองชิมรสกาแฟแล้วเราก็พบว่า บางทีรสของกาแฟมันช่างไม่เหมาะกับกลิ่นที่ส่งผ่านจมูกเราเสียเลย บางทีกาแฟหอมแต่กลิ่นแต่รสชาติกับขมจนกินไม่ได้ก็เยอะแยะไป
คนทุกคนก็ต่างล้วนหวังที่จะซิมกาแฟที่มีทั้งความหอมและมีรสที่นุ่มละมุน แต่คนดวงดีแบบนี้อาจมีไม่เยอะมากหรอก บางทีเราก็ต้องเลือกระหว่าง กลิ่น กับ รส เป็นคุณๆ จะเลือกแบบไหน?? กลิ่นหรือรส ผมไม่รู้หรอกผมคิดว่ามันอยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละคน และความอดทนของแต่ละคนด้วย
“กาแฟที่ชงแล้วมีทั้งกลิ่นที่ดีและรสละมุนลิ้น ในโลกนี้ไม่ได้มีแก้วเดียวนะ”......... “บางทีคุณอาจมีโอกาสเป็นคนดวงดีก็ได้” ........
ผมเขียนขึ้นจากความคิดของผมครับ
เพื่อนๆที่ได้อ่านมาแชร์ความรู้สึกกันนะครับ ใครคิดยังไงเคยเจออะไร มาคุยกันๆ^^
บทความว่าด้วยความรัก
ผมคิดว่า “สองแบบนี้มันมีความต่างกัน” ตรงที่ “เราใช้อะไรในการรับความรู้สึก” ผมคิดว่าอย่างแรกเราคงใช้หัวใจรับรู้เป็นการรับรู้โดยไม่ต้องเรียนรู้เพียงแค่ได้สัมผัสเราก็รู้สึกได้ เหมือนกับการที่เราชิมกาแฟจากแค่การดมกลิ่น เราก็รู้สึกว่าหอมแล้วอยากจะลองชิมอยากจะลองสัมผัสมันดู แบบที่สองผมคิดว่ามันเป็นการรับรู้โดยใช้สมองมันแตกต่างกันตรงที่ว่าสมองนั้นไม่เหมือนหัวใจ สมองมนุษย์มีกลไกพิเศษให้สามารถเรียนรู้ ศึกษาและพัฒนาได้เสมอ คนเราพอได้เรียนรู้ได้สัมผัสกันก็จะรู้ว่าต่างคนต่างชอบอะไร รู้นิสัยใจคอ รู้ว่าคนๆนั้นเป็นยังไงมีอะไรเหมือนกันรึป่าว เหมือนกับการชิมกาแฟด้วยการชิม และสัมผัสรสด้วยริมฝีปากและลิ้นของเรานั่นเอง
เราทุกๆคนต่างเคยเจอคนที่ใช้หัวใจก่อนสมองเสมอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ใช้หัวใจในการรับรู้นั้นจะดีและถูกเสมอไป การที่เราใช้หัวใจในการรับรู้เหมือนการดมรสกาแฟแล้วกลิ่นหอมเตะจมูกแรงๆหรือถึงกับหงายเลยทีเดียว มันช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนซะนี่กระไร แต่พอเราได้ลองชิมรสกาแฟแล้วเราก็พบว่า บางทีรสของกาแฟมันช่างไม่เหมาะกับกลิ่นที่ส่งผ่านจมูกเราเสียเลย บางทีกาแฟหอมแต่กลิ่นแต่รสชาติกับขมจนกินไม่ได้ก็เยอะแยะไป
คนทุกคนก็ต่างล้วนหวังที่จะซิมกาแฟที่มีทั้งความหอมและมีรสที่นุ่มละมุน แต่คนดวงดีแบบนี้อาจมีไม่เยอะมากหรอก บางทีเราก็ต้องเลือกระหว่าง กลิ่น กับ รส เป็นคุณๆ จะเลือกแบบไหน?? กลิ่นหรือรส ผมไม่รู้หรอกผมคิดว่ามันอยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละคน และความอดทนของแต่ละคนด้วย
“กาแฟที่ชงแล้วมีทั้งกลิ่นที่ดีและรสละมุนลิ้น ในโลกนี้ไม่ได้มีแก้วเดียวนะ”......... “บางทีคุณอาจมีโอกาสเป็นคนดวงดีก็ได้” ........
ผมเขียนขึ้นจากความคิดของผมครับ
เพื่อนๆที่ได้อ่านมาแชร์ความรู้สึกกันนะครับ ใครคิดยังไงเคยเจออะไร มาคุยกันๆ^^