THE TALENT
จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ
ศึกแรก ปฐมบทแห่งการพบกันของนักรบผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 9 : ผู้มาเยือนในคืนสงบ
ในที่สุดความบันเทิงที่หายไปของชาวอคาเดียก็กลับมา เมื่อป้ายของร้านควิสผับส่องแสงไฟขึ้นอีกครั้ง จากความช่วยเหลือของช่างไม้ผู้ปรับปรุงร้านเหล้าเก่าแห่งนี้จนกลับมาใช้การได้เหมือนเดิมทุกประการ และซาโก้เป็นผู้เดินทางไปซื้อหาของจากบัตเตอร์เวิร์ดมา
ที่มุมของร้านซึ่งช่างไม้ได้เสริมไม้ขึ้นเป็นเวทีเตี้ยๆ สำหรับนักดนตรี แดนผู้กำลังรักษาอาการเจ็บที่ท้องอยู่ได้รับเกียรติให้มาเล่นซีด้า แต่เนื่องจากแดนเป็นคนร้องเพลงไม่ได้เรื่องอะไรเลย แม้จะร้องอยู่ทุกครั้งที่ดื่มเหล้ากันก็ตาม ซาโก้จึงไปหาเด็กหนุ่มในเมืองที่เสียงดีมาเป็นคนร้องให้ เพราะเกรงว่าคนทั้งร้านจะทนเสียงของแดนไม่ไหว ส่วนซาโก้ก็หาถังโลหะเก่าๆ มาปรับแต่งอะไรเล็กน้อยสำหรับเป็นเครื่องตีประกอบจังหวะ สมัยยังเรียนอยู่สถาบันอาราเมอิสต์ ซาโก้เข้าร่วมชมรมพลกลองรบ ซึ่งสอนเกี่ยวกับการตีเครื่องหนังประกอบการรบ อันเป็นศาสตร์ที่ดูจะไม่สำคัญอะไรแต่กลับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการศึกทุกครั้งของอาณาจักรทูรูส
คืนแรกที่ร้านควิสผับกลับมาเปิดอีกครั้งเป็นคืนที่ชาวอคาเดียได้รู้สึกถึงชัยชนะและการกลับบ้านอย่างแท้จริง เป็นการฉลองชัยชนะครั้งแรกหลังจากมีแต่ความเศร้าของการสูญเสียและความลำบากของการฟื้นฟูบ้านเรือน ราวกับว่าชาวอคาเดียทั้งหลายอยู่ในอาการหวาดกลัวและทุกข์หนัก ต้องการการบำบัดให้หายจากความตึงเครียดอันยาวนานนั้น ซาโก้เข้าใจดีว่าความบันเทิงคือสิ่งสำคัญที่ทำให้นักรบไม่เป็นบ้าไปเสียก่อน อาณาจักรทูรูสเป็นอาณาจักรแห่งการรบแต่ก็ยังเป็นอาณาจักรที่มีเทศกาลงานรื่นเริงมากมายด้วยเช่นกัน
ร้านควิสผับเป็นร้านไม้สามชั้น มีบริเวณร้านสองชั้นส่วนชั้นที่สามเป็นบ้านที่วีเน่อยู่อาศัยตั้งแต่เด็กๆ เมื่อซ่อมทั้งร้านเสร็จแล้ว ซาโก้จึงขอให้ช่างไม้ใหญ่ช่วยซ่อมชั้นสามของที่นี่ด้วย วีเน่จึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านที่แท้จริงของตน แต่ผู้ที่ช่วยเหลือบริหารร้านแห่งนี้ วีเน่มอบให้นายช่างไม้เป็นหุ้นส่วนใหญ่ได้ผลประโยชน์จากกิจการนี้ทั้งหมด เนื่องจากเขาคือผู้ฟื้นฟูกิจการที่แท้จริง
ภาพของผู้คนที่เข้ามาดื่มและฟังเพลงอย่างสนุกสนาน ทำให้วีเน่ที่มองจากระเบียงชั้นสามลงมายิ้มได้ เธอมองไปยังชายผู้ร่าเริงบนเวทีซึ่งกำลังเคาะตีถังโลหะประกอบเพลง ก่อนหน้านี้ ซาโก้ เป็นชื่อที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินวีรกรรมของเขา แต่หลังจากเอาชนะอสูรกลับมาอยู่ในกำแพงเมืองอคาเดียแล้ว ซาโก้เป็นชื่อที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ว่า เขาผู้นี้ช่วยเธอไว้มากมายเพื่ออะไรกัน
ที่มุมหนึ่งของร้าน วูฟ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องจอมสุรา นั่งดื่มอยู่กับคาดัส นักรบผู้เงียบขรึม ทั้งสองนั่งพิงกำแพงร้าน ฟังดนตรีไปด้วยและดูโทรทัศน์ที่เปิดอยู่อย่างไม่มีเสียง เนื่องจากอุปกรณ์ส่งสัญญาณเสียงพังจนซ่อมไม่ได้แล้ว เป็นการถ่ายทอดสัญญาณการแข่งขันกีฬาวาวาซอร์ กีฬาประจำชาติของอาณาจักรเมโซลาซ เป็นการต่อสู้กันเพื่อนำลูกหนังกลมๆ ไปวางในตระกร้าของฝ่ายตรงข้าม จากภาพดูชุลมุนวุ่นวายจนไม่รู้เรื่องว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน
“ไอ้กีฬาบ้าๆ นี่ ถ้าไม่มีเสียงคนบรรยายนี่ก็จบเห่ คนดูไม่รู้เรื่องเลย" วูฟบ่นขึ้นมา
“มันบ้าตั้งแต่คนเปิดช่องนี้แล้วหละครับ" คาดัสมองไปยังช่างไม้จอมเก๋า ที่นั่งสูบมวนยา ดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ
“หึๆ ให้เข้าหน่อยเถอะ ท่านกิมลอร์เขาเป็นเจ้าของที่นี่แล้ว" วูฟพูด
“เฮ้อ...ก็ดีกว่าไม่มีอะไรดูเลย เพราะต้องฟังเจ้าสามคนนั้นพร่ำอะไรอยู่บนเวที ข้าก็รู้สึกเซ็งแล้ว" คาดัสดื่มเครื่องดื่มในแก้วของตนจนหมด
“ข้าต้องขอตัวกลับแล้ว ขอบคุณท่านวูฟมากที่เลี้ยง" คาดัสลุกขึ้นยืน
“ทำไมรีบกลับซะล่ะ" วูฟถาม เขาเทเครื่องดื่มจากขวดลงแก้วจนหมด
“ดีอาร์อยู่คนเดียว เอ่อ...พี่เจนนี่ก็ไม่อยู่แล้ว พี่เซลก้ากับมิเชล่าก็มาอยู่นี่กันหมด" คาดัสพูด
“อ้อ..ดีๆ เจ้าควรจะกลับไปดูแลนาง" วูฟยิ้ม
เซลก้ากับมิเชล่านั่งอยู่กับกลุ่มนักรบผู้หญิงที่หน้าบาร์ มีหญิงร่างท้วมสองคนทำหน้าที่เป็นคนจัดการเครื่องดื่มที่บาร์ ที่ริมสุดของบาร์ มีซีบิลชายผิวคล้ำผู้ไม่ค่อยสมชาย แต่เป็นที่รักของทุกคนที่นี่ เขาอยู่หน้าลิ้นชักเก็บเงิน คอยจ้องพวกคนเมาไม่ให้เบี้ยวค่าเหล้า
…..............
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาใกล้ตีสอง ลูกค้าในควิสผับเริ่มหายไปเกือบหมดแล้ว แดนเมาพับอยู่บนโต๊ะไม้ข้างๆ เวที พีคแกล้งเอาชอล์คที่ในร้านเอาไว้เขียนเมนูมาเขียนบนใบหน้าของศิษย์น้อง เขาหัวเราะกับซาโก้ที่กำลังดื่มอยู่กับวูฟและกิมลอร์ ช่างไม้ผู้กลายมาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของควิสผับ
“เราควรจะจำกัดเวลาปิดร้านเร็วกว่านี้นะคะ" วีเน่กำลังช่วยเก็บกวาดร้านพูดกับกิมลอร์
“เอาเถอะ ไว้เราค่อยเขียนไว้ที่หน้าร้านพรุ่งนี้ วันนี้ก็ถือเสียว่าเป็นวันแรก ทุกคนก็ดูสนุกกันดี" กิมลอร์พูด
“เอาล่ะ ข้าว่าถึงเวลาแบกเจ้าแดนกลับแล้ว" วูฟลุกขึ้น พีครีบพยุงร่างศิษย์น้องขึ้นทันที
“ไปๆ กลับกันแดน"
“อือ.....” แดนส่งเสียงเพียงเท่านี้ คอพับคออ่อน ถ้าพีคไม่ประคองไว้ เขาคงลงไปนอนกับพื้น
“อะไรวะ เจ้าหนูแดน อาจารย์เจ้าดื่มเก่งถึงเพียงนี้ แต่เจ้ากลับคออ่อนอย่างกับผู้หญิง" กิมลอร์พูดแซวแดนที่ไม่รู้ตัวอะไรทั้งสิ้น
“พวกท่านกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าช่วยวีเน่เก็บร้านก่อน" ซาโก้ลุกขึ้นและช่วยยกเก้าอี้ขึ้นคว่ำบนโต๊ะ
“งั้นหรือ... อือ... ได้สิ เจ้าดูจะยังไม่อยากกลับนะ ซาโก้" วูฟพูด "หึๆ งั้นพวกเรากลับก่อนแล้วกัน"
เมื่อสามศิษย์อาจารย์เดินออกจากร้านไปแล้ว กิมลอร์ก็ทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อช่วยคนอื่นๆ ทำความสะอาดเก็บกวาดร้านที่เรียกได้ว่าเป็นร้านของเขา แต่เมื่อชายช่างไม้วัยกลางคืนลุกขึ้นยืนเท่านั้น เขาก็ล้มลงกับพื้นและหลับกรนเสียงดังทันที
“อ้าว ท่านกิมลอร์ ท่านมาเมาพับอยู่อย่างนี้ได้ไงเนี่ย" ซีบิลยืนเท้าเอว
“ไม่เป็นไร พี่ซีบิล ท่านช่วยพาท่านกิมลอร์กลับบ้านหน่อยแล้วกัน" วีเน่เพิ่งเช็ดโต๊ะเสร็จเห็นสภาพผู้ใหญ่ที่นับถือนอนอยู่บนพื้น ก็ส่ายหน้า
…..........
นาฬิกาบอกเวลาตีสามครึ่ง ซาโก้ยังดื่มเหล้าก้นขวดของแต่ละโต๊ะที่เก็บมาได้ เขาพยายามชิมดูว่ารสชาตินั้นเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากเขาเป็นผู้พยายามผสมสูตรเหล้าเหล่านี้ขึ้นมาก่อนที่จะเปิดร้านควิสผับใหม่อีกครั้ง วีเน่เก็บเจอของที่พวกลูกค้าขี้เมาทำหล่นไว้ มีทั้งห่อยาเส้น ไม้ขีด ตลับเหล็กสำหรับจุดไฟ มีดประจำตัว หมวกหนัง หมวกผ้า และอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครบ้าง เธอรู้สึกขำที่คนเมามักจะลืมอะไรประมาณนี้ไว้คล้ายๆ กันหมด กระทั่งเธอไปพบสิ่งที่ดูต่างจากของหลงลืมของคนอื่น
“แหวนนี่ของใครน่ะ มาลืมของสำคัญไว้อย่างนี้ไว้ตั้งสองวงแน่ะ" วีเน่พูดขึ้น
“หือ... ไหน …... แหวน.... โต๊ะนั้นที่ท่านวูฟนั่งตั้งแต่แรกนี่" ซาโก้พูด แล้วเขาก็นึกออกทันทีเมื่อเห็นแหวนโลหะสองวง ซึ่งไม่ได้ดูสวยงามอะไรมาก แค่แหวนธรรมดา ดูไม่มีราคาอะไร
ซาโก้เห็นชายผู้นั้นถือแหวนวงนี้อยู่ เขาอุตส่าห์หาโลหะที่คิดว่าพอจะมีดีที่สุด มาให้โจฟัส ช่างอาวุธตีเป็นแหวนสองวง
“ของท่านคาดัสน่ะ" ซาโก้พูด วีเน่เงียบสักพักก็วางแหวนทั้งสองวงนั้นลง
“นี่... อย่าบอกนะว่าเจ้าน่ะ คิดอะไรจริงจังขนาดนั้นกับเขา เลิกคิดซะเถอะ เจ้าคงไม่ได้ตาบอดนะ เจ้ากับเจ้าแดนนี่พอๆ กันเลยนะ อย่าไปว่าอะไรเจ้านั่นอีกนะคราวหลัง" ซาโก้พูดเชิงเล่นเชิงจริง เขาเดินเข้าไปจับไหล่หญิงสาว
“เฮ้อ...” เธอถอนหายใจ
“ทำไมเจ้าไม่ลองหาผู้ชายคนอื่น คนที่ดีๆ ก็มีเยอะนะ เจ้าแดน เจ้าพีค หรือแม้แต่ข้า" ซาโก้ชี้ที่ตัวเอง ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาทำเป็นหัวเราะทั้งที่ไม่มีอะไรตลกนัก
“ท่านคงไม่เคยมีความรักนะ ท่านเอาแต่สนใจการรบการต่อสู้ ท่านมองไม่เห็นสิ่งที่ข้าเห็นหรอก" วีเน่หันมาพูดกับชายหนุ่มผมแดงที่ตอนนี้ใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะสุราที่กินไปมากมาย หรือเพราะเขินกับสิ่งที่กำลังสนทนาอยู่
วีเน่สังเกตได้ชัดว่าซาโก้กำลังมองใบหน้าของเธอด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มอยู่ เป็นสายตาที่เธอไม่เคยเห็นเขามองมาก่อน เธอคิดว่าเขาคงเมามาก
“เอาล่ะ ข้าคิดว่าได้เวลานอนของข้าแล้ว ท่านกลับไปได้แล้ว เอาแหวนนี้ไปคืนเจ้าของให้ด้วยนะ" เธอส่งแหวนสองวงให้กับซาโก้ ชายหนุ่มรับแหวนใส่เข้ากระเป๋ากางเกง แต่เขาไม่เดินไปไหน
“แหะๆ ข้าเมามากแล้ว นอนที่นี่ได้มั้ยล่ะ" ซาโก้พูดด้วยเสียงมีเลศนัย
“อะไรของท่าน จะนอนบนพื้นนี้เหรอ" วีเน่ชี้ลงที่พื้นและมองชายหนุ่มด้วยสายตาดุ
“หึๆ" ซาโก้อมยิ้มและเขาทำสิ่งที่วีเน่ไม่เคยจินตนาการว่าชายหนุ่มจะกล้าพอ
เพียงเขาก้าวมาข้างหน้าเพียงก้าวเดียว เอื้อมมือเพียงเล็กน้อย วีเน่ก็อยู่ในอ้อมกอดของนักรบหนุ่มทันที ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างเนิ่นนาน คล้ายว่าทั้งคู่โหยหากันและกันด้วยจิตใต้สำนัก ทั้งที่เบื้องหน้าไม่เคยแสดงอาการใดต่อกัน เพียงแค่จูบเดียวที่ชายหนุ่มผู้นี้มอบให้ราวกับหญิงสาวกำลังเมาสุราไร้สติ กระทั่งไม่สามารถห้ามจิตใจและร่างกายของตัวเองได้ ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดพลันหายไปในบัดนั้น เหลือเพียงอารมณ์ที่ไร้การควบคุม อารมณ์ที่เธอเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนจนกระทั่งวันนี้
…...........
…......
THE TALENT บทที่ 9 : ผู้มาเยือนในคืนสงบ
จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ
ศึกแรก ปฐมบทแห่งการพบกันของนักรบผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 9 : ผู้มาเยือนในคืนสงบ
ในที่สุดความบันเทิงที่หายไปของชาวอคาเดียก็กลับมา เมื่อป้ายของร้านควิสผับส่องแสงไฟขึ้นอีกครั้ง จากความช่วยเหลือของช่างไม้ผู้ปรับปรุงร้านเหล้าเก่าแห่งนี้จนกลับมาใช้การได้เหมือนเดิมทุกประการ และซาโก้เป็นผู้เดินทางไปซื้อหาของจากบัตเตอร์เวิร์ดมา
ที่มุมของร้านซึ่งช่างไม้ได้เสริมไม้ขึ้นเป็นเวทีเตี้ยๆ สำหรับนักดนตรี แดนผู้กำลังรักษาอาการเจ็บที่ท้องอยู่ได้รับเกียรติให้มาเล่นซีด้า แต่เนื่องจากแดนเป็นคนร้องเพลงไม่ได้เรื่องอะไรเลย แม้จะร้องอยู่ทุกครั้งที่ดื่มเหล้ากันก็ตาม ซาโก้จึงไปหาเด็กหนุ่มในเมืองที่เสียงดีมาเป็นคนร้องให้ เพราะเกรงว่าคนทั้งร้านจะทนเสียงของแดนไม่ไหว ส่วนซาโก้ก็หาถังโลหะเก่าๆ มาปรับแต่งอะไรเล็กน้อยสำหรับเป็นเครื่องตีประกอบจังหวะ สมัยยังเรียนอยู่สถาบันอาราเมอิสต์ ซาโก้เข้าร่วมชมรมพลกลองรบ ซึ่งสอนเกี่ยวกับการตีเครื่องหนังประกอบการรบ อันเป็นศาสตร์ที่ดูจะไม่สำคัญอะไรแต่กลับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการศึกทุกครั้งของอาณาจักรทูรูส
คืนแรกที่ร้านควิสผับกลับมาเปิดอีกครั้งเป็นคืนที่ชาวอคาเดียได้รู้สึกถึงชัยชนะและการกลับบ้านอย่างแท้จริง เป็นการฉลองชัยชนะครั้งแรกหลังจากมีแต่ความเศร้าของการสูญเสียและความลำบากของการฟื้นฟูบ้านเรือน ราวกับว่าชาวอคาเดียทั้งหลายอยู่ในอาการหวาดกลัวและทุกข์หนัก ต้องการการบำบัดให้หายจากความตึงเครียดอันยาวนานนั้น ซาโก้เข้าใจดีว่าความบันเทิงคือสิ่งสำคัญที่ทำให้นักรบไม่เป็นบ้าไปเสียก่อน อาณาจักรทูรูสเป็นอาณาจักรแห่งการรบแต่ก็ยังเป็นอาณาจักรที่มีเทศกาลงานรื่นเริงมากมายด้วยเช่นกัน
ร้านควิสผับเป็นร้านไม้สามชั้น มีบริเวณร้านสองชั้นส่วนชั้นที่สามเป็นบ้านที่วีเน่อยู่อาศัยตั้งแต่เด็กๆ เมื่อซ่อมทั้งร้านเสร็จแล้ว ซาโก้จึงขอให้ช่างไม้ใหญ่ช่วยซ่อมชั้นสามของที่นี่ด้วย วีเน่จึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านที่แท้จริงของตน แต่ผู้ที่ช่วยเหลือบริหารร้านแห่งนี้ วีเน่มอบให้นายช่างไม้เป็นหุ้นส่วนใหญ่ได้ผลประโยชน์จากกิจการนี้ทั้งหมด เนื่องจากเขาคือผู้ฟื้นฟูกิจการที่แท้จริง
ภาพของผู้คนที่เข้ามาดื่มและฟังเพลงอย่างสนุกสนาน ทำให้วีเน่ที่มองจากระเบียงชั้นสามลงมายิ้มได้ เธอมองไปยังชายผู้ร่าเริงบนเวทีซึ่งกำลังเคาะตีถังโลหะประกอบเพลง ก่อนหน้านี้ ซาโก้ เป็นชื่อที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินวีรกรรมของเขา แต่หลังจากเอาชนะอสูรกลับมาอยู่ในกำแพงเมืองอคาเดียแล้ว ซาโก้เป็นชื่อที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ว่า เขาผู้นี้ช่วยเธอไว้มากมายเพื่ออะไรกัน
ที่มุมหนึ่งของร้าน วูฟ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องจอมสุรา นั่งดื่มอยู่กับคาดัส นักรบผู้เงียบขรึม ทั้งสองนั่งพิงกำแพงร้าน ฟังดนตรีไปด้วยและดูโทรทัศน์ที่เปิดอยู่อย่างไม่มีเสียง เนื่องจากอุปกรณ์ส่งสัญญาณเสียงพังจนซ่อมไม่ได้แล้ว เป็นการถ่ายทอดสัญญาณการแข่งขันกีฬาวาวาซอร์ กีฬาประจำชาติของอาณาจักรเมโซลาซ เป็นการต่อสู้กันเพื่อนำลูกหนังกลมๆ ไปวางในตระกร้าของฝ่ายตรงข้าม จากภาพดูชุลมุนวุ่นวายจนไม่รู้เรื่องว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน
“ไอ้กีฬาบ้าๆ นี่ ถ้าไม่มีเสียงคนบรรยายนี่ก็จบเห่ คนดูไม่รู้เรื่องเลย" วูฟบ่นขึ้นมา
“มันบ้าตั้งแต่คนเปิดช่องนี้แล้วหละครับ" คาดัสมองไปยังช่างไม้จอมเก๋า ที่นั่งสูบมวนยา ดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ
“หึๆ ให้เข้าหน่อยเถอะ ท่านกิมลอร์เขาเป็นเจ้าของที่นี่แล้ว" วูฟพูด
“เฮ้อ...ก็ดีกว่าไม่มีอะไรดูเลย เพราะต้องฟังเจ้าสามคนนั้นพร่ำอะไรอยู่บนเวที ข้าก็รู้สึกเซ็งแล้ว" คาดัสดื่มเครื่องดื่มในแก้วของตนจนหมด
“ข้าต้องขอตัวกลับแล้ว ขอบคุณท่านวูฟมากที่เลี้ยง" คาดัสลุกขึ้นยืน
“ทำไมรีบกลับซะล่ะ" วูฟถาม เขาเทเครื่องดื่มจากขวดลงแก้วจนหมด
“ดีอาร์อยู่คนเดียว เอ่อ...พี่เจนนี่ก็ไม่อยู่แล้ว พี่เซลก้ากับมิเชล่าก็มาอยู่นี่กันหมด" คาดัสพูด
“อ้อ..ดีๆ เจ้าควรจะกลับไปดูแลนาง" วูฟยิ้ม
เซลก้ากับมิเชล่านั่งอยู่กับกลุ่มนักรบผู้หญิงที่หน้าบาร์ มีหญิงร่างท้วมสองคนทำหน้าที่เป็นคนจัดการเครื่องดื่มที่บาร์ ที่ริมสุดของบาร์ มีซีบิลชายผิวคล้ำผู้ไม่ค่อยสมชาย แต่เป็นที่รักของทุกคนที่นี่ เขาอยู่หน้าลิ้นชักเก็บเงิน คอยจ้องพวกคนเมาไม่ให้เบี้ยวค่าเหล้า
…..............
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาใกล้ตีสอง ลูกค้าในควิสผับเริ่มหายไปเกือบหมดแล้ว แดนเมาพับอยู่บนโต๊ะไม้ข้างๆ เวที พีคแกล้งเอาชอล์คที่ในร้านเอาไว้เขียนเมนูมาเขียนบนใบหน้าของศิษย์น้อง เขาหัวเราะกับซาโก้ที่กำลังดื่มอยู่กับวูฟและกิมลอร์ ช่างไม้ผู้กลายมาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของควิสผับ
“เราควรจะจำกัดเวลาปิดร้านเร็วกว่านี้นะคะ" วีเน่กำลังช่วยเก็บกวาดร้านพูดกับกิมลอร์
“เอาเถอะ ไว้เราค่อยเขียนไว้ที่หน้าร้านพรุ่งนี้ วันนี้ก็ถือเสียว่าเป็นวันแรก ทุกคนก็ดูสนุกกันดี" กิมลอร์พูด
“เอาล่ะ ข้าว่าถึงเวลาแบกเจ้าแดนกลับแล้ว" วูฟลุกขึ้น พีครีบพยุงร่างศิษย์น้องขึ้นทันที
“ไปๆ กลับกันแดน"
“อือ.....” แดนส่งเสียงเพียงเท่านี้ คอพับคออ่อน ถ้าพีคไม่ประคองไว้ เขาคงลงไปนอนกับพื้น
“อะไรวะ เจ้าหนูแดน อาจารย์เจ้าดื่มเก่งถึงเพียงนี้ แต่เจ้ากลับคออ่อนอย่างกับผู้หญิง" กิมลอร์พูดแซวแดนที่ไม่รู้ตัวอะไรทั้งสิ้น
“พวกท่านกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าช่วยวีเน่เก็บร้านก่อน" ซาโก้ลุกขึ้นและช่วยยกเก้าอี้ขึ้นคว่ำบนโต๊ะ
“งั้นหรือ... อือ... ได้สิ เจ้าดูจะยังไม่อยากกลับนะ ซาโก้" วูฟพูด "หึๆ งั้นพวกเรากลับก่อนแล้วกัน"
เมื่อสามศิษย์อาจารย์เดินออกจากร้านไปแล้ว กิมลอร์ก็ทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อช่วยคนอื่นๆ ทำความสะอาดเก็บกวาดร้านที่เรียกได้ว่าเป็นร้านของเขา แต่เมื่อชายช่างไม้วัยกลางคืนลุกขึ้นยืนเท่านั้น เขาก็ล้มลงกับพื้นและหลับกรนเสียงดังทันที
“อ้าว ท่านกิมลอร์ ท่านมาเมาพับอยู่อย่างนี้ได้ไงเนี่ย" ซีบิลยืนเท้าเอว
“ไม่เป็นไร พี่ซีบิล ท่านช่วยพาท่านกิมลอร์กลับบ้านหน่อยแล้วกัน" วีเน่เพิ่งเช็ดโต๊ะเสร็จเห็นสภาพผู้ใหญ่ที่นับถือนอนอยู่บนพื้น ก็ส่ายหน้า
…..........
นาฬิกาบอกเวลาตีสามครึ่ง ซาโก้ยังดื่มเหล้าก้นขวดของแต่ละโต๊ะที่เก็บมาได้ เขาพยายามชิมดูว่ารสชาตินั้นเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากเขาเป็นผู้พยายามผสมสูตรเหล้าเหล่านี้ขึ้นมาก่อนที่จะเปิดร้านควิสผับใหม่อีกครั้ง วีเน่เก็บเจอของที่พวกลูกค้าขี้เมาทำหล่นไว้ มีทั้งห่อยาเส้น ไม้ขีด ตลับเหล็กสำหรับจุดไฟ มีดประจำตัว หมวกหนัง หมวกผ้า และอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครบ้าง เธอรู้สึกขำที่คนเมามักจะลืมอะไรประมาณนี้ไว้คล้ายๆ กันหมด กระทั่งเธอไปพบสิ่งที่ดูต่างจากของหลงลืมของคนอื่น
“แหวนนี่ของใครน่ะ มาลืมของสำคัญไว้อย่างนี้ไว้ตั้งสองวงแน่ะ" วีเน่พูดขึ้น
“หือ... ไหน …... แหวน.... โต๊ะนั้นที่ท่านวูฟนั่งตั้งแต่แรกนี่" ซาโก้พูด แล้วเขาก็นึกออกทันทีเมื่อเห็นแหวนโลหะสองวง ซึ่งไม่ได้ดูสวยงามอะไรมาก แค่แหวนธรรมดา ดูไม่มีราคาอะไร
ซาโก้เห็นชายผู้นั้นถือแหวนวงนี้อยู่ เขาอุตส่าห์หาโลหะที่คิดว่าพอจะมีดีที่สุด มาให้โจฟัส ช่างอาวุธตีเป็นแหวนสองวง
“ของท่านคาดัสน่ะ" ซาโก้พูด วีเน่เงียบสักพักก็วางแหวนทั้งสองวงนั้นลง
“นี่... อย่าบอกนะว่าเจ้าน่ะ คิดอะไรจริงจังขนาดนั้นกับเขา เลิกคิดซะเถอะ เจ้าคงไม่ได้ตาบอดนะ เจ้ากับเจ้าแดนนี่พอๆ กันเลยนะ อย่าไปว่าอะไรเจ้านั่นอีกนะคราวหลัง" ซาโก้พูดเชิงเล่นเชิงจริง เขาเดินเข้าไปจับไหล่หญิงสาว
“เฮ้อ...” เธอถอนหายใจ
“ทำไมเจ้าไม่ลองหาผู้ชายคนอื่น คนที่ดีๆ ก็มีเยอะนะ เจ้าแดน เจ้าพีค หรือแม้แต่ข้า" ซาโก้ชี้ที่ตัวเอง ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาทำเป็นหัวเราะทั้งที่ไม่มีอะไรตลกนัก
“ท่านคงไม่เคยมีความรักนะ ท่านเอาแต่สนใจการรบการต่อสู้ ท่านมองไม่เห็นสิ่งที่ข้าเห็นหรอก" วีเน่หันมาพูดกับชายหนุ่มผมแดงที่ตอนนี้ใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะสุราที่กินไปมากมาย หรือเพราะเขินกับสิ่งที่กำลังสนทนาอยู่
วีเน่สังเกตได้ชัดว่าซาโก้กำลังมองใบหน้าของเธอด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มอยู่ เป็นสายตาที่เธอไม่เคยเห็นเขามองมาก่อน เธอคิดว่าเขาคงเมามาก
“เอาล่ะ ข้าคิดว่าได้เวลานอนของข้าแล้ว ท่านกลับไปได้แล้ว เอาแหวนนี้ไปคืนเจ้าของให้ด้วยนะ" เธอส่งแหวนสองวงให้กับซาโก้ ชายหนุ่มรับแหวนใส่เข้ากระเป๋ากางเกง แต่เขาไม่เดินไปไหน
“แหะๆ ข้าเมามากแล้ว นอนที่นี่ได้มั้ยล่ะ" ซาโก้พูดด้วยเสียงมีเลศนัย
“อะไรของท่าน จะนอนบนพื้นนี้เหรอ" วีเน่ชี้ลงที่พื้นและมองชายหนุ่มด้วยสายตาดุ
“หึๆ" ซาโก้อมยิ้มและเขาทำสิ่งที่วีเน่ไม่เคยจินตนาการว่าชายหนุ่มจะกล้าพอ
เพียงเขาก้าวมาข้างหน้าเพียงก้าวเดียว เอื้อมมือเพียงเล็กน้อย วีเน่ก็อยู่ในอ้อมกอดของนักรบหนุ่มทันที ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างเนิ่นนาน คล้ายว่าทั้งคู่โหยหากันและกันด้วยจิตใต้สำนัก ทั้งที่เบื้องหน้าไม่เคยแสดงอาการใดต่อกัน เพียงแค่จูบเดียวที่ชายหนุ่มผู้นี้มอบให้ราวกับหญิงสาวกำลังเมาสุราไร้สติ กระทั่งไม่สามารถห้ามจิตใจและร่างกายของตัวเองได้ ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดพลันหายไปในบัดนั้น เหลือเพียงอารมณ์ที่ไร้การควบคุม อารมณ์ที่เธอเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนจนกระทั่งวันนี้
…...........
…......