THE TALENT
จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ
ศึกแรก ปฐมบทแห่งการพบกันของนักรบผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 6 : ฤกษ์ยามของการเปิดศึก
............
ก่อนนั้นเมื่อครั้งจบการศึกษาจากสถาบันอาราเมอิสต์ ซาโก้เคยร่วมในการรบย่อยๆ อยู่ครั้งหนึ่ง เขาสังกัดกองทัพหลวง กองพันที่สิบเอ็ดเป็นพลเดินเท้ารั้งท้าย ตามปกติของนักรบเข้าใหม่ มีอาวุธดาบกับพลองประจำตัว ไม่มีพลปืนพลหน้าไม้ระวังภัยให้เหมือนพวกนักรบชั้นนายพันขึ้นไป ซึ่งมักจะอยู่ในแนวหน้า อาณาจักรอื่นอาจจะต้องปกป้องชั้นนายพัน จอมพล ไว้ในชั้นรองให้พลนักรบเดินเท้าเข้าไปตายก่อน แต่สำหรับทูรูสอาณาจักรมหาอำนาจทางการรบ ผู้เก่งกาจเชี่ยวชาญยิ่งต้องนำหน้าในการรบโดยไม่กลัวความตาย
ซาโก้ได้ทราบว่าการที่จะเปิดศึกนั้นไม่สามารถบุกเข้าไปหาศัตรูได้โต้งๆ ซึ่งแบบนั้นทูรูสเรียกว่ารบแบบกองโจร การศึกระดับอาณาจักรต้องมีการส่งสาสน์ถึงข้าศึกฝ่ายตรงข้ามว่าจะมีการรบพุ่งกันในวันไหน ไม่ว่าใครจะเป็นผู้เริ่มส่งสาสน์ก่อน อีกฝ่ายมีหน้าที่ยอมรับวันเท่านั้น ฉะนั้นต่างฝ่ายก็ต่างเร่งดูวันฤกษ์ยามในการเปิดศึกที่สิ่งเหนือธรรมชาติจะเข้าข้างฝ่ายตน แล้วรีบแต่งสาสน์ออกไปยังค่ายของฝ่ายตรงข้ามโดยเร็ว
เมื่อมาอยู่ที่กองกำลังกอบกู้อคาเดียและได้เรียนวิชารบของอคาเดียด้วย เขาก็รู้อย่างหนึ่งว่าธรรมเนียมการดูฤกษ์ยามเป็นของกองทัพมนุษย์เท่านั้น สืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคที่กองทัพมนุษย์นำโดยเทพไวทอริเอลบุกเข้าโจมตีอาณาจักรเมโซลาสจนได้ชัยชนะ เทพผู้เป็นต้นตระกูลของซาโก้นี่เองที่นำศาสตร์ในการดูฤกษ์ยามมาใช้ในการรบ ซึ่งศาสตร์นี้เป็นวิชาระดับสูงที่สถาบันอาราเมอิสต์จะสอนให้เฉพาะนักเรียนชั้นหัวกะทิเท่านั้น ซาโก้และเพื่อนๆ ไม่ได้แตะคำนั้นเลยสักนิด
วูฟ แซนเดอร์ คือผู้ชำนาญด้านฤกษ์ยามการรบอยู่ผู้หนึ่ง ด้วยประสบการณ์การรบในยุคเมื่อร้อยปีที่แล้ว เขาบอกว่าการดูฤกษ์ยามนั้นเป็นศาสตร์ที่มีการจำแนกแยกไปตามอาณาจักร วิชาของอาณาจักรลูเครเซียที่วูฟเคยรับใช้อยู่นั้นดูจะเหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกกอบกู้เช่นนี้
ตั้งแต่วันที่มีมติจากที่ประชุมนักรบชั้นสูงแห่งอคาเดียว่าจะเริ่มการศึกได้ ตั้งแต่คืนนั้นวูฟ แซนเดอร์ก็ไม่ได้ดื่มสุราที่เขาชื่นชอบเลย เขาปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคาบ้านพัก มองดูดวงดาวบนฟ้าอยู่เนิ่นนานเกือบทั้งคืน ทั้งที่อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ แต่วูฟกลับไปเคยบ่นเรื่องอากาศให้ใครฟัง ซาโก้คิดได้ว่าชายในตำนานผู้นี้ได้ผ่านการเดินทางในทุกภูมิประเทศ ภูมิอากาศมามากมายแล้ว ความหนาวเพียงเท่านี้ไม่สามารถทำอะไรนักรบในตำนานผู้นี้จากความพยายามในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
…........................
นับตั้งแต่คืนที่คาดัสได้มาปรึกษาปัญหาหนักใจกับวูฟ และเป็นคืนที่ทำให้ ซาโก้ พีค และแดน ต้องโดนทำโทษยืนยามตากอากาศหนาวสุดชีวิตอยู่นอกบ้าน ซาโก้เพิ่งรู้ว่าที่แดนบอกว่าชอบดีอาร์นั้นเป็นเรื่องจริงไม่ได้ล้อเล่น หรือทำไปเพราะคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น แดนดูจะเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากโดยที่ไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้องอะไรเลย อันที่จริงซาโก้ไม่ได้เล่าให้เพื่อนทั้งสองฟังหมดว่าได้ยินอะไรบ้างเขาบอกแค่ประโยคแรกที่คาดัสพูดกับวูฟเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ที่ตามมาไม่ได้พูดเลย เพราะแดนทำวุ่นวายซะก่อน และซาโก้คิดว่าควรให้เพื่อนๆ รู้เพียงเท่านี้จะดีกว่า เพราะเรื่องต่อจากนั้นฟังดูซับซ้อนจนเขาเองยังไม่เข้าใจเลย ศิษย์คนที่สามของวูฟ แซนเดอร์ แล้วมันจะเป็นอะไรกันนักหนา ดูศิษย์สองคนของวูฟนี่สิ ถึงจะว่าเก่งแต่ก็ออกจะปัญญาไม่สมประกอบอยู่ ซาโก้แอบคิดขำๆ ว่าถ้าแดนรู้ว่าศิษย์น้องของตนเป็นลูกของคนที่ไม่ถูกกันขนาดนี้จะเป็นอย่างไรหนอ
ทุกเช้าซาโก้ยังวิ่งออกกำลังกายผ่านที่ฝึกของนักรบชั้นสูง เซลก้านักรบสาวที่ตัดผมสั้นต่างกับเมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรกกลางทุ่งเชกาด้า เธอจับคู่ฝึกกับดีอาร์ซึ่งทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ เธอยังดูร่าเริงดีอยู่ ครั้งหนึ่งเมื่อเซลก้าผู้มีฝีมือที่เหนือกว่านักรบสาวรุ่นน้อง ใช้กำลังเต็มแรง เตะขาเข้าใส่ดีอาร์โดยที่เธอไม่ทันจะป้องกันตัว แดนโผล่เข้ามากันไว้และโดนเตะกระเด็นไปนอนกองกับพื้น ทุกคนต่างแปลกใจว่าทำไมแดนต้องทำแบบนี้ด้วย ซึ่งเขาก็โดนจอมพลเกลตะโกนด่าตามระเบียบ คาดัสหันมามองเหตุการณ์ด้วยท่าทีเป็นกังวล ขณะที่ทุกคนกำลังงง เขาเดินมาคุยอะไรบางอย่างกับดีอาร์
….........................
ตั้งแต่ที่นักรบรับจ้างเข้ามาอยู่ในกองกำลังอคาเดีย ซาโก้ก็ได้เพื่อนใหม่อยู่สองสามคน ล้วนเป็นนักรบรับจ้างรุ่นหนุ่มอายุพอๆ กับเขาทั้งนั้น ช่วงนี้เขาไม่ได้ช่วยงานเกษตรในแปลงเนื่องจากเอาเวลามาร่วมฝึกกับพวกนักรบรับจ้าง และด้วยอากาศที่หนาวลงก็ไม่เหมาะแก่การปลูกพืชผลด้วยเช่นกัน
“ขยันขันแข็งจริงๆ เจ้าหนุ่มผมแดง" เซลก้าปรากฏตัวมาดูการฝึกนอกเวลาของซาโก้อย่างไม่ได้บอกกล่าว
“ข้าชอบออกแรงเยอะๆ น่ะ ถ้ามันไม่ได้ออกแรงเต็มที่ ก็ต้องหาที่ปล่อยให้มันหมดบ้าง" ซาโก้ยังต่อแถวฝึกวิ่งผลัดฟันดาบกับเด็กหนุ่มนักรบรับจ้างคนอื่นๆ
“ข้าเคยได้ยินมา ไม่รู้ว่าจริงไหมว่า ผู้ที่มีสายเลือดนักรบจะชื่นชอบการได้ออกแรงแสดงพลัง มิฉะนั้นเลือดในกายจะพลุ่งพล่านอยู่ไม่สุข อันที่จริงข้าเองก็บ้าเลือดไม่แพ้เจ้าหรอกนะ …...เอ้อ...ทำไมท่านวูฟไม่ได้ให้เจ้าไปฝึกกับนักรบชั้นสูงคนอื่นสักที น่าแปลกจริงๆ" เซลก้าถามพลางคิดไปคนเดียวด้วย
“ท่านวูฟจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลไปซะทุกอย่างนั่นแหละ ทุกคนถึงต้องเชื่อเขาไง" ซาโก้ตอบยิ้มๆ
“อยากจะลองฝีมือกับเจ้าบ้างจริงๆ" เซลก้าพูด
“ข้าไม่สู้กับผู้หญิงหรอกครับ" ซาโก้ปฏิเสธ
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น ซาโก้เห็นวีเน่ เคลกิ้นส์ กำลังเดินผ่านมากับผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางเธอร่าเริงมีความสุข เมื่อซาโก้เห็นชัดว่าชายผู้นั้นคือคาดัส เขาก็ตะโกนออกมาทันที
“เฮ่ๆ ท่านนายพัน นี่อะไรของท่านวะ"
“เจ้าตะหาก มีปัญหาอะไร ข้าเพียงแค่เดินผ่านมาเฉยๆ" คาดัสแปลกใจและหงุดหงิดกับท่าทางนักเลงของนักรบรุ่นเยาว์กว่า
“ควงกับสาวมางี้ กะควบสองใช่ป่าว ท่านนี่ไม่ไหวเลยนะ" ซาโก้เดินเข้าไปชี้หน้าคาดัสอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่ๆ ซาโก้ เจ้าระวังตัวหน่อย อยู่ดีๆ ไปยั่วโมโหคาดัสทำไมกัน" เซลก้าเดินตามไปดึงไหล่ซาโก้ เพราะกลัวเจ้าหนุ่มจะโผล่เข้าชกหน้าคาดัส เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต
“ท่านคงเข้าใจผิดแล้ว ท่านซาโก้ ข้ากับท่านพี่คาดัสไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วก็ไม่ได้ควงอะไรทั้งนั้น ข้าเดินห่างกับท่านพี่คาดัสขนาดนี้ ท่านคิดอกุศลอะไร" วีเน่เท้าเอวชี้หน้าด่าซาโก้กลับอย่างไม่กลัวเกรง
“ถ้าจะเป็นเรื่องนั้น เจ้าไม่มีสิทธิ์มาตะโกนด่าอะไรข้า มันเป็นเรื่องของข้ากับนางเท่านั้น เจ้าไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า" คาดัสส่ายหัวอย่างอารมณ์เสียแล้วเดินจากไปทันที
“เขาพูดเรื่องอะไรของเขาน่ะ" เซลก้าเกาหัวงงๆ
“พี่เซลก้า ท่านมาทำอะไรในย่านพวกนักรบรับจ้างนี้หละ พี่เจนนิเฟอร์ตามหาท่านอยู่นะ" วีเน่ถาม
“พอดีผ่านมาแล้วเห็นเจ้าหนุ่มนี่ฝึกอยู่น่าสนใจดี" เซลก้าชี้ไปที่ซาโก้ หนุ่มผมแดง
“อ้อ...” วีเน่มองที่ซาโก้อย่างไม่ค่อยพอใจ ซาโก้เป็นหนุ่มท่าทางเกเร แบบที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย
“เจ้าน่ะ ไม่ต้องมาพูดดีเลย จู๋จี๋กับสามีชาวบ้าน อยากเป็นเมียรองเขาหรือไง" ซาโก้พูดไปยักคิ้วไปอย่างเหยียดหยัน ยังไม่ทันพูดจบประโยค สาวน้อยก็ซัดมือตบใส่หน้าซาโก้อย่างแรง
“ดูถูกข้าเกินไปแล้วนะ เจ้าคนน่ารังเกียจ!" เมื่อเธอตบเสร็จก็รีบหันหน้าหนีซาโก้ทันที
“นั่น...สมควรเลย ว่าผู้หญิงแบบนี้..... ว่าแต่ใครเป็นสามีใครเหรอ" เซลก้าถาม
“โอย... ผู้หญิงแบบนี้นี่แหละที่น่าโดนนัก ระวังไว้เถิด เจ้าน่ะ ข้าไม่ลงมือกับผู้หญิงหรอกนะ แต่คอยดูๆ" ซาโก้พลั่งพรูคำพูดออกมาอย่างโมโห โดยไม่รู้จะหาวิธีไหนมาด่าว่าหรือข่มขู่วีเน่ได้เลย
“เจ้านี่ก็บ้าจริงๆ" เซลก้าส่ายหัวเมื่อเห็นท่าทางของซาโก้ แล้วเธอก็บ่นว่า "วัยรุ่น ก็อย่างนี้"
วีเน่เดินจากไปพร้อมกับบ่นด่าซาโก้ไปด้วยตลอดทาง ทิ้งให้ซาโก้ยังยืนจับแก้มตัวเองที่เพิ่งโดนตบ ซึ่งไม่ได้เจ็บอะไรเท่าใดเลย
“ท่านพี่สาว ท่านว่าที่เขาพูดกันมาว่า ผู้หญิงตบนี่แปลว่าผู้หญิงชอบจริงหรือเปล่าครับท่าน" ซาโก้พูดประโยคที่ทำให้เซลก้าหัวเราะขึ้นมาเสียงดังทันที
“ทีอย่างนี้มาพูดจาหัวโบราณ นี่...ถ้าชอบกันจริงข้าน่ะเป็นแม่สื่อให้เต็มที่เลยนะ ฮ่าๆ" เซลก้ายีหัวซาโก้อย่างชอบอกชอบใจ
ในระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น พีคกับแดนก็วิ่งพุ่งตรงมาหาซาโก้อย่างเร็วจนแทบจะชน ทั้งสองมีสีหน้าดีใจอย่างสุดชีวิต
“โกอี้! อาจารย์เรียกเจ้า เรื่องใหญ่ๆ" แดนพูด
“เรื่องใหญ่นี่ในทางไม่ค่อยดีหรอ" ซาโก้ถามงงๆ
“เปล่าๆ ทางดีเลยหละ ไปกันเถอะ ท่านพี่เซลก้าท่านด้วย ไปกันหมดนี่แหละ" พีคลากคอเสื้อซาโก้
….........................
THE TALENT บทที่ 6 : ฤกษ์ยามของการเปิดศึก
จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ
ศึกแรก ปฐมบทแห่งการพบกันของนักรบผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 6 : ฤกษ์ยามของการเปิดศึก
............
ก่อนนั้นเมื่อครั้งจบการศึกษาจากสถาบันอาราเมอิสต์ ซาโก้เคยร่วมในการรบย่อยๆ อยู่ครั้งหนึ่ง เขาสังกัดกองทัพหลวง กองพันที่สิบเอ็ดเป็นพลเดินเท้ารั้งท้าย ตามปกติของนักรบเข้าใหม่ มีอาวุธดาบกับพลองประจำตัว ไม่มีพลปืนพลหน้าไม้ระวังภัยให้เหมือนพวกนักรบชั้นนายพันขึ้นไป ซึ่งมักจะอยู่ในแนวหน้า อาณาจักรอื่นอาจจะต้องปกป้องชั้นนายพัน จอมพล ไว้ในชั้นรองให้พลนักรบเดินเท้าเข้าไปตายก่อน แต่สำหรับทูรูสอาณาจักรมหาอำนาจทางการรบ ผู้เก่งกาจเชี่ยวชาญยิ่งต้องนำหน้าในการรบโดยไม่กลัวความตาย
ซาโก้ได้ทราบว่าการที่จะเปิดศึกนั้นไม่สามารถบุกเข้าไปหาศัตรูได้โต้งๆ ซึ่งแบบนั้นทูรูสเรียกว่ารบแบบกองโจร การศึกระดับอาณาจักรต้องมีการส่งสาสน์ถึงข้าศึกฝ่ายตรงข้ามว่าจะมีการรบพุ่งกันในวันไหน ไม่ว่าใครจะเป็นผู้เริ่มส่งสาสน์ก่อน อีกฝ่ายมีหน้าที่ยอมรับวันเท่านั้น ฉะนั้นต่างฝ่ายก็ต่างเร่งดูวันฤกษ์ยามในการเปิดศึกที่สิ่งเหนือธรรมชาติจะเข้าข้างฝ่ายตน แล้วรีบแต่งสาสน์ออกไปยังค่ายของฝ่ายตรงข้ามโดยเร็ว
เมื่อมาอยู่ที่กองกำลังกอบกู้อคาเดียและได้เรียนวิชารบของอคาเดียด้วย เขาก็รู้อย่างหนึ่งว่าธรรมเนียมการดูฤกษ์ยามเป็นของกองทัพมนุษย์เท่านั้น สืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคที่กองทัพมนุษย์นำโดยเทพไวทอริเอลบุกเข้าโจมตีอาณาจักรเมโซลาสจนได้ชัยชนะ เทพผู้เป็นต้นตระกูลของซาโก้นี่เองที่นำศาสตร์ในการดูฤกษ์ยามมาใช้ในการรบ ซึ่งศาสตร์นี้เป็นวิชาระดับสูงที่สถาบันอาราเมอิสต์จะสอนให้เฉพาะนักเรียนชั้นหัวกะทิเท่านั้น ซาโก้และเพื่อนๆ ไม่ได้แตะคำนั้นเลยสักนิด
วูฟ แซนเดอร์ คือผู้ชำนาญด้านฤกษ์ยามการรบอยู่ผู้หนึ่ง ด้วยประสบการณ์การรบในยุคเมื่อร้อยปีที่แล้ว เขาบอกว่าการดูฤกษ์ยามนั้นเป็นศาสตร์ที่มีการจำแนกแยกไปตามอาณาจักร วิชาของอาณาจักรลูเครเซียที่วูฟเคยรับใช้อยู่นั้นดูจะเหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกกอบกู้เช่นนี้
ตั้งแต่วันที่มีมติจากที่ประชุมนักรบชั้นสูงแห่งอคาเดียว่าจะเริ่มการศึกได้ ตั้งแต่คืนนั้นวูฟ แซนเดอร์ก็ไม่ได้ดื่มสุราที่เขาชื่นชอบเลย เขาปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคาบ้านพัก มองดูดวงดาวบนฟ้าอยู่เนิ่นนานเกือบทั้งคืน ทั้งที่อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ แต่วูฟกลับไปเคยบ่นเรื่องอากาศให้ใครฟัง ซาโก้คิดได้ว่าชายในตำนานผู้นี้ได้ผ่านการเดินทางในทุกภูมิประเทศ ภูมิอากาศมามากมายแล้ว ความหนาวเพียงเท่านี้ไม่สามารถทำอะไรนักรบในตำนานผู้นี้จากความพยายามในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
…........................
นับตั้งแต่คืนที่คาดัสได้มาปรึกษาปัญหาหนักใจกับวูฟ และเป็นคืนที่ทำให้ ซาโก้ พีค และแดน ต้องโดนทำโทษยืนยามตากอากาศหนาวสุดชีวิตอยู่นอกบ้าน ซาโก้เพิ่งรู้ว่าที่แดนบอกว่าชอบดีอาร์นั้นเป็นเรื่องจริงไม่ได้ล้อเล่น หรือทำไปเพราะคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น แดนดูจะเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากโดยที่ไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้องอะไรเลย อันที่จริงซาโก้ไม่ได้เล่าให้เพื่อนทั้งสองฟังหมดว่าได้ยินอะไรบ้างเขาบอกแค่ประโยคแรกที่คาดัสพูดกับวูฟเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ที่ตามมาไม่ได้พูดเลย เพราะแดนทำวุ่นวายซะก่อน และซาโก้คิดว่าควรให้เพื่อนๆ รู้เพียงเท่านี้จะดีกว่า เพราะเรื่องต่อจากนั้นฟังดูซับซ้อนจนเขาเองยังไม่เข้าใจเลย ศิษย์คนที่สามของวูฟ แซนเดอร์ แล้วมันจะเป็นอะไรกันนักหนา ดูศิษย์สองคนของวูฟนี่สิ ถึงจะว่าเก่งแต่ก็ออกจะปัญญาไม่สมประกอบอยู่ ซาโก้แอบคิดขำๆ ว่าถ้าแดนรู้ว่าศิษย์น้องของตนเป็นลูกของคนที่ไม่ถูกกันขนาดนี้จะเป็นอย่างไรหนอ
ทุกเช้าซาโก้ยังวิ่งออกกำลังกายผ่านที่ฝึกของนักรบชั้นสูง เซลก้านักรบสาวที่ตัดผมสั้นต่างกับเมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรกกลางทุ่งเชกาด้า เธอจับคู่ฝึกกับดีอาร์ซึ่งทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ เธอยังดูร่าเริงดีอยู่ ครั้งหนึ่งเมื่อเซลก้าผู้มีฝีมือที่เหนือกว่านักรบสาวรุ่นน้อง ใช้กำลังเต็มแรง เตะขาเข้าใส่ดีอาร์โดยที่เธอไม่ทันจะป้องกันตัว แดนโผล่เข้ามากันไว้และโดนเตะกระเด็นไปนอนกองกับพื้น ทุกคนต่างแปลกใจว่าทำไมแดนต้องทำแบบนี้ด้วย ซึ่งเขาก็โดนจอมพลเกลตะโกนด่าตามระเบียบ คาดัสหันมามองเหตุการณ์ด้วยท่าทีเป็นกังวล ขณะที่ทุกคนกำลังงง เขาเดินมาคุยอะไรบางอย่างกับดีอาร์
….........................
ตั้งแต่ที่นักรบรับจ้างเข้ามาอยู่ในกองกำลังอคาเดีย ซาโก้ก็ได้เพื่อนใหม่อยู่สองสามคน ล้วนเป็นนักรบรับจ้างรุ่นหนุ่มอายุพอๆ กับเขาทั้งนั้น ช่วงนี้เขาไม่ได้ช่วยงานเกษตรในแปลงเนื่องจากเอาเวลามาร่วมฝึกกับพวกนักรบรับจ้าง และด้วยอากาศที่หนาวลงก็ไม่เหมาะแก่การปลูกพืชผลด้วยเช่นกัน
“ขยันขันแข็งจริงๆ เจ้าหนุ่มผมแดง" เซลก้าปรากฏตัวมาดูการฝึกนอกเวลาของซาโก้อย่างไม่ได้บอกกล่าว
“ข้าชอบออกแรงเยอะๆ น่ะ ถ้ามันไม่ได้ออกแรงเต็มที่ ก็ต้องหาที่ปล่อยให้มันหมดบ้าง" ซาโก้ยังต่อแถวฝึกวิ่งผลัดฟันดาบกับเด็กหนุ่มนักรบรับจ้างคนอื่นๆ
“ข้าเคยได้ยินมา ไม่รู้ว่าจริงไหมว่า ผู้ที่มีสายเลือดนักรบจะชื่นชอบการได้ออกแรงแสดงพลัง มิฉะนั้นเลือดในกายจะพลุ่งพล่านอยู่ไม่สุข อันที่จริงข้าเองก็บ้าเลือดไม่แพ้เจ้าหรอกนะ …...เอ้อ...ทำไมท่านวูฟไม่ได้ให้เจ้าไปฝึกกับนักรบชั้นสูงคนอื่นสักที น่าแปลกจริงๆ" เซลก้าถามพลางคิดไปคนเดียวด้วย
“ท่านวูฟจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลไปซะทุกอย่างนั่นแหละ ทุกคนถึงต้องเชื่อเขาไง" ซาโก้ตอบยิ้มๆ
“อยากจะลองฝีมือกับเจ้าบ้างจริงๆ" เซลก้าพูด
“ข้าไม่สู้กับผู้หญิงหรอกครับ" ซาโก้ปฏิเสธ
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น ซาโก้เห็นวีเน่ เคลกิ้นส์ กำลังเดินผ่านมากับผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางเธอร่าเริงมีความสุข เมื่อซาโก้เห็นชัดว่าชายผู้นั้นคือคาดัส เขาก็ตะโกนออกมาทันที
“เฮ่ๆ ท่านนายพัน นี่อะไรของท่านวะ"
“เจ้าตะหาก มีปัญหาอะไร ข้าเพียงแค่เดินผ่านมาเฉยๆ" คาดัสแปลกใจและหงุดหงิดกับท่าทางนักเลงของนักรบรุ่นเยาว์กว่า
“ควงกับสาวมางี้ กะควบสองใช่ป่าว ท่านนี่ไม่ไหวเลยนะ" ซาโก้เดินเข้าไปชี้หน้าคาดัสอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่ๆ ซาโก้ เจ้าระวังตัวหน่อย อยู่ดีๆ ไปยั่วโมโหคาดัสทำไมกัน" เซลก้าเดินตามไปดึงไหล่ซาโก้ เพราะกลัวเจ้าหนุ่มจะโผล่เข้าชกหน้าคาดัส เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต
“ท่านคงเข้าใจผิดแล้ว ท่านซาโก้ ข้ากับท่านพี่คาดัสไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วก็ไม่ได้ควงอะไรทั้งนั้น ข้าเดินห่างกับท่านพี่คาดัสขนาดนี้ ท่านคิดอกุศลอะไร" วีเน่เท้าเอวชี้หน้าด่าซาโก้กลับอย่างไม่กลัวเกรง
“ถ้าจะเป็นเรื่องนั้น เจ้าไม่มีสิทธิ์มาตะโกนด่าอะไรข้า มันเป็นเรื่องของข้ากับนางเท่านั้น เจ้าไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า" คาดัสส่ายหัวอย่างอารมณ์เสียแล้วเดินจากไปทันที
“เขาพูดเรื่องอะไรของเขาน่ะ" เซลก้าเกาหัวงงๆ
“พี่เซลก้า ท่านมาทำอะไรในย่านพวกนักรบรับจ้างนี้หละ พี่เจนนิเฟอร์ตามหาท่านอยู่นะ" วีเน่ถาม
“พอดีผ่านมาแล้วเห็นเจ้าหนุ่มนี่ฝึกอยู่น่าสนใจดี" เซลก้าชี้ไปที่ซาโก้ หนุ่มผมแดง
“อ้อ...” วีเน่มองที่ซาโก้อย่างไม่ค่อยพอใจ ซาโก้เป็นหนุ่มท่าทางเกเร แบบที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย
“เจ้าน่ะ ไม่ต้องมาพูดดีเลย จู๋จี๋กับสามีชาวบ้าน อยากเป็นเมียรองเขาหรือไง" ซาโก้พูดไปยักคิ้วไปอย่างเหยียดหยัน ยังไม่ทันพูดจบประโยค สาวน้อยก็ซัดมือตบใส่หน้าซาโก้อย่างแรง
“ดูถูกข้าเกินไปแล้วนะ เจ้าคนน่ารังเกียจ!" เมื่อเธอตบเสร็จก็รีบหันหน้าหนีซาโก้ทันที
“นั่น...สมควรเลย ว่าผู้หญิงแบบนี้..... ว่าแต่ใครเป็นสามีใครเหรอ" เซลก้าถาม
“โอย... ผู้หญิงแบบนี้นี่แหละที่น่าโดนนัก ระวังไว้เถิด เจ้าน่ะ ข้าไม่ลงมือกับผู้หญิงหรอกนะ แต่คอยดูๆ" ซาโก้พลั่งพรูคำพูดออกมาอย่างโมโห โดยไม่รู้จะหาวิธีไหนมาด่าว่าหรือข่มขู่วีเน่ได้เลย
“เจ้านี่ก็บ้าจริงๆ" เซลก้าส่ายหัวเมื่อเห็นท่าทางของซาโก้ แล้วเธอก็บ่นว่า "วัยรุ่น ก็อย่างนี้"
วีเน่เดินจากไปพร้อมกับบ่นด่าซาโก้ไปด้วยตลอดทาง ทิ้งให้ซาโก้ยังยืนจับแก้มตัวเองที่เพิ่งโดนตบ ซึ่งไม่ได้เจ็บอะไรเท่าใดเลย
“ท่านพี่สาว ท่านว่าที่เขาพูดกันมาว่า ผู้หญิงตบนี่แปลว่าผู้หญิงชอบจริงหรือเปล่าครับท่าน" ซาโก้พูดประโยคที่ทำให้เซลก้าหัวเราะขึ้นมาเสียงดังทันที
“ทีอย่างนี้มาพูดจาหัวโบราณ นี่...ถ้าชอบกันจริงข้าน่ะเป็นแม่สื่อให้เต็มที่เลยนะ ฮ่าๆ" เซลก้ายีหัวซาโก้อย่างชอบอกชอบใจ
ในระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น พีคกับแดนก็วิ่งพุ่งตรงมาหาซาโก้อย่างเร็วจนแทบจะชน ทั้งสองมีสีหน้าดีใจอย่างสุดชีวิต
“โกอี้! อาจารย์เรียกเจ้า เรื่องใหญ่ๆ" แดนพูด
“เรื่องใหญ่นี่ในทางไม่ค่อยดีหรอ" ซาโก้ถามงงๆ
“เปล่าๆ ทางดีเลยหละ ไปกันเถอะ ท่านพี่เซลก้าท่านด้วย ไปกันหมดนี่แหละ" พีคลากคอเสื้อซาโก้
….........................