THE TALENT
จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ
ศึกที่สอง อาณาจักรมหาสงคราม
บทที่ 2 : แม่ทัพอาคาแห่งเผ่าเตมุน
จอมพลบิลโล ไวทอน ผู้นำทัพกลางซุ่มอยู่บริเวณป้อมปราการตะวันตก พลปืนและพลธนูไม่สามารถยิงเข้าไปถึงจุดที่เกิดการต่อสู้กันได้แล้ว จอมพลผู้เป็นบิดาของซาโก้ ไวทอน เรียกให้นักรบผู้เป็นมือขวาคนสนิทนำกล้องส่องทางไกลมาให้ เขายืนอยู่บนป้อมปราการที่ชูธงสิงห์แยกเขี้ยวของทูรูส เพื่อประกาศว่าบัดนี้ทูรูสได้ยึดเมืองคานส์กลับคืนมาได้แล้ว เมื่อปรับกล้องส่องทางไกลให้มองชัดเจนแล้ว จอมพลบิลโลก็เห็นภาพของแม่ทัพผู้โหดเหี้ยม อาคา ดวงตาของมันเป็นประกายเพลิง เลือดของนักรบทูรูสชะโลมเต็มร่างของแม่ทัพแห่งเผ่าเตมุน
“เตรียมกองกำลังเข้าโจมตี แม่ทัพของมันปรากฏตัวแล้ว" บิลโลออกคำสั่ง นักรบทั้งหลายในทัพกลางโห่ร้องเป็นสัญญาณการโจมตี กองทัพเดินเท้าและนักรบบนหลังม้าพุ่งตัวสู่สมรภูมิที่ร้อนระอุ จอมพลบิลโลเป็นผู้ขี่ม้านำทัพเข้าประจัญหน้าด้วยตัวเอง
เพลิงที่เผาค่ายของเผ่าเตมุนยังไม่สงบลง เมื่อจอมพลบิลโลขี่ม้าเข้าไปถึงก็ชักดาบออกฟันใส่ศัตรูสองคนที่ดักจะตัดขาม้าของจอมพลผู้นำทัพกลาง จอมพลบิลโลไม่สะทกสะท้านต่อการฟันศัตรู เขานำม้ากระโดดข้ามกองไฟที่ขวางหน้าอยู่แล้วหันไปสบถกับนักรบหัวหน้าหน่วยคุ้มกันที่ขี่ม้าตามมาด้วย
“ไอ้บ้าที่ไหนมันเผาค่ายศัตรูขนาดนี้ เผาจนจะเผาพวกเดียวกันเองอยู่แล้ว"
“เอ่อ นั่นสิครับ" นักรบคนสนิทก็ตกใจกับความร้อนของไฟขนาดนี้
…...................
…..........
ในเต้นท์ขนาดใหญ่ที่ดูแล้วน่าจะเป็นเต้นท์ของแม่ทัพ บาสกำลังจับนักรบฝ่ายเตมุนคนหนึ่งแขวนกับเสาเต้นท์ด้วยโซ่ของเขาที่ไม่มีใครสามารถหลุดจากพันธนาการได้ นักรบชายร่างใหญ่ร้องโหยหวนขณะที่เอ็ดการ์ดกับคริสเตียนกำลังยืนสอบสวนนักรบผู้โชคร้ายผู้นี้ ซาโก้กับนาโอซิสยืนคุมเชิงที่หน้าเต้นท์
“แม่ทัพเจ้าอยู่ไหน ไม่ได้ยินหรือไงวะ ไอ้บื้อเอ๊ย!” เอ็ดการ์ดใส่อารมณ์มากเป็นพิเศษ เพราะเพื่อนผองนักรบของเขาโดนฆาตรกรรมโดยคนเหล่านี้
นักรบร่างใหญ่ดิ้นพลาดๆ ขณะนั้นใครบางคนเดินออกมาจากฉากหลังของเต้นท์ใหญ่นั้น เอ็ดการ์ดยกขวานขึ้นเตรียมต่อสู้ทันที แต่ร่างที่ปรากฏออกมานั้นเป็นร่างของหญิงสาว ผมสีน้ำตาลประกายทอง ทรวดทรงสวยงาม ผิวสีดำแดงนั้นดูเนียนตา จนชายหนุ่มทั้งห้าคนอ้าปากค้าง และแปลกใจที่มีหญิงสาวงามมาอยู่ในที่แบบนี้ เธอสวมชุดกระโปรงผ้าบางสีดำ ดูไม่เหมาะจะมาเฉิดฉายในสนามรบเลย
“นักรบชั้นล่างพวกนี้ไม่พูดจาในยามออกรบหรอก" เธอกล่าว เสียงเชิดอย่างชนชั้นสูง
“ฮึ ก็ลองดู" เอ็ดการ์ดเอาขวานบาดหน้าท้องของนักรบเตมุน มันกดฟันพยายามไม่ส่งเสียงร้อง
“พวกเจ้ามีผมสีแดงดุจเทพจริงๆ และเจ้า ผู้ครองพลองมหาทำลาย เจ้าคงเป็นเจ้าหินไฟ" หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่มผมแดงร่างสันทัดแปลกใจที่หญิงสาวผู้นี้เหมือนจะรู้เรื่องของพวกเขาทั้งหมด เมื่อทั้งห้าหนุ่มทำท่าเหวอพร้อมกันหญิงสาวจึงพูดขึ้น
“เจ้าคิดว่ามีแต่นอร์มิสิสคนเดียวหรือที่มีนิมิต เจ้าไม่คิดหรือว่าที่อาคานำทัพมาประชิดพวกเจ้าได้ขนาดนี้เป็นเพราะอะไร อย่าคิดว่าเพราะวิญญาณของแม่ทัพอสูรมาสิงสู่ร่างเขาอย่างเดียวหรอกนะ" เธอเดินเข้ามายืนใกล้กับซาโก้จนชายหนุ่มตกใจ พยายามข่มใจให้นิ่งไว้
“หินไฟชื่อของเจ้าจริงๆ อ่านว่าอะไรนะ โกซาร์...”
“ซาโก้ ตะหาก" ซาโก้ตอบสั่นๆ เพราะหญิงสาวเข้าใกล้จนแทบจะยืนชิดกับเขาอยู่แล้ว
“อ่า.... อ่านแบบโบราณสินะ ข้าดีใจที่ได้เห็นเจ้า ซาโก้หนุ่มน้อย เมื่อเจ้าเดินออกไป เห็นชายร่างใหญ่อยู่บนหลังม้าสีดำ คนผู้นั้นคืออาคา" เธอพูด แขนทั้งสองของเธอคล้องที่คอของซาโก้ เพื่อนทั้งหลายของซาโก้ต่างอ้าปากค้าง ซาโก้เป็นผู้เดียวที่พยายามฝืนทำหน้าปกติให้มากที่สุด
“เจ้าคงเป็นเมียเจ้าแม่ทัพนั่น ทำไมถึงบอกข้าล่ะว่ามันอยู่ไหน" ซาโก้ถาม
หญิงสาวปล่อยมือจากซาโก้ เธอหัวเราะอยู่ในลำคอ เดินไปสัมผัสใบหน้าของนาโอซิสที่เริ่มขนลุกไปทั่วร่าง
“ข้ามองเห็นทุกสิ่ง แต่ไม่อาจขัดชะตาได้ ข้ารอจะเห็นวันนี้มานานแล้ว คนที่กล้าหาญพอจะสู้กับเขา กฏของเผ่าเราคือ ผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่รอด ข้าชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งนะ" เธอลูบที่แผ่นอกของนาโอซิส ทำเอานักรบทะเลแทบเข่าอ่อนเลยทีเดียว
“ข้าจะออกไปจัดการกับมัน" ซาโก้รีบเปิดเต้นท์ออกไปทันที ด้วยความที่อดทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ข้าด้วยสิ" นาโอซิสจะรีบตามไป
“ไม่ได้ ชะตาของใครของมัน เขาคือคนผู้นั้น ไม่ใช่พวกเจ้า" เธอชูมือไปข้างหน้า เต้นท์ที่ซาโก้เดินออกไปแล้วปิดลงทันที และประตูเต้นท์ที่เป็นผ้านั้นกลับดูแข็งจนนาโอซิสไม่อาจผลักออกไปได้
“เวทย์นี่หว่า..... เจ้า!” คริสเตียนตาขวางทันทีที่เห็นการกระทำของหญิงสาว
“คิดว่าข้าจะอยู่กลางสนามรบโดยไม่มีอะไรเลยงั้นหรือ" เธอปัดมืออีกครั้ง คราวนี้มีแสงสีดำพุ่งใส่คอของนักรบฝ่ายเตมุนที่โดนแขวนโซ่อยู่ เขาเลือดออกจากปากและสิ้นลมทันที
“ระวังตัวนะ นางคนนี้ไม่ธรรมดา" คริสเตียนพูด
“แล้วพวกเราจะทำไงดีนี่ ทำร้ายผู้หญิงก็ไม่ได้ด้วย" นาโอซิสกำฉมวกเหล็กอย่างเจ็บใจ
“ยังเชื่อเรื่องโบราณๆ อะไรนั้นอยู่อีกเหรอ ไม่ทำร้ายผู้หญิง พวกเจ้าก็จะโดนผู้หญิงทำร้าย" เธอปัดมือเบาๆ มีควันสีแดงพุ่งเข้าใส่เอ็ดการ์ด แต่คริสเตียนใช้เวทย์สร้างลมป้องกันไว้ ลมนั้นทำให้เต้นท์ปลิวขึ้นไปข้างบน
“เยี่ยมมากคริส" นาโอซิสดีใจที่หลุดจากเต้นท์ได้แล้ว
นักรบเผ่าเตมุนเห็นนาโอซิสก็รีบบุกเข้ามาสู้ แต่ก็โดนนักรบหนุ่มเอาฉมวกทิ่มทะลุหน้าเข้าไปจนลูกตากระเด็นออกทางด้านหลัง
“จะอสูรหรือคนข้าก็แทงหมดแล้วหละ" นาโอซิสรู้สึกจะคึกเป็นพิเศษ
“แรงคึกด้วยอะไรของมันวะเนี่ย" คริสเตียนหัวเราะแหะๆ กับอาการของเพื่อน
“เจ้าดูชำนาญเรื่องเวทย์ดีนะ เจ้าหนุ่มหน้าหวาน" หญิงสาวผู้มาเป็นศัตรูนั้นยังไม่ไปไหน
“แน่นอน... ถึงจะดูข้าตัวเล็กแรงน้อยอย่างนี้ แต่พลังเวทย์ข้าไม่ธรรมดาหรอกนะ" คริสเตียนยืนในท่าเตรียมต่อสู้ แต่เขาก็ค่อนข้างพะวงเรื่องการปะทะกับผู้หญิง ฝ่ายนั้นได้เปรียบกว่าตรงที่เหล่านักรบไม่กล้าลงมือ
….................
…..........
ไทเลอร์นอนกองอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด เขายังมีสติพอจะฉีกปลายเสื้อนอกมาขันเชนาะแขนเพื่อห้ามเลือด เขาเกือบจะไม่รอดจากแม่ทัพอาคาเสียแล้ว ถ้านักรบอีกคนหนึ่งในกองทัพหน้าไม่เข้ามาช่วยไว้ ซึ่งนักรบหนุ่มผู้นั้นก็โดนอาคาแทงและเตะกระเด็นออกไปไกล
นักรบกองทัพหน้าล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ไทเลอร์กัดฟันด้วยความโกรธ ความเจ็บที่แขนขาดไปนั้นยังไม่เจ็บเท่าความเจ็บแค้นในหัวใจ นี่คือแผนการของนักรบชั้นผู้ใหญ่ที่ตั้งใจนำนักรบธรรมดาจนถึงฝีมือกลางๆ มาเป็นกองทัพหน้า เพื่อลวงให้แม่ทัพอาคาปรากฏตัว และทำให้นักรบฝ่ายเตมุนทั้งหมดอ่อนแรง ถ้าโชคดีหน่อยก็คงฆ่ามันตายได้หลายคนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไทเลอร์เป็นนักรบหน่วยเสือดำที่สามารถเอาตัวรอดได้ ส่วนซาโก้ ไวทอน ก็ได้รับการอารักขาจากหน่วยยิงสนับสนุน เพียงแต่เจ้าหนุ่มนักรบไม่ยอมอยู่ในกระบวนทัพแบบปกติ ยังกระทำแหกคอกโดยการเผาค่ายศัตรูด้วยไฟเวทย์ อันเป็นการรบแบบกองโจรยิ่งนัก ส่วนนักรบที่มีผมสีแดงเหมือนกับซาโก้อีกสี่คน อยู่ดีๆ ก็เสนอตัวมาอยู่กองทัพหน้าด้วย เขาเห็นความบ้าในการรบของนักรบหนุ่มวัยรุ่นเหล่านี้แล้ว คิดว่าจะชื่นชมหรือหาว่าไร้สติในการต่อสู้ดี
แม่ทัพอาคาจ้องดวงตาสีเพลิงมาที่ไทเลอร์อีกรอบ กำลังเตรียมไสม้าเข้ามาสำเร็จโทษนักรบหนุ่ม แต่เสียงร้องราวกับสัตว์ปีศาจคำรามที่ดังมาจากด้านหลังทำให้แม่ทัพเผ่าเตมุนต้องหันกลับไปมอง ชายหนุ่มผมสีโลหิตยืนตั้งท่าเตรียมสู้ ควงพลองโลหะแวววับกับแสงอาทิตย์
“หึๆ" เสียงหัวเราะในลำคออันแหบแห้งขอแม่ทัพร่างใหญ่ดังขึ้น
ซาโก้วิ่งเข้าใช้พลองจะฟาดใส่ขาม้าสีดำ แต่อาคาบังคับม้ากระโดด เท้าของม้าดำถีบเข้าที่พลอง ซาโก้กระเด็นออกไปข้างหลัง เขารีบตีลังกากลับหลังและพุ่งตัวเข้าใส่อาคาทันที แม่ทัพใหญ่แห่งชนเผ่าใช้ดาบรับการโจมตี
“เจ้างั้นหรือเทพที่ฟินอร์มิิริสบอกว่าจะมาฆ่าข้า เป็นแค่เด็กหนุ่มตัวเท่านี้" อาคาพูดเสียงแห้ง
“ก็ดูเอาแล้วกัน!” ซาโก้เหวี่ยงพลองฟาดใส่อาคาอีกรอบ คราวนี้กระแทกโดนแขนของนักรบชนเผ่า เขารีบอาศัยจังหวะที่อาคาสะดุด ไต่ขึ้นไปอยู่บนหลังม้าของอาคา กำปั้นขวาซัดเข้าใต้คางของอาคาทันที ม้าของอาคาตกใจยกขาหน้าขึ้นจนทั้งซาโก้และอาคาตกลงสู่พื้น กลิ้งไปคนละทาง
“ชิ!” อาคาเช็ดเลือดที่ออกจากปาก และดึงฟันซี่ที่หลุดเพราะแรงกำปั้นซาโก้ โยนทิ้งออกไป
“เรื่องต่อยตีนี่ข้าถนัดนักแหละ" ซาโก้กระโดดลุกขึ้นยืนแล้วควงพลองเข้าปะทะอีกครั้ง
…....................
….........
THE TALENT ศึกที่สอง อาณาจักรมหาสงคราม บทที่ 2 : แม่ทัพอาคาแห่งเผ่าเตมุน
จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ
ศึกที่สอง อาณาจักรมหาสงคราม
บทที่ 2 : แม่ทัพอาคาแห่งเผ่าเตมุน
จอมพลบิลโล ไวทอน ผู้นำทัพกลางซุ่มอยู่บริเวณป้อมปราการตะวันตก พลปืนและพลธนูไม่สามารถยิงเข้าไปถึงจุดที่เกิดการต่อสู้กันได้แล้ว จอมพลผู้เป็นบิดาของซาโก้ ไวทอน เรียกให้นักรบผู้เป็นมือขวาคนสนิทนำกล้องส่องทางไกลมาให้ เขายืนอยู่บนป้อมปราการที่ชูธงสิงห์แยกเขี้ยวของทูรูส เพื่อประกาศว่าบัดนี้ทูรูสได้ยึดเมืองคานส์กลับคืนมาได้แล้ว เมื่อปรับกล้องส่องทางไกลให้มองชัดเจนแล้ว จอมพลบิลโลก็เห็นภาพของแม่ทัพผู้โหดเหี้ยม อาคา ดวงตาของมันเป็นประกายเพลิง เลือดของนักรบทูรูสชะโลมเต็มร่างของแม่ทัพแห่งเผ่าเตมุน
“เตรียมกองกำลังเข้าโจมตี แม่ทัพของมันปรากฏตัวแล้ว" บิลโลออกคำสั่ง นักรบทั้งหลายในทัพกลางโห่ร้องเป็นสัญญาณการโจมตี กองทัพเดินเท้าและนักรบบนหลังม้าพุ่งตัวสู่สมรภูมิที่ร้อนระอุ จอมพลบิลโลเป็นผู้ขี่ม้านำทัพเข้าประจัญหน้าด้วยตัวเอง
เพลิงที่เผาค่ายของเผ่าเตมุนยังไม่สงบลง เมื่อจอมพลบิลโลขี่ม้าเข้าไปถึงก็ชักดาบออกฟันใส่ศัตรูสองคนที่ดักจะตัดขาม้าของจอมพลผู้นำทัพกลาง จอมพลบิลโลไม่สะทกสะท้านต่อการฟันศัตรู เขานำม้ากระโดดข้ามกองไฟที่ขวางหน้าอยู่แล้วหันไปสบถกับนักรบหัวหน้าหน่วยคุ้มกันที่ขี่ม้าตามมาด้วย
“ไอ้บ้าที่ไหนมันเผาค่ายศัตรูขนาดนี้ เผาจนจะเผาพวกเดียวกันเองอยู่แล้ว"
“เอ่อ นั่นสิครับ" นักรบคนสนิทก็ตกใจกับความร้อนของไฟขนาดนี้
…...................
…..........
ในเต้นท์ขนาดใหญ่ที่ดูแล้วน่าจะเป็นเต้นท์ของแม่ทัพ บาสกำลังจับนักรบฝ่ายเตมุนคนหนึ่งแขวนกับเสาเต้นท์ด้วยโซ่ของเขาที่ไม่มีใครสามารถหลุดจากพันธนาการได้ นักรบชายร่างใหญ่ร้องโหยหวนขณะที่เอ็ดการ์ดกับคริสเตียนกำลังยืนสอบสวนนักรบผู้โชคร้ายผู้นี้ ซาโก้กับนาโอซิสยืนคุมเชิงที่หน้าเต้นท์
“แม่ทัพเจ้าอยู่ไหน ไม่ได้ยินหรือไงวะ ไอ้บื้อเอ๊ย!” เอ็ดการ์ดใส่อารมณ์มากเป็นพิเศษ เพราะเพื่อนผองนักรบของเขาโดนฆาตรกรรมโดยคนเหล่านี้
นักรบร่างใหญ่ดิ้นพลาดๆ ขณะนั้นใครบางคนเดินออกมาจากฉากหลังของเต้นท์ใหญ่นั้น เอ็ดการ์ดยกขวานขึ้นเตรียมต่อสู้ทันที แต่ร่างที่ปรากฏออกมานั้นเป็นร่างของหญิงสาว ผมสีน้ำตาลประกายทอง ทรวดทรงสวยงาม ผิวสีดำแดงนั้นดูเนียนตา จนชายหนุ่มทั้งห้าคนอ้าปากค้าง และแปลกใจที่มีหญิงสาวงามมาอยู่ในที่แบบนี้ เธอสวมชุดกระโปรงผ้าบางสีดำ ดูไม่เหมาะจะมาเฉิดฉายในสนามรบเลย
“นักรบชั้นล่างพวกนี้ไม่พูดจาในยามออกรบหรอก" เธอกล่าว เสียงเชิดอย่างชนชั้นสูง
“ฮึ ก็ลองดู" เอ็ดการ์ดเอาขวานบาดหน้าท้องของนักรบเตมุน มันกดฟันพยายามไม่ส่งเสียงร้อง
“พวกเจ้ามีผมสีแดงดุจเทพจริงๆ และเจ้า ผู้ครองพลองมหาทำลาย เจ้าคงเป็นเจ้าหินไฟ" หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่มผมแดงร่างสันทัดแปลกใจที่หญิงสาวผู้นี้เหมือนจะรู้เรื่องของพวกเขาทั้งหมด เมื่อทั้งห้าหนุ่มทำท่าเหวอพร้อมกันหญิงสาวจึงพูดขึ้น
“เจ้าคิดว่ามีแต่นอร์มิสิสคนเดียวหรือที่มีนิมิต เจ้าไม่คิดหรือว่าที่อาคานำทัพมาประชิดพวกเจ้าได้ขนาดนี้เป็นเพราะอะไร อย่าคิดว่าเพราะวิญญาณของแม่ทัพอสูรมาสิงสู่ร่างเขาอย่างเดียวหรอกนะ" เธอเดินเข้ามายืนใกล้กับซาโก้จนชายหนุ่มตกใจ พยายามข่มใจให้นิ่งไว้
“หินไฟชื่อของเจ้าจริงๆ อ่านว่าอะไรนะ โกซาร์...”
“ซาโก้ ตะหาก" ซาโก้ตอบสั่นๆ เพราะหญิงสาวเข้าใกล้จนแทบจะยืนชิดกับเขาอยู่แล้ว
“อ่า.... อ่านแบบโบราณสินะ ข้าดีใจที่ได้เห็นเจ้า ซาโก้หนุ่มน้อย เมื่อเจ้าเดินออกไป เห็นชายร่างใหญ่อยู่บนหลังม้าสีดำ คนผู้นั้นคืออาคา" เธอพูด แขนทั้งสองของเธอคล้องที่คอของซาโก้ เพื่อนทั้งหลายของซาโก้ต่างอ้าปากค้าง ซาโก้เป็นผู้เดียวที่พยายามฝืนทำหน้าปกติให้มากที่สุด
“เจ้าคงเป็นเมียเจ้าแม่ทัพนั่น ทำไมถึงบอกข้าล่ะว่ามันอยู่ไหน" ซาโก้ถาม
หญิงสาวปล่อยมือจากซาโก้ เธอหัวเราะอยู่ในลำคอ เดินไปสัมผัสใบหน้าของนาโอซิสที่เริ่มขนลุกไปทั่วร่าง
“ข้ามองเห็นทุกสิ่ง แต่ไม่อาจขัดชะตาได้ ข้ารอจะเห็นวันนี้มานานแล้ว คนที่กล้าหาญพอจะสู้กับเขา กฏของเผ่าเราคือ ผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่รอด ข้าชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งนะ" เธอลูบที่แผ่นอกของนาโอซิส ทำเอานักรบทะเลแทบเข่าอ่อนเลยทีเดียว
“ข้าจะออกไปจัดการกับมัน" ซาโก้รีบเปิดเต้นท์ออกไปทันที ด้วยความที่อดทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ข้าด้วยสิ" นาโอซิสจะรีบตามไป
“ไม่ได้ ชะตาของใครของมัน เขาคือคนผู้นั้น ไม่ใช่พวกเจ้า" เธอชูมือไปข้างหน้า เต้นท์ที่ซาโก้เดินออกไปแล้วปิดลงทันที และประตูเต้นท์ที่เป็นผ้านั้นกลับดูแข็งจนนาโอซิสไม่อาจผลักออกไปได้
“เวทย์นี่หว่า..... เจ้า!” คริสเตียนตาขวางทันทีที่เห็นการกระทำของหญิงสาว
“คิดว่าข้าจะอยู่กลางสนามรบโดยไม่มีอะไรเลยงั้นหรือ" เธอปัดมืออีกครั้ง คราวนี้มีแสงสีดำพุ่งใส่คอของนักรบฝ่ายเตมุนที่โดนแขวนโซ่อยู่ เขาเลือดออกจากปากและสิ้นลมทันที
“ระวังตัวนะ นางคนนี้ไม่ธรรมดา" คริสเตียนพูด
“แล้วพวกเราจะทำไงดีนี่ ทำร้ายผู้หญิงก็ไม่ได้ด้วย" นาโอซิสกำฉมวกเหล็กอย่างเจ็บใจ
“ยังเชื่อเรื่องโบราณๆ อะไรนั้นอยู่อีกเหรอ ไม่ทำร้ายผู้หญิง พวกเจ้าก็จะโดนผู้หญิงทำร้าย" เธอปัดมือเบาๆ มีควันสีแดงพุ่งเข้าใส่เอ็ดการ์ด แต่คริสเตียนใช้เวทย์สร้างลมป้องกันไว้ ลมนั้นทำให้เต้นท์ปลิวขึ้นไปข้างบน
“เยี่ยมมากคริส" นาโอซิสดีใจที่หลุดจากเต้นท์ได้แล้ว
นักรบเผ่าเตมุนเห็นนาโอซิสก็รีบบุกเข้ามาสู้ แต่ก็โดนนักรบหนุ่มเอาฉมวกทิ่มทะลุหน้าเข้าไปจนลูกตากระเด็นออกทางด้านหลัง
“จะอสูรหรือคนข้าก็แทงหมดแล้วหละ" นาโอซิสรู้สึกจะคึกเป็นพิเศษ
“แรงคึกด้วยอะไรของมันวะเนี่ย" คริสเตียนหัวเราะแหะๆ กับอาการของเพื่อน
“เจ้าดูชำนาญเรื่องเวทย์ดีนะ เจ้าหนุ่มหน้าหวาน" หญิงสาวผู้มาเป็นศัตรูนั้นยังไม่ไปไหน
“แน่นอน... ถึงจะดูข้าตัวเล็กแรงน้อยอย่างนี้ แต่พลังเวทย์ข้าไม่ธรรมดาหรอกนะ" คริสเตียนยืนในท่าเตรียมต่อสู้ แต่เขาก็ค่อนข้างพะวงเรื่องการปะทะกับผู้หญิง ฝ่ายนั้นได้เปรียบกว่าตรงที่เหล่านักรบไม่กล้าลงมือ
….................
…..........
ไทเลอร์นอนกองอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด เขายังมีสติพอจะฉีกปลายเสื้อนอกมาขันเชนาะแขนเพื่อห้ามเลือด เขาเกือบจะไม่รอดจากแม่ทัพอาคาเสียแล้ว ถ้านักรบอีกคนหนึ่งในกองทัพหน้าไม่เข้ามาช่วยไว้ ซึ่งนักรบหนุ่มผู้นั้นก็โดนอาคาแทงและเตะกระเด็นออกไปไกล
นักรบกองทัพหน้าล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ไทเลอร์กัดฟันด้วยความโกรธ ความเจ็บที่แขนขาดไปนั้นยังไม่เจ็บเท่าความเจ็บแค้นในหัวใจ นี่คือแผนการของนักรบชั้นผู้ใหญ่ที่ตั้งใจนำนักรบธรรมดาจนถึงฝีมือกลางๆ มาเป็นกองทัพหน้า เพื่อลวงให้แม่ทัพอาคาปรากฏตัว และทำให้นักรบฝ่ายเตมุนทั้งหมดอ่อนแรง ถ้าโชคดีหน่อยก็คงฆ่ามันตายได้หลายคนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไทเลอร์เป็นนักรบหน่วยเสือดำที่สามารถเอาตัวรอดได้ ส่วนซาโก้ ไวทอน ก็ได้รับการอารักขาจากหน่วยยิงสนับสนุน เพียงแต่เจ้าหนุ่มนักรบไม่ยอมอยู่ในกระบวนทัพแบบปกติ ยังกระทำแหกคอกโดยการเผาค่ายศัตรูด้วยไฟเวทย์ อันเป็นการรบแบบกองโจรยิ่งนัก ส่วนนักรบที่มีผมสีแดงเหมือนกับซาโก้อีกสี่คน อยู่ดีๆ ก็เสนอตัวมาอยู่กองทัพหน้าด้วย เขาเห็นความบ้าในการรบของนักรบหนุ่มวัยรุ่นเหล่านี้แล้ว คิดว่าจะชื่นชมหรือหาว่าไร้สติในการต่อสู้ดี
แม่ทัพอาคาจ้องดวงตาสีเพลิงมาที่ไทเลอร์อีกรอบ กำลังเตรียมไสม้าเข้ามาสำเร็จโทษนักรบหนุ่ม แต่เสียงร้องราวกับสัตว์ปีศาจคำรามที่ดังมาจากด้านหลังทำให้แม่ทัพเผ่าเตมุนต้องหันกลับไปมอง ชายหนุ่มผมสีโลหิตยืนตั้งท่าเตรียมสู้ ควงพลองโลหะแวววับกับแสงอาทิตย์
“หึๆ" เสียงหัวเราะในลำคออันแหบแห้งขอแม่ทัพร่างใหญ่ดังขึ้น
ซาโก้วิ่งเข้าใช้พลองจะฟาดใส่ขาม้าสีดำ แต่อาคาบังคับม้ากระโดด เท้าของม้าดำถีบเข้าที่พลอง ซาโก้กระเด็นออกไปข้างหลัง เขารีบตีลังกากลับหลังและพุ่งตัวเข้าใส่อาคาทันที แม่ทัพใหญ่แห่งชนเผ่าใช้ดาบรับการโจมตี
“เจ้างั้นหรือเทพที่ฟินอร์มิิริสบอกว่าจะมาฆ่าข้า เป็นแค่เด็กหนุ่มตัวเท่านี้" อาคาพูดเสียงแห้ง
“ก็ดูเอาแล้วกัน!” ซาโก้เหวี่ยงพลองฟาดใส่อาคาอีกรอบ คราวนี้กระแทกโดนแขนของนักรบชนเผ่า เขารีบอาศัยจังหวะที่อาคาสะดุด ไต่ขึ้นไปอยู่บนหลังม้าของอาคา กำปั้นขวาซัดเข้าใต้คางของอาคาทันที ม้าของอาคาตกใจยกขาหน้าขึ้นจนทั้งซาโก้และอาคาตกลงสู่พื้น กลิ้งไปคนละทาง
“ชิ!” อาคาเช็ดเลือดที่ออกจากปาก และดึงฟันซี่ที่หลุดเพราะแรงกำปั้นซาโก้ โยนทิ้งออกไป
“เรื่องต่อยตีนี่ข้าถนัดนักแหละ" ซาโก้กระโดดลุกขึ้นยืนแล้วควงพลองเข้าปะทะอีกครั้ง
…....................
….........