เอาเป็นว่า...ผมมาเล่าความฝันให้ฟังก็หล่ะกัน(ดราม่านิดๆ สำหรับคนมีเวลา) Ep.6

สืบเนื่องจากกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/30400595  สำหรับ Ep.1
http://ppantip.com/topic/30404721  สำหรับ Ep.2
http://ppantip.com/topic/30407884  สำหรับ Ep.3
http://ppantip.com/topic/30412163  สำหรับ Ep.4
http://ppantip.com/topic/30436234  สำหรับ Ep.5


เพื่อทำความเข้าใจกับ ท่าน Admin และคุณตำรวจพันทิป

รบกวนซักนิดครับ ถึง Admin และผู้ที่ประสงค์แจ้งลบกระทู้ผม...
ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำในการใช้งานเว็บบอร์ดเพิ่มขึ้นนะครับ
หากว่ากระทู้นี้ยังผิดอีก ผมรบกวนช่วยให้เหตุผล ที่ยาวซักนิด และเข้าใจง่ายหน่อยจะเป็นพระคุณมาก
ผมยังอ่อนหัดเรื่องนี้อยู่มาก และพร้อมจะน้อมรับการแก้ไข เพื่อไม่ให้ผิดกฏหรือระเบียบ Webboard นี้แต่อย่างใด



หลังจากหายไปนาน วุ่นวายกับความฝันในการทำธุรกิจร้านอาหาร (รถเข็น) ของตัวเอง
ผมมา Update รายงานความคืบหน้าให้ได้รับชมรับฟังกัน ตามแต่เวลาของแต่ละท่านจะเอื้ออำนวยในการอ่าน
หลังจากที่ได้เปิดกิจการ "ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่รถเข็น" ในนาม "คั่วไก่แสนสะท้าน" มาได้เกือบ2เดือน
วันนี้จะมาสาทยายถึงสิ่งที่ "คนทำธุรกิจ" ได้พบได้เจอกัน....

ผมเชื่อว่า...เจอกันทุกคนแน่นอน


หลังจากเปิดขายอย่างเป็นทางการมาแล้วร่วม 2 เดือน
แน่นอนสิ่งที่จะได้เจอตลอดการเดินทางก็คือ "อุุปสรรค" สารพัดสารพัน
มันไม่ง่ายเลย กว่าจะได้อะไรมาซักอย่างนึง การไล่ตามความฝัน ไม่ง่ายอย่างที่คิด
เงินแต่ละบาทที่หามาได้ จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แลกเหงื่อ กับความรู้ ประสบการณ์ของตัวเอง
กว่าจะได้มา มันแลกมาด้วยอะไรหลายๆอย่าง ถึงนาทีนี้ เวลากินข้าวมื้อที่แพงกว่า 200 เริ่มชะงักนิดนึง....
กว่าจะได้ร้อยนึง...ใช้เวลากี่ชั่วโมง...คิดเยอะ....คิดเยอะขึ้นเยอะ...


มันใจว่าคนไทยที่ทำธุรกิจเยอะแยะ....ต้องรู้จักคำนี้....


"ท้อ"


ผมประสบปัญหาจิตตกกับเรื่อง "วิกฤติลูกท้อ" นี้มาตลอดเวลาของชีวิต แทบจะทุกช่วงเวลาของการทำงาน
หรือ ณ.ตอนนี้ ที่เริ่มมาจับธุรกิจการขายอาหาร (รถเข็น) ไม่ใช่ธุรกิจอย่างแรกที่เคยทำ
และแน่นอน "ท้อ" เป็นครั้งที่ล้านแล้วมั้ง.........

สภาวะจิตตกของผมเริ่มต้นบ่อยครั้งหลังจากความเหนื่อยล้า จากการทำงานประจำ หรือจากการเปิดร้าน
บางครั้งอยากจะเลิกเอาซะดื้อๆ เงินที่ขายของมาได้ หายไปไหนหมด หมุนไปหมุนมา หมุนกันจนงง
เงินส่วนตัวเริ่มปะปนกับเงินร้าน เงินหมุนเวียนบางครั้่งเริ่มขาดมือ จากภาษีสังคม
และบางครั้งจากการตามใจตัวเอง จากสันดานส่วนตัวที่ดื่ม...และหยุดไม่อยู่



ที่ร้านขายดีมาก ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี จากลูกค้าทั่วไปในบริเวณนั้น
และจากเพื่อนฝูงญาติมิตรที่รู้จักมากมาย ทั้งใน Fanpage และหลายๆท่านที่ตามมาจากใน ppantip.com

ผมมักจะบอกคนใกล้ตัวเสมอ ในเวลาที่ผมท้อแท้ หมดกำลังใจ ได้โปรดกรุณาอย่าไปไหน
ช่วยรับฟัง และรีบดึงผมออกมาจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด เพราะถ้ารีบดึงมาได้เร็วเท่าไหร่ ผมก็จะลืมได้เร็วเท่านั้น



การทำธุรกิจในทุกแขนง ย่อมมีปัญหาที่ต้องเจอมากมายในแต่ละอย่าง ทั้งที่นึกออก และนึกไม่ออก
ปัญหาต่างๆมากมายของผม เริ่มมาจากเวลาที่มีค่อนข้างจำกัด ในขณะที่ปัจจุบันนี้ ต้องทำงานประจำอยู่
ผมทำงาน จันทร์ ถึง เสาร์ ใน Daytime ปรกติ 9.00-18.00 น. ต้องเร่งหาเวลาเตรียมของ ซื้อของ
จัดการทุกอย่างเพื่อให้เปิดร้านได้ทันในเวลา 20.00 น. ของวัน ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

โคตรเหนื่อยเลยครับ.........




"คั่วไก่แสนสะท้าน" เปิดมา ณ.ตอนนี้ เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ศุกร์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่ 9
ผมทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ร่างกายเริ่มฟ้องถึงสังขารที่ร่วงโรย....
บางครั้งปวดเหมือนตัวจะแตก.... เอว หลัง เริ่มไม่ใช่ของตัวเอง
ปลายมือชา จากการผัดก๋วยเตี๋ยว ไม่เคยเป็นมาก่อน...

นี่กูแก่จริงๆแล้วเหรอเนี่ย......









" ท้อ มี ไว้ ให้ ลิง ถือ"


คำคมจาก Facebook ของใครไม่ทราบได้.... ดูติดตลก ขำขำ กวนๆ
เชื่อมั้ย คำนี้ ทำให้ผมเลิกท้อได้หลายต่อหลายครั้ง หรือบางทีก็ลืม "ท้อ" ไปในช่วงเวลานึง

เชื่อแน่ว่า....คนที่เลิกกิจการของตัวเอง ทั้งที่ตั้งใจ คาดหวัง ทุ่มเทกับมันมาตั้งแต่แรก
"ท้อ" คำเดียว ทำให้บางครั้งก็ทำลายความฝันของสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด ได้ในพริบตาเดียว

ผมมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับ.............
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ผมต้องเดินต่อไป แค่เดินช้าบ้าง หยุดพักได้บ้าง แต่อย่าถอยหลัง




หมดเวลาพักแล้ว....ผมต้องเดินต่อไป......


กำลังใจจากผม ได้มาจากคำชมเชยของลูกค้าที่มาทานที่ร้าน และทาง Facebook Fanpage  "คั่วไก่แสนสะท้าน"
รูปภาพที่หลายๆท่านมาทาน และลงรูปใน Facebook ของตัวเอง...  
คนที่เห็นก็จะถามว่าที่ไหน ยังไง เปิดเมื่อไหร่ แพงมั้ย..
วันๆ ผมนั่งรับโทรศัพท์สอบถามเส้นทาง จองอาหาร นับสิบสายต่อวัน
เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ.....ชื่นใจจริงๆ


หลายๆ คำพูดที่ผ่านมา มีทั้งติ และชม

คำติ-เตือน ผมน้อมรับไว้ด้วยจิตคารวะ ปราศจากอคติ และนำมาปรับปรุงต่อไป
คำชม ผม และทีมงานน้อมรับไว้ด้วยความชื่นฉ่ำใจ และเก็บไว้เพื่อเป็นแรงผลักดัน ในวันต่อไป




"เหลาข้างถนน"

"อาหารรถเข็น รสชาดภัตตาคาร"



เป็นส่วนหนึ่งของคำชมเชยจากลูกค้า ทั้งรู้จักกันและไม่รู้จักกัน ผมแอบเข้าไปอ่าน และปลื้มใจมาก
ไม่คิดไม่ฝันว่าในวันนึง ฝีมือการทำอาหาร (เห่ยๆ) ของตัวเอง จะทำให้คนที่มาชิมได้ประทับใจขนาดนี้

ทุกครั้งเวลาปิดร้าน ผมมักจะถามน้องๆที่อยู่ด้วยกันเสมอ....
ลูกค้ามี Comment มั้ย , ทานหมดมั้ย อะไรเหลือบ้างในจาน คำตอบที่ได้ "ส่วนใหญ่จะเหลือแต่ผักประดับจาน"

โอเคนะ...เข้าข้างตัวเองเล็กๆในระดับนึง แปลว่า "ก๋วยเตี๋ยวของเราก็เจ๋งใช้ได้แหล่ะ"








เล่าย้อนกลับไป บางท่านอาจพึ่งมาอ่านตอนนี้.....



พาดพิงถึงใน Ep.1-5 ที่ผ่านมา นี่เป็นตอนที่ 6 ครับ เทียบเท่า Star wars ของ George Lucas
ถ้าเอาย่อความเฉพาะหลักใหญ่ใจความ โดยสรุปให้ดังนี้ เพื่อให้เข้าใจง่าย และไม่ต้องย้อนกลับไปอ่าน ซีรีย์ยาวๆ

ผม - ชอบทำอาหาร
ผม - ทำงานประจำในขณะที่ทำร้านอยู่
ผม - ลองผิดลองถูกจากการทำอาหารให้คนใกล้ตัวกิน
ผม - ชอบกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ (สวนมะลิ) หน้าบ้าน (คนละเจ้ากับที่ขายในซอยวัชรพล)
ผม - ไปเป็นพ่อครัวร้านเหล้าของเพื่อน
ผม - ตัดสินใจได้ว่าใจจริงแล้วชอบทำอาหารให้คนอื่นทาน
ผม - ตัดสินใจจะทำร้านอาหารรถเข็น
ผม - เปิดร้าน คั่วไก่แสนสะท้าน ด้วยสูตรที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก เป็นรถเข็นขายหน้าปากซอย
ผม - บลา บลา บลา..................


มีเสาร์นึงของในสัปดาห์ที่ผ่านมาของการทำร้าน ในเวลาเกือบ เที่ยงคืน ลูกค้า 2 โต๊ะสุดท้ายก่อนของหมด....
ในระหว่างที่เรากำลังทำ ก๋วยเตี๋ยวคั่วกุ้งแม่น้ำ ตัวสุดท้ายของคืนนี้......
ลมเย็นพัดมาเป็นสัญญาณแห่ง วสันตฤดู (วรรษฤดู) ครานี้คงไม่พลาดเป็นแน่แท้
ผมภาวนาให้มันไม่เกิดขึ้น ในระหว่างที่มีลูกค้านั่งทานอยู่ เพราะถ้าฝนตกจริงๆ คงวุ่นวายเป็นแ่น่


คิดได้ไม่ทันจบ ฝนเม็ดน้อยๆก็เริ่มลงเม็ด .........


ผมและน้องๆอีก 2คน กุลีกุจอรีบย้ายโต๊ะ ย้ายไฟ เข้าด้านในของคาร์แคร์ทันที ทุลักทุเล
เพราะไม่เคยได้คาดคะเนถึงอุปสรรคทางธรรมชาติที่เราจะต้องเจอ วุ่นวายมากเหมือนอย่างที่คิดเป๊ะเลย
ก่อนที่ฝนจะตกมาห่าใหญ่ เราสามารถย้ายทุกอย่างเข้าในคาร์แคร์ได้หมด ยกเว้นแต่รถเข็น ซึ่งต้องตากลมฝนอยู่ด้านนอก
ข้าวของที่จัดเรียงไว้ในรถเข็นบางอย่างกระจัดกระจาย จากการย้ายของแบบรวดเร็ว เพื่อไม่ต้องการให้เปียกฝน
ไฟแสงสว่างด้านนอก ถูกถอดออกมาไว้ด้านในเกือบทั้งหมด เหลือแค่ไฟรถเข็นหลอดเดียว

ผมยังยืนผัดอยู่หลังเตาที่เดิม....
ในหัวก็คิดไปเรื่อย....

ถ้าฝนตกหนักกว่านี้จะยังไง
ถ้าของที่ลงทุนไปแล้วขายไม่ได้จะทำยังไง
ถ้าลงทุนไปกับของ (ที่ต้นทุนสูงมาก) แล้วทุนจม จะหมุนยังไง
ถ้าเดือน มิ.ย. หน้าฝนเต็มๆ จะเสี่ยงมั้ย กับการขายของเฉพาะช่วงเย็นแบบนี้
ถ้ามีร่ม จะพอกันอยู่มั้ย เบาๆก็น่าจะพอได้ แต่ถ้าหนักมาก็ไม่น่าจะเอาอยู่นะ

ถ้าต่อให้มีร่ม มีเต้นท์ ถ้าฝนตก ใครมันจะออกมากินวะ!!!

คิด

คิด

คิด

คิด


คิด




คิด....





คงถึงเวลาแล้ว ที่เราจะมีร้านที่มีหลักแหล่งมั่นเหมาะ เป็นของตัวเอง.......









(อ่านต่อ Ep.7)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่