เอาเป็นว่า...ผมมาเล่าความฝันให้ฟังก็หล่ะกัน(ดราม่านิดๆ สำหรับคนมีเวลา) Ep.4

สืบเนื่องจากกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/30400595 สำหรับ Ep.1
http://ppantip.com/topic/30404721  สำหรับ Ep.2
http://ppantip.com/topic/30407884   สำหรับ Ep.3

มาเล่าให้ฟังต่อ ........
เพื่อทำความเข้าใจกับ ท่าน Admin และคุณตำรวจพันทิป

รบกวนซักนิดครับ ถึง Admin และผู้ที่ประสงค์แจ้งลบกระทู้ผม...
ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำในการใช้งานเว็บบอร์ดเพิ่มขึ้นนะครับ
หากว่ากระทู้นี้ยังผิดอีก ผมรบกวนช่วยให้เหตุผล ที่ยาวซักนิด และเข้าใจง่ายหน่อยจะเป็นพระคุณมาก
ผมยังอ่อนหัดเรื่องนี้อยู่มาก และพร้อมจะน้อมรับการแก้ไข เพื่อไม่ให้ผิดกฏหรือระเบียบ Webboard นี้แต่อย่างใด



ความเดิมตอนที่แล้ว.........


ผม                   :   ฮัลโหล หวัดดีครับพี่.....
ปลายสาย        :   สวัสดีครับ ผมที่คาร์แคร์นะ..
ผม                   :   ครับพี่ ว่าไงครับ นี่กำลังขับรถไปซื้อของเลย เสร็จแล้วว่าจะเอาไปฝากพี่ไว้ก่อนพอดี อีก 2 วันจะขายหล่ะนะพี่.....
ปลายสาย        :    อ้าวเหรอครับ.....ผมจะบอกว่า "คงให้มาขายไม่ได้แล้วหล่ะ"

ผม                   :     .....................???..............................



อ้าว....Chip หายฉายที่ผมทันที !!!




อารมณ์ตอนนั้น คิดไม่ออก ตึ้บมาก ตึ้บอ่ะ ตึ้บ เคยเป็นมั้ยครับ เหมือนโดนอะไรฟาดกบาลแรงๆ จังๆ
ต้องอยู่นิ่งๆ รวบรวมสติ จอดรถ แล้วพยายามเรียกสติกลับคืนมา.....กลับมา กลับมาก่อน...
แก้ไขปัญหา เราต้องทำได้...แต่ก็ยังตึ้บอยู่ดี....


ผมตัดสินใจวนรถกลับไปที่คาร์แคร์ เห็นทีจะคุยทางโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง อย่างนี้ต้องเจอหน้ากันอย่างเดียวหล่ะ
ขออย่างงี้มันต้องเจอหน้ากันจะจะ มีไรต้องคุยกันให้ชัดเลย เล่นมาบอกกันก่อนวันเปิดร้านแบบนี้ได้ไงฟะ
ตลอดทางผมคิดอะไรต่างๆนาๆ เกี่ยวกับทุกอย่างที่ำทำไปเต็มไปหมด ทุกอย่างที่คัดสรรเตรียมไว้
แผนที่วางไว้จะพังทลายไปต่อหน้าต่อตาง่ายๆยังงี้เลยเหรอวะ....

"เห้ย กูไม่ยอม"



หรือปีนี้ปีชง.....แหม...มันซวยตั้งแต่ต้นปีทีเดียวเชียวนะ...
ขอคั่นโฆษณาเรื่อง "ปีชง" ..............


ออกตัวก่อนเรื่องนี้ ผมเชื่อเรื่องโชคชะตา แต่แค่ 10% ของการใช้ชีวิต ผมเกิดปีมะเส็ง ปีนี้ "ชง" เต็มๆ
เรื่องซวยๆ สลับกันเกิดกับผมตั้งแต่ต้นปี... บางครั้งก็นึก เห้ย....หรือเพราะปีชง มันถึงซวยขนาดนี้
นั่งนึกๆอีกที ผมซวยแม่มทุกปี ไม่ว่าจะชงหรือไม่ชง ปีมะเหงกไร ก็ต้องมีเรื่องประหลาดเกิดทุกปี
ลองคิดๆดูครับ ต่อให้ไม่ชง หรือไม่ชง ก็ต้องมีเรื่องซวยเกิดขึ้นกับคุณทุกคน ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
มันต้องมีเหตุให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจากตัวคุณเองหรือคนรอบข้าง เชื่อซิ มันมี.....


ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งโทษดวงชะตา.......


ทำบุญทำทานตามแรงศรัทธา ให้พอสมควร แล้วเลือกที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องไม่เบียดเบียนใคร
มั่นใจในสิ่งที่ทำ เดินหน้า ท้อโคตรบ่อย แต่ให้รำลึกเสมอ และบอกตัวเองว่า "ถอยไม่ได้"
มองย้อนกลับหลังได้ เพื่อเอามาปรับปรุงในก้าวที่จะข้ามไปข้างหน้า แล้วเดินหน้าต่อ


ไม่เกิน 30 นาที ผมมาถึงคาร์แคร์ ด้วยความรวดเร็ว พร้อมไฟ้วกับเจ้าของคาร์แคร์ทันที....



พี่เจ้าของคาร์แคร์ให้เหตุผลว่า......
เค้ามีปัญหากับเจ้าของที่ เรื่องเทศบัญญัติของการตั้งสถานประกอบการล้างรถ
จึงอาจจะเปลี่ยนธุรกิจไปเป็นร้านอาหารแทน เนื่องจากแถวนั้นอาหารกลางวันหาทานค่อนข้างยาก
มีโชว์รูม Nissan และ Toyota Buzz อยู่ใกล้ๆ แต่หาของกินยาก ก็เลยกะเอาโอกาสนี้แหล่ะทำร้านอาหาร....

เนื่องจากธุรกิจที่จะเปลี่ยนมันเหมือนกับของผม....เลยให้ทำไม่ได้....


จ๋อยบริโภค....



ตอนนี้ผมถอยไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าอย่างเดียว และเต็มตัวแบบที่สุด ผมบอกเค้า...
ผม Set Up ทุกอย่างไว้พร้อม เหลือรอแค่วันเปิดขายอย่างเดียว เพื่อนฝูงรุ่นน้องรุ่นพี่ที่ทราบข่าว ทุกคนล้วนหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือ
แล้วแต่กำลัง และสติปัญญาทุกอย่างเพื่อให้มันเกิดขึ้น ผมไม่ได้ทำแค่ร้านก๋วยเตี๋ยว.....ผมทำตามฝันของผม.....
ผมเล่าให้เค้าฟังต่อ......


ผมเตรียมของ เตรียมการสั่งของไว้ทั้งหมด วางแผนการเดินทางจากที่ทำงาน ไปตลาด แล้วเข้าร้าน อะไรยังไง
เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างละเอียดถี่ยิบ เพื่อป้องกันไม่ให้อะไรผิดพลาด และตกหล่น ถ้าขาย ถ้ายุ่ง จะวิ่งซื้อนี่นู้นนั่นคงไม่ทัน

แม้แต่ที่มาของชื่อร้าน.....น้องผมคนนึงก็ตั้งให้...
ผมใช้ User Name ในโลกอินเตอร์เนตว่า ติ๊งแมนแสนสะท้าน ประกอบกันไปตัดคำออกเติมสิ่งที่จะขายลงไป..
มันเลยกลายเป็นชื่อ "คั่วไก่แสนสะท้าน" ในบัดนาว....


ผมมี Fanpage เอาไว้ Update ข่าวสารต่างๆของร้านในชื่อเดียวกัน ก่อนร้านเปิด 1 อาทิตย์ พวกเรา (ผมและน้องๆ)
อัดโปรโมทกันสุดชีวิต ดันให้ Fanpage เป็นที่รู้จัก โพสต์กันอยู่นั้นแหล่ะ จนเป็นที่ติดตาว่าไอ้นี่มันเอาแน่...555+
ผมเปิด Page ร้านให้เค้าดู ว่ามันมีจริง ทำจริงนะเฟ้ย อยู่ๆพี่จะมาบอกผมยังงี้ได้ไง
แล้วไอ้คนที่มันรอจะมากิน มันจะทำไงหล่ะ......


การสนทนาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง....



งั้นเอาอย่างงี้ครัับ......

ผมจะเริ่มเปลี่ยนกิจการจากคาร์แคร์ เป็นร้านอาหารตอน ต้นเดือน พฤษภาคม คิดว่าหลังสงกรานต์คงมีคนมาเยอะอยู่
ช่วงนั้นคงจะเริ่มเปลี่ยน และเคลียส์ลูกค้าเก่าออก พวกสมาชิกที่เปิดน้ำยาล้างไว้ จะได้ทยอยมาล้าง...

ผมให้คุณขายได้ 1 เดือนหล่ะกัน.......!!!!




โอเค......ซึ้ง


เดือนเดียวก็เดือนเดียววะ ผมดีใจมาก แม้จะได้ขายแค่เดือนเดียวก็ตาม.....เอาวะ ลุยต่อ
อย่างน้อยถ้าขายเดือนนึงแล้วขายไม่ดี เวลาจะปิดร้านจะได้มีข้ออ้างว่าเจ้าของที่ไม่ให้ขายต่อ ยังแก้เก้อได้บ้าง
หรือคิดอีกที มีเวลาอีกตั้ง 30 วันในการหาที่ขายใหม่ ถ้ามันเวริคค่อยว่ากันต่อไป เห้อ................


โล่งอก...........

ผมเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ต่อ ถึงจะสะดุดไปวันนึง ทำให้แผนงานต้องมาจุกกันอยู่ที่ 1 วันก่อนเปิดร้าน....
เป็นวันที่โคตรวุ่นวายอีกวันในชีวิตผม ผมใช้เวลาทั้งวันในการซื้อของ ไป Makro ไปตลาด ติดไฟให้รถเข็น ขนของใส่รถเข็น
แล้วเอาโต๊ะเก้าอี้ที่ซื้อไว้ไปลงที่คาร์แคร์ ทั้งวันผมหมดไปกับการเตรียมงาน ไม่มีเวลาได้ตื่นเต้น.....
ทุกอย่างพร้อมแล้ว สำหรับการขายก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ไม่ง่ายเลยนะ....








"วันเปิดร้าน"



ผมไปทำงานตามปรกติ....วันนี้ขออนุญาติกลับบ้านเร็วกว่าปรกติ ต้องรีบกลับมาจัดการของสด กะไปเอากุ้งที่สั่งไว้
หลังจากแวะตลาดครั้งสุดท้ายก่อนเปิดร้าน ผมสลัดคราบของการเป็นพนักงานออฟฟิส ใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบยาง เสื้อยืด
แล้วสำรวจข้าวของอีกครั้ง ก่อนเปิดประตูเพื่อเอารถเข็นคันใหญ่นี่ออกจากบ้าน....

18.18 เป็นเวลาทีรถเข็นของผมแตะพื้นถนนนอกบ้านเป็นครั้งแรก....



"หนักโคตร"..........

ซวยแล้วไง ไอ้ตอนเอาของใส่ ดันลืมคิดว่าต้องเข็นไป 4-500 เมตร หนักชิบเป๋งเลย......ทำไงได้ ก็ต้องดันต่อไป
ระหว่างทางที่ผมเข็นรถออกไป ผมเจอป้าขายของชำ แกตกใจว่าผมทำเอารถเข็นไปทำอะไร....
ป้าขายถ่าน ก็ทัก คนนู้นก็ทักคนนี้ก็ทัก เห้ย...เยอะๆมันเขินนะ....


ระหว่างทางที่เข็นรถมา ได้สัจธรรมอีกอย่างเวลาขับรถ.... เคยเจอคนที่เค้าเข็นรถขายของแล้วต้องขับตามมั้ย...
อารมณ์มันแบบนี้เลย จริงๆเค้าก็เกรงใจนะ ไม่ได้อยากจะเกะกะหรอก แต่ทำไงได้ มันไปไวได้แค่นี้นี่หว่า..
ผมเปลี่ยนจากคนขับมาเป็นคนเข็น เข้าใจโลกขึึ้นมาทันทีเชียว....


อีกปัญหาที่เจอคือ "ทางลาด" อันนี้สุดมาก เกือบเข็นไม่ขึ้น ดันอยู่นาน สมเพชตัวเองมาก อายด้วย
รถจอดรอเลี้ยวเข้าซอยเพียบ แต่ไอ้แก่นี่ยังดันรถเข็นขึ้นฟุตบาทไม่ได้ อับอายกันไป เอาหล่ะ.....ถึงซะที.....



ผมรีบจัดแจงเตรียมร้านคนเดียวได้ซักพัก....ไม่นาน เพื่อนฝูงพี่น้องผมก็แห่กันมาช่วย วันนี้คนช่วยเยอะมาก ถ้าไม่ได้ผมคงหมุนอยู่นาน
ผมโชคดีที่มี พี่ๆ น้องๆ คนรอบตัวที่พร้อมจะหยิบยื่่นความช่วยเหลือให้ โดยไม่ต้องร้องขอ ผมมีน้องที่น่ารัก ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน
นานจนเราเรียกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ถึงตอนนี้ ร้านนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปได้เลย...ถ้าไม่ได้คนพวกนี้
บรรทัดนี้ขอชื่นชม และยกผลประโยชน์ให้ พีน้องและครอบครัวของเราครับ......



เอาหล่ะ.....พร้อมขาย....

ตอนนี้ผมจำไม่ได้ใครเป็นคนที่เป็นลูกค้าคนแรก เพราะวันเปิดแห่กันมาเยอะเหลือเกิน ไม่ได้โงหัวจากเตา
ได้ทักทายบ้าง แต่ไม่ได้ปักหลักนั่งคุยกับใคร ยุ่งโคตร เพราะต้องทำเองทุกอย่าง ทุกเมนู
วันแรกที่ขาย มีก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ คั่วหมู คั่วกุ้งแม่น้ำ ซึ่งเป็น Hi-Light ของร้าน
แค่นี้ก็ผัดกันหน้าสั่นทีเดียวเชียว.......

เพื่อนฝูงที่ได้ทราบข่าวผ่านทาง Fanpage คั่วไก่แสนสะท้าน แห่กันมาซะเยอะ จนร้านไม่มีที่จะนั่ง....
ร้านก๋วยเตี๋ยวมีแค่ 2 โต๊ะ เก้าอี้มี 12 ตัว บางคนไม่มีที่นั่ง บางคนมากินก็ต้องช่วยกันทำงาน ยิ่งสนิท ยิ่งรอนาน
มีน้องบางคนมา สั่งก่อนเค้าอีกนะ แต่ถ้ามีลูกค้าคนอื่น (ขาจร) มาก่อน ก็จะให้เค้ากินก่อน รอกันไปยาวๆ เป็นชั่วโมงก็มีนะ 5555+


ตี 2 ปิดร้าน......

หลังเก็บร้านทำอะไรเสร็จ บอกได้คำเดียวว่า เหนื่อยโคตร...........
เข็นรถกลับบ้านไม่ไหว.... ขอฝากที่คาร์แคร์ไว้หน่อยเหอะนะพี่นะ ถ้าผมเข็น เอวผมคงหลุดอยู่ระหว่างทางเป็นที่แน่แท้

โหย....เหนื่อยโคตรอ่ะ นอนน้อย เข็นมาจากบ้าน ยืนผัดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใส่จานใส่ห่อ ทำอันนู้นอันนี้
วันแรกเป็นวันที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตอีกวันนึง..... เหมือนความรู้สึกตอนทำงานที่บริษัทขายกาแฟยี่ห้อดัง ที่มีโลโก้เป็นคาวบอยหนุ่มๆ
สมัยนั้นเปิดสนามบินหนองงูเห่า.....ภายในนั้นมีร้านในเครืออยู่ 3 ร้าน แต่ละร้านห่างกัน 1 กิโลเมตรถ้วน
ผมต้องเดินๆๆๆๆ ทำงานๆๆๆๆๆ ช่วยขายข้าวๆๆๆๆๆ ตั้งแต่ 10.00 น. จนถึง 19.00 น. ของอีกวัน....ย้ำ!! ของอีกวันนึง....
ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แค่ไอก็เจ็บไปยันหลัง....ตั้งแต่เอวลงมาเหมือนไม่ใช่ของๆกรู....

ความรู้สึกในตอนนั้นกับตอนนี้ช่างเหมือนกันเด๊ะ......










เวลาผ่านไป 4 สัปดาห์..............






นี่จะเป็นวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ สุดท้าย ตามสัญญาใจที่ผมคุยกับเจ้าของคาร์แคร์ไว้....
หมดอาทิตย์นี้ ผมอาจจะไม่ได้ขายต่อหล่ะนะ.....


ช่วงที่ผ่านมาตลอด 1 เดือน มีลูกค้าทั้งรู้จักและไม่รู้จักผ่านมาชิมฝีมือผมหลายร้อยคน.... ติบ้าง ชมบ้าง ผมน้อมรับด้วยจิตคารวะ
ผมเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง จากการขายของรถเข็น..... มากมายเหลือเกิน

ผมเชื่อแน่ว่าคงไม่มีอะไรที่จะสอนตัวเองได้ดีที่สุดเท่ากับการได้ลองทำ ลงมือทำ และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง...
บางวันผมเปิด และปิดร้านเอง คนเดียว..... มีคนเสนออยากมาช่วย แต่ผมขอบคุณและปฏิเสธ...วันนี้ขออยู่คนเดียว
เพราะถ้าวันนี้ผมอยู่ได้ ผมทำได้ ต่อไปผมก็ทำได้เหมือนๆกัน ไม่ต้องรอหวังจะหยิบยืมจมูกใครหายใจ ในเมื่อคุณทำได้เอง....


"ไม่มีใครทำงานจนเหนื่อยตาย" อาเจ็กผมพูดไว้


แม่ม โคตรจริง ผมจำจวบจนวันนี้......และไม่มีวันลืม ผมยังใช้เพื่อสอนใครต่อใคร หรือแนะนำใครต่อใครที่ท้อ และหมดกำลังใจ
ผมเห็นอะไรหลายอย่างจากมุมที่ผมยืนหลังเตา หลังรถเข็นของผม.....


ผมเห็นวัยรุ่นหนุ่มสาว มาจอดรถ เดินผ่านร้านผมไป มองผมด้วยสายตาประหลาด เหมือนจะเหยียดๆนิดๆ หรืองงๆ ว่าไอ้นี่มาทำอะไรวะ
มันก็แปลกดี อยากจะเฉลยในบรรทัดนี้ซะเหลือเกินว่าจริงๆแล้ว ผมทำงานอะไร ในระหว่างที่มาขายก๋วยเตี๋ยวนี้
แต่คิดอีกที....ไม่เอาดีกว่า ปล่อยเป็นปริศนาแบบนี้ต่อไป.....


ผมเห็นคนที่มาทานที่ร้านมีความสุข และแปลกใจกับการนำเสนอเมนูแปลกๆของผม..
ผมมีความสุขทุกครั้งที่เห็นจานว่างเปล่า หลังจากลูกค้าทานหมด ไม่เหลืออะไรไว้ให้ดูต่างหน้า...มันชื่นใจจริงๆ
บางคนอร่อยจนต้องซื้อกลับไปฝากครอบครัว คนที่บ้าน ผมขอบพระคุณจากใจจริงๆครับ.......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่