กลับมาพบกับ Spoil เนื้อเรื่องราย 2 เดือน (ที่งวดนี้ห่างหายไปถึง 3 เดือน) อีกรอบกันนะครับ
งวดนี้หายไปนานหน่อย เพราะอ.โมริเล่นทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเขียน Shirley Maid ลงนิตยสาร 2 ตอนติดกัน ทิ้งให้แฟนๆ อามีร่ากับคาร์ลุคงงเป็นไก่ตาแตกเป็นแถบๆ (ผมก็คนนึงเหมือนกัน ชวนให้นึกอยากอ่าน Shirley Maid ขึ้นมาเลยเหมือนกันว่าเป็นยังไง เทียบกับเอ็มม่ากับเจ้าสาวฯ แล้วสนุกมากน้อยแค่ไหน)
ซึ่งตอนใหม่นี้รับรองได้เลยว่าไม่ทำให้แฟนๆ (โดยเฉพาะสาวๆ) ผิดหวังกันเป็นแน่เเลยล่ะครับ เพราะตอนนี้เป็นการแพนกล้องกลับไปหาตัวละครตัวหนึ่งซึ่งสาวๆ หลายคนหวังจะให้ออกโรงมานาน
นั่นก็คือ...อาเซล พี่ชายคนโตของอามีร่าลูกชายหัวหน้าเผ่าเฮอร์กัลนั่นเองครับ
เริ่มด้วยภาพเปิดตอนที่อาจทำให้สาวๆ หัวใจวายคาเครื่องคอมได้ง่ายๆ กับความเท่ของอาเซลท่ามกลางฝูงม้า
*หมายเหตุ - สังเกตว่าชื่อตอนนี้ก็ยังเป็นตอน 2 ต่อจากตอนที่แล้วที่เป็นตอน 1 ครับ ไม่รู้จะเล่นรีบู๊ตเนื้อเรื่องหรืออะไรเหมือนกันแฮะ
โคลสอัพระยะใกล้เพื่ออัพเลเวลความเท่ของท่านพี่
อนึ่ง ใครที่จำมุมกล้องนี้ได้คงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันแน่ๆ ว่า...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มุมกล้องอย่างเป๊ะ!!!
ไม่เสียทีที่เป็นพี่น้องกันจริงๆ
โดยเนื้อเรื่องตอนนี้แพนกล้องจากฝั่งอามีร่าไปดูสถานการณ์ทางฝั่งอาเซลและเผ่าของอามีร่ากันครับ เปิดตอนด้วยภาพอาเซลต้อนฝูงม้าไปยังทุ่งหญ้าเพื่อหาหญ้ากิน พร้อมกับเล่าถึงเรื่องราวของม้าไปด้วย โดยกล่าวว่าหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของชาวเผ่าเร่ร่อนซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้แกะหรือแพะ เพราะเป็นทั้งพาหนะทั้งสัตว์ใช้แรงงานให้กับเผ่าในยามสงบ ตลอดจนเป็นอาวุธในการรบพุ่งระหว่างเผ่าซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ เล่าถึงเรื่องของม้าในฐานะสิ่งแสดงถึงเกียรติยศ อำนาจ และฐานะทางสังคมของผู้ครอบครอง ดังมีคำกล่าวในดินแดนแถบนี้ว่า
"ผู้ใดมีแกะและแพะในครอบครองมาก ผู้นั้นคือผู้มีทรัพย์มาก และหากผู้ใดมีม้าในครอบครองมาก ผู้นั้นก็คือผู้มีเกียรติยศมาก" เล่าถึงความลำบากในการเลี้ยงม้า ซึ่งผู้เลี้ยงไม่สามารถต้อนม้าไปกินหญ้าในทุ่งหญ้าเดิมได้เพราะม้าไม่ชอบทุ่งหญ้าที่ถูกเหยียบย่ำจนเละเทะ ดังนั้นในแต่ละวัน ผู้เลี้ยงจึงต้องเปลี่ยนทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงหญ้าม้าไปเรื่อยๆ กว่าจะย้อนกลับไปใช้ทุ่งหญ้าเดิมได้ก็อีกนานโข ทั้งยังต้องคอยระมัดระวังเฝ้าดูม้าอยู่ตลอดเวลาไม่ให้คลาดสายตา เนื่องจากม้าไม่ใช่สัตว์ที่เลี้ยงได้ง่ายๆ เหมือนอย่างแพะหรืออูฐ ที่ลำบากก็คือบางครั้งการปล่อยทุ่งแบบนี้อาจกินเวลายาวนาน บางครั้งกินเวลาถึงหลายวันเลยทีเดียว งานเลี้ยงม้าจึงนับเป็นงานลำบากงานหนึ่งในชีวิตของชาวเผ่าเร่ร่อนเลยทีเดียว
และเนื่องจากงานเลี้ยงม้าเป็นงานลำบากมีข้อจุกจิกวุ่นวายให้ต้องคอยใส่ใจอยู่ทุกเมื่อนี้เอง คนที่จะทำหน้าที่เลี้ยงม้าได้จึงต้องเป็นคนมีฝีมือเป็นที่ไว้ใจของหัวหน้าเผ่าเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยมากก็จะให้ผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าคนต่อไปซึ่งโดยมากก็คือลูกชายที่มีความสามารถที่สุดของหัวหน้าเผ่านั่นแหละเป็นผู้ดูแล การเลี้ยงม้าจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ทางอำนาจการเมืองในเผ่าอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
ดูๆ ม้าไปได้พักหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อลูกม้าตัวหนึ่งในฝูงเล่นกับลูกม้าด้วยกันจนพลัดตกลงไปในแม่น้ำ อาเซลเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ลุกขึ้นวิ่งพรวดไปยังแม่น้ำ แล้วกระโจนลงน้ำไปลากตัวเจ้าลูกม้าที่ตะกายท่าลูกม้าตกน้ำขึ้นมาได้หวุดหวิด
แม้จะช่วยเจ้าลูกม้าขึ้นจากน้ำได้อย่างปลอดภัย แต่เสื้อผ้าที่ติดตัวอาเซลก็ไม่ได้ปลอดภัยตามไปด้วย ดังนั้นจึงบังเกิดเป็นภาพเซอร์วิสซีนสำหรับสาวๆ ดังในภาพข้างล่างเช่นนี้แล
โปรดสังเกตว่าท่านพี่มีซิกแพ็คด้วยนะเอ้อ (ซึ่งก็สมแล้วที่เป็นผู้ชายในยุคนั้นที่ทำงานออกแรงกันหนักตลอดเวลา ยิ่งไม่นับว่าเจ้าตัวเป็นนักรบของเผ่าด้วยละก็)
เพิ่งถอดเสื้อออกผึ่งได้ไม่ทันไรก็มีเสียงร้องเรียกดังมา อาเซลหันไปตามเสียง พบว่าเป็นโจลุคกับไบมัตลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนที่รู้จักสนิทสนมแวะเอาเสบียงมาให้นั่นเอง ทั้งคู่เห็นอาเซลถอดเสื้อผ้าหมดเหลือแต่กางเกงขายาวตัวเดียวก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรแค่ลงไปช่วยลูกม้าตกน้ำก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
หน้าตาของลูกพี่ลูกน้องของท่านพี่ทั้งสามคน คนหน้าหล่อทางขวาคือโจลุค ส่วนคนตัวใหญ่หน้าแก่กว่าเพื่อนทางซ้ายคือไบมัตครับ
คุยกันไปได้พักหนึ่ง ไบมัตก็ถามขึ้นมาว่าแล้วเอาม้าออกมาเลี้ยงงวดนี้เป็นไงบ้าง อาเซลก็ตอบว่าลำบากน่าดูเลย ถึงจะพยายามเปลี่ยนทุ่งเลี้ยงหญ้าทุกวันก็เถอะ แต่การจะหาทุ่งหญ้าที่ไม่โดนแกะเหยียบย่ำจนเสียหายก็ชักจะยากขึ้นทุกทีแล้ว (กีบของแกะนั้นคมมาก เวลาเดินบนพื้นหญ้าจะตัดต้นหญ้าออกเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อย ทำให้หญ้าได้รับความเสียหาย) ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่ลำบากอะไร แต่ด้วยสภาพในปัจจุบันที่พวกเผ่านูมาจิ (ที่น้องๆ ของอามีร่าแต่งงานไปแต่โดนทุบตีจนตายหมดจนอามีร่าหวิดโดนบังคับแยกทางกับคาร์ลุคไปแต่งงานกกับพวกแม่มนั่นแหลหะครับ) เล่นกินรวบยึดเอาทุ่งหญ้าใหญ่ๆ ไปเป็นของพวกตัวเองในตอนนี้ก็สร้างความลำบากในการหาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อทุ่งเลี้ยงสัตว์ลดลง ก็เท่ากับว่าไม่สามารถหาอาหารมาเลี้ยงสัตว์ได้พอเพียง ครั้นจะไปหาซื้อหญ้าจากพวกขายหญ้าเลี้ยงสัตว์ก็ไม่อาจทำได้ เพราะศักดิ์ศรีในฐานะเผ่าเร่ร่อนกลางทุ่งหญ้ามันค้ำคออยู่ สถานการณ์เช่นนี้ทำเอาบรรดาลุงๆ น้าๆ อาๆ ของอาเซลซึ่งล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตในเผ่าถึงกับร้อนอาสน์กันเป็นแถบๆ เลยทีเดียว
อาเซลได้ยินดังนั้นก็เดาออกทันทีว่าที่พวกลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนอุตส่าห์ควบม้ามาตั้งไกลแค่เอาเสบียงมาส่งให้ตัวเองนั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อหาเรื่องหลบหน้าพวกผู้อาวุโสของเผ่า จะได้ไม่ต้องโดนลากไปเข้าปิ้งด้วยเหมือนอย่างคราวไปชิงตัวอามีร่านั่นเอง ไบมัตได้ยินดังนั้นก็แก้ตัวว่า ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอกน่า พวกเขาแวะมานี่ก็เพราะเห็นว่าอาเซลดูแลม้าติดต่อกันมานานเกินไปแล้ว ควรจะได้มีเวลาพักผ่อนหย่อนใจเสียบ้าง ว่าจบก็ไล่ให้อาเซลออกไปขี่ม้าหย่อนอารมณ์แถวนี้ไปพลาง ส่วนตัวเองกับโจลุคจะช่วยเฝ้าม้าให้เอง
เห็นญาติตัวเองอุตส่าห์มีน้ำใจแบบนั้น อาเซลก็จัดการคว้าธนูกับกระบอกขึ้นหลังม้าคู่ใจ แล้วควบม้าออกไปอย่างลิงโลดันที
เกิดเป็นภาพฟินๆ สำหรับสาวๆ แบบนี้อีกครั้งนั่นแล
เอาใจแม่ยกอีกสักภาพด้วยภาพโฟกัสใบหน้าท่านพี่
โดยการออกควบม้าหย่อนอารมณ์ในครั้งนี้ นอกจากจะล่ากระต่ายป่า...ซึ่งแม้จะให้เนื้อได้ แต่หนังกับขนไม่มีราคานักถ้าเทียบกับหนังเสือหรือหนังจิ้งจอก...ฝึกฝีมือมาได้แล้ว อาเซลยังสามารถล่ากวางป่าเขางามขนาดใหญ่มาได้เป็นเซอร์ไพรส์พิเศษอีกด้วย สร้างความประทับใจให้กับญาติสนิททั้งสองเป็นอันมาก (แม้โจลุคจะบ่นกระปอดกระแปดเพราะโดนใช้ให้เป็นคนถลกหนังกระต่ายก็ตาม)
แต่แล้ว ระหว่างที่พวกอาเซลกำลังนั่งล้อมวงกินกระต่ายป่าที่จับมาได้พร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นเอง อาเซลก็สังเกตเห็นม้าตัวหนึ่งควบมาในระยะไกลๆ ครั้นเข้ามาในระยะที่มองเห็นได้ถนัดก็ต้องตะลึง เพราะคนที่อยู่บนหลังม้าตัวนั้นไมใช่ใครที่ไหน เป็นลุงคนหนึ่งของพวกอาเซล หรือก็คือผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่านั่นเอง
เห็นดังนั้น พวกอาเซลทั้งสามคนก็หยุดกินแล้วลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ รอให้ผู้เป็นลุงควบม้าเข้ามาถึงกองไฟโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายลุงเมื่อมาถถึงก็ออกคำสั่งห้วนๆ สั้นๆ แค่ประโยคเดียวว่า
"กลับได้แล้ว ท่านพ่อเรียกตัว"
ได้ยินดังนั้น อาเซลก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่า พวกม้ายังกินกันไม่อิ่มเลยนะ จะให้กลับเลยหรือ ลุงก็ย้ำคำเดิมว่าให้รีบกลับบ้านซะ ตอนนี้มีธุระอื่นสำคัญกว่าเรื่องเลี้ยงม้าปล่อยทุ่งแล้ว
"เราเตรียมการหารือกับเผ่าบาดันไว้เรียบร้อยแล้ว" ชายวัยกลางคนขยายความ
"จะออกเดินทางในอีกไม่กี่วันนี้"
"แล้วพวกเราล่ะ?" โจลุคถามโพล่งขึ้น
"...มาด้วยกันให้หมดนั่นแหละ" ผู้เป็นลุงหันมาบอก ก่อนจะตัดบททิ้งท้ายให้รีบเตรียมตัวกลับโดยเร็ว
ได้ยินดังนั้น อาเซลก็ปรับสีหน้ากลับเป็นอาเซลที่จริงจังเอาการเอางานคนเดิมทันควัน แล้วหันไปเก็บข้าวของขึ้นม้า แล้วค่อยๆ ต้อนฝุงม้าที่กำลังกินน้ำกินหญ้าอยู่บนทุ่งให้วิ่งกลับที่ตั้งของเผ่าโดยเร็ว โดยมีเพื่อนอีกสองคนคอยช่วย
แววตาของชายหนุ่มฉายแววเรียบเฉย แทบจะกลายเป็นชินชา ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่บรรดาผู้อาวุโสของเผ่าคิดจะทำอยู่นั้นช่างเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับดินแดนแถบนี้เสียยิ่งกว่าอะไร
...เมื่อทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ไม่พอ จะซื้อหญ้าจากคนอื่นมาเเลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้...
...ก็มีแต่ต้องแย่งชิงจากคนที่มีอยู่เท่านั้น...
...บัดนี้ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว...!!
- จบตอน 29 -
เอาล่ะสิ หลังจากสบายๆ กันมาหลายตอนจนถึงเล่ม 5 ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงเข้มข้นจนได้แฮะ
อยากรู้จริงวุ้ยว่าสงครามครั้งนี้จะเชื่อมโยงอะไรกับสงครามไครเมียหรือสงครามอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคแถบนี้หรือเปล่า แล้วรัสเซียกับอังกฤษจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องยังไงต่อไป งานนี้จะนองเลือดกันแค่ไหน และที่สำคัญ...สงครามคราวนี้พวกคาร์ลุค อามีร่า ตลอดจนสมิธกับทาลัสจะพลอยฟ้าพลอยฝนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ คงต้องรอดูในอีก 2 เดือนข้างหน้าละครับ
SPOILER!!! เจ้าสาวแห่งทางสายไหม ตอนที่ 29 - แม่ยกฟินแน่นอน!!!
งวดนี้หายไปนานหน่อย เพราะอ.โมริเล่นทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเขียน Shirley Maid ลงนิตยสาร 2 ตอนติดกัน ทิ้งให้แฟนๆ อามีร่ากับคาร์ลุคงงเป็นไก่ตาแตกเป็นแถบๆ (ผมก็คนนึงเหมือนกัน ชวนให้นึกอยากอ่าน Shirley Maid ขึ้นมาเลยเหมือนกันว่าเป็นยังไง เทียบกับเอ็มม่ากับเจ้าสาวฯ แล้วสนุกมากน้อยแค่ไหน)
ซึ่งตอนใหม่นี้รับรองได้เลยว่าไม่ทำให้แฟนๆ (โดยเฉพาะสาวๆ) ผิดหวังกันเป็นแน่เเลยล่ะครับ เพราะตอนนี้เป็นการแพนกล้องกลับไปหาตัวละครตัวหนึ่งซึ่งสาวๆ หลายคนหวังจะให้ออกโรงมานาน
นั่นก็คือ...อาเซล พี่ชายคนโตของอามีร่าลูกชายหัวหน้าเผ่าเฮอร์กัลนั่นเองครับ
เริ่มด้วยภาพเปิดตอนที่อาจทำให้สาวๆ หัวใจวายคาเครื่องคอมได้ง่ายๆ กับความเท่ของอาเซลท่ามกลางฝูงม้า
*หมายเหตุ - สังเกตว่าชื่อตอนนี้ก็ยังเป็นตอน 2 ต่อจากตอนที่แล้วที่เป็นตอน 1 ครับ ไม่รู้จะเล่นรีบู๊ตเนื้อเรื่องหรืออะไรเหมือนกันแฮะ
โคลสอัพระยะใกล้เพื่ออัพเลเวลความเท่ของท่านพี่
อนึ่ง ใครที่จำมุมกล้องนี้ได้คงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันแน่ๆ ว่า...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยเนื้อเรื่องตอนนี้แพนกล้องจากฝั่งอามีร่าไปดูสถานการณ์ทางฝั่งอาเซลและเผ่าของอามีร่ากันครับ เปิดตอนด้วยภาพอาเซลต้อนฝูงม้าไปยังทุ่งหญ้าเพื่อหาหญ้ากิน พร้อมกับเล่าถึงเรื่องราวของม้าไปด้วย โดยกล่าวว่าหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของชาวเผ่าเร่ร่อนซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้แกะหรือแพะ เพราะเป็นทั้งพาหนะทั้งสัตว์ใช้แรงงานให้กับเผ่าในยามสงบ ตลอดจนเป็นอาวุธในการรบพุ่งระหว่างเผ่าซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ เล่าถึงเรื่องของม้าในฐานะสิ่งแสดงถึงเกียรติยศ อำนาจ และฐานะทางสังคมของผู้ครอบครอง ดังมีคำกล่าวในดินแดนแถบนี้ว่า "ผู้ใดมีแกะและแพะในครอบครองมาก ผู้นั้นคือผู้มีทรัพย์มาก และหากผู้ใดมีม้าในครอบครองมาก ผู้นั้นก็คือผู้มีเกียรติยศมาก" เล่าถึงความลำบากในการเลี้ยงม้า ซึ่งผู้เลี้ยงไม่สามารถต้อนม้าไปกินหญ้าในทุ่งหญ้าเดิมได้เพราะม้าไม่ชอบทุ่งหญ้าที่ถูกเหยียบย่ำจนเละเทะ ดังนั้นในแต่ละวัน ผู้เลี้ยงจึงต้องเปลี่ยนทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงหญ้าม้าไปเรื่อยๆ กว่าจะย้อนกลับไปใช้ทุ่งหญ้าเดิมได้ก็อีกนานโข ทั้งยังต้องคอยระมัดระวังเฝ้าดูม้าอยู่ตลอดเวลาไม่ให้คลาดสายตา เนื่องจากม้าไม่ใช่สัตว์ที่เลี้ยงได้ง่ายๆ เหมือนอย่างแพะหรืออูฐ ที่ลำบากก็คือบางครั้งการปล่อยทุ่งแบบนี้อาจกินเวลายาวนาน บางครั้งกินเวลาถึงหลายวันเลยทีเดียว งานเลี้ยงม้าจึงนับเป็นงานลำบากงานหนึ่งในชีวิตของชาวเผ่าเร่ร่อนเลยทีเดียว
และเนื่องจากงานเลี้ยงม้าเป็นงานลำบากมีข้อจุกจิกวุ่นวายให้ต้องคอยใส่ใจอยู่ทุกเมื่อนี้เอง คนที่จะทำหน้าที่เลี้ยงม้าได้จึงต้องเป็นคนมีฝีมือเป็นที่ไว้ใจของหัวหน้าเผ่าเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยมากก็จะให้ผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าคนต่อไปซึ่งโดยมากก็คือลูกชายที่มีความสามารถที่สุดของหัวหน้าเผ่านั่นแหละเป็นผู้ดูแล การเลี้ยงม้าจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ทางอำนาจการเมืองในเผ่าอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
ดูๆ ม้าไปได้พักหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อลูกม้าตัวหนึ่งในฝูงเล่นกับลูกม้าด้วยกันจนพลัดตกลงไปในแม่น้ำ อาเซลเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ลุกขึ้นวิ่งพรวดไปยังแม่น้ำ แล้วกระโจนลงน้ำไปลากตัวเจ้าลูกม้าที่ตะกายท่าลูกม้าตกน้ำขึ้นมาได้หวุดหวิด
แม้จะช่วยเจ้าลูกม้าขึ้นจากน้ำได้อย่างปลอดภัย แต่เสื้อผ้าที่ติดตัวอาเซลก็ไม่ได้ปลอดภัยตามไปด้วย ดังนั้นจึงบังเกิดเป็นภาพเซอร์วิสซีนสำหรับสาวๆ ดังในภาพข้างล่างเช่นนี้แล
โปรดสังเกตว่าท่านพี่มีซิกแพ็คด้วยนะเอ้อ (ซึ่งก็สมแล้วที่เป็นผู้ชายในยุคนั้นที่ทำงานออกแรงกันหนักตลอดเวลา ยิ่งไม่นับว่าเจ้าตัวเป็นนักรบของเผ่าด้วยละก็)
เพิ่งถอดเสื้อออกผึ่งได้ไม่ทันไรก็มีเสียงร้องเรียกดังมา อาเซลหันไปตามเสียง พบว่าเป็นโจลุคกับไบมัตลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนที่รู้จักสนิทสนมแวะเอาเสบียงมาให้นั่นเอง ทั้งคู่เห็นอาเซลถอดเสื้อผ้าหมดเหลือแต่กางเกงขายาวตัวเดียวก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรแค่ลงไปช่วยลูกม้าตกน้ำก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
หน้าตาของลูกพี่ลูกน้องของท่านพี่ทั้งสามคน คนหน้าหล่อทางขวาคือโจลุค ส่วนคนตัวใหญ่หน้าแก่กว่าเพื่อนทางซ้ายคือไบมัตครับ
คุยกันไปได้พักหนึ่ง ไบมัตก็ถามขึ้นมาว่าแล้วเอาม้าออกมาเลี้ยงงวดนี้เป็นไงบ้าง อาเซลก็ตอบว่าลำบากน่าดูเลย ถึงจะพยายามเปลี่ยนทุ่งเลี้ยงหญ้าทุกวันก็เถอะ แต่การจะหาทุ่งหญ้าที่ไม่โดนแกะเหยียบย่ำจนเสียหายก็ชักจะยากขึ้นทุกทีแล้ว (กีบของแกะนั้นคมมาก เวลาเดินบนพื้นหญ้าจะตัดต้นหญ้าออกเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อย ทำให้หญ้าได้รับความเสียหาย) ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่ลำบากอะไร แต่ด้วยสภาพในปัจจุบันที่พวกเผ่านูมาจิ (ที่น้องๆ ของอามีร่าแต่งงานไปแต่โดนทุบตีจนตายหมดจนอามีร่าหวิดโดนบังคับแยกทางกับคาร์ลุคไปแต่งงานกกับพวกแม่มนั่นแหลหะครับ) เล่นกินรวบยึดเอาทุ่งหญ้าใหญ่ๆ ไปเป็นของพวกตัวเองในตอนนี้ก็สร้างความลำบากในการหาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อทุ่งเลี้ยงสัตว์ลดลง ก็เท่ากับว่าไม่สามารถหาอาหารมาเลี้ยงสัตว์ได้พอเพียง ครั้นจะไปหาซื้อหญ้าจากพวกขายหญ้าเลี้ยงสัตว์ก็ไม่อาจทำได้ เพราะศักดิ์ศรีในฐานะเผ่าเร่ร่อนกลางทุ่งหญ้ามันค้ำคออยู่ สถานการณ์เช่นนี้ทำเอาบรรดาลุงๆ น้าๆ อาๆ ของอาเซลซึ่งล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตในเผ่าถึงกับร้อนอาสน์กันเป็นแถบๆ เลยทีเดียว
อาเซลได้ยินดังนั้นก็เดาออกทันทีว่าที่พวกลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนอุตส่าห์ควบม้ามาตั้งไกลแค่เอาเสบียงมาส่งให้ตัวเองนั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อหาเรื่องหลบหน้าพวกผู้อาวุโสของเผ่า จะได้ไม่ต้องโดนลากไปเข้าปิ้งด้วยเหมือนอย่างคราวไปชิงตัวอามีร่านั่นเอง ไบมัตได้ยินดังนั้นก็แก้ตัวว่า ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอกน่า พวกเขาแวะมานี่ก็เพราะเห็นว่าอาเซลดูแลม้าติดต่อกันมานานเกินไปแล้ว ควรจะได้มีเวลาพักผ่อนหย่อนใจเสียบ้าง ว่าจบก็ไล่ให้อาเซลออกไปขี่ม้าหย่อนอารมณ์แถวนี้ไปพลาง ส่วนตัวเองกับโจลุคจะช่วยเฝ้าม้าให้เอง
เห็นญาติตัวเองอุตส่าห์มีน้ำใจแบบนั้น อาเซลก็จัดการคว้าธนูกับกระบอกขึ้นหลังม้าคู่ใจ แล้วควบม้าออกไปอย่างลิงโลดันที
เกิดเป็นภาพฟินๆ สำหรับสาวๆ แบบนี้อีกครั้งนั่นแล
เอาใจแม่ยกอีกสักภาพด้วยภาพโฟกัสใบหน้าท่านพี่
โดยการออกควบม้าหย่อนอารมณ์ในครั้งนี้ นอกจากจะล่ากระต่ายป่า...ซึ่งแม้จะให้เนื้อได้ แต่หนังกับขนไม่มีราคานักถ้าเทียบกับหนังเสือหรือหนังจิ้งจอก...ฝึกฝีมือมาได้แล้ว อาเซลยังสามารถล่ากวางป่าเขางามขนาดใหญ่มาได้เป็นเซอร์ไพรส์พิเศษอีกด้วย สร้างความประทับใจให้กับญาติสนิททั้งสองเป็นอันมาก (แม้โจลุคจะบ่นกระปอดกระแปดเพราะโดนใช้ให้เป็นคนถลกหนังกระต่ายก็ตาม)
แต่แล้ว ระหว่างที่พวกอาเซลกำลังนั่งล้อมวงกินกระต่ายป่าที่จับมาได้พร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นเอง อาเซลก็สังเกตเห็นม้าตัวหนึ่งควบมาในระยะไกลๆ ครั้นเข้ามาในระยะที่มองเห็นได้ถนัดก็ต้องตะลึง เพราะคนที่อยู่บนหลังม้าตัวนั้นไมใช่ใครที่ไหน เป็นลุงคนหนึ่งของพวกอาเซล หรือก็คือผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่านั่นเอง
เห็นดังนั้น พวกอาเซลทั้งสามคนก็หยุดกินแล้วลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ รอให้ผู้เป็นลุงควบม้าเข้ามาถึงกองไฟโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายลุงเมื่อมาถถึงก็ออกคำสั่งห้วนๆ สั้นๆ แค่ประโยคเดียวว่า "กลับได้แล้ว ท่านพ่อเรียกตัว"
ได้ยินดังนั้น อาเซลก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่า พวกม้ายังกินกันไม่อิ่มเลยนะ จะให้กลับเลยหรือ ลุงก็ย้ำคำเดิมว่าให้รีบกลับบ้านซะ ตอนนี้มีธุระอื่นสำคัญกว่าเรื่องเลี้ยงม้าปล่อยทุ่งแล้ว
"เราเตรียมการหารือกับเผ่าบาดันไว้เรียบร้อยแล้ว" ชายวัยกลางคนขยายความ "จะออกเดินทางในอีกไม่กี่วันนี้"
"แล้วพวกเราล่ะ?" โจลุคถามโพล่งขึ้น
"...มาด้วยกันให้หมดนั่นแหละ" ผู้เป็นลุงหันมาบอก ก่อนจะตัดบททิ้งท้ายให้รีบเตรียมตัวกลับโดยเร็ว
ได้ยินดังนั้น อาเซลก็ปรับสีหน้ากลับเป็นอาเซลที่จริงจังเอาการเอางานคนเดิมทันควัน แล้วหันไปเก็บข้าวของขึ้นม้า แล้วค่อยๆ ต้อนฝุงม้าที่กำลังกินน้ำกินหญ้าอยู่บนทุ่งให้วิ่งกลับที่ตั้งของเผ่าโดยเร็ว โดยมีเพื่อนอีกสองคนคอยช่วย
แววตาของชายหนุ่มฉายแววเรียบเฉย แทบจะกลายเป็นชินชา ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่บรรดาผู้อาวุโสของเผ่าคิดจะทำอยู่นั้นช่างเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับดินแดนแถบนี้เสียยิ่งกว่าอะไร
...เมื่อทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ไม่พอ จะซื้อหญ้าจากคนอื่นมาเเลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้...
...ก็มีแต่ต้องแย่งชิงจากคนที่มีอยู่เท่านั้น...
...บัดนี้ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว...!!
- จบตอน 29 -
เอาล่ะสิ หลังจากสบายๆ กันมาหลายตอนจนถึงเล่ม 5 ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงเข้มข้นจนได้แฮะ
อยากรู้จริงวุ้ยว่าสงครามครั้งนี้จะเชื่อมโยงอะไรกับสงครามไครเมียหรือสงครามอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคแถบนี้หรือเปล่า แล้วรัสเซียกับอังกฤษจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องยังไงต่อไป งานนี้จะนองเลือดกันแค่ไหน และที่สำคัญ...สงครามคราวนี้พวกคาร์ลุค อามีร่า ตลอดจนสมิธกับทาลัสจะพลอยฟ้าพลอยฝนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ คงต้องรอดูในอีก 2 เดือนข้างหน้าละครับ