วิทยาการของโลกก้าวหน้าไปมาก เมื่อ 50 ปีที่แล้ว คงไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดคิดว่า เราจะโคลนนิ่งแลลี่ได้ ซึ่งถ้าเทคนิคนี้ก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ เราอาจจะโคลนนิ่งสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ให้กลับมาอยู่บนโลกอีกครั้ง นิตยสารนิวไซเอินทิสต์ ทำการสำรวจความคิดเห็นของนักวิทยาศาสตร์ว่า สัตว์ใดที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการโคลนนิ่งให้มามีชีวิตเหมือนอย่างในอดีต แต่การสำรวจนี้ไม่รวม "ไดโนเสาร์" เพราะสัตว์ที่จะโคลนนิ่งได้ต้องมีสัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียงมาอุ้มบุญ และให้ไข่ สำหรับสัตว์โบราณนี้คือ
1.ช้างแมมมอธ (Mammuthus armeniacus)
อาศัยอยู่บนโลกมาตั้งแต่ 4.8 ล้านปีก่อน และสูญพันธุ์ไปเมื่อ 13,000-60,000 ปี เคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาเหนือและยูเรเซีย น้ำหนักราว 6-8 ตัน แต่ถ้าเป็นตัวผู้ตัวใหญ่ๆ อาจหนักถึง 12 ตัน ปีที่แล้วนักวิทยาศาสตร์ทำการถอดรหัสพันธุกรรมแมมมอธได้ และสัตว์ปัจจุบันที่อาจอุ้มบุญลูกแมมมอธแทนคือช้าง
2.เซเบอร์ทูธไทเกอร์ (Smilodon fatalis)
หรือ "เสือเขี้ยวดาบ" สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อ 10,000 ปีก่อน สัตว์ที่อุ้มบุญและให้ไข่ได้น่าจะเป็น "แอฟริกันไลอ้อน" ดีเอ็นเอที่รักษาไว้อยู่ที่ระดับ 3/5 ความเหมาะสมในการอุ้มบุญ 3/5 หรือเหมาะสมพอประมาณ
3.ชอร์ตเฟซแบร์ (Arctodus simus)
หรือ "หมีหน้าสั้น" สูญพันธุ์เมื่อประมาณ 11,000 ปี มันสูงกว่าหมีขั้วโลกเมื่อยืนเทียบกันถึง 1 ใน 3 น้ำหนักราว 1,000 กิโลกรัม ดีเอ็นเอรักษาไว้ได้อยู่ที่ 3/5 ถ้าให้หมีอเมริกันมาอุ้มบุญ ความเหมาะสมอยู่ที่ 2/5 เพราะหมีอเมริกันตัวเล็กกว่ามาก การอุ้มบุญจึงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ สัตว์ 2 สายพันธุ์นี้ แยกออกจากกันเมื่อประมาณ 5 ล้านปีที่แล้ว
4.เสือทัสมาเนีย (Thylacinus cynocephalus)
สูญพันธุ์ไปเมื่อค.ศ. 1936 หรือประมาณ 70 ปีก่อน ตัวสุดท้ายของโลกที่ตายชื่อ "เบนจามิน" อยู่ที่สวนสัตว์เมืองโฮบาร์ต บนเกาะทัสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย ดีเอ็นเอสามารถรักษาไว้ได้ถึง 4/5 สัตว์ที่อุ้มบุญได้น่าจะเป็นทัสมาเนียเดวิล ความเหมาะสมอยู่แค่ 1/5 เนื่องจากสายพันธุ์ยังห่างกันไกล
5.กลิปโทดอน (Doedicurus clavicaudatus)
เป็นตัวอมาดิลโลที่มีขนาดพอๆ กับรถโฟล์กเต่า สูญพันธุ์ไปจากโลกราว 11,000 ปี ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาใต้ ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้คือ 2/5 สัตว์ที่อุ้มบุญน่าจะเป็นอมาดิลโล แต่ความเหมาะสมมีเพียง 1/5 เพราะอมา ดิลโลยักษ์ซึ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาอมา ดิลโลชนิดเดียวกัน ยังมีน้ำหนักแค่ 30 กิโล กรัม เมื่อเปรียบเทียบกับไซซ์รถเต่าแล้ว ถือว่ายังห่างกันไกล
6.วูลลี่ ไรโนเซอรัส (Coelodonta antiquitatis)
หรือ "แรดขน" สูญพันธุ์ไปราว 10,000 ปี ลำตัวยาวประมาณ 3.7 เมตร นอยาว 1 เมตร เคยอยู่แถวยุโรปเหนือและไซบีเรีย ดีเอ็นเอรักษาไว้ได้อยู่ที่ระดับ 4/5 สัตว์ที่อุ้มบุญได้คือแรดปัจจุบัน ความเหมาะสมอยู่ที่ 5/5
7.โดโด้ (Raphus cucullatus)
เป็นญาติของนกพิราบและนกนางนวล สูญพันธุ์ไปเมื่อ ค.ศ. 1690 สูงประมาณ 1 เมตร น้ำหนัก 20 กิโลกรัม เคยอยู่แถบมอริเชียสหรือมหาสมุทรอินเดีย ระดับที่รักษาดีเอ็นเอไว้ได้คือ 1/5 เมื่อ 6 ปีที่แล้ว นักพันธุกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติของอังกฤษ ให้ทำการผ่าตัดและศึกษากระดูกท่อนขาของโดโด้ สำหรับสัตว์อุ้มบุญนั้นน่าจะเป็นนกพิราบ ระดับความเหมาะสมอยู่ที่ 3/5
8.ไจแอนต์กราวด์สล็อธ (Megatherium americanum)
หรือ "หมีสล็อธดินยักษ์" สูญพันธุ์ไปราว 8,000 ปี ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้คือ 2/5 "หมีสล็อธดินยักษ์" เมื่อยืนแล้วจะสูงประมาณ 6 เมตร น้ำหนัก 4 ตัน ดีเอ็นเอที่พบส่วนมากมาจากขน เคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ สัตว์ที่น่าจะอุ้มบุญได้คือ "หมีสล็อธต้นไม้ 3 เท้า" แต่เนื่องจากขนาดไม่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง ระดับความเหมาะสมในการอุ้มบุญจึงต่ำไปด้วย คืออยู่ที่ 1/5
9.โมอา (Dinornis robustus)
นกโมอาเป็นนกที่มีขนาดใหญ่กว่านกปกติทั่วไป บินไม่ได้และมีรูปร่างคล้ายกับนกกระจอกเทศในปัจจุบันแต่ตัวใหญ่กว่า มีส่วนหัวที่ยาวกว่าเอาไว้กินพืชเตี้ยๆและตามต้นไม้สูงๆ ขนาดและรูปร่างนกโมอานั้นเปลี่ยนไปตามสถานที่ต่างๆ เนื่องจากนกโมอาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพมาโดยตลอดซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม จากการศึกษาดีเอ็นเอ ของนกโมอา ได้มีการค้นพบว่านกโมอาตัวเมียกับตัวผู้มีความแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นทางขนาดลำตัวรึขนาดของกระดูก ตัวเมียมีขนาดที่ใหญ่กว่าและสูงกว่าตัวผู้อยู่ประมาณ 150 % และมีน้ำหนักกว่า 280 % เหตุผลนี้ทำให้ตอนแรกมีการเข้าใจผิดคิดว่าโครงกระดูกที่ถูกค้นพบนี้เป็นของนกสองสายพันธุ์
พบดีเอ็นเอมากในนิวซีแลนด์ ถ้ายืนมันจะสูงประมาณ 3.6 เมตร สูญพันธุ์ไปเมื่อราว ค.ศ. 1500 คาดว่าถูกล่าโดยชาวเมารี ความเหมาะสมที่นกกระจอกเทศจะอุ้มบุญคือ 2/5
10.ไอริชเอลก์ (Megaloceros giganteus)
เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สูญพันธ์เมื่อประมาณ 11,700 ปีก่อน ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในแถบทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย (จากการขุดพบซากฟอสซิล) ลำตัวสูง 2 เมตร ความกว้างของเขา 4 เมตร อาศัยอยู่กันเป็นฝูง ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้อยู่ที่ 3/5 เคยอาศัยอยู่ที่ยุโรป สัตว์ที่น่าอุ้มบุญได้คือกวาง แต่ความเหมาะสมอยู่แค่ 2/5 เพราะขนาดต่างกัน
**11** มนุษย์นีแอนเดอร์ทัล (Homo neanderthalensis)
เป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ อาศัยอยู่เมื่อประมาณ 110,000 - 35,000 ปีมาแล้ว จากการขุดค้นทางตะวันตกของทวีปยุโรป ปรากฎว่ามนุษย์พวกนี้อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในส่วนนี้ของโลก เมื่อราว 75,000 ปี คืออยู่ในระหว่างยุคน้ำแข็งที่สามและที่สี่ ณ ที่แห่งอื่น ๆ ของโลก ได้พบโครงของมนุษย์พวกนี้เหมือนกัน แต่มีจำนวนน้อยกว่าทางตะวันตกของทวีปยุโรปมาก
มนุษย์ปัจจุบันอุ้มบุญและให้ไข่ได้ ดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้อยู่ที่ระดับ 1/5 ความเหมาะสมในการอุ้มบุญ 5/5 อย่างไรก็ตาม การโคลนนิ่งเป็นไปไม่ได้ทางจริยธรรม แม้ว่าก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์โซเวียตอาจจะเคยทดลองผสมมนุษย์ไฮบริดที่เป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และลิงไม่มีหางมาแล้ว
10 สัตว์สูญพันธุ์ ที่นักวิทย์อยากโคลนนิ่งมากที่สุด
1.ช้างแมมมอธ (Mammuthus armeniacus)
อาศัยอยู่บนโลกมาตั้งแต่ 4.8 ล้านปีก่อน และสูญพันธุ์ไปเมื่อ 13,000-60,000 ปี เคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาเหนือและยูเรเซีย น้ำหนักราว 6-8 ตัน แต่ถ้าเป็นตัวผู้ตัวใหญ่ๆ อาจหนักถึง 12 ตัน ปีที่แล้วนักวิทยาศาสตร์ทำการถอดรหัสพันธุกรรมแมมมอธได้ และสัตว์ปัจจุบันที่อาจอุ้มบุญลูกแมมมอธแทนคือช้าง
2.เซเบอร์ทูธไทเกอร์ (Smilodon fatalis)
หรือ "เสือเขี้ยวดาบ" สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อ 10,000 ปีก่อน สัตว์ที่อุ้มบุญและให้ไข่ได้น่าจะเป็น "แอฟริกันไลอ้อน" ดีเอ็นเอที่รักษาไว้อยู่ที่ระดับ 3/5 ความเหมาะสมในการอุ้มบุญ 3/5 หรือเหมาะสมพอประมาณ
3.ชอร์ตเฟซแบร์ (Arctodus simus)
หรือ "หมีหน้าสั้น" สูญพันธุ์เมื่อประมาณ 11,000 ปี มันสูงกว่าหมีขั้วโลกเมื่อยืนเทียบกันถึง 1 ใน 3 น้ำหนักราว 1,000 กิโลกรัม ดีเอ็นเอรักษาไว้ได้อยู่ที่ 3/5 ถ้าให้หมีอเมริกันมาอุ้มบุญ ความเหมาะสมอยู่ที่ 2/5 เพราะหมีอเมริกันตัวเล็กกว่ามาก การอุ้มบุญจึงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ สัตว์ 2 สายพันธุ์นี้ แยกออกจากกันเมื่อประมาณ 5 ล้านปีที่แล้ว
4.เสือทัสมาเนีย (Thylacinus cynocephalus)
สูญพันธุ์ไปเมื่อค.ศ. 1936 หรือประมาณ 70 ปีก่อน ตัวสุดท้ายของโลกที่ตายชื่อ "เบนจามิน" อยู่ที่สวนสัตว์เมืองโฮบาร์ต บนเกาะทัสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย ดีเอ็นเอสามารถรักษาไว้ได้ถึง 4/5 สัตว์ที่อุ้มบุญได้น่าจะเป็นทัสมาเนียเดวิล ความเหมาะสมอยู่แค่ 1/5 เนื่องจากสายพันธุ์ยังห่างกันไกล
5.กลิปโทดอน (Doedicurus clavicaudatus)
เป็นตัวอมาดิลโลที่มีขนาดพอๆ กับรถโฟล์กเต่า สูญพันธุ์ไปจากโลกราว 11,000 ปี ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาใต้ ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้คือ 2/5 สัตว์ที่อุ้มบุญน่าจะเป็นอมาดิลโล แต่ความเหมาะสมมีเพียง 1/5 เพราะอมา ดิลโลยักษ์ซึ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาอมา ดิลโลชนิดเดียวกัน ยังมีน้ำหนักแค่ 30 กิโล กรัม เมื่อเปรียบเทียบกับไซซ์รถเต่าแล้ว ถือว่ายังห่างกันไกล
6.วูลลี่ ไรโนเซอรัส (Coelodonta antiquitatis)
หรือ "แรดขน" สูญพันธุ์ไปราว 10,000 ปี ลำตัวยาวประมาณ 3.7 เมตร นอยาว 1 เมตร เคยอยู่แถวยุโรปเหนือและไซบีเรีย ดีเอ็นเอรักษาไว้ได้อยู่ที่ระดับ 4/5 สัตว์ที่อุ้มบุญได้คือแรดปัจจุบัน ความเหมาะสมอยู่ที่ 5/5
7.โดโด้ (Raphus cucullatus)
เป็นญาติของนกพิราบและนกนางนวล สูญพันธุ์ไปเมื่อ ค.ศ. 1690 สูงประมาณ 1 เมตร น้ำหนัก 20 กิโลกรัม เคยอยู่แถบมอริเชียสหรือมหาสมุทรอินเดีย ระดับที่รักษาดีเอ็นเอไว้ได้คือ 1/5 เมื่อ 6 ปีที่แล้ว นักพันธุกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติของอังกฤษ ให้ทำการผ่าตัดและศึกษากระดูกท่อนขาของโดโด้ สำหรับสัตว์อุ้มบุญนั้นน่าจะเป็นนกพิราบ ระดับความเหมาะสมอยู่ที่ 3/5
8.ไจแอนต์กราวด์สล็อธ (Megatherium americanum)
หรือ "หมีสล็อธดินยักษ์" สูญพันธุ์ไปราว 8,000 ปี ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้คือ 2/5 "หมีสล็อธดินยักษ์" เมื่อยืนแล้วจะสูงประมาณ 6 เมตร น้ำหนัก 4 ตัน ดีเอ็นเอที่พบส่วนมากมาจากขน เคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ สัตว์ที่น่าจะอุ้มบุญได้คือ "หมีสล็อธต้นไม้ 3 เท้า" แต่เนื่องจากขนาดไม่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง ระดับความเหมาะสมในการอุ้มบุญจึงต่ำไปด้วย คืออยู่ที่ 1/5
9.โมอา (Dinornis robustus)
นกโมอาเป็นนกที่มีขนาดใหญ่กว่านกปกติทั่วไป บินไม่ได้และมีรูปร่างคล้ายกับนกกระจอกเทศในปัจจุบันแต่ตัวใหญ่กว่า มีส่วนหัวที่ยาวกว่าเอาไว้กินพืชเตี้ยๆและตามต้นไม้สูงๆ ขนาดและรูปร่างนกโมอานั้นเปลี่ยนไปตามสถานที่ต่างๆ เนื่องจากนกโมอาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพมาโดยตลอดซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม จากการศึกษาดีเอ็นเอ ของนกโมอา ได้มีการค้นพบว่านกโมอาตัวเมียกับตัวผู้มีความแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นทางขนาดลำตัวรึขนาดของกระดูก ตัวเมียมีขนาดที่ใหญ่กว่าและสูงกว่าตัวผู้อยู่ประมาณ 150 % และมีน้ำหนักกว่า 280 % เหตุผลนี้ทำให้ตอนแรกมีการเข้าใจผิดคิดว่าโครงกระดูกที่ถูกค้นพบนี้เป็นของนกสองสายพันธุ์
พบดีเอ็นเอมากในนิวซีแลนด์ ถ้ายืนมันจะสูงประมาณ 3.6 เมตร สูญพันธุ์ไปเมื่อราว ค.ศ. 1500 คาดว่าถูกล่าโดยชาวเมารี ความเหมาะสมที่นกกระจอกเทศจะอุ้มบุญคือ 2/5
10.ไอริชเอลก์ (Megaloceros giganteus)
เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สูญพันธ์เมื่อประมาณ 11,700 ปีก่อน ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในแถบทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย (จากการขุดพบซากฟอสซิล) ลำตัวสูง 2 เมตร ความกว้างของเขา 4 เมตร อาศัยอยู่กันเป็นฝูง ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้อยู่ที่ 3/5 เคยอาศัยอยู่ที่ยุโรป สัตว์ที่น่าอุ้มบุญได้คือกวาง แต่ความเหมาะสมอยู่แค่ 2/5 เพราะขนาดต่างกัน
**11** มนุษย์นีแอนเดอร์ทัล (Homo neanderthalensis)
เป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ อาศัยอยู่เมื่อประมาณ 110,000 - 35,000 ปีมาแล้ว จากการขุดค้นทางตะวันตกของทวีปยุโรป ปรากฎว่ามนุษย์พวกนี้อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในส่วนนี้ของโลก เมื่อราว 75,000 ปี คืออยู่ในระหว่างยุคน้ำแข็งที่สามและที่สี่ ณ ที่แห่งอื่น ๆ ของโลก ได้พบโครงของมนุษย์พวกนี้เหมือนกัน แต่มีจำนวนน้อยกว่าทางตะวันตกของทวีปยุโรปมาก
มนุษย์ปัจจุบันอุ้มบุญและให้ไข่ได้ ดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้อยู่ที่ระดับ 1/5 ความเหมาะสมในการอุ้มบุญ 5/5 อย่างไรก็ตาม การโคลนนิ่งเป็นไปไม่ได้ทางจริยธรรม แม้ว่าก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์โซเวียตอาจจะเคยทดลองผสมมนุษย์ไฮบริดที่เป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และลิงไม่มีหางมาแล้ว