You are mine
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/30159853
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/30189406
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/30218583
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/30295292
บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/30320658
บทที่ 6
http://ppantip.com/topic/30352517
บทที่ 7
http://ppantip.com/topic/30375049
บทที่ 8
http://ppantip.com/topic/30428212
บทที่ 9
ทิชากรรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นคนนอก แต่จะไม่มาด้วย เกิดเลขาของพ่อหลานรักหายตัวไป เธอจะโดนเขาโกรธไม่เลิกโทษฐานที่อยู่บริษัทแล้วยังดูแลคนของเราไม่ได้ และเธอเพิ่งจะรู้ว่าไม่สามารถติดต่อการิน ในเมื่อเธอรีบเร่งลงมาไม่มีกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ แม้แต่รองเท้ายังเป็นรองเท้าแตะสวมสบายที่เอาไว้เปลี่ยนเวลาทำงานออฟฟิศ ก็ได้แต่ฝากความหวังกับบรรดาช่างว่าจะมีใครสักคนโทรไปรายงานเฮียดัง
พอถึงร้านอาหารที่พาอรนภามาเมื่อวันก่อน สองสาวต่างวัยเลือกนั่งคู่กันเหมือนจะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเสร็จสรรพ ชายหนุ่มที่ต้องนั่งหนึ่งเดียวเพียงชายตามองแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งตามสบายเหมือนไม่ใช่ชายหนุ่มที่มาฉุดสาวไปดื้อๆ อย่างเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
เมื่อบริกรมาส่งรายการอาหารให้ ปุณยนนท์ก็ส่งผ่านไปให้สุธีรา หญิงสาวรับมาหันไปถามความต้องการของทิชากร แล้วจึงสั่งอาหารและเครื่องดื่มตามความเคยชินที่รับใช้คุณชายประจำบ้านโดยไม่ถามปุณยนนท์ แล้วจะไม่ให้ทิชากรคิดได้อย่างไรว่าเธอกลายเป็นคนนอกของสองคนนี้ไปแล้ว ไม่ว่าเมื่อสักครู่จะเป็นเหตุการณ์ที่ส่อให้เห็นถึงความไม่เต็มใจของฝ่ายหญิงอย่างไร แต่ตอนนี้ เธอรับรู้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเขา เธอต่างหากที่เป็นส่วนเกิน
และมันก็เกิดคำถามขึ้นในใจ แล้วอรนภาล่ะ เป็นอะไรกับปุณยนนท์
ตัวจริง
หรือไม่ใช่อะไรเลย!
“ทำไมไม่บอกว่าได้งานทำที่ไหน แล้วเวลาย้ายของออกมาทำไมไม่บอกไม่กล่าว ฉันไม่อยากจะว่าเธอเป็นเด็กไม่ได้รับการอบรมหรอกนะ เพราะแม่สอนฉันมาดี”
เขาละไว้เสีย ว่าคุณนันทนาคงสั่งสอนสุธีรามาไม่ต่างจากสอนเขา
“เธอมันเป็นเด็กไม่รักดีเอง”
ทิชากรถึงกับสำลักน้ำเมื่อได้ยินประโยคแรกของชายหนุ่มที่ถือว่ามารยาททางสังคมเป็นเลิศ
“หลินขอโทษค่ะ” สุธีราก้มหน้านิ่ง
ก็ถูกเมื่อดูจากมุมมองของเขา เธอแอบเก็บของออกมาไม่ยอมบอกกล่าวล่วงหน้าเพราะต้องการหนีให้ไกล กลัวว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอไป มันเป็นการเสียมารยาทจริงๆ แถมยังไร้น้ำใจ ไม่ยอมส่งข่าวอะไรนอกจากเขียนจดหมายว่าได้งานทำฝากคนอื่นส่งให้คุณป้านันทนา ถึงท่านจะไม่ใช่ป้าแท้ๆ ดูภายนอกเหมือนจะไม่สนใจไยดีหลานนอกไส้อย่างเธอเท่าไร แต่ท่านห่วงและดูแลให้เธออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย ไว้ใจได้เสมอ
“ควรจะไปขอโทษแม่ด้วย ท่านเป็นห่วงเธอมาก”
ปุณยนนท์บอกเสียงเข้ม ก่อนจะทอดเสียงอ่อนเมื่อหันมาทางทิชากร
“ขอโทษนะครับอี๊ทิ ที่ต้องมารับรู้เรื่องขายหน้าในครอบครัวผม”
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร อี๊เป็นคนนอก ถือว่าอี๊ไม่รู้ไม่เห็นแล้วกันนะคะ”
ทิชากรโบกมือ เริ่มสงสัยว่าการินรู้หรือไม่ว่าหญิงสาวที่ฉกมาจากใต้ปีกของปุณยนนท์มีศักดิ์เป็นญาติของเขา
“อี๊มาคุมสาขาใหม่หรือมาคุมเฮียดังครับ”
ชายหนุ่มชวนคุยอย่างถือสนิท ทิ้งหน้าที่ปรนนิบัติไว้กับสุธีรา
“อย่างเฮียดังหรือจะมาฟังเสียงอี๊” ทิชากรค้อนฝากลมไป “ทางโน้นอยู่ตัวแล้ว ซ้ออาเล้งดูแลได้ ทางนี้เปิดใหม่ไม่มีใคร อี๊ว่างๆ เลยมาทางนี้ดีกว่า หาลูกค้าใหม่ๆ ด้วย นี่หลินก็พอได้เรื่อง พอซ้ออาเล้งจะคลอดอี๊ก็จะกลับไปทางโน้น”
ปุณยนนท์ เหลือบหางตามองไปทางหญิงสาวที่นั่งแกะกุ้งเผาเงียบๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้อี๊ทิ ไม่ได้สนใจว่าหญิงสูงวัยกว่าจะจับได้ว่าเขามองเลขาของการิน
“หาคนอื่นไว้ก็ดีนะครับ ผมว่าคุณแม่คงไม่ยอมให้หลานสาวคนนี้ไปทำงานไกลตัวนานนักหรอก”
สุธีราเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ถ้าเฉพาะคุณป้าเธอก็อยากไปทำงานกับท่าน แต่คุณนนท์รู้หรือเปล่าว่าเธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา ใกล้แต่ไร้ความหวัง ยิ่งเจ็บปวดใจ
“อะไรกัน นนท์ อี๊สอนเด็กพอได้เรื่อง จะมาเอาตัวคืนง่ายๆ อย่างนั้นหรือ เอามาแลกกันดีกว่าไหม”
“คุณแม่ คุณนันทนาน่ะหรือครับ คนนั้นต้องไปถามคุณปรีชาแล้ว” ปุณยนนท์เบิกตากว้างเหมือนไม่รู้เรื่องว่า ทิชากรหมายถึงสาวคนไหน
“นนท์นี่” ทิชากรจะเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาตีเอา แต่ความกว้างของโต๊ะไม่เอื้ออำนวยให้
“ให้คุณนันเอาเด็กคุณนันมาแลกแล้วกัน ถ้าจะเอาหลินไป” ทิชากรทำหน้าเย่อหยิ่ง สุธีราคงเห็นขัน ถ้าที่พูดกันอยู่ไม่ได้หมายถึงตัวเธอ
“เห็นแอ้มมาคุยมีโครงการรับนักเรียนมาฝึกงานด้วยหรือครับ” ปุณยนนท์อมยิ้มเปลี่ยนเรื่อง
“ใช่” ทิชากรตอบอย่างกระตือรือร้น “ได้หลินช่วยสอนบัญชีให้ด้วย นี่ผ่านไปได้สองสามเดือนไปได้สวยเลยนะ” ดวงตาเรียวคมปรายมอง “แล้วจะเอาครูสอนหนังสือเด็กไปอีกหรือ”
“ขาดคนสอนอะไรบ้างครับ” ปุณยนนท์ถามยิ้มๆ “แล้วอี๊ทิเป็นคุณครูใหญ่หรือคุณครูน้อย”
“อี๊สอนภาษาอังกฤษจ้ะ” ทิชากรตอบ “ขาดคนสอนกฎหมาย นนท์พอจะว่างไหมล่ะ”
ปุณยนนท์อดยิ้มกับการถามตรงไปตรงมานั้นไม่ได้
“ส่งตารางไปให้ผมนะครับ จะได้ลองดูเวลาให้ตรงกัน ว่าแต่ให้ค่าวิชาผมเท่าไรครับอี๊ทิ”
ทิชากรปรายตามองคนข้างตัว “คนแกะกุ้งเป็นยังไง”
ปุณยนนท์มองสายตาของสาวใหญ่ยิ้มให้ช้าๆ “ผมแกะเองได้ โปรกว่า” เขาพยักหน้าไปทางคนที่ก้มหน้าก้มตาแกะอยู่ “นั่นฝึกงาน”
คนฝึกงานก้มหน้าก้มตาไม่เงยขึ้นมาโต้แย้งนอกจากรอยเม้มปากที่แสดงความไม่เห็นด้วยเท่าไร ผู้สูงวัยกว่าทั้งคู่ต่างมองเห็น
“งั้นจะเอาไปทำไมนะ อี๊ไม่มีทักษะแกะกุ้งยิ่งเฮียดังยิ่งไม่ได้เรื่องทั้งกุ้งทั้งปู”
‘แล้วยังคิดจะจับแม่ปลาเปรียวนะ’ ชายหนุ่มคิดในใจ
“ต้องถามคุณนันทนาครับ” ปุณยนนท์ตอบยิ้มๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจสุธีราเลย แต่ที่มาตามนี่เห็นแก่มารดาของเขาเพียงอย่างเดียว
เสร็จอาหารมื้อนั้น ปุณยนนท์แวะส่งทิชากร แต่กักตัวสุธีราเอาไว้ ไม่ว่าหญิงสาวเพียรพยายามเปิดประตูเท่าไร ประตูเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเปิดออกให้ ไม่น่าเสียรู้โดนล็อกเด็กเลยทำงานอยู่บริษัทรถเองแท้ๆ
“ลางานสุธีราพรุ่งนี้นะครับ ต่อเสาร์อาทิตย์ แล้ววันจันทร์ผมจะมาส่ง” ปุณยนนท์ยิ้มลาอย่างอ่อนโยน ทิชากรได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเสียท่าให้เด็กรุ่นลูกไปแล้ว
You are mine. ตอนที่ 9
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/30159853
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/30189406
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/30218583
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/30295292
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/30320658
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/30352517
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/30375049
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/30428212
บทที่ 9
ทิชากรรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นคนนอก แต่จะไม่มาด้วย เกิดเลขาของพ่อหลานรักหายตัวไป เธอจะโดนเขาโกรธไม่เลิกโทษฐานที่อยู่บริษัทแล้วยังดูแลคนของเราไม่ได้ และเธอเพิ่งจะรู้ว่าไม่สามารถติดต่อการิน ในเมื่อเธอรีบเร่งลงมาไม่มีกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ แม้แต่รองเท้ายังเป็นรองเท้าแตะสวมสบายที่เอาไว้เปลี่ยนเวลาทำงานออฟฟิศ ก็ได้แต่ฝากความหวังกับบรรดาช่างว่าจะมีใครสักคนโทรไปรายงานเฮียดัง
พอถึงร้านอาหารที่พาอรนภามาเมื่อวันก่อน สองสาวต่างวัยเลือกนั่งคู่กันเหมือนจะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเสร็จสรรพ ชายหนุ่มที่ต้องนั่งหนึ่งเดียวเพียงชายตามองแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งตามสบายเหมือนไม่ใช่ชายหนุ่มที่มาฉุดสาวไปดื้อๆ อย่างเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
เมื่อบริกรมาส่งรายการอาหารให้ ปุณยนนท์ก็ส่งผ่านไปให้สุธีรา หญิงสาวรับมาหันไปถามความต้องการของทิชากร แล้วจึงสั่งอาหารและเครื่องดื่มตามความเคยชินที่รับใช้คุณชายประจำบ้านโดยไม่ถามปุณยนนท์ แล้วจะไม่ให้ทิชากรคิดได้อย่างไรว่าเธอกลายเป็นคนนอกของสองคนนี้ไปแล้ว ไม่ว่าเมื่อสักครู่จะเป็นเหตุการณ์ที่ส่อให้เห็นถึงความไม่เต็มใจของฝ่ายหญิงอย่างไร แต่ตอนนี้ เธอรับรู้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเขา เธอต่างหากที่เป็นส่วนเกิน
และมันก็เกิดคำถามขึ้นในใจ แล้วอรนภาล่ะ เป็นอะไรกับปุณยนนท์
ตัวจริง
หรือไม่ใช่อะไรเลย!
“ทำไมไม่บอกว่าได้งานทำที่ไหน แล้วเวลาย้ายของออกมาทำไมไม่บอกไม่กล่าว ฉันไม่อยากจะว่าเธอเป็นเด็กไม่ได้รับการอบรมหรอกนะ เพราะแม่สอนฉันมาดี”
เขาละไว้เสีย ว่าคุณนันทนาคงสั่งสอนสุธีรามาไม่ต่างจากสอนเขา
“เธอมันเป็นเด็กไม่รักดีเอง”
ทิชากรถึงกับสำลักน้ำเมื่อได้ยินประโยคแรกของชายหนุ่มที่ถือว่ามารยาททางสังคมเป็นเลิศ
“หลินขอโทษค่ะ” สุธีราก้มหน้านิ่ง
ก็ถูกเมื่อดูจากมุมมองของเขา เธอแอบเก็บของออกมาไม่ยอมบอกกล่าวล่วงหน้าเพราะต้องการหนีให้ไกล กลัวว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอไป มันเป็นการเสียมารยาทจริงๆ แถมยังไร้น้ำใจ ไม่ยอมส่งข่าวอะไรนอกจากเขียนจดหมายว่าได้งานทำฝากคนอื่นส่งให้คุณป้านันทนา ถึงท่านจะไม่ใช่ป้าแท้ๆ ดูภายนอกเหมือนจะไม่สนใจไยดีหลานนอกไส้อย่างเธอเท่าไร แต่ท่านห่วงและดูแลให้เธออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย ไว้ใจได้เสมอ
“ควรจะไปขอโทษแม่ด้วย ท่านเป็นห่วงเธอมาก”
ปุณยนนท์บอกเสียงเข้ม ก่อนจะทอดเสียงอ่อนเมื่อหันมาทางทิชากร
“ขอโทษนะครับอี๊ทิ ที่ต้องมารับรู้เรื่องขายหน้าในครอบครัวผม”
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร อี๊เป็นคนนอก ถือว่าอี๊ไม่รู้ไม่เห็นแล้วกันนะคะ”
ทิชากรโบกมือ เริ่มสงสัยว่าการินรู้หรือไม่ว่าหญิงสาวที่ฉกมาจากใต้ปีกของปุณยนนท์มีศักดิ์เป็นญาติของเขา
“อี๊มาคุมสาขาใหม่หรือมาคุมเฮียดังครับ”
ชายหนุ่มชวนคุยอย่างถือสนิท ทิ้งหน้าที่ปรนนิบัติไว้กับสุธีรา
“อย่างเฮียดังหรือจะมาฟังเสียงอี๊” ทิชากรค้อนฝากลมไป “ทางโน้นอยู่ตัวแล้ว ซ้ออาเล้งดูแลได้ ทางนี้เปิดใหม่ไม่มีใคร อี๊ว่างๆ เลยมาทางนี้ดีกว่า หาลูกค้าใหม่ๆ ด้วย นี่หลินก็พอได้เรื่อง พอซ้ออาเล้งจะคลอดอี๊ก็จะกลับไปทางโน้น”
ปุณยนนท์ เหลือบหางตามองไปทางหญิงสาวที่นั่งแกะกุ้งเผาเงียบๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้อี๊ทิ ไม่ได้สนใจว่าหญิงสูงวัยกว่าจะจับได้ว่าเขามองเลขาของการิน
“หาคนอื่นไว้ก็ดีนะครับ ผมว่าคุณแม่คงไม่ยอมให้หลานสาวคนนี้ไปทำงานไกลตัวนานนักหรอก”
สุธีราเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ถ้าเฉพาะคุณป้าเธอก็อยากไปทำงานกับท่าน แต่คุณนนท์รู้หรือเปล่าว่าเธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา ใกล้แต่ไร้ความหวัง ยิ่งเจ็บปวดใจ
“อะไรกัน นนท์ อี๊สอนเด็กพอได้เรื่อง จะมาเอาตัวคืนง่ายๆ อย่างนั้นหรือ เอามาแลกกันดีกว่าไหม”
“คุณแม่ คุณนันทนาน่ะหรือครับ คนนั้นต้องไปถามคุณปรีชาแล้ว” ปุณยนนท์เบิกตากว้างเหมือนไม่รู้เรื่องว่า ทิชากรหมายถึงสาวคนไหน
“นนท์นี่” ทิชากรจะเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาตีเอา แต่ความกว้างของโต๊ะไม่เอื้ออำนวยให้
“ให้คุณนันเอาเด็กคุณนันมาแลกแล้วกัน ถ้าจะเอาหลินไป” ทิชากรทำหน้าเย่อหยิ่ง สุธีราคงเห็นขัน ถ้าที่พูดกันอยู่ไม่ได้หมายถึงตัวเธอ
“เห็นแอ้มมาคุยมีโครงการรับนักเรียนมาฝึกงานด้วยหรือครับ” ปุณยนนท์อมยิ้มเปลี่ยนเรื่อง
“ใช่” ทิชากรตอบอย่างกระตือรือร้น “ได้หลินช่วยสอนบัญชีให้ด้วย นี่ผ่านไปได้สองสามเดือนไปได้สวยเลยนะ” ดวงตาเรียวคมปรายมอง “แล้วจะเอาครูสอนหนังสือเด็กไปอีกหรือ”
“ขาดคนสอนอะไรบ้างครับ” ปุณยนนท์ถามยิ้มๆ “แล้วอี๊ทิเป็นคุณครูใหญ่หรือคุณครูน้อย”
“อี๊สอนภาษาอังกฤษจ้ะ” ทิชากรตอบ “ขาดคนสอนกฎหมาย นนท์พอจะว่างไหมล่ะ”
ปุณยนนท์อดยิ้มกับการถามตรงไปตรงมานั้นไม่ได้
“ส่งตารางไปให้ผมนะครับ จะได้ลองดูเวลาให้ตรงกัน ว่าแต่ให้ค่าวิชาผมเท่าไรครับอี๊ทิ”
ทิชากรปรายตามองคนข้างตัว “คนแกะกุ้งเป็นยังไง”
ปุณยนนท์มองสายตาของสาวใหญ่ยิ้มให้ช้าๆ “ผมแกะเองได้ โปรกว่า” เขาพยักหน้าไปทางคนที่ก้มหน้าก้มตาแกะอยู่ “นั่นฝึกงาน”
คนฝึกงานก้มหน้าก้มตาไม่เงยขึ้นมาโต้แย้งนอกจากรอยเม้มปากที่แสดงความไม่เห็นด้วยเท่าไร ผู้สูงวัยกว่าทั้งคู่ต่างมองเห็น
“งั้นจะเอาไปทำไมนะ อี๊ไม่มีทักษะแกะกุ้งยิ่งเฮียดังยิ่งไม่ได้เรื่องทั้งกุ้งทั้งปู”
‘แล้วยังคิดจะจับแม่ปลาเปรียวนะ’ ชายหนุ่มคิดในใจ
“ต้องถามคุณนันทนาครับ” ปุณยนนท์ตอบยิ้มๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจสุธีราเลย แต่ที่มาตามนี่เห็นแก่มารดาของเขาเพียงอย่างเดียว
เสร็จอาหารมื้อนั้น ปุณยนนท์แวะส่งทิชากร แต่กักตัวสุธีราเอาไว้ ไม่ว่าหญิงสาวเพียรพยายามเปิดประตูเท่าไร ประตูเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเปิดออกให้ ไม่น่าเสียรู้โดนล็อกเด็กเลยทำงานอยู่บริษัทรถเองแท้ๆ
“ลางานสุธีราพรุ่งนี้นะครับ ต่อเสาร์อาทิตย์ แล้ววันจันทร์ผมจะมาส่ง” ปุณยนนท์ยิ้มลาอย่างอ่อนโยน ทิชากรได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเสียท่าให้เด็กรุ่นลูกไปแล้ว