You are mine. ตอนที่ 3

กระทู้สนทนา
บทที่ 3

อรนภาเอามือป้องบังแดดอยู่หน้าตึก ไอร้อนระอุชวนให้อยากหันหลังกลับเข้าไปในตึกแล้วขอให้ปุณยนนท์ไปส่งเสียจริง หญิงสาวเหลียวไปมองรถแเท็กซี่ หันไปมองศูนย์รถยนต์ที่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไร  ก็ตัดสินใจสาวเท้าเร็วๆ ไปแทนการเรียกรถ ไม่ใช่ว่างก กลัวเสียเงินหรืออะไร แต่ระยะทางไม่ไกลแค่นี้ เดินได้ไม่ทันเรียกเหงื่อเสียด้วยซ้ำไป

เดินไปได้ไม่ไกลเท่าไร มอเตอร์ไซด์ที่ขึ้นมาวิ่งบนทางเท้าแทนถนนที่แทบไม่มีที่ว่างก็เร่งเครื่องผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนหลบเกือบไม่ทัน หญิงสาวยกกำปั้นแทนคำด่า แล้วก็เห็นคนซ้อนหันมายกมือเป็นเชิงขอโทษทำให้ความโกรธลดลงมาได้ เหลือเพียงเสียงบ่นพึมกับตัวเองแทนการด่าชุดใหญ่อย่างที่คิดไว้

“ถนนคนเดินนะยะ ไม่ใช่ถนนรถวิ่ง”
อรนภาค้อนลมค้อนแล้งตามหลังอีกครั้ง ก่อนจะรีบจ้ำไปทางศูนย์รถยนต์ คราวนี้เธอเดินชิดติดริมทางเท้าด้านในเลยทีเดียว จะได้ไม่โดนรถที่ไหนมาเฉี่ยวเอาอีก


การินกระโดดลงจากท้ายรถมอเตอร์ไซด์ของลูกน้อง ถอดหมวกกันน็อกส่งให้ รอจนไอ้ตัวแสบถอดหมวกออกแล้วก็สะบัดมือตบเฉียดๆ ผมบนหัวจนตั้งเห็นได้ชัด คนโดนซัดทำคอหด
“เอ็งเกือบทำให้ข้าโดนด่าแล้ว ไอ้เวร”

“โธ่เฮียก็ ไม่ซิ่งมาบนฟุตบาทจะพาเฮียมาทันประชุมเหรอ บอกแล้วให้พาน้องนางมาค้างคอนโดเฮียแถวๆ นี้ก็ไม่เอา ไปค้างวิมานนางฟ้าอยู่ได้ นี่ป่ะป๋ามาม้าของนางฟ้าเฮียรู้ป่ะ”

“ถ้ารู้ ข้าจะไปนอนวิมานนางฟ้าได้เหรอวะ” การินย้อนถาม จบประโยคด้วยการตวัดมือถากผ่านหนังหัวลูกน้องอีกครั้ง เจ้าตัวดีหลบวูบ

“เฮียดัง เฮียดัง ที่ประชุมรอเฮียคนเดียวนะ” เสียงโหวกเหวกดังมาจากระเบียงเป็นเสียงของหญิงวัยกลางคนที่แก่พอจะเป็นแม่ของชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าเฮียได้

การินโบกมือแสดงอาการรับรู้ หันมาพูดทิ้งท้ายกับขาซิ่งที่พาเขามาได้ทันเวลา
“โชคดีของเอ็งนะโว้ย ที่ข้าไม่โดนยายเจ๊นั่นเจริญพรแต่เช้า ไม่งั้นล่ะน่าดู”

ลูกน้องได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจเจ้านาย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้าทำงาน
“ไรว้า ไปรับมาส่งทันเวลา ยังโดนด่าอีก”

รุ่นพี่ที่ได้ยินเสียงบ่นหัวเราะ ก่อนบอกมาให้ไอ้หนุ่มมือใหม่เข้าใจ
“รับมาทันเวลาน่ะดีแล้ว แต่นี่แกคงไปทำให้ใครเขาจะด่ามาใช่ไหมล่ะ เฮียดังน่ะถือนักว่า ก่อนทำงานห้ามมีใครด่า ไม่งั้นจะซวยไปทั้งวัน ถ้าขาไปรับแกจงซิ่งอย่างเรียบร้อยที่สุด หากขากลับแกจะกวนโอ๊ยใครเฮียดังพร้อมจะเล่นไปกะแกด้วยเลยโว้ย จำเอาไว้”

ขาซิ่งเกาหัวอีกที ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่มีบอกสักคน


การินที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดไปทีละสองขั้นชะงักกลางทางเมื่อเห็นร่างเล็กปราดเปรียวในกางเกงสีเบจเสื้อสีชมพูลายส้มเปิดกระตูก้าวเข้ามา

อ้าว ยายเจ๊ที่เกือบจะได้เจริญพรเขานี่นา นับว่าเจ๊แกมีสติดีเยี่ยมที่เห็นอาการทำมือขอโทษแล้วหยุดปากได้ทันควัน ไม่งั้นวันนี้ทั้งวันของเขาได้ซวยสุดๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าห้องประชุมไปฟาดฟันกับฝ่ายต่างๆ

อรนภายิ้มให้พนักงานอย่างมีไมตรีก่อนแจ้งว่าเธอมารับรถ รอยยิ้มสดใสแทบทำเอาการินกลิ้งตกบันได โอ้ ยิ้มได้อย่างนี้ จับมายืนยิ้มหน้าโชว์รูมทุกวัน รับรองไอ้หนุ่มทั้งแก่ทั้งอ่อน ต้องเดินเข้ามาไม่มีเว้น

“เฮียดัง” เสียงเจ๊ทิ ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพและแม่บ้านของบริษัทที่ปลุกปล้ำเริ่มต้นมากับพวกเขาดังขึ้นอีกครั้งอย่างเริ่มจะหมดความอดทน ทำให้ความคิดที่จะหลบการประชุมไปตามสาวต้องหยุดแค่นั้น
“ไปประชุม” ทิชากรลงบันไดตุ้บตั้บมาคว้าแขนก่อนลากลิ่ว

หัวใจการินลอยหายไปแล้วเมื่อหญิงสาวเสื้อสีชมพูเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างอีกครั้ง เมื่อเห็นเขาโดนแม่บ้านพันธุ์ช้างลากตามไป โอ๊ยถ้ายิ้มให้แบบนี้ ยอมโดนช้างเหยียบเลยโว้ย

อรนภาก้มหน้าลงมองพนักงานบัญชีที่ยื่นสลิปให้เธอเซ็น รอยยิ้มยังติดแต้มอยู่บนใบหน้า ท่าทางชายหนุ่มเต็มตัวที่โดนลากไปเหมือนเด็กซนๆ นั้นน่าขันจนอดยิ้มไม่ได้ทั้งๆ ที่เธอก็รู้ดีว่าไม่ใช่กิริยาอันสมควรเลยสักนิดเดียว แล้วยิ่งอาการอ้าปากกว้างเมื่อเห็นเธอยิ้ม มันน่าหัวเราะออกมาก้ากใหญ่เสียจริงๆ แล้วรอยยิ้มบนหน้าก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงชายหนุ่มคนเดียวที่ไม่เคยตกตะลึงกับรอยยิ้มของเธอ ปุณยนนท์

ยิ้ม...เมดูซ่า เวลาที่เขาอยากจะกวน
ยิ้ม...โมนาลิซ่า เวลาที่อยากหวาน

ไม่มีอีกแล้ว ความหลังที่เคยมี จะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่