โค้กซีโร่ .ไลท์ . เป๊ปซี่แม๊กซ์

อยากทราบว่าถ้ากินทุกวัน วันละ 1 กระป๋องจะเป็นอันตรายไหมคะ ติดมากเลยย กินแล้วมันสดชื่น แต่ว่ากลัวอ้วนไม่ทราบว่าจะทำให้อ้วนหรือเปล่าคะ เห็นเขียนตรงกระป๋องว่า 0 แคล ขอบคุณมากค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
อย่างนี้นะครับ...

1. calorie ที่เขียนว่า 0 จริงๆแล้วไม่ได้ 0 จริง
แต่กฎหมายอนุญาตให้ระบุว่า 0 ได้ เมื่อมันมี calorie ต่ำมากๆ (จำไม่ได้ว่าระดับไหน)

2. เหตุที่ปริมาณ calorie ต่ำมากก็เพราะใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล (บ้างก็เรียกน้ำตาลเทียม)
สารพวกนี้มีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดล้วนให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลหลายเท่านัก บางชนิดก็เป็นร้อยเท่า
แต่สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลเหล่านี้มันก็มีรสของตัวมันเอง เวลาใช้ผลิตเครื่องดื่ม เค้าก็จะใช้หลายตัวร่วมกัน เพื่อที่จะปรับรสชาติให้ถูกใจตลาดมากเท่าที่จะทำได้
สารเหล่านี้ไม่ใช่ไม่ให้พลังงานนะ มันให้พลังานเช่นกัน และต่อหนึ่งหน่วยก็ให้พลังงานเท่าๆกับน้ำตาลนั่นแหละ
เพียงแต่ว่าในเมื่อมันหวานกว่ามากๆ จึงใช้ปริมาณน้อยมากๆในการผลิตเครื่องดื่ม
ดังนั้นแล้ว พลังงานในรูปของ calorie จึงต่ำมากเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลจริงๆซึ่งต้องใส่เยอะกว่ามาก

3. ถ้ามองในแง่เรื่องอ้วนหรือไม่อ้วน...
ในเมื่อมันให้พลังงานน้อยมากต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
เวลาเราคิดแบบง่ายๆว่าจะน้ำหนักขึ้นหรือไม่ ก็ดูที่พลังงานที่เรารับเข้าไป กับพลังงานที่เราใช้(เผาผลาญ)ในแต่ละวัน
ถ้าเราดื่มเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลเทียมพวกนี้ แล้วเราควบคุมพลังงานจากอาหารแหล่งอื่นไปในเวลาเดียวกัน หรืออาจออกกำลังกายมาก ทำให้ผลลัพธ์แล้ว เรากินพลังงาน น้อยกว่าหรือเท่าๆกับที่เราใช้ออกมา....
ผลก็คือ เราก็จะไม่อ้วนไปกว่าเดิม
แต่ถ้าเราดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ก็ตาม แต่เราไปกินอาหารอื่นที่ให้พลังงานเยอะมากในแต่ละวัน เราก็อ้วนได้ แต่เราไม่ได้อ้วนจากเครื่องดื่มนี้แค่นั้นเอง

4. สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลเหล่านี้ ไม่ได้ทำให้เราอยากของหวานน้อยลง
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อกินอะไรที่หวานแล้วมักจะชอบ เมื่อชอบก็อยากกินมากขึ้นอีก
คนที่ควบคุมความอยากตัวเองไม่ได้ดี เมื่อดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ ก็อาจทำให้อยากกินของอย่างอื่นในรสชาติที่หวานด้วยเช่นกัน จึงมีแนวโน้มจะกินอาหารอื่นที่มีน้ำตาลสูง กลายเป็นผลทำให้อ้วนจากอาหารอื่นได้

5. ประเด็น "มะเร็ง" ไม่พูดมากละกัน เบื่อพวกชอบยกเวปบ้าบออะไรไม่รู้ที่มโนขึ้นมาเองมาเถียง
เอาเป็นว่า...ในปัจจุบัน ทั้ง FDA ของเมกา ทั้ง WHO ทั้ง EFSA ของยุโรป ซึ่งคงพอจะเชื่อถือได้กระมัง....ไม่ได้ห้ามใช้สารเช่น Aspartame ในอาหาร
(ล่าสุดหลายปีก่อนเคยมีองค์กรพยายามยื่นเรื่องต่อ EFSA และ FDA ว่า Aspartame อันตราย ก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่พอ FDA ขอเอกสารงานวิจัยและอื่นๆเพิ่มไป ก็เงียบหาย ไม่ยอมส่ง จนเรื่องตกไป หึหึ)
งานวิจัยเท่าที่ยอมรับกันในวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ก็มีแค่เรื่องก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเรื่องการก่อมะเร็งในมนุษย์
แต่....ในอนาคต ไม่มีใครบอกได้นะว่าความรู้เหล่านี้จะเปลี่ยนหรือไม่
วิทยาศาสตร์ไม่ใช่สิ่งที่ตาย มันมีการทดลอง มีการวิจัย มีอะไรต่อมิอะไรใหม่ๆออกมาเสมอ
มีอะไรเยอะแยะที่ในยุคหนึ่งบอกว่าไม่อันตราย แล้วค้นพบภายหลังว่าอันตราย
หรือในยุคหนึ่งบอกว่าอันตราย แล้วต่อมาพบว่าจริงๆแล้วไม่อันตราย
หรือแม้แต่ค้นพบสลับไปสลับมาให้เป็นที่เวียนหัวกัน 555

หมายเหตุ...
ไม่ได้สนับสนุนให้ดื่มนะครับ ผมเองก็ดื่มบ้างนานๆที ไม่ได้ดื่มเป็นประจำ (เฉลี่ยแล้วเดือนหนึ่งคงไม่ถึงลิตร)
เดินทางสายกลางครับ อะไรที่เยอะไปก็ไม่ดีทั้งนั้น แม้แต่น้ำตาล เกลือ กินเยอะก็ไม่ดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่