Suwayya Arabian Airlines [02 - สตอกโฮล์ม ซินโดรม]

กระทู้สนทนา
“อึ้ง! ซาอุเนรเทศ 3 หนุ่ม ข้อหา หล่อ-มีเสน่ห์ เกินไป หวั่นผู้หญิงคลั่ง!”

ฉันอ่านรายงานข่าวออกเสียงชัดเจนทีละคำ กระทั่งตนเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

“เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รายงานระบุว่า ตำรวจศาสนาของซาอุฯ ได้ควบคุมชายทั้งสาม ซึ่งเป็นตัวแทนด้านการแสดงศิลปะ ของทางการยูเออีร่วมงานเทศกาลด้านมรดกของวัฒนธรรมของซาอุฯ ที่จัดขึ้นในกรุงริยาด เป็นประจำทุกๆปี และส่งตัวให้แก่หน่วยงานสนับสนุนศีลธรรม และการป้องกันการทำสิ่งชั่วร้าย ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกกฎเคร่งครัดเกี่ยวกับ การห้ามมีปฎิสัมพันธ์ระหว่างชายและ หญิงที่ไม่ได้เป็นญาติกัน โดยหน่วยงานนี้ระบุว่า ชายทั้งสามหน้าตาหล่อเหลาเกินไป และอาจทำให้สาว ๆ ชาวซาอุดิอาระเบียในงานดังกล่าว พากันหลงเสน่ห์ตกหลุมรักพวกเขาไปเสียหมด แล้วยังให้ข้อมูลอีกว่า ผู้จัดงานดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อส่งหนุ่มหล่อทั้ง 3 กลับอาบูดาบี”

“หนึ่งในนั้นคือนาย โอมาร์ บอร์คาน อัล กาลา
Omar Borkan Al Gala หนึ่งในผู้ถูกเนรเทศจากซาอุดิอาราเบียเนื่องจากหล่อเกินไป!!”

ข่าวออนไลน์นี้ ทำให้เหล่าชะนีสาวและแรดหนุ่มตาลุกวาว กรูเกรียวกันเข้ามา ยื้อแย่งกระชากipadจากในมือฉัน เพื่อพิสูจน์ความหล่อเหล่าของหนุ่มทั้งสามคนที่ตกเป็นข่าว ใบหน้าคมคายเจือความหวาน ของหนุ่มรูปงามชาวดูไบทั้งสาม มีรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม อีกทั้งสายตาหั่นประหาร พิฆาตหัวใจ เป็นอันตรายร้ายแรง ทำให้สาวๆในห้องถึงกับกรี๊ดสลบล้มครืนทับกันเป็นโดมิโน

“ถ้าเจอแบบนี้บนเครื่องนี่ เข้าข่ายวัตถุอันตราย Dangerous good ต้องแจ้งPurser” เพื่อนคนหนึ่งพูด ขณะมองดูรูปของนาย บอร์คาน อัล กาลา

ฉันมองดูเพื่อนๆที่วิญญาณหลุดลอยออกจากร่างเหล่านั้น ด้วยแววตาสมเพชระคนขบขัน พูดสัพยอกว่า “จะว่าไปทางการซาอุฯ เค้าก็มีเหตุผลรอบคอบอยู่นา นี่ขนาดว่าเห็นแค่รูปถ่ายเท่านั้น สาวๆห้องเราถึงกับหน้ามืดเป็นลมไปหลายคนแล้ว แล้วในงานใหญ่ขนาดนั้น ได้พบหนุ่มหล่อตัวเป็นๆ ถ้าสาวๆในงานพากันกรี๊ดสลบไป แล้วใครจะรับผิดชอบ พาผู้หญิงพันส่งโรงพยาบาลล่ะจริงมั้ย”

“ไม่สงสัยการใช้อำนาจดุลพินิจของทางการซาอุฯเลยแม้แต่น้อย ช่างมองการณ์ไกลจริงๆ” ลีน่า เพื่อนที่นั่งข้างๆฉันพยักหน้าเสริมมา แล้วเราก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

เมื่อประตูห้องเปิดเข้ามา ร่างที่นอนสิ้นชีวิต ก็กระเด้งลุกขึ้นมาเหมือนติดสปริงที่เท้า รีบมานั่งประจำที่ของตนเองด้วยความเร็วแสง พี่หัวหน้าสจ๊วตชายหนุ่มรูปหล่อแต่เดินก้นบิด
ตวัดตามองน้องๆลูกเรือฝึกหัด ด้วยสายตาประเมิณความเรียบร้อย บรรยากาศในห้องบัดนี้เพรียบพร้อมทุกกระเบียดสำหรับการเรียนการสอน ตรงกันข้ามราวฟ้ากับเหวจากสภาพนอนตายเกลื่อนอย่างเปี่ยมสุขของสาวๆเมื่อครู่

ต่างคนสวมเสื้อเข้ารูปแขนสั้น จีบปกสีสันสดใส ประโปรงเอวสูงเข้ารูปยาวเสมอเข่า สวมถุงน่องนู้ดและรองเท้าส้นสูง เล็บตกแต่งมาอย่างสวยงาม ทาสีmatchกับลิปสติกสีสันสดใส ทุกคนแต่งหน้าเข้มจัด ติดขนตาเป็นแพรหนาเหมือนนก เกล้าผมม้วนหลายแบบหลายสไตร์ มีทั้งทรงกล้วยหอม ทรงโดนัท มวยเป็นเลขแปดเลขเก้า ม้วนเป็นปีกผีเสื้อ ขมวดมุ่น ยกปัดซ้าย ตลบขวา หรือมาเป็นช่อกุหลาบทั้งช่อเลยก็มี ชนิดเรียกว่าถ้าเจ้าสาวมาเห็นยังต้องอายหลบ ตุ้มหูที่สาวๆที่นิยมสวมใส่กัน เป็นแบบเรียบเก๋มีอยู่สองชนิดคือ แบบไข่มุกกลมดิกกับเพชรเม็ดเดี่ยว แบบอื่นนอกเหนือจากนี้ก็พอมีให้เห็นอยู่บ้าง บางคนก็สวมตุ้มหูรูปดอกกุหลาบ รูปโบว์ รูปหัวใจ รูปดาว หรือแม้แต่ปีกแองเจิลก็มี แต่ก็เป็นลูกเล่นเล็กๆกระจุ๋มกระจิ๋มไม่แข่งกันเด่นมากนัก เมื่อทุกคนนั่งประจำที่หลังตรงเชิดคางเงยหน้า ใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวาน ทั้งหมดก็กลายเป็นนางฟ้าในทันที

ทุกคนช่างดูเป็นมืออาชีพกันจริงๆ เมื่อหยิบกระจกขึ้นมาส่องดูความเรียบร้อยบนใบหน้าของตน  ฉันเพียงกรีดอายไลเนอร์บางๆทับขนตาที่ปัดมาสคาร่า ไม่ได้ติดขนตาปลอมหรือทาอายชาร์โดว์สีเข้มเหมือนคนอื่นๆ ปากก็ไม่ได้ทาลิปสติกขณะที่คนอื่นนั้นปากแดงแจ๊ดแจ๋ หรือไม่ก็ชมพูดจัดจ้าน แล้วฉันก็พบว่าตัวเองเป็นคนที่แต่งหน้าอ่อนจางที่สุดในห้องนี้ แต่ถึงแม้ฉันจะแต่งหน้าจืดกว่าคนอื่นๆ คะแนนสอบของฉันก็เป็นอันดับท็อปก็แล้วกัน เชอะ ฉันสะบัดหน้าเชิดคางอย่างไม่แยแส และแล้วก็ไม่พ้นโดนพี่หัวหน้าสจ๊วตขานชื่อ เรียกมาตักเตือนต่อหน้าทุกคนด้วยคำพูดที่โหดร้ายว่า

“เธอน่ะ ที่บ้านเครื่องสำอางหมดหรือไงยะ ปากให้แดงกว่านี้โดยเร็ว จะแดงเองหรือแดงชั้นตบเลือกเอา!”

ฉันสะดุ้ง เฮือก ก้มหน้าก้มตาค้นกระเป๋าเครื่องสำอางทันที หยิบลิปสติกขึ้นมาทาปากแดงกว่านี้ ชนิดเด็กเห็นหน้าแล้วต้องร้องไห้จ้าวิ่งไปหาแม่ นึกว่านางแดรกคิวล่าตนนี้ดูดเลือดผู้โดยสารบนเครื่องมา

จริงๆแล้วฉันไม่ชอบการแต่งหน้าเอาเสียเลย ในวันธรรมดาฉันเพียงแต่ทาแป้งบางเบากับลิปมันเท่านั้น แต่สายการบินนี้ชอบให้แต่งหน้าจัดจ้าน ทำผมสวยๆดีไซน์กิ๊บเก๋ แต่ต้องเรียบเป๊ะเหมือนซื้อวิกมาใส่ และมีกฏเหล็กเกี่ยวกับการทำผมอยู่ข้อนึงว่า ลูกเรือห้ามเกล้าผมมวยติดโบว์ครอบเน็ตมาโดยเด็ดขาด แต่วันนั้นฉันรีบจริงๆนี่นา นาฬิกาดันมาตายสนิท ฉันเลยตื่นสายกว่าปรกติ และนี่ก็ไม่ได้อาบน้ำมาด้วย เพราะไม่ทันแล้วก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบแจ้นมาเลย เนื่องจากว่าถ้าหากลูกเรือฝึกหัดมาสายแม้เพียงแค่5นาที ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ก็จะถูกตราหน้าว่าไม่รับผิดชอบทันที

แล้วถ้าหากมาสายเกินสามครั้งก็จะถูกตัดสิทธิ์การเป็นลูกเรือของ Suwayya Arabian ไปโดยปริยาย
สายการบินนี้เข้มงวดยิ่งยวด เรื่องการรักษาเวลา และการดูแลเครื่องแต่งกาย ผมเผ้าหน้าตาให้สวยงามเรียบร้อย เรียกว่าปอยผมกระดกขึ้นมาเส้นเดียวก็โดนว่าเอาได้ เมื่อแรกรับคนมา40คน ตอนนี้เหลือแค่29คนเท่านั้น เพราะค่อยๆถูกเขี่ยทิ้งไปทีละคนโดยที่ยังไม่เริ่มบินด้วยซ้ำ! เมื่อได้ติดปีกโบยบินสมใจแล้ว ความสะพรึงน่ากลัวคงจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าทวี นึกแล้วก็รู้สึกสยองขึ้นมาทันที

“จะให้ผู้โดยสารขึ้นมาสั่งสุกี้บนเครื่องหรือไง พวกเธอไม่ใช่เด็กเสิร์ฟMKนะยะ” นี่คือคำติเตียนของ พี่หัวหน้าสจ๊วต ที่สอนกรูมมิ่ง grooming ให้กับพวกเรา ความหมายเจาะจงมาที่ฉัน และเมื่อเดินกลับมาถึงโต๊ะ ฉันก็สะดุดส้นสูงที่ยังไม่ชินลื่นล้มก้นจ้ำเบ้า พร้อมๆเสียงหัวเราะของทุกคนในห้อง

“หน้าตาก็สวย แต่โก๊ะเหลือเกิน เรื่อง กรูมมิงก็ควรต้องปรับปรุง” พี่หัวหน้าสจ๊วตที่มาฝึกสอนส่ายหน้า สายตาตำหนิมองถุงน่องสีดำของฉัน

ฉันลุกขึ้นมายิ้มหวานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก้าวเท้าไปหาเก้าอี้ของตนเองนั่งลง ด้วยกริยานุ่มนิ่มเรียบร้อยเป็นกุลตรีไทยแท้ และถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยสนใจเรื่องการแต่งหน้า แต่ฉันสนใจแฟชั่นและการแต่งตัว ถุงน่องสีนู้ดน่ะรึ น่าเบื่อจะตายไป จะบอกให้ว่าฉันมีถุงน่องครบทุกสีอยู่ในลิ้นชัก ‘วันนี้วันอังคารแต่ฉันไม่ได้หยิบสีชมพูมาใส่ก็แล้วกัน’ ฉันตะโกนท้าทายอยู่ในใจ

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่การเทรน แต่พวกเราทุกคนก็ต้องโชว์สปิริต เสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็มมาทุกวัน ราวกับจะมาประกวดนางสาวไทย ทุกๆวันเราจะต้องสลัดขี้ตาตื่นมาแต่เช้าตรู่ ก่อนไก่กรุงเทพขัน มาแต่งหน้าทำผมทาเล็บ(ทั้งเล็บมือและเล็บเท้า) เสร็จแล้ว หมุนตัวเช็ค กรูมมิงของตนเอง 360 องศา หน้ากระจกว่าเรียบร้อยดีแล้ว ก็รีบเดินทางมาเทรนกับสายการบิน Suwayya Arabian Airlines ถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อน8:00am. และถ้ามาสายเพียง5นาทีก็จะถูกเช็คชื่อขาดทันที และถ้าชั่วโมงเทรนไม่ครบก็จะไม่ได้ไปบิน ต้องกลับมาเทรนใหม่อีกรอบเป็นเวลา1เดือนเต็ม

“เอาหล่ะวันนี้ เราจะมาเทรนเรื่องการรับมือผู้ก่อการร้ายบนเครื่องบิน ที่พวกเราจะต้องไปบินเฉพาะแถบตะวันออกกลาง ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง เป็นพิเศษสำหรับเหตุการณ์ทำนองดังกล่าว”

พี่ชัย หัวหน้าสจ๊วตผู้มาเป็นครูฝึกสอน กล่าวกับน้องๆลูกเรือฝึกหัด ที่นั่งหน้าสลอนกันอยู่เต็มห้องด้วยท่าทางซีเรียส

“วันนี้หัวข้อหลักๆที่เราจะเรียนกันคือ ประเภทและเป้าหมายของผู้ก่อการร้าย  รวมถึงการรับมือผู้ก่อการร้ายบนเครื่องบิน… คำถามแรกทำไม สายการบิน ถึงตกเป็นเป้า ดึงดูดล่อใจให้ก่อการร้าย? ไหนลองช่วยกันตอบซิ”


“เพราะสายการบิน ดูเริศหรู ไฮโซ ไฮโปรไพล์ โลว์โปรพิต”

“สายการบินมีชื่อเสียง และมีเกียรติเป็นที่นับถือ เลยต้องการทำลายชื่อเสียงค่ะ”

“เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนทั่วโลกครับ”

“เนื่องจากมีปริมาณผู้โดยสารจำนวนมาก ทำให้มีจุดอ่อนเป็นเป้าโจมตีโดยง่าย
เนื่องจาก สายการบินมีการขยายเส้นทางบิน และมีผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การควบคุมตรวจตราหละหลวมกว่าเดิมค่ะ”

ลูกเรือฝึกหัดแย่งกันตอบอย่างรวดเร็ว แสดงถึงความขยันอ่านหนังสือแมนนวลมาล่วงหน้า

“เก่งมาก” พี่หัวหน้าสจ๊วตกล่าวชื่นชม แล้วพูดต่อไปว่า “ภัยจากผู้ก่อการร้าย จัดว่าเป็นภัยรอบตัวเราที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา แต่ว่าความเสี่ยงอันจะเกิดการก่อการร้ายบนเครื่องบินนั้น เป็นปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้”

แล้วก็หันไปเขียนบนไวท์บอร์ด ยิกๆ

v
v
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่