กระทู้นี้เป็น Spoil นะคะ
ตัวเต็มออกวันอาทิตย์ 22:00 ทาง Manga Plus
ONE PIECE :
1,132 PLEASE PRAISE ME
- บทนี้เริ่มต้นด้วยภาพย้อนอดีตของโรบินในวัยเด็ก เป็นภาพเหตุการณ์เดียวกัน แต่เป็นมุมมองของคนอื่น ในฉากนี้เราจะเห็น สแปนดีน (พ่อของสแปนดัม) บอกกับคนอื่นในเชิงใส่ร้ายว่า นิโค โรบิน เป็นผู้จมเรือของทหารเรือ และทำลายเรืออพยพ โดยสแปนดีนเอาไปบอกพวกนักข่าว
- แล้วก็จะมีฉากต่าง ๆ ที่โรบินไปตามสถานที่ต่าง ๆ (ตอนเด็ก) เช่น จะเห็นเธอกำลังดูแผนที่ในร้านหนังสือ ซึ่งโรบินแอบวาดโอฮาร่าลงไปในนั้นอย่างลับ ๆ หรือแม้กระทั่งโรบินที่กำลังกินเศษอาหารจากถังขยะอยู่ข้างหมา
- ผู้คนรอบข้างต่างมีรีแอคชั่นต่อข่าวของโรบินที่ถูกใส่ร้ายมาอีกที
ผู้คน : นางน่าจะฉลาดพอ ๆ กับนักวิชาการเลย
นางไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไรเหมือนมนุษย์อย่างเรา ๆ อีกแล้ว ดูจำนวนเงินค่าหัวพวกนี้สิ! ไปหยิบอาวุธมาแล้วตามล่าเธอซะ อย่าไปหลงกลรูปลักษณ์วัยเยาว์ของนาง นางใช้พลังที่เราไม่รู้จัก! พวกทหารเรือทำอะไรกันอยู่นะ นางเป็นศัตรูของโลก!!!
- มีอยู่วันนึงที่โรบิน (ตอนเด็ก) จะกระโดดผาตาย แต่ก็หยุดความคิดนั้นเพราะนึกถึงคำพูดของโอลิเวีย และเซาโล ภาพย้อนอดีตจบด้วยฉากโรบินตอนเด็กกำลังวิ่งหนีพร้อมเสียงหัวเราะ 'เดริชิชิชิชิชิ' ในขณะที่มีเสียงก่นด่าสาปแช่งไล่หลังมา
โอลิเวีย : จงมีชีวิตอยู่นะ โรบิน
เซาโล : เธอต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้นะ
- กลับมาปัจจุบัน เรือ Great Eirik จอดเทียบท่าเรือของหมู่บ้านเอลบัฟ ท่าเรือรายล้อมไปด้วยเมฆที่ทำหน้าที่เป็นน้ำ ขณะเดียวกันกลุ่มของลูฟี่ก็มาเทียบท่าเรือด้วยเรื พายบินที่มีเมฆเกาะติดอยู่ (มีโกลเบิร์ก , เกิร์ด , และเรือซันนี่บนนั้นด้วย)
ลูฟี่ : โอ้โหววว
อุซป : ดูนี่สิ น่าทึ่งสุด ๆ
คนยักษ์ : มันคือ "Sval" (เรือหมอก) เรือลำนี้มีแรงในการลอยเพราะเมฆที่เกาะอยู่
อุซป : สุดยอดเลย ที่นี่มีแต่เรื่องที่ทำให้น่าทึ่งเต็มไปหมด
ลิลิธ : สภาพอากาศที่เอลบัฟในตอนนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก มีทั้งเมฆเกาะ ทะเลเมฆ ฟองสบู่ สายรุ้ง และการลอยตัว เทคโนโลยีทุกอย่างสามารถทำงานร่วมกันได้บนเกาะแห่งนี้ !
- ทุกคนมารวมตัวกัน ณ กลางหมู่บ้าน นามิสังเกตเห็นทรงผมที่เปลี่ยนไปของโรบิน ในขณะที่โรบินก็ทักเรื่องชุดของพวกนามิว่าเข้ากับเกาะนี้เป็นอย่างมาก
- ฮัจรูดินได้พบกับกลุ่มหมวกฟาง และเขาแนะนำกลุ่มโจรสลัดนักรบยักษ์ใหม่ให้พวกลูฟี่รู้จัก ในขณะเดียวกัน โร้ด ก็ถูกจับและตรึงแขนไว้ด้วยโซ๋
- ทุกคนก็แนะนำตัวกัน โดยฮัจรูดินก็เเนะนำตัวว่าพวกเขาและยักษ์อีกสามตนเป็นกลุ่มโจรสลัดนักรบยักษ์ใหม่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของลูฟี่ ซึ่งลูฟี่ปฏิเสธแล้วบอกว่าไม่ได้อยากได้ แต่ฮัจรูดินก็เถียงกลับแล้วบอกว่าเขาอยากทำเพราะอยากทำเท่านั้นเอง
- ฮัจรูดินบอกว่าสถานการณ์ที่บิ๊กมัมพ่ายแพ้ ข่าวก็ดังมาถึงเอลบัฟเช่นกัน เกิร์ดบอกว่าน่าเสียดายเพราะก่อนหน้านี้เธอกับบิ๊กมัมเป็นเพื่อนกัน แต่บิ๊กมัมทำสิ่งที่อภัยไม่ได้ต่อเอลบัฟ
- ทุกคนตั้งท่าจะจัดงานเลี้ยง แต่เกิร์ดบอกว่าเซาโลน่ารอโรบินอยู่ที่โรงเรียนใกล้หมู่บ้าน และเซาโลก็ต้องการให้โรบินรู้จักกับ "ห้องสมุดของเอลบัฟ" ตอนแรกโรบินจะไปพบเซาโลคนเดียว แต่กลุ่มหมวกฟางแห่กันไปหมด จนต้องเลื่อนงานเลี้ยง
- เกิร์ดพากลุ่มหมวกฟางขึ้นเรือ sval และเริ่มเล่าให้ฟังว่า เซาโลสอนหนังสือประวัติศาสตร์เอลบัฟอยู่ที่นี่ อุซปตกใจมากที่รู้ว่าคนยักษ์ที่เป็นนักรบก็รอบรู้เรื่องประวัติศาสตร์ด้วย
เกิร์ด : อาจารย์เซาโลจะเน้นสอนวิชาประวัติศาสตร์เป็นหลัก และยังมีการบรรยายเกี่ยวกับ "หนังสือ" ต่างๆ อีกด้วย ตอนนี้เรามาถึง Warrior's Spring แล้ว ส่วนใกล้ ๆ กันนี้คือ "ห้องสมุดนกฮูก"
- พวกเขามาถึงน้ำพุขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนทะเล เหนือ "Warrior' Spring" เราจะมองเห็นบ้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่อีกที (มีน้ำตกหลายแห่งไหลลงมาจากกิ่งไม้ แล้วกลายเป็นน้ำพุ) นามิตกใจมาก
นามิ: Warrior's Spring !? นั่นมันชายหาดทั้งหาดเลยนะ!!
เกิร์ด: ถูกต้อง! ส่วนหนึ่งของต้นไม้กลายเป็นฟอสซิลจากการผุกร่อน ทำให้เกิดทรายขึ้นที่นี่ น้ำไม่สามารถไหลขึ้นหรือลงได้ แต่มีคลื่นที่เกิดจากน้ำตก
นามิ: มันก็เหมือนทะเลนั่นแหละ
ลูฟี่: เอาล่ะ ไปพบคนนั้นกันเถอะ
นามิ (จับหน้าลูฟี่): เดี๋ยวก่อน!! เรื่องของโรบินต้องมาก่อนนะ
โรบิน : รู้สึกว่าใจเต้นแรงสุด ๆ เลย (ตื่นเต้น)
-จู่ ๆ ก็มีเด็กสาวร่างยักษ์วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมตะโกนว่าเซาโลล้มลง และไม่ขยับตัว ซึ่งมันก็เป็นการบ่งบอกว่าเซาโลอยู่ที่ชายหาดแห่งนี้ ลูกเรือหมวกฟางทุกคนตกใจ แต่เมื่อโรบินเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธอก็แค่หัวเราะ
โรบิน : โง่จริง ๆ เลย
- โรบินเดินผ่านชายหาด และเราเห็นเซาโลนอนคว่ำหน้าอยู่บนชายหาด ขณะที่โรบินเข้าใกล้เซาโลพร้อมกับยิ้ม เซาโลก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามใส่โรบิน นี่คือฉากเดียวกันกับที่พวกเขาพบกันครั้งแรกในตอนที่ 392
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เซาโล: เดเรชิชิชิ!!
โรบิน: เสียงหัวเราะของคุณยังแปลกอยู่เลยนะ!
- เซาโลบอกว่าเขาไม่รู้ว่าจะทำหน้าแบบไหน เขาเลยพยายามแกล้งโรบินให้ประหลาดใจ จากนั้นจะมีบทสนทนาระหว่างโรบินกับเซาโล เขาบอกว่าโรบินดูเหมือนแม่ของเธอมาก และพูดถึงเรื่องที่เวกาพังค์ได้ถ่ายทอดเสียงของชาวโอฮาราให้คนทั้งโลกได้รับรู้
- หลังจากนั้นเราจะเห็นฉากย้อนอดีตที่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซาโลหลังจากเหตุการณ์ของโอฮาร่า เซาโลอธิบายว่าเขาตื่นขึ้นมาในทะเล เขาจึงสันนิษฐานว่าแรงระเบิดที่ทำลายโอฮาร่าได้ละลายน้ำแข็งที่เขาถูกขังไว้ไปด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับบาดแผลไฟไหม้ทั่วร่างกาย (เราจะเห็นว่าเซาโลมีรอยแผลเป็นที่ใบหน้าและร่างกาย)
-โรบิน (ที่อยู่บนมือของเซาโล) ห้ามไม่ให้เซาโลพูดเรื่องอดีต
โรบิน: "... ฉันไม่อยากพูดเรื่องน่าหดหู่ใจอีกต่อไปแล้ว! เซาโล .. ได้โปรด.. ภูมิใจหรือเปล่า ที่ฉันยังมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้
- เซาโลกอดโรบินในขณะที่เขาก็กำลังหัวเราะ
เซาโล : เดเรชิชิ... นั่นคือสิ่งที่เธอทำได้ ข้านึกอยู่แล้วเชียว! เด็กน้อยในวัยแค่นั้นที่ถูกทั้งโลกไล่ตาม
เธอทำได้ดีมาก โรบิน ทำได้ดีมากจริง ๆ ที่รอดมาได้ตลอด 22 ปี และเดินทางมาไกลได้ขนาดนี้
-เราเห็นภาพย้อนอดีตอีกภาพหนึ่งซึ่งเป็นภาพโรบินในวัยเด็กร้องไห้ใต้สายฝน ในปัจจุบันโรบินและเซาโลก็ร้องไห้ด้วยความสุขแล้ว
โรบิน (อดีต): ทำไมหนูต้องมีชีวิตอยู่ด้วยคะแม่ ท่านอาจารย์เซาโล ฉันอยากตายแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว
โรบิน (ปัจจุบัน): ฉันคิดถึงคุณมากเลยนะ เซาโล
ซาอูล: เดเรชิชิ ฉันก็ด้วย
- ตอนจบของบทนี้ กลุ่มหมวกฟางทุกคนร้องไห้เป็นลูกแหง่ ขณะที่เห็นโรบินและเซาโลกลับมาพบกันอีกครั้ง (มีเพียงลูฟี่ โซโล และจินเบเท่านั้นที่ไม่ร้องไห้) ในช่องสุดท้ายของบทนี้ เราจะเห็นลูฟี่ยิ้มและมีความสุขมากกับความสุขของโรบิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
NOTE - ไม่แน่ใจว่าโรบินแทนตัวเองว่าอะไรกับเซาโลในภาษาไทย มันก็หลายปีมาแล้วเลยแปลกลาง ๆ ว่าฉัน ไปก่อน รอตัวเต็มนะคะ
จบตอน ••• งดสัปดาห์หน้า One Piece จะกลับมาใน Weekly Shonen Jump ฉบับที่ 04-05/2025 (วางจำหน่าย 23 ธันวาคม)
[Spoil] ONE PIECE : 1,133 'Please praise me' (เต็มตอน)
- แล้วก็จะมีฉากต่าง ๆ ที่โรบินไปตามสถานที่ต่าง ๆ (ตอนเด็ก) เช่น จะเห็นเธอกำลังดูแผนที่ในร้านหนังสือ ซึ่งโรบินแอบวาดโอฮาร่าลงไปในนั้นอย่างลับ ๆ หรือแม้กระทั่งโรบินที่กำลังกินเศษอาหารจากถังขยะอยู่ข้างหมา
- ผู้คนรอบข้างต่างมีรีแอคชั่นต่อข่าวของโรบินที่ถูกใส่ร้ายมาอีกที
ผู้คน : นางน่าจะฉลาดพอ ๆ กับนักวิชาการเลย
นางไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไรเหมือนมนุษย์อย่างเรา ๆ อีกแล้ว ดูจำนวนเงินค่าหัวพวกนี้สิ! ไปหยิบอาวุธมาแล้วตามล่าเธอซะ อย่าไปหลงกลรูปลักษณ์วัยเยาว์ของนาง นางใช้พลังที่เราไม่รู้จัก! พวกทหารเรือทำอะไรกันอยู่นะ นางเป็นศัตรูของโลก!!!
- มีอยู่วันนึงที่โรบิน (ตอนเด็ก) จะกระโดดผาตาย แต่ก็หยุดความคิดนั้นเพราะนึกถึงคำพูดของโอลิเวีย และเซาโล ภาพย้อนอดีตจบด้วยฉากโรบินตอนเด็กกำลังวิ่งหนีพร้อมเสียงหัวเราะ 'เดริชิชิชิชิชิ' ในขณะที่มีเสียงก่นด่าสาปแช่งไล่หลังมา
โอลิเวีย : จงมีชีวิตอยู่นะ โรบิน
เซาโล : เธอต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้นะ
- กลับมาปัจจุบัน เรือ Great Eirik จอดเทียบท่าเรือของหมู่บ้านเอลบัฟ ท่าเรือรายล้อมไปด้วยเมฆที่ทำหน้าที่เป็นน้ำ ขณะเดียวกันกลุ่มของลูฟี่ก็มาเทียบท่าเรือด้วยเรื พายบินที่มีเมฆเกาะติดอยู่ (มีโกลเบิร์ก , เกิร์ด , และเรือซันนี่บนนั้นด้วย)
ลูฟี่ : โอ้โหววว
อุซป : ดูนี่สิ น่าทึ่งสุด ๆ
คนยักษ์ : มันคือ "Sval" (เรือหมอก) เรือลำนี้มีแรงในการลอยเพราะเมฆที่เกาะอยู่
อุซป : สุดยอดเลย ที่นี่มีแต่เรื่องที่ทำให้น่าทึ่งเต็มไปหมด
ลิลิธ : สภาพอากาศที่เอลบัฟในตอนนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก มีทั้งเมฆเกาะ ทะเลเมฆ ฟองสบู่ สายรุ้ง และการลอยตัว เทคโนโลยีทุกอย่างสามารถทำงานร่วมกันได้บนเกาะแห่งนี้ !
- ทุกคนมารวมตัวกัน ณ กลางหมู่บ้าน นามิสังเกตเห็นทรงผมที่เปลี่ยนไปของโรบิน ในขณะที่โรบินก็ทักเรื่องชุดของพวกนามิว่าเข้ากับเกาะนี้เป็นอย่างมาก
- ฮัจรูดินได้พบกับกลุ่มหมวกฟาง และเขาแนะนำกลุ่มโจรสลัดนักรบยักษ์ใหม่ให้พวกลูฟี่รู้จัก ในขณะเดียวกัน โร้ด ก็ถูกจับและตรึงแขนไว้ด้วยโซ๋
- ทุกคนก็แนะนำตัวกัน โดยฮัจรูดินก็เเนะนำตัวว่าพวกเขาและยักษ์อีกสามตนเป็นกลุ่มโจรสลัดนักรบยักษ์ใหม่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของลูฟี่ ซึ่งลูฟี่ปฏิเสธแล้วบอกว่าไม่ได้อยากได้ แต่ฮัจรูดินก็เถียงกลับแล้วบอกว่าเขาอยากทำเพราะอยากทำเท่านั้นเอง
- ฮัจรูดินบอกว่าสถานการณ์ที่บิ๊กมัมพ่ายแพ้ ข่าวก็ดังมาถึงเอลบัฟเช่นกัน เกิร์ดบอกว่าน่าเสียดายเพราะก่อนหน้านี้เธอกับบิ๊กมัมเป็นเพื่อนกัน แต่บิ๊กมัมทำสิ่งที่อภัยไม่ได้ต่อเอลบัฟ
- ทุกคนตั้งท่าจะจัดงานเลี้ยง แต่เกิร์ดบอกว่าเซาโลน่ารอโรบินอยู่ที่โรงเรียนใกล้หมู่บ้าน และเซาโลก็ต้องการให้โรบินรู้จักกับ "ห้องสมุดของเอลบัฟ" ตอนแรกโรบินจะไปพบเซาโลคนเดียว แต่กลุ่มหมวกฟางแห่กันไปหมด จนต้องเลื่อนงานเลี้ยง
- เกิร์ดพากลุ่มหมวกฟางขึ้นเรือ sval และเริ่มเล่าให้ฟังว่า เซาโลสอนหนังสือประวัติศาสตร์เอลบัฟอยู่ที่นี่ อุซปตกใจมากที่รู้ว่าคนยักษ์ที่เป็นนักรบก็รอบรู้เรื่องประวัติศาสตร์ด้วย
เกิร์ด : อาจารย์เซาโลจะเน้นสอนวิชาประวัติศาสตร์เป็นหลัก และยังมีการบรรยายเกี่ยวกับ "หนังสือ" ต่างๆ อีกด้วย ตอนนี้เรามาถึง Warrior's Spring แล้ว ส่วนใกล้ ๆ กันนี้คือ "ห้องสมุดนกฮูก"
- พวกเขามาถึงน้ำพุขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนทะเล เหนือ "Warrior' Spring" เราจะมองเห็นบ้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่อีกที (มีน้ำตกหลายแห่งไหลลงมาจากกิ่งไม้ แล้วกลายเป็นน้ำพุ) นามิตกใจมาก
นามิ: Warrior's Spring !? นั่นมันชายหาดทั้งหาดเลยนะ!!
เกิร์ด: ถูกต้อง! ส่วนหนึ่งของต้นไม้กลายเป็นฟอสซิลจากการผุกร่อน ทำให้เกิดทรายขึ้นที่นี่ น้ำไม่สามารถไหลขึ้นหรือลงได้ แต่มีคลื่นที่เกิดจากน้ำตก
นามิ: มันก็เหมือนทะเลนั่นแหละ
ลูฟี่: เอาล่ะ ไปพบคนนั้นกันเถอะ
นามิ (จับหน้าลูฟี่): เดี๋ยวก่อน!! เรื่องของโรบินต้องมาก่อนนะ
โรบิน : รู้สึกว่าใจเต้นแรงสุด ๆ เลย (ตื่นเต้น)
-จู่ ๆ ก็มีเด็กสาวร่างยักษ์วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมตะโกนว่าเซาโลล้มลง และไม่ขยับตัว ซึ่งมันก็เป็นการบ่งบอกว่าเซาโลอยู่ที่ชายหาดแห่งนี้ ลูกเรือหมวกฟางทุกคนตกใจ แต่เมื่อโรบินเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธอก็แค่หัวเราะ
โรบิน : โง่จริง ๆ เลย
- โรบินเดินผ่านชายหาด และเราเห็นเซาโลนอนคว่ำหน้าอยู่บนชายหาด ขณะที่โรบินเข้าใกล้เซาโลพร้อมกับยิ้ม เซาโลก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามใส่โรบิน นี่คือฉากเดียวกันกับที่พวกเขาพบกันครั้งแรกในตอนที่ 392
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เซาโล: เดเรชิชิชิ!!
โรบิน: เสียงหัวเราะของคุณยังแปลกอยู่เลยนะ!
- เซาโลบอกว่าเขาไม่รู้ว่าจะทำหน้าแบบไหน เขาเลยพยายามแกล้งโรบินให้ประหลาดใจ จากนั้นจะมีบทสนทนาระหว่างโรบินกับเซาโล เขาบอกว่าโรบินดูเหมือนแม่ของเธอมาก และพูดถึงเรื่องที่เวกาพังค์ได้ถ่ายทอดเสียงของชาวโอฮาราให้คนทั้งโลกได้รับรู้
- หลังจากนั้นเราจะเห็นฉากย้อนอดีตที่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซาโลหลังจากเหตุการณ์ของโอฮาร่า เซาโลอธิบายว่าเขาตื่นขึ้นมาในทะเล เขาจึงสันนิษฐานว่าแรงระเบิดที่ทำลายโอฮาร่าได้ละลายน้ำแข็งที่เขาถูกขังไว้ไปด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับบาดแผลไฟไหม้ทั่วร่างกาย (เราจะเห็นว่าเซาโลมีรอยแผลเป็นที่ใบหน้าและร่างกาย)
-โรบิน (ที่อยู่บนมือของเซาโล) ห้ามไม่ให้เซาโลพูดเรื่องอดีต
โรบิน: "... ฉันไม่อยากพูดเรื่องน่าหดหู่ใจอีกต่อไปแล้ว! เซาโล .. ได้โปรด.. ภูมิใจหรือเปล่า ที่ฉันยังมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้
- เซาโลกอดโรบินในขณะที่เขาก็กำลังหัวเราะ
เซาโล : เดเรชิชิ... นั่นคือสิ่งที่เธอทำได้ ข้านึกอยู่แล้วเชียว! เด็กน้อยในวัยแค่นั้นที่ถูกทั้งโลกไล่ตาม
เธอทำได้ดีมาก โรบิน ทำได้ดีมากจริง ๆ ที่รอดมาได้ตลอด 22 ปี และเดินทางมาไกลได้ขนาดนี้
-เราเห็นภาพย้อนอดีตอีกภาพหนึ่งซึ่งเป็นภาพโรบินในวัยเด็กร้องไห้ใต้สายฝน ในปัจจุบันโรบินและเซาโลก็ร้องไห้ด้วยความสุขแล้ว
โรบิน (อดีต): ทำไมหนูต้องมีชีวิตอยู่ด้วยคะแม่ ท่านอาจารย์เซาโล ฉันอยากตายแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว
โรบิน (ปัจจุบัน): ฉันคิดถึงคุณมากเลยนะ เซาโล
ซาอูล: เดเรชิชิ ฉันก็ด้วย
- ตอนจบของบทนี้ กลุ่มหมวกฟางทุกคนร้องไห้เป็นลูกแหง่ ขณะที่เห็นโรบินและเซาโลกลับมาพบกันอีกครั้ง (มีเพียงลูฟี่ โซโล และจินเบเท่านั้นที่ไม่ร้องไห้) ในช่องสุดท้ายของบทนี้ เราจะเห็นลูฟี่ยิ้มและมีความสุขมากกับความสุขของโรบิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
NOTE - ไม่แน่ใจว่าโรบินแทนตัวเองว่าอะไรกับเซาโลในภาษาไทย มันก็หลายปีมาแล้วเลยแปลกลาง ๆ ว่าฉัน ไปก่อน รอตัวเต็มนะคะ
จบตอน ••• งดสัปดาห์หน้า One Piece จะกลับมาใน Weekly Shonen Jump ฉบับที่ 04-05/2025 (วางจำหน่าย 23 ธันวาคม)