ติดตามข่าวกระทรวงนี้มานาน ช่วงนี้มีอะไรแปลก ๆ หลายอย่าง เช่น
1.ไปตัดเบี้ยกันดารของหมอชนบท ซึ่งปกติหมอที่อยู่ชนบทก็เหนื่อยมากกับการดูแลคนไข้ที่มีจำนวนมากไม่ได้สัดส่วนกับแพทย์ที่มี ใหนต้องมาขึ้นเวรพลัดเปลี่ยนกับหมออื่น ๆ ตลอดเวลา การตัดเบี้ยกันดารจึงเป็นหนทางที่จะทำให้แพทย์ต้องหนีมาซบกับ รพ.เอกชนมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนแพทย์จึงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขไม่สิ้นสุด เป็นการโน้มน้าวหมอที่มีอุดมการณ์ให้เปลี่ยนใจในการทำงานเพื่ออุดมการณ์ ทั้งหลายทั้งปวงทำเพื่ออะไร ?
2.และต่อมาจะเห็นข่าวได้ว่ากระทรวงหมอมีนโนบายปรับเปลี่ยนหลักเกรณท์การคำนวณอัตราค่ารักษาพยาบาลของโครงการ 30 บาท จากเดิมคำนวณตามโปรแกรม DRG คือการคำนวณตามน้ำหนักโรค กล่าวคือรักษาแค่ใหนก็จ่ายแค่นั้น โอกาสที่ รพ.จะบวกเพิ่มค่ารักษาพยาบาลคนไข้จึงทำได้ยาก ทำให้ รพ.เอกชนขนาดใหญ่ หลาย ๆ แห่งที่อยู่ในโครงการต้องขอลาออกไปหลายที่ เนื่องจากได้กำไรน้อย แต่มาวันนี้ความวิบัติกำลังจะมาเยือนประชาชนเนื่องจากมีนักการเมืองทีมีธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ร่วมมือกับเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนพยายามปรับเปลี่ยนหลักการคำนวณค่ารักษาพยาบาลจากเดิมมาเป็นแบบราคากลาง ก็คือมีการตั้งราคากลางไว้เลย เช่น จากเดิมคนไข้เป็นหวัดมาหาหมอ รพ.เบิกได้ 600 บาท ต่อไปราคากลางก็อาจจะเป็น 1500 บาท เป็นต้นถ้าเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงคงไม่ต้องพูดถึง ทั้งหลาย ทั้งปวง ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อ รพ.เอกชนทั้งนั้น เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้ รัฐบาลเทงบประมาณมาให้มากสักเพียงใด ผลประโยชน์ก็ไม่ได้ตกอยู่กับประชาชนเลย วันนี้ถ้าจะกู้เงิน 2 ล้าน ๆ บาท คงต้องมาดูกันให้ดีว่ายังมีเหลือบตัวใหญ่อยู่หรือป่าว เพราะอาจทำให้เงินที่กู้มาเสียไปแบบไม่มีประโยชน์ได้
3.การจัดซื้อยา ปกติการจัดซื้อยาเวชภัณฑ์ หน่วยงานของโครงการ 30 บาท ก็จะเป็นผู้จัดซื้อเองไม่ผ่านกระทรวง การปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่นี้การจัดซื้อยาจะต้องผ่าน กระทรวงเหมือนเดิม ไม่อยากจะคิดเลย คดีฮั่วยา ฮั่วคอมพ์ ยังไม่เคลียร์เลย
ช่วงนี้แต่ละกระทรวงเขาแข่งกันผุด ไอเดีย กันเหรอ กระทรวงศึกษาเพิ่งจัดกันไปหมาด ๆ เรื่องทรงผมเด็กนักเรียน กระทรวงหมอเอาบ้าง
สงสัยจังว่า กระทรวงหมอ กำลังจะทำอะไรกับประชาชน หรือทำเพื่อตัวเอง
1.ไปตัดเบี้ยกันดารของหมอชนบท ซึ่งปกติหมอที่อยู่ชนบทก็เหนื่อยมากกับการดูแลคนไข้ที่มีจำนวนมากไม่ได้สัดส่วนกับแพทย์ที่มี ใหนต้องมาขึ้นเวรพลัดเปลี่ยนกับหมออื่น ๆ ตลอดเวลา การตัดเบี้ยกันดารจึงเป็นหนทางที่จะทำให้แพทย์ต้องหนีมาซบกับ รพ.เอกชนมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนแพทย์จึงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขไม่สิ้นสุด เป็นการโน้มน้าวหมอที่มีอุดมการณ์ให้เปลี่ยนใจในการทำงานเพื่ออุดมการณ์ ทั้งหลายทั้งปวงทำเพื่ออะไร ?
2.และต่อมาจะเห็นข่าวได้ว่ากระทรวงหมอมีนโนบายปรับเปลี่ยนหลักเกรณท์การคำนวณอัตราค่ารักษาพยาบาลของโครงการ 30 บาท จากเดิมคำนวณตามโปรแกรม DRG คือการคำนวณตามน้ำหนักโรค กล่าวคือรักษาแค่ใหนก็จ่ายแค่นั้น โอกาสที่ รพ.จะบวกเพิ่มค่ารักษาพยาบาลคนไข้จึงทำได้ยาก ทำให้ รพ.เอกชนขนาดใหญ่ หลาย ๆ แห่งที่อยู่ในโครงการต้องขอลาออกไปหลายที่ เนื่องจากได้กำไรน้อย แต่มาวันนี้ความวิบัติกำลังจะมาเยือนประชาชนเนื่องจากมีนักการเมืองทีมีธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ร่วมมือกับเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนพยายามปรับเปลี่ยนหลักการคำนวณค่ารักษาพยาบาลจากเดิมมาเป็นแบบราคากลาง ก็คือมีการตั้งราคากลางไว้เลย เช่น จากเดิมคนไข้เป็นหวัดมาหาหมอ รพ.เบิกได้ 600 บาท ต่อไปราคากลางก็อาจจะเป็น 1500 บาท เป็นต้นถ้าเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงคงไม่ต้องพูดถึง ทั้งหลาย ทั้งปวง ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อ รพ.เอกชนทั้งนั้น เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้ รัฐบาลเทงบประมาณมาให้มากสักเพียงใด ผลประโยชน์ก็ไม่ได้ตกอยู่กับประชาชนเลย วันนี้ถ้าจะกู้เงิน 2 ล้าน ๆ บาท คงต้องมาดูกันให้ดีว่ายังมีเหลือบตัวใหญ่อยู่หรือป่าว เพราะอาจทำให้เงินที่กู้มาเสียไปแบบไม่มีประโยชน์ได้
3.การจัดซื้อยา ปกติการจัดซื้อยาเวชภัณฑ์ หน่วยงานของโครงการ 30 บาท ก็จะเป็นผู้จัดซื้อเองไม่ผ่านกระทรวง การปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่นี้การจัดซื้อยาจะต้องผ่าน กระทรวงเหมือนเดิม ไม่อยากจะคิดเลย คดีฮั่วยา ฮั่วคอมพ์ ยังไม่เคลียร์เลย
ช่วงนี้แต่ละกระทรวงเขาแข่งกันผุด ไอเดีย กันเหรอ กระทรวงศึกษาเพิ่งจัดกันไปหมาด ๆ เรื่องทรงผมเด็กนักเรียน กระทรวงหมอเอาบ้าง